วันเวลาปัจจุบัน 24 เม.ย. 2024, 05:35  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 24 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 ต.ค. 2009, 15:39 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ด้วยพระธรรมเทศนา อันเป็นอรหัตมรรค ที่ทรงแสดงแก่ ท่านนกุลบิดา

"กายนี้กระสับกระส่าย เป็นดังว่าฟองไข่ อันผิวหนังหุ้มไว้ ดูกร
คฤหบดี ก็บุคคลผู้บริหารกายนี้อยู่ พึงรับรองความเป็นผู้ไม่มีโรคได้แม้เพียงครู่เดียว จะมีอะไร
เล่า นอกจากความเป็นคนเขลา ดูกรคฤหบดี เพราะเหตุนั้นแหละ ท่านพึงศึกษาอย่างนี้ว่า
เมื่อเรามีกายกระสับกระส่ายอยู่ จิตของเราจักไม่กระสับกระส่าย"

และด้วยบทขยายความอรรถอันเป็นภาษิตของท่านมหาเถระอัคครสาวก ท่านพระสารีบุตร ย่อมนำมาซึ่งการเจริญอนิมิตสมาธิ อัปปณิหิตสมาธิ หรือสุญญตสมาธิ เพื่อละอุปาทานขันธ์ 5 มีจิตอันสละความไม่ยึดมั่นถือมั่นในโลกได้

เจริญธรรม

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 ต.ค. 2009, 10:19 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 07 ต.ค. 2009, 11:29
โพสต์: 15

แนวปฏิบัติ: พุทโธ
งานอดิเรก: หลายหลาก
อายุ: 0
ที่อยู่: ภาคอีสาน

 ข้อมูลส่วนตัว


เคยได้ยินท่านผู้รู้บอกว่า "ออกจากปัจจุบันก็เป็นทุกข์เลย" ไม่รู้จะจริงหรือเปล่าครับ
..ขอขอบคุณทุกคำแนะนำครับ

.....................................................
..อือ ... อ้อ..


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 ต.ค. 2009, 10:47 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 7
สมาชิก ระดับ 7
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 เม.ย. 2009, 19:55
โพสต์: 548

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


สายอีสานตั้งนิ่ง เขียน:
เคยได้ยินท่านผู้รู้บอกว่า "ออกจากปัจจุบันก็เป็นทุกข์เลย" ไม่รู้จะจริงหรือเปล่าครับ
..ขอขอบคุณทุกคำแนะนำครับ


:b32: :b32: :b32:

ป๊าด...เจอคำถามของคุณทีไร...ผมรู้สึกเอะใจอย่างประหล๊าด...ประหลาด

:b8: :b8: :b8:
:b13: :b13: :b13:

"ออกจากปัจจุบันก็เป็นทุกข์เลย"
ผมว่าไม่เชิงครับ... ผมก็เคยทบทวนอยู่ในวงโคจรเทือก ๆ นี้อยู่บ้าง
แต่มันราวกับว่ามันนานมาแล้วจนลางเลือน
พอจะลองเกริน ๆ ได้รึเปล่าครับ ว่า สิ่งที่คุณได้ยินมานั้น
คุณมีมุมมองต่อสิ่งที่ได้ยินเช่นนั้นว่าอย่างไร
เพราะคุณกล่าวเพียงสั้น ๆ บอกตรง ๆ ว่าผมเองก็ เดาปัจจุบันในทัศนะคติของคุณไม่ออก
และเมื่อเป็นเช่นนั้น ผมก็ไม่สามารถที่จะกล่าวอะไรในลักษณะเป็นการหว่านแหไปทั่วเพื่อตะครุบให้โดนไส้ติ่งที่คุณคัน ๆ ได้

:b13: :b13:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 ต.ค. 2009, 11:04 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ค. 2008, 14:14
โพสต์: 3835

อายุ: 12
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


สายอีสานตั้งนิ่ง เขียน:
เคยได้ยินท่านผู้รู้บอกว่า "ออกจากปัจจุบันก็เป็นทุกข์เลย" ไม่รู้จะจริงหรือเปล่าครับ


จริงที่สุดครับ

ก็เพราะว่ามีสติเมื่อไหร่ ก็เท่ากับรู้ลงปัจจุบัน
สติไม่มีอดีต ไม่มีอนาคต มีแต่ปัจจุบัน
ชั่วระยะเวลาที่รู้สติ คือรู้ปัจจุบัน
ขาดสติเมื่อไหร่ก็ทุกข์

คำกล่าวนี้ถูกต้องแล้ว


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 ต.ค. 2009, 11:38 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 26 พ.ค. 2009, 20:54
โพสต์: 282


 ข้อมูลส่วนตัว




a_task.jpg
a_task.jpg [ 49.3 KiB | เปิดดู 2251 ครั้ง ]
tongue วิธีที่จะเห็นทุกข์ได้ง่ายๆ ให้นำเอาคำสอนสั้นๆที่พระพุทธองค์ทรงตรัสสอนไว้ว่า

สันตติ....... บัง...... อนิจจัง

อิริยาบท 4 ............. บังทุกขัง

ฆนะ............บัง........อนัตตา

ทุกขัง แปลว่า ทนไม่ได้ ตั้งอยู่ไม่ได้ ปุถุชนคนธรรมดาถ้าอยากเห็นทุกข์ ให้นิ่งอยู่ในอิริยาบถใด อิริยาบทหนึ่ง นานๆ ไม่ช้า ไม่เกิน 1 - 1 1/2 ชั่วโมง จะได้เห็นตัวสภาวะ ทุกขัง

:b18: :b53: :b41: วิธีที่จะให้เห็นทุกขัง เร็วที่สุดคือ ให้หายใจเข้าให้ลึกๆ กลั้นหายใจไว้ให้ได้นานที่สุดเท่าที่จะนานได้ แล้วเอาสติ เอาปัญญา เฝ้าดู เฝ้าสังเกต พิจารณา เข้าไปในกายและจิต ผู้ปฏิบัติจะได้เห็นทุกข์ ที่กาย และที่จิต ได้อย่างชัดเจน ถ้ามีความสังเกตดี จะได้เห็น ทุกขัง อนิจจัง อัตตา อนัตตา นิโรธ ในแบบฝึกหัดกลั้นหายใจนี้ จนครบทุกอย่างเลยทีเดียว

นี่เป็นความลับที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ทรงซ่อนไว้ให้คนสติ ปัญญาดีค้นหา โดยทรงสรรเสริญไว้ว่า
"อานาปานสติภาวนา เป็นมงกุฏกรรมฐาน เป็นสุดยอดของกรรมฐาน"

smiley

.....................................................
เมตตาธรรม ค้ำจุนโลก
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 ต.ค. 2009, 14:51 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 7
สมาชิก ระดับ 7
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 เม.ย. 2009, 19:55
โพสต์: 548

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ขอร่วมสนุกกับคุณ อิสานฯ
ผมเองก็เคยได้ยินผู้รู้ท่านหนึ่ง รำพึงว่า สวัสดี ๆ ๆ

เช้าวันใหม่ มักมากับสิ่งใหม่ๆ

และสิ่งนั้น กะคือทุกข์


ใครจะพอช่วยผมตีความคำพูดของเขาไปอย่างไรได้บ้างครับ...


แก้ไขล่าสุดโดย yahoo เมื่อ 13 ต.ค. 2009, 14:54, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 ต.ค. 2009, 15:14 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 10
สมาชิก ระดับ 10
ลงทะเบียนเมื่อ: 04 พ.ย. 2008, 12:29
โพสต์: 814

ที่อยู่: กรุงเทพฯ

 ข้อมูลส่วนตัว


ก็เกิด แก่ เจ็บ ตาย หรือเทวฑูตทั้ง4 นี่ไงที่เรียกว่า เป็นทุกข์
อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา 1 ในไตรลักษณ์ก็คือทุกข์
ทุกขเวทนา สุขเวทนา อุเบกขาเวทนา 1 ในนั้นก็คือทุกข์ เกิดที่กาย และที่ใจด้วย กายทุกข์ใจทุกข์
ใจทุกข์ กายทุกข์
ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค ก็มีคำทุกข์ อยุ่ด้วย เป็นทุกขอริยสัจ
รุป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ คือขันธ์ห้า ทั้งห้าอย่างรวมกันนี่รวมกันเป็นทุกข์ก้อนใหญ่ ไว้ให้
พิจารณากันได้เลย

และให้เห็นทุกข์ลงที่ใจต้องใช้ภาวนามยปัญญาเป็นเครื่องมือจึงจะเห็นทุกข์ที่คุณพูดถึงได้ชัดเจนที่สุด
และลงไปในจิตได้มากที่สุด


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 ต.ค. 2009, 17:57 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2009, 08:46
โพสต์: 405

แนวปฏิบัติ: ดูจิต-อานา
ชื่อเล่น: ขวานผ่าซาก
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


สายอีสานตั้งนิ่ง เขียน:
ปกติคนเราถ้าไม่เห็นว่าสิ่งนั้นเป็นทุกข์ หรือเป็นโทษ ก็จะไม่ละไม่วางในสิ่งนั้น เคยได้ยินมาว่า กายนี้เป็นก้อนทุกข์ แต่พิจารณายังไงก็ไม่ลงใจว่าเป็นทุกข์ อย่าเรื่องเจ็บเรื่องไข้ก็เห็นว่าเป็นเรื่องของโรคาพยาธิ เพื่อนๆนักปฏิบัติท่านใหนมีอุบายดี แนะนำทีครับ


การเห็นทุกนั้นไม่ยาก เพียงแต่เรา ตั้งใจจริงจะเห็น ความทุกข์หรือเปล่า

ต้องหัดพิจารณา สิ่งที่ใกล้ตัว ไม่ต้องไกลตัว

เพราะความทุกข์นั้นอยู่ใกล้ตัวนิดเดียว เคยคิดบ้างไหมว่าวันหนึ่งเราทำอะไร ผมหมายถึง วงจรชีวิตของเรา จะสังเกตว่า วงจร ชีวิตของเรานั้น จะซ้ำไป ซ้ำมา วันนี้ก็คล้่ายพรุ่งนี้ พรุ่งนี้ก็คล้าย วันต่อๆ ไป

อันนี้เป็นวัตตะ ที่เห็นกันง่าย ๆ ก็เป็นความทุกข์อันหนึ่งแต่ ไม่ได้สังเกตก็จะไม่เห็น

ส่วนทุกข์ที่เห็นได้ง่ายที่สุดที่พระพุทธเจ้าได้ทรงสอนไว้คือ

เรามีความแ่ก่เป็นธรรมดา เราจะล่วงพ้นความแก่ไปไม่ได้

เรามีความเจ็บไข้เป็นธรรมดา เราจะล่วงพ้นความเจ็บไข้ไปไม่ได้

เรามีความตายเป็นธรรมดา เราจะล่วงพ้นความตายไปไม่ได้

เรามีกรรมเป็นของๆ ตน เราต้องได้รับผลของกรรมนั้น


ต้องพิจารณา 4 ข้อ นี้ กลับไป กลับมา จนจิตเค้าเห็นความทุกข์ขึ้นมาเอง หรือ จิตเค้าจะรู้จักว่า อะไรเป็นความทุกข์ นั้นแหละถึงจะเรียกได้ว่า เป็นผู้เห็นความทุกข์อย่างแท้จริง

สวัสดีครับ

.....................................................
สุ จิ ปุ ลิ...(หัวใจนักปราชญ์)

ปัจจุบันธรรม

โยนิโส มนสิการ
สติ สัมปชัญญะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 ต.ค. 2009, 14:48 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 เม.ย. 2008, 13:18
โพสต์: 1367

ที่อยู่: bangkok

 ข้อมูลส่วนตัว


จะพิจารณาให้ลงใจ ก็ต้องใช้ใจพิจารณา :b13:
อ้างคำพูด:
เคยได้ยินท่านผู้รู้บอกว่า "ออกจากปัจจุบันก็เป็นทุกข์เลย" ไม่รู้จะจริงหรือเปล่าครับ
..ขอขอบคุณทุกคำแนะนำครับ

ไม่รู้จริงๆ หรือว่าแกล้งไม่รู้ครับเนี่ย :b12:

จะว่าจริงมันก็จริงนะครับ แต่เอาเข้าจริงๆแล้วมันกลับไม่จริง เพราะจริงๆแล้วอดีต ปัจจุบัน หรืออนาคต ล้วนมีแต่ทุกข์ ต้องอยู่เหนือกาลทั้ง3 จึงเรียกได้ว่า พ้นจากทุกข์

.....................................................
ตั้งสติไว้ มองความจริงตามความเป็นจริง


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 24 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 61 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร