ลานธรรมจักร http://dhammajak.net/forums/ |
|
การทำบุญ ตามหลักพุทธศาสนา http://dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=1&t=25209 |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 |
เจ้าของ: | จ่าสิบตรี เทวฤทธิ์ [ 26 ส.ค. 2009, 13:48 ] |
หัวข้อกระทู้: | การทำบุญ ตามหลักพุทธศาสนา |
กระทู้นี้ เป็นกระทู้ที่ข้าพเจ้าตัังใจจะตอบให้กับเพื่อนสมาชิกท่านหนึ่ง ที่ได้ตั้งกระทู้ถามเรื่องของการทำบุญ แต่ข้าพเจ้ามีความคิดว่า เป็นเรื่องที่ดีมีประโยชน์ ที่สามารถสร้างความรู้ ความเข้าใจ ในทางที่ถูกที่ควร เกี่ยวกับทำบุญตามหลักพุทธศาสนา จึงได้หยิบยกเอามา เขียนเป็นกระทู้ธรรม ขอเชิญท่านทั้งหลายได้อ่าน ได้เรียนรู้ และได้นำไปใช้ เพื่อให้เกิดประโยชน์ทั้งในตนเองและผู้อื่น ดังต่อไปนี้.- บุญ ตามความหมายในพจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน และ ตามความหมายในพจนานุกรมพุทธศาสน์ ฉบับพระธรรมปิฎก หมายถึง "คุณงามความดี หรือความดี หรือ การกระทำดี ตามหลักธรรมคำสอนในศาสนา บุญ ในทาง พุทธศาสนานั้น ได้จัดเรื่องแห่งการทำบุญ หรือ สิ่งที่เป็นที่ตั้งแห่งการทำบุญ ซึ่งในทางพุทธศาสนาเรียกว่า "บุญกิริยา วัตถุ" ไว้ดังต่อไปนี้ "สิ่งที่เป็นที่ตั้งแห่งการทำบุญ, เรื่องที่จัดเป็นการทำบุญ, ทางทำความดี, หมวด ๓ คือ ๑.ทานมัย ทำบุญด้วยการให้ ๒.สีลมัย ทำบุญด้วยการรักษาศีลและประพฤติดี ๓.ภาวนามัย ทำบุญด้วยการเจริญภาวนา"(คัดจากพจนานุกรมพุทธศาสน์ ฉบับ พระธรรมปิฎก) การทำบุญทั้ง ๓ รูปแบบนั้น ล้วนจักก่อให้เกิด ความคิดที่ดีต่อบุคคลนั้นๆ เมือบุคคลเกิดความคิดที่ดี ความสบายใจ ไม่ฟุ้งซ่าน มีจิตใจผ่องใส ก็เกิดขึ้นในตัวบุคคลนั้นๆ ประดุจดังเงาตามตัว ๑.ทานมัย ทำบุญด้วยการให้ ยังแบ่งแยกและมีความหมาย หรือมีจุดมุ่งหมายแห่งการให้ หรือ ทาน คือ "การให้, สิ่งที่ให้, ให้ของที่ควรให้แก่คนที่ควรให้เพื่อประโยชน์แก่เขา, สละให้ปันสิ่งของของตนเพื่อประโยชน์แก่ผู้อื่น; ทาน แบ่งเป็น ๒ คือ ๑.อามิสทาน ให้สิ่งของ ๒.ธรรมทาน ให้ธรรม; ทาน ๒ อีกหมวดหนึ่ง คือ ๑.สังฆทาน ให้แก่สงฆ์ หรือให้เพื่อส่วนรวม ๒.ปาฏิบุคลิกทาน ให้เจาะจงแก่บุคคลผู้ใดผู้หนึ่งโดยเฉพาะ (คัดจาก พจนานุกรมพุทธศาสน์ ฉบับพระธรรมปิฎก) กรุณา อ่านอีกครั้ง เพื่อทำความเข้าใจอย่างถ่องแท้ การทำบุญอย่างที่ ๒ คือ ๒.ศึลมัย หมายถึง " ความประพฤติดีทางกายและวาจา, การรักษากายและวาจาให้เรียบร้อย, ข้อปฏิบัติสำหรับควบคุมกายและวาจา ให้ตั้งอยู่ในความดีงาม, การรักษาปกติตามระเบียบวินัย, ปกติมารยาทที่สะอาดปราศจากโทษ, ข้อปฏิบัติในการเว้นจากความชั่ว, ข้อปฏิบัติในการฝึกหัดกายวาจาให้ดียิ่งขึ้น, ความสุจริตทางกายวาจาและอาชีพ; มักใช้เป็นคำเรียกอย่างง่ายสำหรับคำว่า อธิศีลสิกขา หมายความว่า อธิศีลสิกขา เรียกแบบสั้นๆว่า "ศีล" (คัดจากพจนานุกรม พุทธศาสน์ ฉบับพระธรรมปิฎก) การทำบุญอย่างที่ ๓ คือ ๓. ภาวนามัย หมายถึง "การทำให้มีขึ้นเป็นขึ้น, การทำให้เกิดขึ้น, การเจริญ, การบำเพ็ญ 1.การฝึกอบรม ตามหลักพระพุทธศาสนา มี ๒ อย่าง คือ ๑.สมถภาวนา ฝึกอบรมจิตให้เกิดความสงบ ๒.วิปัสสนาภาวนา ฝึกอบรมปัญญาให้เกิดความรู้เข้าใจตามเป็นจริง, อีกนัยหนึ่ง จัดเป็น ๒ เหมือนกันคือ ๑.จิตตภาวนา การฝึกอบรมจิตใจให้เจริญงอกงามด้วยคุณธรรม มีความเข้มแข็งมั่นคง เบิกบาน สงบสุขผ่องใส พร้อมด้วยความเพียร สติ และสมาธิ ๒.ปัญญาภาวนา การฝึกอบรมเจริญปัญญา ให้รู้เท่าทันเข้าใจสิ่งทั้งหลายตามความเป็นจริง จนมีจิตใจเป็นอิสระ ไม่ถูกครอบงำด้วยกิเลสและความทุกข์ 2.การเจริญสมถกรรมฐานเพื่อให้เกิดสมาธิ มี ๓ ขั้น คือ ๑.บริกรรมภาวนา ภาวนาขั้นตระเตรียม คือกำหนดอารมณ์กรรมฐาน ๒.อุปจารภาวนา ภาวนาขั้นจวนเจียน คือเกิดอุปจารสมาธิ ๓.อัปปนาภาวนา ภาวนาขั้นแน่วแน่ คือเกิดอัปปนาสมาธิเข้าถึงฌาน 3.ในภาษาไทย ความหมายเลือนมาเป็น การท่องบ่นหรือว่าซ้ำๆ ให้ขลัง ก็มี" (คัดจากพจนานุกรม พุทธศาสน์ ฉบับพระธรรมปิฎก) ทั้งสามข้อ ของการทำบุญ ล้วนก่อให้เกิด ความคิดที่ดีต่อบุคคลผูประพฤติ ย่อมก่อให้เกิด ความสบายใจ ไม่ฟุ้งซ่าน เกิดความผ่องใส เมื่อได้ประพฤติปฏิบัติ อันนี้ท่านทั้งหลายย่อมสามารถพิสูจน์ได้ด้วยตัวของท่านเอง แต่ก่อนที่ท่านจะทำบุญใดใดก็ตาม ก็ควรละความคิด ละความอยาก เพราะหากท่านทำบุญใดใดก็ตามเพื่อหวังผลที่เกินเลย เกินความเป็นจริง หรือไม่เป็นไปตามหลักธรรมชาติ ท่านทั้งหลายย่อมไม่เกิดความผ่องใสในจิตใจ อาจเกิดทุกข์ เพราะไม่ได้ดังที่หวังไว้จากการทำบุญ ในที่นี้ไม่ยกตัวอย่างนะขอรับ ขอให้คิดพิจารณาด้วยตัวเอง ย่อมเกิดความรู้ความเข้าใจได้ดีกว่าขอรับ |
เจ้าของ: | damjao [ 02 ก.ย. 2009, 09:41 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: การทำบุญ ตามหลักพุทธศาสนา |
เกิดมาเป็นผู้ให้หน้าสดใสใจเบิกบาน เกิดมาเป็นขอทานหน้าหยาบกร้านร้าวรานใจ ให้ทานคนยกย่องชื่อเสียงก้องขจรไกล ปรารภทำอะไรคนเต็มใจรับใช้งาน ทะทังมิตตานิคันถะติ คำะพระสอน ใครเป็นผู้ให้ทานทุกถิ่นฐานมิตรมากมี ชาตินี้พอมีให้จงฝึกใจให้ยินดี สร้างทานบารมีเป็นที่พึ่งทุกชาติไป ดวงจิตจงผ่องแผ้วให้ทานแล้วอย่าเสียดาย ขอสัตว์โลกทั้งหลายจงสมหมายตามต้องการ ทำบุญนั้น พุทธบริษัทควรมีสัมมาทิฐิเป็นเบื้องต้น เราควรเชื่อในเรื่องบาปบุญ คุณโทษ เชื่อเรื่องกฎแห่งกรรม ใครทำดีได้ดี ใครทำชั่วได้ชั่ว ทาน ที่ให้ผลมาก 1.เรามีจิตคิดจะให้ จิตแจ่มใสเบิกบาน 2.วัตถุทานนั้นบริสุทธิ์ เราได้มาจากการประกอบสัมมาอาชีวะ 3.เมื่อให้ทานแล้วเราไม่เสียดาย ขอกราบอนุโมทนาบุญ สาธุ......... ![]() |
เจ้าของ: | wic [ 02 ก.ย. 2009, 23:43 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: การทำบุญ ตามหลักพุทธศาสนา |
บุญ หมายถึง การชำระกิเลส การทำทานให้ได้บุญ ก็ต้องทำทานให้ลดกิเลสไห้ได้ด้วย ทำบุญ 100บาท ขอนั่นขอนี่ บางทีมากกว่า 100 กิเลสโลภลดลงหรือเปล่า ถ้ากิเลสเพิ่มจะได้บาปนะนา บางคนกว่าจะเก็บให้ได้ 100 แสนยากเย็น แต่ตัดใจเสียสละทำบุญได้บุญมาก อีกคนไปเอาเปรียบขูดรีดเขามา100ล้าน แบ่งทำบุญแค่ 1ล้านทำข่าวใหญ่โต อย่างนี้ได้บุญนิดเดียว |
เจ้าของ: | sasikarn [ 02 ก.ย. 2009, 23:48 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: การทำบุญ ตามหลักพุทธศาสนา |
![]() ![]() ![]() ![]() ![]() |
เจ้าของ: | อโศกะ [ 14 ก.ย. 2009, 17:04 ] | ||
หัวข้อกระทู้: | Re: การทำบุญ ตามหลักพุทธศาสนา | ||
![]() ทางได้บุญ ๑๐ วิธี เป็นสิ่งที่ชาวพุทธพึงต้องรู้ แบ่งออกเป็น ๓ หมวด หมวดทาน ๑.ทาน การให้ปันสิ่งของของตนเองให้กับผู้อื่น ๒.ปัตติทาน การแผ่ส่วนบุญ ๓.ปัตตานุโมทนา การอนุโมทนาส่วนบุญของตนเองและผู้อื่น หมวดศีล ๔.ศีล การรักษาศีล ๕ ศีล ๘ ศีล ๑๐ หรือศีล ๒๒๗ ข้อ ๕.อัปจายนะ ความอ่อนน้อมถ่อมตน ๖.เวยยาวัจจะ การน้อมรับใช้ผู้อื่น หมวดภาวนา ๗.ธัมมสวนะ การฟังธรรมตามกาล ๘.ธัมมเทศนา การแสดงธรรม ๙.ภาวนา การทำสมถะภาวนา ๑๐.ทิษฐุชุกรรม การทำความเห็นให้ตรง ถูกต้อง ด้วยวิปัสสนาภาวนา ![]()
|
เจ้าของ: | วรานนท์ [ 14 ก.ย. 2009, 19:19 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: การทำบุญ ตามหลักพุทธศาสนา |
![]() ![]() ![]() อนุโมทนาสาธุกับทุกคำตอบเลยครับ ![]() ![]() ![]() |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 | เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง |
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group http://www.phpbb.com/ |