วันเวลาปัจจุบัน 27 เม.ย. 2024, 10:27  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 6 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 ก.ย. 2009, 19:07 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 21 ก.พ. 2008, 10:17
โพสต์: 97

ที่อยู่: นครปฐม

 ข้อมูลส่วนตัว


สมัยพุทธกาล คำ ๆ นี้จะอุทานมั่วไม่ได้ คนที่อุทานคำ ๆ คือพระอรหันต์ ถ้าไม่ใช่พระอรหันต์แล้วไปอุทานคำนี้เข้า ถือว่าอวดอุตริมนุสยธรรม....จำไว้ อย่าไปเอ่ยเล่น ๆ ด้วยความคะนองวาจาอย่างขาดสติ

.....................................................
อยู่อย่างเข้าใจในทุกสิ่ง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 ก.ย. 2009, 20:42 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 7
สมาชิก ระดับ 7
ลงทะเบียนเมื่อ: 09 เม.ย. 2009, 19:25
โพสต์: 579

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


แล้วถ้าเปล่งคำอุทานแค่ว่า ไม่สุขเลยหนอ ไม่สุขเลยหนอ อย่างนี้พอได้ไหมครับ


:b16: :b16: :b16:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 ก.ย. 2009, 10:08 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 31 ส.ค. 2009, 22:12
โพสต์: 37

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


จะดีเหรอแบบนี้ มีเหตุผลหน่อยซิครับ เตือนกันด้วนๆแบบนี้มันน่าหวาดเสียวรู้ป่าว :b32: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 ก.ย. 2009, 11:04 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 ก.ค. 2006, 06:25
โพสต์: 2058


 ข้อมูลส่วนตัว


ช่างแสนสุโข ...อะโห สุขัง


เอตังเม สุตตัง ...ฟังเล่าขาน
เป็นตำนานมีเนื้อหาช่างน่าสรวล
พระเถระสองท่านพากันชวน
มาทบทวนฝึกใจในพนา

พระเถระองค์แรกแตกฉานมาก
เทศน์คล่องปากสาธยายไร้ปัญหา
หากแต่มิแจ้งใจในธรรมา
เพราะสัญญาแคล่วคล่องจึงท่องทัน

พระเถระองค์สองถึงวิมุติ
ด้วยพ้นหลุดเป็นพระอรหันต์
องค์ท่านไม่แคล่วคล่องท่องจำนรรจ์
แต่จิตนั้นสุดเบิกบานสราญใจ

ในราวป่ามีหมู่เทพารักษ์
คอยพิทักษ์สอดส่องปกป้องให้
แด่เถระทุกเมื่อเพื่อกันภัย
หมู่เทพไทจึงพลอยรับสดับธรรม

พระเถระองค์แรกกล่าวคาถา
พรรณาหลายพระสูตรที่เลิศล้ำ
หากเป็นเพียงสัญญาที่จดจำ
ไม่ชุ่มฉ่ำผ่องใสในดวงมาน

เมื่อเทศน์จบเทวดาพากันเฉย
นิ่งละเลยเพราะศรัทธาไม่สืบสาน
ทั้งราวป่าเงียบเสียงสาธุการ
หลังเสร็จงานเถระแจงแสดงมนต์

พระเถระองค์สองตรองพินิจ
สำรวมจิตภายในไม่สับสน
เปล่งวาจาจากใจไม่วกวน
เป็นมงคลเบิกบานอุทานธรรม

“อะโห สุขัง” ช่างสุขยิ่ง
สื่อถึงสิ่งวิมุติสุดเลิศล้ำ
ธรรมแม้นสั้นแต่เนื้อหาน่าจดจำ
ยอดถ้อยคำที่ประสิทธิ์จากจิตใจ

เทวดาสาธุกันสนั่นป่า
เกิดแสงจ้าลมพัดพลิ้วปลิวไสว
เมื่อองค์สองกล่าวจบพลัน ณ ทันใด
ด้วยเทพไทหรรษาทั่วหน้ากัน

เพราะสุขธรรมอำไพนั้นใหญ่ยิ่ง
ไม่แอบอิงคุยโวโม้น่าขัน
หากสุขด้วยเห็นจริงทุกสิ่งอัน
ค่าอนันต์พ้นหลุดวิมุติไป

เป็นความสุขยอดเยี่ยมที่เปี่ยมล้น
สิ้นตัวตนถึงความว่างกระจ่างใส
มิใช่มีเพื่ออวดรู้ต่อผู้ใด
หากแจ้งใจจะพิสุทธิ์หลุดพ้นเอย



ตรงประเด็น


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 ก.ย. 2009, 14:27 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


นนท์ เขียน:
สมัยพุทธกาล คำ ๆ นี้จะอุทานมั่วไม่ได้ คนที่อุทานคำ ๆ คือพระอรหันต์ ถ้าไม่ใช่พระอรหันต์แล้วไปอุทานคำนี้เข้า ถือว่าอวดอุตริมนุสยธรรม....จำไว้ อย่าไปเอ่ยเล่น ๆ ด้วยความคะนองวาจาอย่างขาดสติ


Quote Tipitaka:
พระไตรปิฎก เล่มที่ ๑ พระวินัยปิฎก เล่มที่ ๑
มหาวิภังค์ ภาค ๑
บทภาชนีย์
[๒๓๖] ที่ชื่อว่า อุตตริมนุสสธรรม ได้แก่ ๑. ฌาน ๒. วิโมกข์ ๓. สมาธิ
๔. สมาบัติ ๕. ญาณทัสสนะ ๖. มัคคภาวนา ๗. การทำให้แจ้งซึ่งผล ๘. การละ
กิเลส ๙. ความเปิดจิต ๑๐. ความยินดียิ่งในเรือนอันว่างเปล่า


ภิกษุรู้อยู่ กล่าวเท็จว่า ข้าพเจ้าเข้าปฐมฌานแล้วด้วยอาการ ๓ อย่างคือ ๑
เบื้องต้นเธอรู้ว่า จักกล่าวเท็จ ๒ กำลังกล่าว ก็รู้ว่ากล่าวเท็จ ๓

ครั้นกล่าวแล้ว ก็รู้ว่ากล่าวเท็จ แล้ว ต้องอาบัติปาราชิก

ที่ยกมา คืออาการอวดอุตริมนุสสธรรม
คุณนนท์ นำไปพิจารณา เพื่อความเจริญความรู้ต่อไป

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 ก.ย. 2009, 17:57 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ส.ค. 2009, 20:26
โพสต์: 1589

แนวปฏิบัติ: อรหัตตมัคค
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระไตรปิฎก
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว




021.jpg
021.jpg [ 23.04 KiB | เปิดดู 2463 ครั้ง ]
จิตที่ตั้งมั่นไม่หวั่นไหวดั่งภูเขาศิลา
ไม่กำหนัดในอารมณ์
อันเป็นที่ตั้งแห่งความกำหนัด
ไม่โกรธในอารมณ์
อันเป็นที่ตั้งแห่งความโกรธ
จิตของบุคคลใด อบรมได้ดั่งนี้
ความทุกข์จะมีมาแต่ที่ใดเล่า ?



ธมฺมปีติ สุขํ เสติ วิปฺปสนฺเนน เจตสา
อริยปฺปเวทิเต ธมฺเม สทา รมติ ปณฺฑิโต
ผู้มีปีติในธรรมมีใจผ่องใสแล้วย่อมอยู่เป็นสุข
บัณฑิตย่อมยินดีในธรรมที่พระอริยะเจ้าประกาศแล้วในกาลทุกเมื่อ



เจริญในธรรมครับ
แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 6 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 130 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร