ลานธรรมจักร
http://dhammajak.net/forums/

ของจริงนิ่งเป็นใบ้
http://dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=1&t=25877
หน้า 1 จากทั้งหมด 2

เจ้าของ:  saengthong [ 28 ก.ย. 2009, 16:15 ]
หัวข้อกระทู้:  ของจริงนิ่งเป็นใบ้

เคยได้ยินคำกล่าวว่า

"ของจริงนิ่งเป็นใบ้ ของพูดได้นั้นไม่จริง" (เจ้าคุณนรฯ)

หมายความว่าอะไรครับ ?

เจ้าของ:  นนท์ [ 28 ก.ย. 2009, 18:21 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ของจริงนิ่งเป็นใบ้

ฮ้าววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววว

เจ้าของ:  wic [ 28 ก.ย. 2009, 20:44 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ของจริงนิ่งเป็นใบ้

ข้อความนั้นเหมาะสำหรับ เจ้าคุณนรฯ เท่านั้นครับ ภูมิเรายังไม่ถึง เข้าใจยาก

เจ้าของ:  ชาติสยาม [ 28 ก.ย. 2009, 20:51 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ของจริงนิ่งเป็นใบ้

ของพูดได้ไม่จริง
ถ้าภาษาเทคนิคเขาเรียกว่าบัญญัติ
ตกมาสู่ภูมิบัญญัติ
คือตกมาอยู่ระดับความคิด ความจำ ความรู้เดิม
เช่น คน สัตว์ บ้าน รถ อะไรก็ตามที่เรารู้จัก
เรียกว่า ของพูดได้



ของที่นิ่งเป็นใบ้
คือสิ่งที่เราไม่เคยรู้มาก่อน แต่เผอิญได้เข้าไปรู้
แล้วเราก็อึ้งกิมกี่ว่ามันคืออะไร แล้วก็ไม่รู้จะหาคำอะไรมาเรียก
เพราะภาษามนุษย์มันไม่เคยมีมาก่อน

บางที แม้ว่าจะมีคำเรียกนะ
แต่ไม่มีใครมีปัญญาจะเข้าใจได้ เช่นคำว่า นิพพาน

คนพูดว่าเข้าใจนะมีเป็นล้านๆ
แต่คนที่ถึงนิพพานจริงๆ ยกมือขึ้นมานับนิ้วแล้วนิ้วยังเหลือ

พวกล้านๆคนนี่ เรียกว่ารู้แบบสมมุติ
แต่พวกนับนิ้วได้ เรียกว่า "รู้จริง รู้แจ้ง แทงตลอดในนิพพาน"


"ของจริงนิ่งเป็นใบ้ ของพูดได้ ไม่จริง"นี้

หลวงพ่อพุธ ฐานิโย ท่านพูดไว้ประโยคหนึ่ง
มีความหมายเดียวกันกับของจริงนิ่งฯ...
ท่านว่า "รู้ว่ารู้อะไร แต่ไม่รู้ว่ารู้อะไร นั่นคือเป็นสุดยอดแห่งการรู้"

หลวงปู่ดูลย์ อตุโล ท่านพูดว่า "เหนือคำพูดทั้งปวง"

เจ้าของ:  มหาราชันย์ [ 28 ก.ย. 2009, 21:20 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ของจริงนิ่งเป็นใบ้

หมายถึงตบะครับ
จิตที่ตั้งมั่นของคนผู้ฝึกดีแล้ว
บอกใครว่าทำได้แล้วทำได้ตามนั้นจริง ๆ ครับ




จิตที่ตั้งมั่นไม่หวั่นไหวดั่งภูเขาศิลา
ไม่กำหนัดในอารมณ์
อันเป็นที่ตั้งแห่งความกำหนัด
ไม่โกรธในอารมณ์
อันเป็นที่ตั้งแห่งความโกรธ
จิตของบุคคลใด อบรมได้ดั่งนี้
ความทุกข์จะมีมาแต่ที่ใดเล่า ?




เจริญในธรรมครับ

เจ้าของ:  moddam [ 28 ก.ย. 2009, 22:26 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ของจริงนิ่งเป็นใบ้

saengthong เขียน:
เคยได้ยินคำกล่าวว่า

"ของจริงนิ่งเป็นใบ้ ของพูดได้นั้นไม่จริง" (เจ้าคุณนรฯ)

หมายความว่าอะไรครับ ?


ท่านให้ดูพระพุทธเจ้าเป็นตัวอย่างครับ

เจ้าของ:  ศิรัสพล [ 29 ก.ย. 2009, 12:01 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ของจริงนิ่งเป็นใบ้

ไม่ใช่เจ้าคุณฯ แต่ขออนุญาตลองตอบครับ

ประโยค "ของจริงนิ่งเป็นใบ้ ของพูดได้นั้นไม่จริง" นี้ ของท่านเจ้าคุณฯ น่าจะมีความหมาย ๒ นัยยะ ซึ่งจะยังไม่แสดงความคิดเห็นว่าทั้ง ๒ นัยถูกต้องหรือไม่ ตามความเข้าใจและประสบการณ์ของผม ดังนี้

๑.ความหมายระดับพื้นฐาน คือ ระดับที่มีการใช้การดาดเดื่อนทั่วไป มักใช้ว่ากล่าว ตักเตือน ตัดบทบุคคลที่เสนอความคิดเห็นมาไม่สอดคล้องกับตนเอง เช่น นาย ก แสดงความคิดเห็นเรื่องหนึ่งให้กับ นาย ข ซึ่งนาย ข ไม่ยอมรับความเห็นของนาย ก แต่ นาย ข เองก็ยังไม่รู้ว่าจะทักท้วงนาย ก อย่างไรดี อาจเพราะตนเองก็ยังไม่ใช่ผู้กระจ่างในเรื่องนั้น หรือด้วยสาเหตุอื่นๆ จึงได้กล่าวไปว่า "ของจริงนิ่งเป็นใบ้ ของพูดได้นั้นไม่ใช่ของจริง" เพื่อให้รู้ว่า นาย ก นั้นเสนออะไรมาไม่ใช่เรื่องจริง เป็นต้น

๒.ความหมายระดับสูง คือ ระดับของสภาวธรรมที่ปรากฏขึ้นแก่ผู้เจริญกรรมฐาน โดยใช้ความนิ่งเป็นใบ้ หรือกล่าวอีกอย่างว่า ดิ่งดั่งคนใบ้ มาวัดความก้าวหน้า มาใช้อุปมาผู้ฝึกกรรมฐาน ซึ่งหากผู้ใดฝึกกรรมฐานดีแล้ว สภาพของกายและจิตจะนิ่งดุจดังคนเป็นใบ้ กายสังขาร คือ ร่างกายจะไม่ไหวติง อายตนะทั้ง ๕ คือ ตา หู จมูก ลิ้น กาย จะไม่รับรู้สิ่งต่างๆ พูดออกเสียงก็ไม่ได้ เพราะเสียงไม่มี เสียงในใจเองก็จะไม่มีอีกเช่นเดียวกัน เรียกว่า เป็น กายสังขารระงับในที่สุด และหากระดับสูงกว่านี้จิตสังขารระงับ ดับไปอีกเช่นเดียวกันอย่างนี้

ซึ่งหากจะแสดงความคิดเห็นจากทั้ง ๒ นัยที่กล่าวไปข้างต้น นัยที่ ๑ ความหมายระดับพื้นฐานที่นำมาใช้อย่างดังกล่าว จะถือว่าไม่ถูกต้อง เพราะในความเป็นจริงแล้ว ผู้ที่รู้จริง คือ ของจริง ไม่นิ่งเป็นใบ้ ก็มี ดังพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่เป็นของจริง ก็ไม่นิ่งเป็นใบ้ หรือผู้ที่บรรลุมรรค-ผล-นิพพาน หรือโลกุตรภูมิต่างๆ ก็มีทั้งนิ่งเป็นใบ้ในยามควรนิ่ง และไม่นิ่งเป็นใบ้ในยามไม่ควรนิ่งก็มี ดังนั้นจึงเป็นการนำมาใช้ในความหมายที่คลาดเคลื่อนไป

ตามความเข้าใจแล้ว ท่านเจ้าคุณฯ จะมีความมุ่งหมายประโยคนี้กับนัยที่ ๒ คือ ระดับของสภาวธรรมที่ปรากฏขึ้นแก่ผู้เจริญกรรมฐาน เท่านั้น ส่วน นัยที่ ๑ เป็นการคลาดเคลื่อน และต่อเติมกันในภายหลัง

เจ้าของ:  ningnong [ 30 ก.ย. 2009, 18:23 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ของจริงนิ่งเป็นใบ้

:b41: :b41: :b41: :b41: :b41: :b42: :b42: :b42: :b41: :b41: :b41: :b41: :b41:

:b6: ในความคิดของผม (ไม่ใช่เจ้าคุณนรฯ) :b13: ผมคิดว่าท่านเจ้าคุณพูดประโยคนี้ ในลักษณะตักเตือน หรือปรามบุคคลมากกว่า ในทำนองว่าผู้ที่รู้จริงก็จะนิ่ง ไม่พูดไม่จา ประเภทเป็นปัจจัตตัง รู้เฉพาะตัว แต่ไม่ได้ถ่ายทอด บอกกล่าวแนะนำคนอื่น ให้รู้ ส่วนคนที่ไม่รู้จริง ก็จะเอาแต่พูดไปเรื่อย ประเภทน้ำท่วมทุ่งผักบุ้งโหรงเหรง ไม่ได้แก่น ไม่ได้สาระ เอามายึดถือไม่ได้.....จึงเป็นว่า

"ของจริงนิ่งเป็นใบ้ ของพูดได้นั้นไม่จริง" :b16: :b21:


เจริญในธรรมครับ
:b8: :b8:


:b41: :b41: :b41: :b41: :b41: :b42: :b42: :b42: :b41: :b41: :b41: :b41: :b41:

เจ้าของ:  sasikarn [ 02 ต.ค. 2009, 00:02 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ของจริงนิ่งเป็นใบ้

:b24: :b42: :b42: แล้วอันไหนของจริงหล่ะนี่ :b10: :b10: :b10:

:b55: :b55: :b55: นู๋เอค่ะ :b21: :b21: :b21:

เจ้าของ:  จ่าสิบตรี เทวฤทธิ์ [ 04 ต.ค. 2009, 06:23 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ของจริงนิ่งเป็นใบ้

พระพุทธเจ้าคือของจริง แต่ปัจจุบันเป็นพระพุทธรูปแทนตัวพระพุทธองค์ ดังนั้น เจ้าคุณนรฯอะไรนั่นน่าจะหมายถึง พระพุทธรูปที่นิ่งเป็นใบ้

ส่วน ของพูดได้นั้นไม่จริง ก็คือ ตัวเจ้าคุณนรฯ และสมมุติสงฆ์ทั้งหลาย เพราะไม่ใช่พระสงฆ์ที่พระพุทธองค์บวชให้
เพราะการที่พระสงฆ์ จะกล่าวอะไร จะพูดอะไร ย่อมยึดถือในข้อศีล
เจ้าคุณนรฯ อะไรนั่น เป็นถึงเจ้าคุณฯคงมีศีลธรรมเต็มเปี่ยม คงไม่กล่าวไปในทางอกุศลให้กับคนอื่น
แต่ท่าน สอนเป็นคติเตือนใจให้กับคนทั้งหลายว่า จะพูดอะไร ก็ให้คิดถึงตนเอง ให้ดี มีสติในตนเองให้ดี ก็เท่านั้น

เจ้าของ:  บัวศกล [ 06 ต.ค. 2009, 19:30 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ของจริงนิ่งเป็นใบ้

ถ้าของจริงนิ่งเป็นใบ้ ป่านนี้พระพุทธเจ้า ท่านก็คงไม่มีอะไรจะเอามาสอน

แต่ความเป็นจริงนั้น คำสอนได้แสดงไว้แล้วอย่างมากมาย

นั่นก็หมายถึงว่า ผู้ถึงธรรมแท้ มิใช่เป็นใบ้



:b30: :b30: :b30:

เจ้าของ:  Zoom in [ 07 ต.ค. 2009, 15:31 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ของจริงนิ่งเป็นใบ้

ไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์จริง เท่าที่ได้รับฟัง (อ่าน) คำพูดของท่านเพียงประโยคเดียว

แต่ได้ประโยชน์จากการอ่านทุกความเห็น
ขอบคุณครับ

---------
การให้ธรรมเป็นทานชนะการให้ทั้งปวง สาธุ สาธุ สาธุ

เจ้าของ:  กบนอกกะลา [ 07 ต.ค. 2009, 23:46 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ของจริงนิ่งเป็นใบ้

saengthong เขียน:
เคยได้ยินคำกล่าวว่า

"ของจริงนิ่งเป็นใบ้ ของพูดได้นั้นไม่จริง" (เจ้าคุณนรฯ)

หมายความว่าอะไรครับ ?


:b12: :b12:

สาธุ..กับความเห็นดี ๆ นะครับ

เอาละ..ของดีก็มีให้เห็นแล้ว..

ลองเอาของเล่น ๆ มาให้ดูกันบ้าง..

ไปกันหลายคน..ไปดูสิ่งหนึ่ง..สิ่งนั้นเป็นแท่งใหญ่ตั้งตรงจากพื้น..มีแท่งเล็กๆ มากมายแยกจากแท่งอันใหญ่..และที่ปลายแท่งเล็ก ๆ ก็ยังมีแผ่นบาง ๆ แปะใว้..สีของแท่งกับของแผ่นก็ต่างกัน

...นี้เป็นของจริง..ท่านก็รู้ตามนี้แต่จะพูดว่าเป็นอะไรได้ไหม?..อ้าว..นิ้งเป็นใบ้

ฝรั่งมันเห็นมันเปล่งเสียงว่า..ทรี..ฝรั่งด้วยกันเข้าใจ..ทรี..แต่คนไทย..ไม่เข้าใจ..เอ้าว..ที่พูดมานั้นมันไม่จริง(สำหรับคนไทย)

คนไทยเห็นก็เปล่งเสียงว่า..ต้นไม้..คนไทยด้วยกันเข้าใจ..ต้นไม้..แต่คนฝรั่ง..ไม่เข้าใจ..เอ้าว..ที่พูดมานั้นมันไม่จริง(สำหรับคนฝรั่ง)

แต่ทั้ง..ทรี..และทั้ง..ต้นไม้..ต่างก็ทำให้นึกภาพสิ่งนั้นออก..

ยิ่งถ้าเพิ่มรายละเอียดลงไป..เป็น..ต้นมะม่วง..ต้นมะละกอ..ก็ยิ่งชัดเจนมากขึ้นว่าสิ่งนั้นลักษณะเป็นอย่างไร

นี้กระมั้ง..ของจริงนิ่งเป็นใบ้ ของพูดได้นั้นไม่จริง ของท่าน (เจ้าคุณนรฯ)

:b12: :b12: :b12: :b12:

เจ้าของ:  มัทนา ณ หิมะวัน [ 08 ต.ค. 2009, 00:05 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ของจริงนิ่งเป็นใบ้

กบนอกกะลา เขียน:
ลองเอาของเล่น ๆ มาให้ดูกันบ้าง..

ไปกันหลายคน..ไปดูสิ่งหนึ่ง..สิ่งนั้นเป็นแท่งใหญ่ตั้งตรงจากพื้น..มีแท่งเล็กๆ มากมายแยกจากแท่งอันใหญ่..และที่ปลายแท่งเล็ก ๆ ก็ยังมีแผ่นบาง ๆ แปะใว้..สีของแท่งกับของแผ่นก็ต่างกัน

...นี้เป็นของจริง..ท่านก็รู้ตามนี้แต่จะพูดว่าเป็นอะไรได้ไหม?..เอ้าว..นิ้งเป็นใบ้

ฝรั่งมันเห็นมันเปล่งเสียงว่า..ทรี..ฝรั่งด้วยกันเข้าใจ..ทรี..แต่คนไทย..ไม่เข้าใจ..เอ้าว..ที่พูดมานั้นมันไม่จริง(สำหรับคนไทย)

คนไทยเห็นก็เปล่งเสียงว่า..ต้นไม้..คนไทยด้วยกันเข้าใจ..ต้นไม้..แต่คนฝรั่ง..ไม่เข้าใจ..เอ้าว..ที่พูดมานั้นมันไม่จริง(สำหรับคนฝรั่ง)

แต่ทั้ง..ทรี..และทั้ง..ต้นไม้..ต่างก็ทำให้นึกภาพสิ่งนั้นออก..

ยิ่งถ้าเพิ่มรายละเอียดลงไป..เป็น..ต้นมะม่วง..ต้นมะละกอ..ก็ยิ่งชัดเจนมากขึ้นว่าสิ่งนั้นลักษณะเป็นอย่างไร

นี้กระมั้ง..ของจริงนิ่งเป็นใบ้ ของพูดได้นั้นไม่จริง ของท่าน (เจ้าคุณนรฯ)


:b43: :b43: :b43:

ท่านกบฯ เอา "ของเล่น" มาให้ดูได้ "โดนจริงๆ" เจ้าค่ะ :b4: :b8:

"ปรมัตถธรรม" มิอาจอธิบายได้ด้วย "สมมติบัญญัติ" !?!? :b13:

เจ้าของ:  ศิรัสพล [ 09 ต.ค. 2009, 17:46 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ของจริงนิ่งเป็นใบ้

หากเราเก่งจริงเป็นของจริงอะไรสักเรื่องหนึ่งในระดับที่เป็นสามารถสอนคนได้ เราก็จะสามารถอธิบายได้ แม้จะพูดคนภาษากัน ก็สามารถอธิบายได้ แม้จะไม่ได้ด้วยการใช้คำพูด แต่ก็ด้วยวิธีอื่นๆ หากเก่งจริงๆ ในระดับสูงสุดจะเก่งสอนด้วย เช่น ถ่ายทอดให้เข้าใจด้วยการทำเป็นตัวอย่าง, นำมาจัดเรียงให้เป็นระบบระเบียบบัญญัติคำศัพท์ต่างๆ ขึ้นมาให้เข้าใจง่าย นี่เรียกว่านำปรมัตถธรรม มาอธิบายด้วยสมมุติบัญญัติ อย่างที่เราร่ำเรียน "ปริยัติ" ในทุกวันนี้ แต่ไม่ได้หมายถึงทำให้บรรลุหรือทำได้ตามด้วย การบรรลุหรือทำได้ตามจะต้องอาศัยบุคคลผู้เรียนเอง ต่อไปขอให้ดูว่าของจริงๆ ในระดับสูงสุดเป็นอย่างไรจะได้หายคลางแคลงใจ "ของจริงนิ่งเป็นใบ้" หมายถึงอธิบายไม่ได้จริงๆ หรือ?


*********************
ปฏิสัมภิทา ความแตกฉาน, ความรู้แตกฉาน,
ปัญญาแตกฉาน มี ๔ คือ
๑. อัตถปฏิสัมภิทา ปัญญาแตกฉานในอรรถ
๒. ธัมมปฏิสัมภิทา ปัญญาแตกฉานในธรรม
๓. นิรุตติปฏิสัมภิทา ปัญญาแตกฉานในนิรุกติ คือ ภาษา
๔. ปฏิภาณปฏิสัมภิทา ปัญญาแตกฉานในปฏิภาณ

http://www.84000.org/tipitaka/dic/v_seek.php?text=ปฏิสัมภิทา_๔

หน้า 1 จากทั้งหมด 2 เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group
http://www.phpbb.com/