วันเวลาปัจจุบัน 24 เม.ย. 2024, 23:43  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 21 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 ต.ค. 2009, 21:28 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกใหม่
สมาชิกใหม่
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ส.ค. 2009, 22:06
โพสต์: 5

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ห้ามอวดอุตริมนุษยธรรม คือ สิกขาบทที่มิให้ภิกษุแสดงอิทธิปาฏิหาริย์แก่ชาวบ้าน ภิกษุใดแสดงภิกษุนั้นมีความผิด ต้องอาบัติทุกกฎ

ฟังดูเหมือนพระพุทธเจ้าพูดกันไว้ไม่ให้มีการพิสูจน์เลยนี่ครับ อิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์ เช่น การเหาะเหินเดินอากาศ, ล่องหนหายตัว หรือเดินบนผิวน้ำ หากทำได้จริงสมัยนี้ก็มีเครื่องมือพิสูจน์มากมาย ผมเห็นว่าไม่น่าจะเสียหายอะไรที่จะพิสูจน์เรื่องเหล่านี้ ถ้าเหาะออกอากาศผ่าน CNN ได้ ผมว่าศาสนาพุทธนี้แหละของแท้แน่นอน (ถ้าอิทธิฤิทธิ์มีจริง นิพพานย่อมมีจริง) ด้วยความเคารพ :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 ต.ค. 2009, 22:17 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 30 ส.ค. 2009, 02:56
โพสต์: 290

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


TeeLek เขียน:
ห้ามอวดอุตริมนุษยธรรม คือ สิกขาบทที่มิให้ภิกษุแสดงอิทธิปาฏิหาริย์แก่ชาวบ้าน ภิกษุใดแสดงภิกษุนั้นมีความผิด ต้องอาบัติทุกกฎ

ฟังดูเหมือนพระพุทธเจ้าพูดกันไว้ไม่ให้มีการพิสูจน์เลยนี่ครับ อิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์ เช่น การเหาะเหินเดินอากาศ, ล่องหนหายตัว หรือเดินบนผิวน้ำ หากทำได้จริงสมัยนี้ก็มีเครื่องมือพิสูจน์มากมาย ผมเห็นว่าไม่น่าจะเสียหายอะไรที่จะพิสูจน์เรื่องเหล่านี้ ถ้าเหาะออกอากาศผ่าน CNN ได้ ผมว่าศาสนาพุทธนี้แหละของแท้แน่นอน (ถ้าอิทธิฤิทธิ์มีจริง นิพพานย่อมมีจริง) ด้วยความเคารพ :b8:


:b9: :b9: :b9: อ่านข้อความของคุณแล้วไม่กล้าออกความคิดเห็นเลยอ่ะคะ...แต่มาคิดดูอีกทีถ้ามนุษย์เรามุ่งแต่เรื่องอิทธิฤทธิ์ ปฎิหาริย์ มันก็คงจะยุ่งพิลึกนะคะ จะเกิดอะไรขึ้นถ้าเด็ก ๆ ไม่ยอมเรียนหนังสือ ผู้ใหญ่ไม่สนใจการงานหรือการใช้ชีวิตประจำวันแบบปกติสุข เอาใจไปฝักใฝ่เรียนรู้แต่เรื่อง หาวิธีล่องหนหายตัว เดินบนผิวน้ำ เหาะเหินเดินอากาศ...โลกมันคงจะยุ่งแน่ ๆ :b9: :b9: :b9:

:b14: :b14: :b14: นู๋เอค่ะ

.....................................................
ข้าพเจ้าเคารพพระธรรม ที่มีอยู่ในพระพุทธเจ้า
ข้าพเจ้าเคารพพระธรรม ที่มีอยู่ในพระธรรม
ข้าพเจ้าเคารพพระธรรม ที่มีอยู่ในพระสงฆ์
ข้าพเจ้าเคารพพระธรรม ที่มีอยู่ในพระมารดาพระบิดา
ข้าพเจ้าเคารพพระธรรม ที่มีอยู่ในครูอุปัชฌาย์อาจารย์
ข้าพเจ้าเคารพพระธรรม ที่มีอยู่ในทุกสิ่งทุกอย่าง...สาธุ สาธุ สาธุ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 ต.ค. 2009, 22:46 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 ก.ย. 2009, 21:17
โพสต์: 83

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


พระพุทธเจ้าทรงห้ามพระภิกษุอวดอุตริมนุษยธรรม
สาเหตุเกิดจาก ในกาลครั้งนั้นมีพระภิกษุบางรูปเพื่อต้องการแสวงลาภสักการะ ทั้งที่ไม่มีคุณธรรมในตน
พระภิกษุบางรูปได้อวดแสดงตนเป็นพระอรหันต์
พระภิกษุบางรูปบางคณะ ได้อวดแสดงตนเป็นพระอริยะบุคคล เช่น พระโสดาบัน พระสกิทาคามี ฯลฯ
พระภิกษุบางรูปบางคณะ ได้อวดแสดงตนผู้มีอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์
พระภิกษุบางรูปบางคณะ ได้อวดแสดงตนผู้มีฌาณสมาบัติ
พระภิกษุบางรูปบางคณะ ได้อวดแสดงตนผู้มีศีลจารวัตรดี
ทั้งนี้เพื่อให้ลาภสักการะจะได้บังเกิดแก่พวกตน...

พระพุทธเจ้าทรงเล็งเห็นซึ่งความเสื่อมจะบังเกิดแก่คณะสงฆ์ จึงทรงห้ามพระภิกษุอวดอุตริมนุษยธรรม
เพื่อความสงบและสามัคคีในหมู่คณะสงฆ์สืบต่อไปในภายภาคหน้า

เพราะพระภิกษุสาวกบางรูปที่อยู่ในธรรมวินัย ยังไม่มีคุณธรรมประจำตน เช่น สำเร็จเป็นพระอรหันต์ พระอริยะบุคคล มีฌาณสมาบัติ มีอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์ ฯลฯ
คณะสงฆ์ในธรรมวินัยทั้งพระภิกษุที่แก่และอ่อนพรรษาจะเสื่อมจากอาหารบิณฑบาตร ลาภสักการะอันสมควรแก่สมณบริโภค
สาเหตุเกิดมาจากพระภิกษุที่ไม่มีคุณธรรมหวังมุ่งแต่ลาภสักการะอวดอุตริมนุสสธรรม
ทำให้ชาวบ้านหลงเชื่อถวายปัจจัยไทยทานแก่หมู่พระภิกษุเหล่านั้นฯ ทำให้พระศาสนาเสื่อมสิ้นสูญ


แก้ไขล่าสุดโดย วิสุทโธ เมื่อ 03 ต.ค. 2009, 22:47, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 ต.ค. 2009, 06:47 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ค. 2007, 09:55
โพสต์: 1632


 ข้อมูลส่วนตัว


TeeLek เขียน:
ห้ามอวดอุตริมนุษยธรรม คือ สิกขาบทที่มิให้ภิกษุแสดงอิทธิปาฏิหาริย์แก่ชาวบ้าน ภิกษุใดแสดงภิกษุนั้นมีความผิด ต้องอาบัติทุกกฎ

ฟังดูเหมือนพระพุทธเจ้าพูดกันไว้ไม่ให้มีการพิสูจน์เลยนี่ครับ อิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์ เช่น การเหาะเหินเดินอากาศ, ล่องหนหายตัว หรือเดินบนผิวน้ำ หากทำได้จริงสมัยนี้ก็มีเครื่องมือพิสูจน์มากมาย ผมเห็นว่าไม่น่าจะเสียหายอะไรที่จะพิสูจน์เรื่องเหล่านี้ ถ้าเหาะออกอากาศผ่าน CNN ได้ ผมว่าศาสนาพุทธนี้แหละของแท้แน่นอน (ถ้าอิทธิฤิทธิ์มีจริง นิพพานย่อมมีจริง) ด้วยความเคารพ :b8:


การห้ามมิให้ภิกษุแสดงอิทธิฤทธิ์ ไม่ใช่อวดอุตริฯ ขอรับ ที่ห้ามเพราะฤทธิ หรือการแสดงฤทธิ์ จะกลายเป็นการแสดงปาหี่เพื่อแลกเอาทรัพย์และอาหาร มิใช่สิ่งที่ภิกษุจะควรประพฤติ

อิทธิฤทธิ์ ปาฎิหาริย์ จะเริ่มปรากฏ ให้เห็นในบางเรื่องบางอย่าง ตั้งแต่เมื่อ บุคคล บรรลุขั้นโสดาบัน (มรรคผล) ไม่ใช่จะมีฤทธิ์ได้ทุกอย่าง ทุกอย่างต้องมีความรู้ ต้องมีความเข้าใจ และสิ่งประกอบอื่นๆอีกมากมาย ไม่ใช่จะเกิดมีฤทธิ์ขึ้นได้ง่ายๆ
เอาแค่ "ฉัพพรรณรังสี" ก็เป็นการแสดงฤทธิ์ อย่างหนึ่ง และมองเห็นได้โดยง่าย อยากพิสูจน์ก็มาข้าพเจ้าได้เลย

นิพพาน ก็มีจริง ไม่ต้องมีอิทธิฤทธิ์ อย่างอื่น ก็พิสูจน์ได้ เพราะนิพพานคือปรากฎการทางสรีระร่างกายชนิดหนึ่ง ที่ร่างากยจะแปรเปลี่ยน เป็น อนู โปร่งแสง และมีฉัพพรรณรังสีให้เห็นได้ด้วยตา อิทธิฤทธิ์ อื่นๆ มันเริื่องจิ๊บจ้อย ถ้ามีความรู้ ความเข้าใจ ก็แสดงฤทธิ์ ได้ทุกอย่าง แต่มันเป็นความหลงชนิดหนึ่ง แต่ก็เป้นหนทางให้หลุดพ้นจากความทุกข์ได้เฃ่นกัน

อนึ่ง ถ้ามีเจ้าพวก อวดอุตริฯที่ชอบอวดว่าตัวมันรู้ กล่าวว่า การที่มีฉัพพรรณรังสี เป็น "กสิณแสง" ก็ให้ถามพวกมันดู และให้พวกมันแสดงให้ดูว่า กสิณแสงเป็นอย่างไร พวกมันทำได้ไหม ให้มองเห็นได้ด้วยตานะ และจงรู้เอาไว้เลยว่า เจ้าพวกนั้น มันพวกนอกศาสนาที่แอบแฝงเข้ามาทำลาย พุทธศาสนา (อิจฉา ริษยา ว่าง้้นเถอะ)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 ต.ค. 2009, 10:06 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 09 มิ.ย. 2007, 21:13
โพสต์: 2631

อายุ: 0
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
การห้ามมิให้ภิกษุแสดงอิทธิฤทธิ์ ไม่ใช่อวดอุตริฯ ขอรับ ที่ห้ามเพราะฤทธิ หรือการแสดงฤทธิ์ จะกลายเป็นการแสดงปาหี่เพื่อแลกเอาทรัพย์และอาหาร มิใช่สิ่งที่ภิกษุจะควรประพฤติ

อิทธิฤทธิ์ ปาฎิหาริย์ จะเริ่มปรากฏ ให้เห็นในบางเรื่องบางอย่าง ตั้งแต่เมื่อ บุคคล บรรลุขั้นโสดาบัน (มรรคผล) ไม่ใช่จะมีฤทธิ์ได้ทุกอย่าง ทุกอย่างต้องมีความรู้ ต้องมีความเข้าใจ และสิ่งประกอบอื่นๆอีกมากมาย ไม่ใช่จะเกิดมีฤทธิ์ขึ้นได้ง่ายๆ
เอาแค่ "ฉัพพรรณรังสี" ก็เป็นการแสดงฤทธิ์ อย่างหนึ่ง และมองเห็นได้โดยง่าย อยากพิสูจน์ก็มาข้าพเจ้าได้เลย

นิพพาน ก็มีจริง ไม่ต้องมีอิทธิฤทธิ์ อย่างอื่น ก็พิสูจน์ได้ เพราะนิพพานคือปรากฎการทางสรีระร่างกายชนิดหนึ่ง ที่ร่างากยจะแปรเปลี่ยน เป็น อนู โปร่งแสง และมีฉัพพรรณรังสีให้เห็นได้ด้วยตา อิทธิฤทธิ์ อื่นๆ มันเริื่องจิ๊บจ้อย ถ้ามีความรู้ ความเข้าใจ ก็แสดงฤทธิ์ ได้ทุกอย่าง แต่มันเป็นความหลงชนิดหนึ่ง แต่ก็เป้นหนทางให้หลุดพ้นจากความทุกข์ได้เฃ่นกัน

อนึ่ง ถ้ามีเจ้าพวก อวดอุตริฯที่ชอบอวดว่าตัวมันรู้ กล่าวว่า การที่มีฉัพพรรณรังสี เป็น "กสิณแสง" ก็ให้ถามพวกมันดู และให้พวกมันแสดงให้ดูว่า กสิณแสงเป็นอย่างไร พวกมันทำได้ไหม ให้มองเห็นได้ด้วยตานะ และจงรู้เอาไว้เลยว่า เจ้าพวกนั้น มันพวกนอกศาสนาที่แอบแฝงเข้ามาทำลาย พุทธศาสนา (อิจฉา ริษยา ว่าง้้นเถอะ)




จากความเห็นข้างต้น

ผมว่าอยู่นอกพระไตรปิฎก

อยู่นอกพระพุทธศาสนา

ไม่ใช่

ศีล สมาธิ ปัญญา

แน่นอน

:b33: :b33: :b33:

.....................................................
นิพพานที่นี่ เดี๋ยวนี้


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 ต.ค. 2009, 20:56 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 8
สมาชิก ระดับ 8
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 ก.พ. 2009, 20:42
โพสต์: 699


 ข้อมูลส่วนตัว


^ มันเป็นโรคประสาทน่ะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 ต.ค. 2009, 22:32 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ค. 2008, 14:14
โพสต์: 3835

อายุ: 12
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


งานนี้ ยาววววววววววววววววววววววว :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 ต.ค. 2009, 01:03 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


Buddha เขียน:

เอาแค่ "ฉัพพรรณรังสี" ก็เป็นการแสดงฤทธิ์ อย่างหนึ่ง และมองเห็นได้โดยง่าย อยากพิสูจน์ก็มาข้าพเจ้าได้เลย

นิพพาน ก็มีจริง ไม่ต้องมีอิทธิฤทธิ์ อย่างอื่น ก็พิสูจน์ได้ เพราะนิพพานคือปรากฎการทางสรีระร่างกายชนิดหนึ่ง ที่ร่างากยจะแปรเปลี่ยน เป็น อนู โปร่งแสง และมีฉัพพรรณรังสีให้เห็นได้ด้วยตา อิทธิฤทธิ์ อื่นๆ มันเริื่องจิ๊บจ้อย ถ้ามีความรู้ ความเข้าใจ ก็แสดงฤทธิ์ ได้ทุกอย่าง


น่าสงสารจัง


อ้างคำพูด:
แต่มันเป็นความหลงชนิดหนึ่ง แต่ก็เป้นหนทางให้หลุดพ้นจากความทุกข์ได้เฃ่นกัน

เป็นความหลงที่ชนิดที่ไปนิพพานได้ด้วย.. :b32: :b32: อู๊ยย..ยิ่งน่าสงสารกันไปใหญ่

อ้างคำพูด:
อนึ่ง ถ้ามีเจ้าพวก อวดอุตริฯที่ชอบอวดว่าตัวมันรู้ กล่าวว่า การที่มีฉัพพรรณรังสี เป็น "กสิณแสง" ก็ให้ถามพวกมันดู และให้พวกมันแสดงให้ดูว่า กสิณแสงเป็นอย่างไร พวกมันทำได้ไหม ให้มองเห็นได้ด้วยตานะ และจงรู้เอาไว้เลยว่า เจ้าพวกนั้น มันพวกนอกศาสนาที่แอบแฝงเข้ามาทำลาย พุทธศาสนา (อิจฉา ริษยา ว่าง้้นเถอะ)


คนเก่ง..คนฉลาด..ก็พอจะให้อิจฉาอยู่หรอก..ก็อยากจะเก่งอย่างเขาบ้าง..นิ

คนโง่..คนบ้า..จะไปอิจฉาทำขี้เกลืออะไร :b13: :b13: :b13:


แก้ไขล่าสุดโดย กบนอกกะลา เมื่อ 05 ต.ค. 2009, 01:06, แก้ไขแล้ว 3 ครั้ง.

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 ต.ค. 2009, 09:52 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 8
สมาชิก ระดับ 8
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 ก.พ. 2009, 20:42
โพสต์: 699


 ข้อมูลส่วนตัว


ตอบตามความเข้าใจนะ...
อวดอุตริมนุสธรรม ไม่ได้แปลว่าห้ามใช้ แต่ห้ามอวด คือ... ห้ามใช้ฤทธิ์โดยไม่มีจุดมุ่งหมาย โดยไม่มีความจำเป็น จะแสดงเพื่อความตื่นตาตื่นใจนั้น ไม่ได้
เพราะการใช้ฤทธิ์นั้น หากใช้พร่ำเพรื่อ มันมีแนวโน้มที่จะก่อให้เกิดผลเสียมากกว่าผลดี ความไม่เป็น สามัญ ของอภิญญานั้น นอกจากจะมีผลเสียในทางที่พูดกันบ่อยๆ แล้ว ยังอาจก่อให้เกิดผลเสียกับคนอื่นๆ ในแง่ที่ว่า.. ทำให้หลงผิดว่า ผู้มีอภิญญานั้น อยู่เหนือ กฎแห่งกรรม บางคนอาจพยายามหว่านล้อม ให้นำฤทธิ์มาใช้เพื่อบรรเทาภัยพิบัติ มองในแง่หนึ่ง มันอาจเป็นเรื่องดี แต่ในอีกแง่หนึ่ง มันกลับทำให้บุคคลต่างๆ นั้น ตั้งตนอยู่บนความประมาท

อันนี้เป็นแค่อีกข้อหนึ่ง...


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 ต.ค. 2009, 10:17 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ค. 2008, 14:14
โพสต์: 3835

อายุ: 12
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


murano เขียน:
อุตริมนุสธรรม


ใช้ศัพท์ถูกต้องนะค๊าบบบบบ สาธุๆ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 ต.ค. 2009, 09:12 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ค. 2007, 09:55
โพสต์: 1632


 ข้อมูลส่วนตัว


ถูกต้องขอรับ ทั้งโง่...ทั้งบ้า.... ภาษาไทยอ่านแล้วยังไม่ค่อยรู้ความหมาย เข้าตำราเลยขอรับ

อวดรู้ อวดฉลาด เย่อหยิ่ง ถือตัว ถือดี มีความคิดคัดค้านหลักความจริงตามธรรมชาติ ยึดมั่น ถือมั่น ในข้อปฏิบัติทางศาสนาอื่นๆ มีแต่ความเคลือบแคลงสงสัย จนไม่รู้ว่า ความจริงเป็นอย่างไร ทั้งบ้า ทั้งโง่......ไม่กล่าวให้เกินเลยขอรับ มันอาจจะกระทบถึงผู้ไม่รู้เรื่องรู้ราว
ไ[ตุ๊ดๆ-sensored]...... ไม่รู้แล้วยังอวดรู้ใส่ร้ายบ้าง ยุแหย่บ้าง ปัญญาไม่มี มีแต่ความอวดรู้ อวดฉลาดฯลฯ...... มีอีกเยอะเขียนไป เขาอาจลบไม่เขียนดีกว่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า


แก้ไขล่าสุดโดย ชาติสยาม เมื่อ 06 ต.ค. 2009, 10:12, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง
sensored คำหยาบอย่างแรง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 ต.ค. 2009, 10:10 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ค. 2008, 14:14
โพสต์: 3835

อายุ: 12
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


บอกแล้วว่า..ยาวววววววววววว.ว..ว.....
ใครซื้อหวยไม่ถูกถามผมได้นะคับ

:b32: :b32: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 ต.ค. 2009, 11:10 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ย. 2008, 22:30
โพสต์: 222

ที่อยู่: เวียนว่ายในวัฏสงสาร (-_-!)

 ข้อมูลส่วนตัว


ชาติสยาม เขียน:
บอกแล้วว่า..ยาวววววววววววว.ว..ว.....
ใครซื้อหวยไม่ถูกถามผมได้นะคับ

:b32: :b32: :b32:

smiley งั้นถามคุณชาติสยามเลยครับ
:b6: งวดหน้าออกอะไร ขอรับ :b19:

.....................................................
ขอประสบความสุขทั้งทางโลกและทางธรรม


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 ต.ค. 2009, 19:02 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 7
สมาชิก ระดับ 7
ลงทะเบียนเมื่อ: 09 เม.ย. 2009, 19:25
โพสต์: 579

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


จะว่าไปแล้วทุกการโอ้อวด พระพุทธเจ้าท่านก็ทรงห้ามหมดแหละ

จะอวดในเรื่องธรรมดาทั่วไป หรืออวดในเรื่องที่มันเหนือวิสัยสามัญมนุษย์
ปราชญ์ทั้งหลายก็ไม่สรรเสริญทั้งนั้น

การโอ้อวดเรื่อยเปื่อยในเรื่องทั่วไป เรียกสาเถยยะ

การโอ้อวด ว่าฉันมีคุณวิเศษอย่างนั้นอย่างนี้ โดยมากจะโอ้อวดเพราะมุ่งปล้นทรัพย์ของ
ผู้มีศรัทธาอันไร้เดียงสา

ถ้าโอ้อวดในสิ่งที่มีจริง โดยมากเพราะผู้โอ้อวดเกิดปีติแรงเกินไป
จนยากต่อการควบคุม ไม่ให้มันพรั่งพรูออกมาเพื่อบอกแก่ชาวบ้านได้ ถึงแม้จะไม่มีใคร
อยากรู้ก็ตาม และการโอ้อวดบางอย่างไม่ใช่เป็นการโอ้อวด แต่มีอาการเหมือนกำลัง
โอ้อวด เช่นผู้ที่มีความมั่นใจอย่างเปี่ยมล้นในสิ่งที่ตนแสดง บางครั้งความมั่นใจก็ส่ง
ผ่านกิริยาออกมาเหมือนว่ากำลังโอ้อวดแต่เขาไม่มีจิตแม้สักนิดที่คิดจะโอ้อวดเช่นพระพุทธองค์
เป็นต้น และเหตุแห่งการโอ้อวด บางครั้งอาจเป็นเทคนิควิธีอย่างหนึ่ง
ที่ปราชญ์ทั้งหลายใช้เป็นอุบายในการจัดการต่อสถานการณ์บางประเภท ที่ต้องใช้การโอ้อวด
เป็นอาวุธ

การโอ้อวดที่เกิดขึ้นง่ายที่สุด คือโอ้อวดเพราะสำคัญผิดต่อการมีอยู่ของคุณธรรม
ถ้าคนมีคุณธรรมแท้จะควบคุมการโอ้อวดได้สนิท

ถ้าคนมีคุณธรรมเทียม หรือยังแท้ไม่ครบ ก็จะมีอาการฟุ้งในธรรมได้ง่าย
มีวาจาที่เบา เที่ยวบอกกล่าวเขาไปทั่ว โดยไม่รู้ตัวว่าความเหมาะสมอยู่ตรงไหน

ถ้าคนไหนโอ้อวดในสิ่งที่ไม่มีจริง และทั้งที่รู้อยู่ว่าตนไม่มีจริง
คนประเภทนี้ เป็นพวกหยาบช้าที่สุด

ถ้าอวดเพียงแค่ให้ใครมองตนดีก็ไม่เท่าไร
แต่ถ้าอวดเพื่อหวังหลอกเอาศรัทธา ลาภ หรือทรัพย์ของเขา
การอวดอย่างนี้ถือว่าเลวร้ายที่สุด
หากเป็นนักบวช ก็จะขาดจากความเป็นพระทันที

หากเป็นคนทั่วไป ก็จะได้สมญานามว่า นักต้มตุ๋น
ตำรวจเจอ เขาก็จะอัญเชิญเข้าคุก

ดังนั้นที่ถามว่าทำไมพระพุทธองค์จึงห้ามการอวดอุตริ ก็น่าจะพอทราบคำตอบได้

และที่สำคัญที่สุด ที่พระพุทธองค์ทรงห้ามการอวดอุตริแม้ที่มีจริง
เพราะมองเห็นโทษภัย อันจะทำให้หลักธรรมแท้ไม่ได้รับความสนใจหรือให้สาระ
เท่ากับเรื่องที่ชวนแปลกประหลาดมหัศจรรย์ เมื่อนั้นผู้คนก็จะพากันละเลยหลักธรรม
และผู้เข้าถึงธรรมแท้อันบริสุทธิ์ก็จะลดน้อยถอยลง

และโทษภัยอีกมากมายที่เป็นผลกระทบต่อความมั่นคงของสัทธรรมในพุทธศาสนา
เชิญท่านเจ้าของกระทู้ไปลองมองหาดู ก็อาจจะเจออีกหลายข้อ

tongue :b43: :b43: :b43:


แก้ไขล่าสุดโดย บัวศกล เมื่อ 06 ต.ค. 2009, 19:05, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 ต.ค. 2009, 19:56 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 พ.ย. 2008, 17:20
โพสต์: 1051

งานอดิเรก: อ่านหนังสือธรรมะ
อายุ: 0
ที่อยู่: Bangkok

 ข้อมูลส่วนตัว


beby ชัดเจน...........ค่ะ beby

.....................................................
    มีสิ่งใด น่าโกรธ อย่าโทษเขา.... ต้องโทษเรา ที่ใจ ไม่เข้มแข็ง
    เรื่องน่าโกรธ แม้ว่า จะมาแรง ....ถ้าใจแข็ง เหนือกว่า ชนะมัน


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 21 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 56 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร