การปฏิบัติธรรมนั้น สำหรับคนยุคปัจจุบัน ต้องยอมรับว่าห่างไกลจากการปฏิบัติได้จริง
เนื่องจากต้องใช้ชีวิตในการดิ้นรนตื่นแต่เช้า ไปทำงานซึ่งต้องเจอปัญหานานับประการ เมื่อเลิกงานเดินทางกลับถึงบ้าน หากไม่มีครอบครัว ก็ออก
ไปสังสรรค์กับเพื่อนฝูง บ้างว่าเป็นการผ่อนคลาย บ้างว่าเป็นการทำเพื่อเข้าสังคม
สำหรับคนที่มีครอบครัวนั้นก็มีธุระที่ต่างจากคนที่ยังโสด เริ่มจากรับส่งลูก ทำกับข้าว จ่ายตลาด เข้าสังคมกับงานโรงเรียนของลูก เป็นต้น
เมื่อมีวันหยุดยาว ก็เลือกไปพักผ่อนต่างจังหวัด หรือกลับไปเยี่ยมครอบครัวที่ภูมิลำเนาที่จากมา
น้อยครั้งที่จะมีโอกาสได้เข้าวัด นอกจากว่าวันหยุดนั้น เป็นวันประกอบพิธีทางศาสนา หรือเป็นวันพระพอดี
แม้แต่อยู่ในเมืองหลวง โอกาสที่จะใส่บาตรให้ครบสี่วันพระต่อหนึ่งเดือน ก็ยังทำได้ยากลำบาก
เพราะฉนั้นจึงไม่แปลกเลยที่คนไทยสมัยใหม่ห่างไกลวัดกันมากขึ้น
จึงดูเหมือนเหลือแต่เพียงคนวัยชราที่ไปไหนไม่ได้หรือคนมีทุกข์เท่านั้น ถึงเข้าวัด
..
จริงๆ แล้ว มนุษย์เราทุกคนนั้นโหยหาความดีงาม ศีลธรรม และการชำระล้างจิตใจให้สะอาด บริสุทธิ์
เพียงแต่การหมุนเวลาของโลกนั้น ทำให้เราถูกจำกัดอยู่กับการขวนขวายหาเงินใช้เพื่อให้ความสะดวกสบายกับตัวเองและครอบครัว
แต่แท้จริงแล้ว ถ้ามีโอกาส เราก็ยังอยากทำบุญ อยากสร้างกุศล อยากทำความดี(ถึงแม้มันจะยากและไม่เอื้อกับเวลาเราเลยก็ตามแต่)
..
ฉันนั้น ค่อนข้างโชคดีที่มีครอบครัวที่ปลูกฝังให้เข้าวัดตั้งแต่ยังเล็ก เช่นเดียวกับคนกลุ่มน้อยที่ยังดำรงอยู่ด้วยการหาเวลาว่างเข้าวัด ฟังธรรม
และพยายามสอนให้ลูกหลาน..มีพฤติกรรมที่เรียกว่า "ใกล้วัด"
ตอนยังเด็กนั้น ทุกครั้งที่ปิดเทอม พ่อกับแม่จะพาไปบวชพราหมณ์ จำนวนวันก็ตามแต่พ่อจะลาหยุดจากงานราชการได้
จนกระทั่งจบมัธยมปลาย เข้าเรียนมหาวิทยาลัย ซึ่งต้องลงเรียนซัมเมอร์ และห่วงเที่ยวกับเพื่อนซะส่วนใหญ่ จึงหายจากการบวชพราหมณ์ไป
พอเข้าวัยทำงาน การไปบวชยิ่งยากลำบาก จนกระทั่งมามีโอกาสไปในช่วงวันปิยะมหาราชที่ผ่านมา
..
ไปแล้วเข้าใจดีเลย ถึงความยากลำบากของพระอาจารย์ที่พยายามจะถ่ายทอดคำสอนของพระพุทธเจ้าให้กับบุคคลทั่วๆ ไปฟัง
เพราะวัยรุ่นนั้น เห็นเป็นเรื่องน่าเบื่อ
เพราะวัยทำงานนั้น มีอัตตา(ความเป็นตนเอง) มากจนไม่เชื่ออะไรเลยนอกจากตนเอง
เพราะวัยผู้ใหญ่นั้น มีภาระหน้าที่มากเกินจะให้เวลากับธรรมะ
เพราะวัยชรานั้น ร่างกายไม่อำนวยให้นั่งนาน นอนตื่นไวเพื่อปฏิบัติตน
แต่จะมีสักกี่คน ที่อุทิศเวลาและอุทิศชีวิตให้กับการเผยแพร่หลักคำสอนของพระพุทธเจ้า
..
พระอาจารย์สุขกาย สบายใจ(อัคคกาโย)
สำนักสำนักปฏิธรรมชื่อ สำนักสุขกายสบายใจ(ดงพญาเย็น)
ตั้งอยู่ที่ บ้านน้ำพุซอย 6 หมู่ 1 ต.พญาเย็น อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา
สารภาพตามตรงว่า ฉันเองก็อยู่ในวัยทำงาน ที่มีตัวเองเป็นอัตตา(ที่ยิ่งใหญ่) เหมือนเช่นคนวัยทำงานอื่น ทั่วไป
เพราะฉนั้น การฟังคำบรรยายของพระอาจารย์นั้น จึงเป็นแค่การทำความเข้าใจ หลักคำสอนในเรื่องรูปนาม ที่ท่านนำมาสอน
หากแต่ไม่ใช่จดจำเพื่อนำไปใช้ เนื่องจากตอบโจทย์ตัวเองไว้ว่า เป็นการไปบวชเพียงเพื่อจะไปเป็นเพื่อนพ่อที่กำลังซึมเศร้าเนื่องจากแม่จากไป
เท่านั้น
แต่การไปอยู่ในสำนักปฏิบัติธรรมเป็นเวลาสามวันสองคืนนั้น สิ่งที่เห็นได้ชัด
คือกิจของพระอาจารย์
ความมานะพยายามของท่านในการทำเพื่อเผยแพร่พระธรรม ซึ่งเป็นคำสอนของพระพุทธเจ้า
สิ่งที่คนไทยในสมัยนี้นั้น ละเลยเสียเป็นส่วนมาก
พระอาจารย์ตื่นตีห้าครึ่ง ทำวัตร และลงสอนผู้เข้าร่วมเรียน ต่อจนถึงเจ็ดโมง ฉันท์เช้า สองโมงครึ่งออกอากาศรายการวิทยุเผยแพร่ พระธรรม
สามโมงครึ่ง ลงสอนที่สำนักฯ ต่อ ห้าโมงฉันท์เพล เที่ยง ออกรายการวิทยุ บ่ายสองโมง สอนที่สำนักฯ
ห้าโมงครึ่ง ออกพบโยมที่มาให้ชี้ทางสว่างแห่งปัญญา หนึ่งทุ่ม ทำวัตรเย็น สองทุ่ม สอนที่สำนักฯ สามทุ่มครึ่ง จำวัด เที่ยงคืน ออกรายการวิทยุ
ถึงตีสี่ จำวัด ตีห้าครึ่ง ตื่น (เข้าตารางกิจเดิม)
รวมเบ็ดเสร็จการจำวัดของท่าน หนึ่งวัน ไม่เกินสี่ชั่วโมง
นี่คือตารางกิจที่เรามองเห็นได้ด้วยตนเองเนื่องจาก เราอยู่ในการบวชเรียนพระธรรมครั้งนี้ด้วย
ส่วนตารางวันที่ไม่มีการจัดเรียนพระธรรมนั้น พระอาจารย์ จำวัดที่วัดรวก(บางบำรุ) ซึ่งมีการจัดสอนพระธรรม เพิ่มเติมที่วัด และมีการ
ออกรายการวิทยุเพิ่ม
ยกตัวอย่างรายการวิทยุบางวัน
AM 963 เวลา 0.55 - 2.20 am. วันจันทร์ - วันศุกร์
AM 963 เวลา 0.55 - 3.15 am. วันเสาร์ - วันอาทิตย์
FM 104.25 เวลา 14.00 - 15.00 วันจันทร์ - วันศุกร์
และอีกมาก
ถามตัวเองว่าเราเคยไหมที่ตั้งมั่นและมุมานะทำสิ่งที่เป็นประโยชน์แก่ส่วนรวมโดยไม่เห็นแก่ความเหนื่อยยาก..
มากมายขนาดนี้
...
การอุทิศเวลาและชีวิตให้กับการเผยแพร่หลักคำสอนของศาสนาโดยไม่เห็นแก่ความลำบากและเหนื่อยยากนั้น ทำให้เราเกิดข้อกังขา(ตามวิสัยคน
มีอัตตามาก) จึงสอบถามข้อสงสัยเหล่านั้นกับผู้เข้าอบรมคนอื่นๆ
พบว่า การสอนที่วัดรวกฯ นั้น แม้มีผู้เข้าอบรมท่านเดียว พระอาจารย์ก็ยังลงมาสอน
พบว่า การสร้างสำนักฯ ที่มวกเหล็กนี้ ท่านสร้างศาลาให้ผู้เข้าอบรมพักก่อน ส่วนตัวท่านนอนในรถตู้
พบว่า การออกรายการวิทยุนั้น ช่วงที่ต้องรอเวลาสับระหว่างช่วงเวลาที่ท่านไม่ได้ใช้นั้น ท่านต้องนอนรอในท่านั่งบนเก้าอี้ เพื่อให้ถึงเวลาที่ตัวท่าน
ได้จัดรายการ
พบว่า ท่านไม่เก็บค่าหนังสือที่เผยแพร่ รวมทั้งซีดี และอนุญาตให้นำซีดี มาเผยแพร่(ซึ่งจะลงลิงค์ไว้ด้านล่าง) โดยไม่ได้ให้เรียกร้องขอให้ใครเข้า
มาช่วยร่วมบริจาคค่าใช้จ่ายใดๆ เลย
สิ่งที่พบได้จากการตั้งใจและมุมานะของท่าน
พบว่า ที่ดินของสำนักฯ นั้น มีผู้ใจบุญบริจาคให้แต่ที่ดิน และท่านลงมือขุดปลูกเสาตั้งศาลาด้วยตนเอง ซึ่งแต่แรกเลย เป็นแค่เต็นท์เปล่า แล้วเริ่ม
ตั้งเสา ต่อมาก็มีผู้ใจบุญบริจาคกระเบื้องมาปูหลังคา มีคนบริจาคแรงและปูนหินมาทำห้องน้ำ
จากรูปนี้ แสกนจากปกหน้า - หลัง ซีดีฯ จะเห็นว่าหลายอย่างยังไม่เรียบร้อย ซึ่งก็ไม่ต่างอะไรจากที่ไปเห็นมา
แต่ตลอดเวลาที่อยู่เรียนพระธรรม ท่านไม่ได้ขอให้ใครบริจาคเลย
เพียงแค่เดินหน้าทำต่อไป เท่าที่กำลังมี
ทุกวันที่อยู่ปฏิบัติธรรม คนที่รู้เรื่องการฝึกสอนทางวิทยุนั้นเดินทางทยอยมาอย่างต่อเนื่อง บางคนนำไข่มา บางคนนำข้าวสารมา บางคนนำ
ก๋วยเตี๋ยวมา บางคนมาส่งพ่อส่งแม่มาอยู่สำนักฯ แล้วก็นำน้ำถัง น้ำแข็งมาถวายด้วย
เพราะได้มาเห็นความตั้งใจจริงในความยากลำบากของพระอาจารย์ จึงให้การช่วยเหลือเท่าที่กำลังของแต่ละคนจะให้ได้
ศาลาที่เรานอนนั้นยังมีหลังคาที่ไม่ช่วยกันฝนสาด พวกเราจึงเปียกฝนกันถ้วนหน้าวันที่พายุกระหน่ำ
วันที่ไข่หมด ข้าวสารเปียก พวกเราก็กินน้ำพริกกับผักต้มที่เก็บได้ในท้องไร่ กับน้อยหน่าที่พระอาจารย์ที่ปลูกไว้
วันที่คนมาเยอะ ห้องน้ำเรามีอุปกรณ์แตกหัก พวกเราก็รวมเงินกันซื้อก๊อกน้ำมาเปลี่ยนใช้
พื้นดินที่น้ำขังแฉะนั้นเรายังทำอะไรไม่ได้ โรงทานที่กินข้าวนั้น น้ำยังท่วมเพราะเป็นศาลาโปร่งเราก็ยังทำอะไรไม่ได้
หลายอย่างเลยที่ยังขาดปัจจัย และขาดความสะดวก สำหรับผู้ที่มีโอกาสได้ปฏิบัติธรรม
แต่เรานั้นเป็นคนธรรมดาไม่ได้มีเงินมากมายอะไร เงินพันเดียว ก็ยังมีค่ามากสำหรับการใช้จ่ายของตนเอง
แต่เมื่ออยากทำบุญแล้ว จะทำยังไงได้
ถามพระอาจารย์ไปอย่างซื่อๆ
พระอาจารย์ตอบว่า ทำบุญ ทำเท่าที่มี ทำที่ตัวเองไม่ลำบาก เพราะถ้าทำบุญแล้วตัวเองลำบาก นั้นนำบาปมาให้พระ
โยมอยากทำ ก็ทำ สิบบาทยี่สิบบาท ก็คือทำ บุญได้จากการตั้งใจทำ ไม่ใช่จากจำนวนบุญหรือจำนวนเงินที่ทำ
ยิ้มออก
นอกจากทำบุญไปแล้ว ก็ยังนำบุญนั้นมาเผยแพร่ต่อ ให้ทุกๆ ท่านที่อยากทำบุญ อยากจะช่วยเหลือสำนักปฏิบัติธรรมที่พยายามจะเผยแพร่คำสอน
ของพระพุทธเจ้าโดยไม่คาดหวังสิ่งใดตอบแทน นอกจากทำให้มนุษย์นั้นยึดมั่นในศีลธรรม และความดี
ถ้าหากใครมีโอกาส เชิญไปร่วมปฏิบัติธรรมได้ สำนักฯ นั้นจัดบวชพราหมณ์ ทุกวันหยุดนักขัตฤกษ์ การบวชนั้นรับศีล 8 มีข้อห้ามดังนี้
๑. เว้นจากทำลายชีวิต
๒. เว้นจากถือเอาของที่เขามิได้ให้
๓. เว้นจากประพฤติผิดพรหมจรรย์ คือเว้นจากร่วมประเวณี
๔. เว้นจากพูดเท็จ
๕. เว้นจากของเมา คือ สุราเมรัยอันเป็นที่ตั้งแห่งความประมาท
๖. เว้นจากบริโภคอาหารในเวลาวิกาล คือเที่ยงแล้วไป
๗. เว้นจากฟ้อนรำ ขับร้อง บรรเลงดนตรี ดูการเล่นอันเป็นข้าศึกต่อพรหมจรรย์ การทัดทรงดอกไม้ ของหอม และเคลื่องลูบไล้ซึ่งใช้เป็นเครื่อง
ประดับตกแต่ง
๘. เว้นจากที่นอนอันสูงใหญ่ หรูหราฟุ่มเฟือย
หรือจะรับแค่ศีลห้า ก็ได้ ไม่ห้าม(ตัดข้อ 6-8 ออก)
หรือว่าใครไม่สะดวกไป แต่ต้องการบริจาค ขออนุญาตพระอาจารย์ ลงเลขที่บัญชีไว้ให้เพื่อนๆ ที่มีจิตศรัทธาได้บริจาค
ชื่อ อาจารย์สุขกาย อัคคกาโย
เลขที่บัญชี 094-2129-376 ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาปิ่นเกล้า
โทรศัพท์ 087 9196655
อย่าลืมว่า มีน้อยบริจาคน้อย มีมาก บริจาคตามกำลังศรัทธาและเจตนาต้องการส่งเสริมและช่วยเหลือในการจัดบวชพราหมณ์โดยไม่คิดค่าใช้จ่าย
ใด ๆ ของพระอาจารย์เลย
ส่วนหลักคำสอนของพระอาจารย์นั้น ขออนุญาติลงเป็นลิงค์ให้เข้าไปดาวน์โหลดกันมาลองฟัง
หลักคำสอนของพระธรรมนั้น บุคคลจะรู้ได้ด้วยตนเอง
ถ้าฟังแล้วต้องการฟัง หรือต้องการถามคำถามพระอาจารย์ สามารถเปิดวิทยุลองฟังตามคลื่นที่บอกไว้ ซึ่งสามารถโทรเข้าไปถามปัญหากับพระ
อาจารย์ได้ในรายการ หรือเบอร์โทรที่ลงไว้ก็ได้
ขอให้บุญกุศลนี้จงเกิดแก่ทุกท่านที่มีความตั้งใจจะกระทำความดี มากหรือน้อยไม่สำคัญเลย
สำคัญที่ความดีที่ตั้งใจเพียงเท่านั้น
ขอให้สิ่งดีงามที่ตั้งใจนั้น ส่งผลให้เจริญด้วยหน้าที่การงานและสติ พลัง วัฒนะ
ลิงค์สำหรับดาวน์โหลด
รายการวิทยุที่พระอาจารย์จัดทำการเผยแพร่คำสอน
21 วิปัสสนารูปนาม - ตอนที่ ๒๑.mp326.7 MBDone!
Download Link: http://www.upload.in.th/index.php/files ... Qg/21-.mp3
22 วิปัสสนารูปนาม - ตอนที่ ๒๒.mp325.9 MBDone!
Download Link: http://www.upload.in.th/index.php/files ... xR/22-.mp3
23 วิปัสสนารูปนาม - ตอนที่ ๒๓.mp326.5 MBDone!
Download Link: http://www.upload.in.th/index.php/files ... iE/23-.mp3
24 วิปัสสนารูปนาม - ตอนที่ ๒๔.mp326.9 MBDone!
Download Link: http://www.upload.in.th/index.php/files ... o7/24-.mp3
25 วิปัสสนารูปนาม - ตอนที่ ๒๕.mp325.5 MBDone!
Download Link: http://www.upload.in.th/index.php/files ... vP/25-.mp3
26 วิปัสสนารูปนาม - ตอนที่ ๒๖.mp325.3 MBDone!
Download Link: http://www.upload.in.th/index.php/files ... gx/26-.mp3
27 วิปัสสนารูปนาม - ตอนที่ ๒๗.mp325.8 MBDone!
Download Link: http://www.upload.in.th/index.php/files ... Vf/27-.mp3
28 วิปัสสนารูปนาม - ตอนที่ ๒๘.mp327 MBDone!
Download Link: http://www.upload.in.th/index.php/files ... ET/28-.mp3
29 วิปัสสนารูปนาม - ตอนที่ ๒๙.mp3 25.1 MB Done!
Download Link: http://www.upload.in.th/index.php/files ... Rx/29-.mp3
30 วิปัสสนารูปนาม - ตอนที่ ๓๐.mp3 25.8 MB Done!
Download Link: http://www.upload.in.th/index.php/files ... Oo/30-.mp3
31 วิปัสสนารูปนาม - ตอนที่ ๓๑.mp3 26.2 MB Done!
Download Link: http://www.upload.in.th/index.php/files ... Yh/31-.mp3
32 วิปัสสนารูปนาม - ตอนที่ ๓๒.mp3 25.1 MB Done!
Download Link: http://www.upload.in.th/index.php/files ... ov/32-.mp3
33 วิปัสสนารูปนาม - ตอนที่ ๓๓.mp326.6 MBDone!
Download Link: http://www.upload.in.th/index.php/files ... Fn/33-.mp3
หากต้องการรายละเอียดเพิ่มเติม สามารถสอบถามได้ที่พระอาจารย์โดยตรง
หรือสอบถามได้ที่ข้าพเจ้า sunjena@gmail.com
อนุโมทนาสาธุกับสิ่งดีๆท่านนำมาฝากครับ 