ลานธรรมจักร http://dhammajak.net/forums/ |
|
อยากทราบวิธีระงับความโกรธ? http://dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=1&t=25463 |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 |
เจ้าของ: | Chutinutcha [ 06 ก.ย. 2009, 22:31 ] |
หัวข้อกระทู้: | อยากทราบวิธีระงับความโกรธ? |
ดิฉันเป็นคนที่มีนิสัยใจร้อนโกรธง่าย ตอนนี้ดิฉันกำลังตั้งท้องอยู่ได้ 6 เดือน ซึ่งนิสัยใจร้อนโกธรง่ายโมโหง่ายไม่เป็นผลดีกับลูกในท้อง (คงไม่สายเกินไปใช่ไหมคะ) จึงอยากจะปรับเปลี่ยนนิสัยนี้เพื่อลูกคนแรก แต่ยังไม่มีแนวทางในการเปลี่ยนนิสัยที่ไม่ดีนี้คะ รบกวนช่วยตอบกันหน่อยนะคะ |
เจ้าของ: | Supareak Mulpong [ 06 ก.ย. 2009, 22:59 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: อยากทราบวิธีระงับความโกรธ? |
เมื่อโกรธ ลองพิจารณาความโกรธเป็นเหมือนฝีหนอง เป็นแผลเน่า เป็นลูกศรปักอก เป็นสิ่งน่าคับแค้นใจ ไม่ใช่สิ่งที่จะน่ายึดถือ ไม่ใช่ตัวเราที่โกรธ ความโกรธนั้นกิดขึ้น คงอยู่สักพัก มันก็หายไป จะพูดออกเสียง ตรึกในใจ หรือระลึกเอา ได้ทั้งนั้น ลองทำดูนะครับ เป็นเวทนานุสติวิปัสนนาง่ายๆ เอาไว้เป็นคาถาดับโกรธ |
เจ้าของ: | ณ มรณา [ 06 ก.ย. 2009, 23:03 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: อยากทราบวิธีระงับความโกรธ? |
10 วิธีจัดการอารมณ์ไม่ดี (ป้องกัน) 1. มองโลกในแง่ดี เมื่อเรามีความคิดที่ทำให้ซึมเศร้า เช่น "ฉันทำวิชาเลขไม่ได้" ให้คิดใหม่ว่า "ถ้าฉันได้รับความช่วยเหลือที่ถูกต้องฉันก็จะทำได้" แล้วไปหาครู ครูพิเศษ หรือให้เพื่อนช่วยติวให้ 2. หาสมุดบันทึกสักเล่มไว้เขียนก่อนเข้านอนทุกวัน ในสมุดบันทึกเล่มนี้ ห้ามเขียนเรื่องไม่ดี จงเขียนแต่เรื่องดีๆที่เกิดขึ้นในวันนั้น ตอนแรกอาจจะยากหน่อย แต่ให้เขียนเรื่องอย่างเช่น มีคนแปลกหน้ายิ้มให้ ถ้าได้ลองตั้งใจทำ มันจะเปลี่ยนความคิดให้เรามองหาแต่เรื่องดีๆ จากการศึกษาพบว่า คนที่คิดฆ่าตัวตายมีอาการดีขึ้นหลังจากเริ่มเขียนบันทึกเรื่องดีๆได้เพียงสองสัปดาห์ 3. ใช้เวลาอยู่กับคนที่ทำให้เธอหัวเราะได้ 4. ใส่ใจกับความรู้สึกของตนเองในเวลาแต่ละช่วงวัน การตระหนักรู้ถึงอารมณ์ของตัวเองจะทำให้เราจับคู่งานที่เราต้องทำกับระดับพลังงานในตัวได้อย่างเหมาะสม เช่น ถ้าเรารู้สึกดีที่สุดตอนเช้าแสดงว่าตอนเช้าคือเวลาจัดการกับงานเครียดๆ เช่นไปเจอเพื่อนที่ทำร้ายจิตใจเรา หรือคุยกับครูที่เราคิดว่าให้เกรดเราผิด ถ้าปรกติเราหมดแรงตอนบ่าย ให้เก็บเวลาช่วงนั้นเอาไว้ทำกิจกรรมที่ไม่ต้องใช้พลังทางอารมณ์มาก เช่น อ่านหนังสือหรืออยู่กับเพื่อน อย่าทำอะไรเครียดๆเวลาเหนื่อยหรือเครียด 5. สังเกตอารมณ์ตัวเองในเวลาช่วงต่างๆของเดือน ผู้หญิงบางคนพบว่า ช่วงเวลาที่ตัวเองอารมณ์ไม่ดีสัมพันธ์กับรอบเดือน (ระดับฮอร์โมน) 6. ออกกำลังกาย การออกกำลังกายช่วยให้เราแข็งแรงทั้งร่างกายและจิตใจ การออกกำลังกายอย่างน้อยแค่วันละ 20 นาที สามารถทำให้รู้สึกสงบและมีความสุขได้ การออกกำลังจะช่วยเพิ่มการผลิตเอ็นดอร์ฟีนของร่างกายด้วย เอ็นดอร์ฟีนเป็นสารเคมีในร่างกาย ที่ทำให้เกิดความรู้สึกดีและมีความสุขตามธรรมชาติโดยไม่ต้องพึ่งยาเสพติด 7. รู้จักไตร่ตรองแยกแยะ 8. ฟังเพลง งานวิจัยชิ้นหนึ่งพบว่า จังหวะของเสียงเพลงช่วยจัดระเบียบความคิดและความรู้สึกมั่นคงภายในจิตใจ และช่วยลดความตึงเครียดของกล้ามเนื้อ 9. โทรหาเพื่อน การขอความช่วยเหลือทำให้คนเรารู้สึกผูกพันกับคนอื่นและรู้สึกโดดเดี่ยวน้อยลง และการโอบกอดช่วยให้ร่างกายหลั่งฮอร์โมนที่ทำให้รู้สึกดีออกมา ซึ่งจะช่วยให้เรารับมือกับอารมณ์ได้ 10. อยู่ท่ามกลางคนที่มีความสุข อารมณ์ดีเป็นโรคติดต่อที่แพร่ได้เร็วมา เราจะเลียนแบบสีหน้า การแสดงออก กล้ามเนื้อ ท่าทาง รูปแบบการพูด เพื่อให้เข้ากับคนที่เราอยู่ด้วยโดยที่เราไม่รู้ตัว .... |
เจ้าของ: | ชาติสยาม [ 06 ก.ย. 2009, 23:21 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: อยากทราบวิธีระงับความโกรธ? |
ฟังหลวงพ่อปราโมทย์สิครับ www.wimutti.net เข้าไปโหลด mp3 ของหลวงพ่อมาฟังนะ รู้เรื่องหรือไม่รู้เรื่องก็ฟังเล่นๆไปเรื่อยๆ |
เจ้าของ: | ningnong [ 07 ก.ย. 2009, 00:28 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: อยากทราบวิธีระงับความโกรธ? |
เหตุที่เกิดความโกรธโดยตรง คือ ปฏิฆานุสัย – อนุสัยกิเลสคือปฏิฆะ ในทางพุทธศาสนาจึงมีหลักธรรมที่ระงับความโกรธโดยตรงก็คือ “เมตตา” โดยหมั่นเจริญบ่อย ๆ ความโกรธก็จะระงับลง แต่ถ้าจะถอนทำลายให้สิ้นเชิง ก็ต้องเจริญวิปัสนาถอนความยึดมั่นในสิ่งทั้งปวงลง แต่คงต้องใช้เวลา อาจจะนานถึงข้ามภพข้ามชาติเลยทีเดียว ขอยกอุบายระงับโกรธของพระธรรมวิสุทธิกวี มาให้ครับ ๑. ให้เห็นโทษของโทสะก่อน...ความโกรธนี้ไม่ดีเลย เมื่อเกิดขึ้นกับใครจะทำให้หัวใจเต้นแรง เกรี้ยวกราด ปากสั่น มือสั่น ฉุนเฉียว ทำลายข้าวของเครื่องใช้ ทำร้ายคนอื่น ฆ่าคนอื่น ทำให้เป็นโรคกระเพาะ เป็นโรคหัวใจ ความดันโลหิตสูง ทำลายคุณธรรม ทำลายศักดิ์ศรี ของตัวเอง มีโทษต่าง ๆ นา ๆ นับประมาณไม่ได้ ๒. ให้เห็นอานิสงส์ของขันติ...ขันติเป็นตบะธรรมอันสูงที่พระพุทธเจ้าทรงสรรเสริญ ทำให้เป็นคนควรยกย่อง น่าเคารพนับถือ เป็นเครื่องประดับของนักปราชญ์ เป็นตัวเผาผลาญกิเลส นำความสุขมาให้ มีอานิสงส์มากมายจริง ๆ ๓. ให้รู้จักการแผ่เมตตา...ในขั้นแรกให้เริ่มแผ่เมตตาไปที่ตัวเราเองก่อน แล้วก็แผ่ไปยังบุคคลที่เรารัก แล้วก็แผ่ไปยังบุคคลที่เรารู้สึกเฉย ๆ ต่อจากนั้นก็แผ่ให้กับศัตรูคู่เวรของเรา ๔. ให้เรานึกถึงโอวาทของพระพุทธเจ้า...เช่น “ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย แม้หากว่าโจรที่หยาบช้าจะพึงใช้เลื่อยซึ่งมีคมสองข้าง ตัดอวัยวะน้อยใหญ่ของเธอ ผู้ใดโกรธต่อโจรนั้น ผู้นั้นชื่อว่าไม่ทำตามคำสั่งสอนของเรา เพราะเหตุที่ทำใจประทุษร้ายต่อโจรนั้น” หรือ “ผู้ใดโกรธตอบต่อคนที่โกรธตนแล้ว ผู้นั้นเลวเสียกว่าคนที่โกรธครั้งแรกเสียอีก” ๕. ให้ระลึกถึงความดีของคนที่เราโกรธ...ให้พยายามนึกถึง แม้จะนิดเดียวก็พยายามนึกถึงความดีผู้นั้นบ่อย ๆ มองในแง่ดีอย่ามองในแง่ร้าย ๖. ให้รู้จักสอนตัวเอง เตือนตัวเอง...อย่าไปมุ่งแก้ไขคนอื่น แก้ที่ตัวเราเองก่อนดีกว่า เช่น สอนตัวเองว่าเมื่อโกรธเขาแล้วทุกข์ที่เกิดไม่ได้เกิดแก่เขาทันที แต่เราเองต่างหากที่ทุกข์แล้ว ๗. ให้นึกถึงกรรมของตน...ให้นึกว่าทุกคนมีกรรมเป็นของ ๆ ตนใครทำไว้คนนั้นก็ต้องได้รับ ใครทำดีต้องได้รับผลดี ทำชั่วก็ต้องรับผลชั่ว เป็นไปตามกฎแห่งกรรม จะโกรธไปทำไม ๘. ให้นึกถึงพระจริยาของพระพุทธเจ้า...พระองค์ไม่ทรงโกรธตอบ กลับมีพระเมตตาต่อผู้โกรธที่ด่าพระองค์เสียอีก โดยตรัสไว้ว่า “เราจะอดทนต่อคำกล่าวล่วงเกิน คำหยาบช้าของคนอื่น ดุจช้างในสงครามอดทนต่อลูกศรที่ยิงมาจากสี่ทิศ เพราะในโลกนี้มีคนชั่วอยู่มาก ในบรรดามนุษย์ทั้งหลาย ผู้ที่ฝึกตนแล้วเป็นผู้ประเสริฐที่สุด” ๙. ให้ระลึกถึงการเวียนว่ายตายเกิดในสังสารวัฏ...การเวียนว่ายตายเกิดของคนเรานั้น ไม่รู้กี่แสนกี่ล้านชาติแล้ว เคยเป็นญาติพี่น้องกันมาแล้วทั้งสิ้น ทั้งคนที่รัก คนที่เป็นศัตรู เมื่อพิจารณาบ่อย ๆ ความโกรธก็จะระงับลงได้ ๑๐. ให้พิจารณาถึงอานิสงส์ของเมตตา...เช่น หลับเป็นสุข ตื่นเป็นสุข ไม่ฝันร้าย เป็นที่รักของมนุษย์ทั้งหลาย เป็นที่รักของอมนุษย์ เทวดาย่อมรักษา ทำให้หน้าตาผิวพรรณผ่องใส จิตตั้งเป็นสมาธิได้เร็ว เวลาตายไม่หลง ฯลฯ ๑๑. ให้ทำการแยกธาตุ...คือคนเราประกอบด้วยธาตุ ๔ หรือธาตุ ๖ คือ ดิน น้ำ ไฟ ลม อากาศ วิญญาน มารวมตัวกันเข้าเป็นมนุษย์ ไม่ใช่ตัวตน บุคคล เรา เขา ถ้าโกรธใครสักคนหนึ่ง ให้ถามตนเองว่า เราโกรธส่วนไหนในร่างกายเขา ซึ่งล้วนแต่ไม่ใช่ตัวตนของเขาเลย เป็นธาตุต่าง ๆ ที่มารวมตัวเข้า จะโกรธดิน โกรธน้ำ โกรธไฟ ไปทำไม คำพูดก็เป็นเพียงคลื่นเสียงต่างหาก จะไปโกรธอากาศธาตุหรือ ความโกรธก็จะระงับลงได้ ๑๒.ให้ทำการเผื่อแผ่...คือให้ของของเราบ้าง รับของของเขาบ้าง เมื่อเราต้องการชนะความโกรธ ก็ให้ฝืนใจให้ของแก่เขาบ้าง เมื่อเขาให้ก็รับบ้าง ความโกรธก็จะจางไป แต่อย่างไรก็ตาม แม้ว่าความโกรธหรือความฉุนเฉียวยังบังเกิดขึ้นบ้าง ก็ให้ใช้น้ำคือ “เมตตา” รดเข้าบ่อย ๆ หรือใช้อุบายวิธีดังที่กล่าวมาเข้าประกอบด้วย ในที่สุดจิตของเราก็จะเต็มได้ด้วยเมตตา หวังว่าอุบายระงับโกรธของของพระธรรมวิสุทธิกวี (พิจิตร ฐิตวัณโณ) คงช่วยได้บ้าง เจริญในธรรมครับ |
เจ้าของ: | เช่นนั้น [ 07 ก.ย. 2009, 00:51 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: อยากทราบวิธีระงับความโกรธ? |
สวัสดีครับ คุณ Chutinutcha Chutinutcha เขียน: ดิฉันเป็นคนที่มีนิสัยใจร้อนโกรธง่าย ตอนนี้ดิฉันกำลังตั้งท้องอยู่ได้ 6 เดือน ซึ่งนิสัยใจร้อนโกธรง่ายโมโหง่ายไม่เป็นผลดีกับลูกในท้อง (คงไม่สายเกินไปใช่ไหมคะ) จึงอยากจะปรับเปลี่ยนนิสัยนี้เพื่อลูกคนแรก แต่ยังไม่มีแนวทางในการเปลี่ยนนิสัยที่ไม่ดีนี้คะ รบกวนช่วยตอบกันหน่อยนะคะ ท่องบทอรหัตมัคคฺ นี้ไว้ให้ขึ้นใจและปฏิบัติตามข้อความนี้ เป็นอารมณ์กัมมฐานนะครับ ความฟุ้งซ่าน หรือ ราคะ โทสะ โมหะ จะสงบระงับไปครับ และจิตจะเป็นสมาธิมีปีติสุขในธรรมเกิดขึ้น " จิตที่ตั้งมั่นไม่หวั่นไหวดั่งภูเขาศิลา ไม่กำหนัดในอารมณ์ อันเป็นที่ตั้งแห่งความกำหนัด ไม่โกรธในอารมณ์ อันเป็นที่ตั้งแห่งความโกรธ จิตของบุคคลใดอบรมได้ดั่งนี้ ความทุกข์จักมีมาแต่ที่ใดเล่า ? " |
เจ้าของ: | sasikarn [ 07 ก.ย. 2009, 02:12 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: อยากทราบวิธีระงับความโกรธ? |
คำเดียวสั้น ๆ ค่ะ " อภัย " นู๋เอค่ะ |
เจ้าของ: | 190 [ 07 ก.ย. 2009, 05:28 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: อยากทราบวิธีระงับความโกรธ? |
สร้างความเมตตาให้มีในใจ คุง บ่อยๆ ความโกรธ ก็จะน้อยลง |
เจ้าของ: | กรัชกาย [ 07 ก.ย. 2009, 06:50 ] | ||
หัวข้อกระทู้: | Re: อยากทราบวิธีระงับความโกรธ? | ||
จขกท. กำลังท้องกำลังไส้อยู่ คงไม่ออกทำงานนอกบ้านใช่ไหมครับ มีเวลาว่างอยู่กับบ้าน ก็ทำวัตรสวดมนต์ จำไม่ได้ก็กางหนังสือเอา สวดไปๆ ก็เพ่งพระพุทธรูปไปด้วย เพียงเท่านี้จะมีผลดีถึงเด็กในครรภ์ด้วย ลูกเกิดมาจะเป็นคนจิตใจดีฝักใฝ่ในธรรม
|
เจ้าของ: | damjao [ 07 ก.ย. 2009, 08:17 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: อยากทราบวิธีระงับความโกรธ? |
โกธัง ฆัตตะวา สุขัง เสติ ฆ่าความโกรธได้มีความสุข วิธีระงับความโกรธ.. เราไม่ควรคิดอะไร พูดอะไร ทำอะไร ที่เป็นไปในทางเหี้ยมโหด ดุร้าย แต่ควรที่จะคิด พูด ทำ แต่ในทางที่เป็นคุณเป็นประโยชน์แก่ชีวิตของเรา ของผู้อื่นอย่างแท้จริงความรักมีความมุ่งหมายอย่างนี้ ในทางพุทธศาสนานั้น พระพุทธเจ้าสอนให้เราถือว่า สัตว์ทั้งหลายเป็นเพื่อนร่วมทุกข์ เกิด แก่ เจ็บ ตาย ด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้น คือคิดว่า ขอให้สัตว์ทั้งหลายมีความสุขความเจริญ งดเว้นจากการคิดเบียดเบียนกัน ริษยากัน พยาบาทอาฆาตจองเวรกัน ไม่มีอารมณ์เกลียด ไม่มีอารมณ์ชังต่อสิ่งใดๆไม่ว่าคนนั้นจะเป็นคนดี หรือว่าจะเป็นคนเสีย ถ้าเป็นคนดีเราก็ดีใจกับเขา ถ้าเป็นคนเสียเราก็เสียใจกับเขา แล้วเราก็ตั้งใจไว้ว่าขอให้เขาดีเสียเถิด ขออย่าได้เป็นเช่นนั้นเลย ขอให้พ้นจากความชั่วในชีวิตประจำวันกันเสียเถิด ขอกราบอนุโมทนาบุญ สาธุ........... |
เจ้าของ: | moddam [ 07 ก.ย. 2009, 08:25 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: อยากทราบวิธีระงับความโกรธ? |
คิดซะว่า เรามาเจริญเมตตา แทนการเจริญความโกรธ ก็เพื่อลูในท้องครับ ขอให้คลอดลูกง่ายนะครับ บทสวดมนต์ ของพระองคุลิมาลทำให้คลอดง่าย ไม่เจ็บท้องครับ ยะโตหัง ภะคินิ อะริยายะ ชาติยา ชาโต นาภิชานามิ สัญจิจจะ ปาณัง ชีวิตา โวโรเปตาฯ เตนะ สัจเจนะ โสตถิ เต โหตุ โสตถิ คัพภัสสะฯ |
เจ้าของ: | สุคโต [ 07 ก.ย. 2009, 13:30 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: อยากทราบวิธีระงับความโกรธ? |
เคยถามเพื่อนคนนึง(เป็นสมาชิกของลานนี้แหละแต่ไม่รู้ว่าชื่ออะไร )เกี่ยวกับการระงับโกรธนี่แหละ...เขาตอบเรามาอย่างนี้ ถ้าเราเดินไปไหนแล้วได้ยินเสียงดังมาว่า "ไอ้..(ตามด้วยถ้อยคำที่หยาบคาย)" เราก็แค่หันไปมองหาว่าใครด่ากัน แต่ถ้าเราเดินๆไปแล้วได้ยินเสียงดังมาว่า "ไอ้..(ตามด้วยถ้อยคำที่หยาบคาย)+ชื่อเรา" เราก็จะหันไปตามเสียงนั้นเหมือนกัน แต่อารมณ์จะเป็นอีกอย่างแล้ว ไม่ใช่ใครด่ากัน แต่จะกลายเป็น ใครด่ากู จะเห็นได้ว่าที่โกรธก็เพราะ กู ถ้าไม่มี กู ก็จะไม่โกรธ |
เจ้าของ: | ตรงประเด็น [ 07 ก.ย. 2009, 14:49 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: อยากทราบวิธีระงับความโกรธ? |
วิธีเจริญเมตตา โดย พระอาจารย์มิตซูโอะ คเวสโก http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?t=4232 |
เจ้าของ: | มหาราชันย์ [ 08 ก.ย. 2009, 00:35 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: อยากทราบวิธีระงับความโกรธ? |
ท่องและปฏิบัติตามนี้ครับ จิตที่ตั้งมั่นไม่หวั่นไหวดั่งภูเขาศิลา ไม่กำหนัดในอารมณ์ อันเป็นที่ตั้งแห่งความกำหนัด ไม่โกรธในอารมณ์ อันเป็นที่ตั้งแห่งความโกรธ จิตของบุคคลใด อบรมได้ดั่งนี้ ความทุกข์ จะมีมาแต่ที่ใดเล่า ? เจริญในธรรมครับ |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 | เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง |
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group http://www.phpbb.com/ |