ลานธรรมจักร http://dhammajak.net/forums/ |
|
สำนึกดีในมวลมนุษย์ http://dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=1&t=26578 |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 |
เจ้าของ: | วรานนท์ [ 29 ต.ค. 2009, 20:56 ] |
หัวข้อกระทู้: | สำนึกดีในมวลมนุษย์ |
![]() ![]() ![]() อ่านของคนอื่นมามากแล้ว ขอวรานนท์ทำหน้าที่หามาให้อ่านบ้างครับ สำนึกดีในมวลมนุษย์ สร้างสันติสุขโลก เพื่อความเจริญงอกงามแห่งปัญญา พัฒนาจิต ชีวิตพัฒนา คนโง่ = แข็งกระด้าง จึงล้มเหลว ดั่งเปลือกไม้ ร่วงหล่นลงสู่ดิน คนฉลาด = ยืดหยุ่น จึงกระจายตนไปในสถานการณ์ต่างๆ ดั่งรากไม้แผ่ซ่านไป ในปฐพี คนเจ้าปัญญา = อ่อนโยน จึงเจริญงอกงาม ดั่งยอดไม้ที่ทะยานขึ้นสู่ที่สูง อย่ามัวโง่ งมงาย จงขวนขวายพัฒนา และอย่าฉลาดอย่างขาดปัญญา จงเป็นมนุษย์เลิศปัญญายิ่งๆขึ้นไป ที่สำคัญแท้จริง จงมีปัญญาจริงแท้ในจิตใจ ให้ได้ก่อนอื่น ว่าด้วยการบริหารเป้าหมาย คนโง่ = มักใช้ชีวิตอย่างไร้เป้าหมาย จึงว่ายไป แล้ววนกลับมาที่เดิม ต้องเริ่มต้น ใหม่ร่ำไป สู่อนาคตที่ไร้ทิศทาง คนฉลาด = มักตั้งเป้าหมายชีวิตยิ่งใหญ่ จึงไม่พึงพอใจกับภาวะที่ตนเป็นสักที เพราะดูทีไรก็ยังห่างไกลเป้าหมายเสมอ คนเจ้าปัญญา = ย่อมมีเป้าหมายสูงสุดแห่งชีวิต และมีเป้าหมายน้อยนิดสานสู่ เป้าหมายใหญ่ จึงมีบันได ความสำเร็จให้บรรลุเป็นลำดับไป ได้กำลังใจและหรรษาไปตลอดหนทาง ว่าด้วยความคิด คนโง่ = ทำก่อนแล้วถึงคิด จึงผิดพลาดอยู่เนืองๆ ต้องเปลืองเวลาและ ความรู้สึก ตามแก้ปัญหาไม่สิ้นสุด คนฉลาด = คิดมากก่อนแล้วจึงทำ จึงเพ้อเจ้ออยู่เป็นประจำ แม้ประสงค์จะทำดี มากแต่ทำได้น้อย เพราะเขม่าความคิดปิดกั้นความหาญกล้า คนเจ้าปัญญา = คิดไปทำไป จึงทำได้อย่างที่คิด และคิดพอดีที่ทำ ประหยัดพลัง งานและบริหารเวลาได้เหมาะสม ลดความหลอนป้องกันความ ผิดพลาดที่ขื่นขม และประสบความสำเร็จโดยไม่เหน็ดเหนื่อย (มีต่อ) ![]() ![]() ![]() |
เจ้าของ: | วรานนท์ [ 29 ต.ค. 2009, 20:58 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: สำนึกดีในมวลมนุษย์ |
![]() ![]() ![]() ว่าด้วยทัศนคติ คนโง่ = ดูหมิ่นความดี มองโลกในแง่ร้ายด้านเดียว จึงได้รับแต่สิ่งชั่วร้ายมาพา ชีวิตตกต่ำ กลายเป็นทาสสถานการณ์ ยามพบสิ่งดีจะไม่เข้าใจ จึง พลาดโอกาสใหญ่ คนฉลาด = ชอบทำดีและคิดดี มักมองโลกในแง่ดีด้านเดียว จึงได้รับแต่สิ่งดีโดย มาก ครั้นพบสิ่งชั่วร้าย จะทนไม่ได้ ทำใจไม่เป็น ต้องถอยหนีสถาน การณ์ ดวงใจแตกร้าว ชีวิตจึงมีแต่ความระคายเคืองและปฏิฆะเร้น ลึก คนเจ้าปัญญา = ละชั่วเด็ดขาด และทำดีเป็นนิสัย โดยไม่ติดดี แล้วละความดี เข้าสู่ความบริสุทธิ์ จึงเห็นที่สุดแห่งความเป็นจริงแท้แห่งโลกว่า ทุกสิ่งในโลกมีทั้งคุณโทษ และความเป็นกลางอยู่ จึงบริหาร สถานการณ์ได้ และทำใจได้ในทุกสถานการณ์ ว่าด้วยความโง่ และ ความฉลาด คนโง่ = ชอบคิดว่าตนฉลาดแล้ว จึงดักดานอยู่กับความโง่ของตนตามที่เป็น คนฉลาด = ชอบคิดว่าตนโง่ จึงชอบแกล้งโง่ และมักโง่ได้สมปรารถนาในที่สุด คนเจ้าปัญญา = ย่อมเห็นความโง่และความฉลาด ที่ซ้อนกันอยู่ และรู้วิธีที่จะยก จิตสู่ปัญญายิ่งๆขึ้นไป จึงค่อยๆหายโง่ และเลิกฉลาดโดยลำดับ ว่าด้วยการพูดจา คนโง่ = ชอบเถียง เขาจึงได้การทะเลาะและความบาดหมางแทนความรู้ คนฉลาด = ชอบถาม เขาจึงได้ความรู้และมิตรภาพ มากกว่าความแตกแยก คนเจ้าปัญญา = ชอบเฉยสังเกตุลึก เข้าใจสิ่งต่างๆ อย่างลึกซึ่ง แล้วจึงนำเสนอ อย่างเหมาะสม ว่าด้วยการวิพากษ์วิจารณ์ คนโง่ = มัววิพากษ์วิจารณ์นินทาคนอื่น เพราะไม่จริงใจกับใคร จึงไม่มีใครจริง ใจด้วย เขาย่อมมีแต่มิตรเทียม คนฉลาด = มัววิพากษ์วิจารณ์ตนอย่างที่เป็น โดยไม่เห็นการเปลี่ยนแปลงของ ตนที่ต้องเป็นไป คนอื่นจึงมักไม่เข้าใจเขาที่แปรเปลี่ยนไปเสมอและ ไม่มีคนเข้าใจเคียงข้างเขา คนเจ้าปัญญา = ย่อมไม่วิพากษ์วิจารณ์ใคร ด้วยแจ่มแจ้งว่าทุกคนก็เปลี่ยนไป เขาย่อมเลี่ยงคนที่ชอบวิจารณ์ตนและคนอื่น ทุกคนจึงสบายใจ ที่จะอยู่ใกล้เขา เขาย่อมมีมิตรแท้และมั่นคง (มีต่อ) ![]() ![]() ![]() |
เจ้าของ: | วรานนท์ [ 29 ต.ค. 2009, 21:01 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: สำนึกดีในมวลมนุษย์ |
![]() ![]() ![]() ว่าด้วยการบริหารธรรม คนโง่ = ดูหมิ่นธรรมะ ชีวิตจึงหายนะ คนฉลาด = ศึกษาธรรมะ จึงรู้สึก และดำเนินชีวิตด้วยดี คนเจ้าปัญญา = ใช้ธรรมะ จึงดำเนินชีวิตอย่างเหนือชั้น ว่าด้วยการทำงาน คนโง่ = ทำงานเพื่อเงิน จึงได้เงินมาอย่างยากเย็นและมักไม่ได้คุณค่าอื่นๆของ งาน คนฉลาด = ทำงานเพื่องาน จึงได้ผลงานที่ยิ่งใหญ่และได้เงินตามมาโดยง่าย คนเจ้าปัญญา = ทำงานเพื่อหยิบยืนคุณค่าแก่สังคม เขาจึงได้ผลงานที่น่าชื่นชม เงิน ชื่อเสียง และมิตรมหาศาลย่อมตามมาเสมอ ว่าด้วยการดำเนินชีวิต คนโง่ = มักโกงเขากิน กรรมจึงกระหน่ำให้เสียทรัพย์ ยากจนอยู่ร่ำไป ซ้ำมีศัตรู คอยกัดกร่อนตลอดเวลา คนฉลาด = แข่งขันแย่งกันกินอย่างถูกกฎหมาย จึงยุ่งยาก และพลาดไม่ได้ เพราะมีคู่แข่งพร้อมย่ำเหยียดเสมอ คนเจ้าปัญญา= แบ่งปันกันกินตาความพอดี จึงมีคนช่วยสร้าง ช่วยรักษาและช่วย เสพ และมีมิตรร่วมทุกข์ร่วมสุขโดยมาก ว่าด้วยการบริหารธุรกิจ คนโง่ = ทำธุรกิจด้วยความอยากได้ ผู้คนจึงหวาดระแวง และถอยหนี คนฉลาด = ทำธุรกิจด้วยความอยากและเปลี่ยน ผู้คนจึงพิจารณาและคบหา ตราบที่ยังได้ประโยชน์ คนเจ้าปัญญา = ทำธุรกิจด้วยความอยากให้ ผู้คนจึงต้อนรับด้วยความยินดีแม้จะ ต้องให้อะไรตอบบ้างก็ตาม ว่าด้วยการบริหารทรัพย์ คนโง่ = บริโภคความมีทรัพย์ นั่งนับอย่างเป็นสุขกับการได้มี คนฉลาด = บริโภคอำนาจของทรัพย์ เป็นสุขกับการที่ได้จับจ่ายใช้สอย คนเจ้าปัญญา = บริโภคคุณค่าแห่งทรัพย์ เป็นสุขกับการสร้าง รักษา และการ พัฒนาค่าของทรัพย์เป็นคุณสมบัติอื่นที่ยิ่งกว่า ว่าด้วยคุณค่า คนโง่ = ยึดความชอบ หรือ ความไม่ชอบ เป็นสำคัญ เขาจึงได้รัยความสุข และ ความทุกข์อันบีบคั้นเป็นของตอบแทน คนฉลาด = ยึดความถูก และ ความผิด เป็นสำคัญ เขาจึงได้รับศัตรูต่างความคิด เห็นเป็นรางวัล คนเจ้าปัญญา = ยึดประโยชน์สุขสำหรับทุกฝ่ายในทุกกาลเวลาเป็นสำคัญ เขาจึง ได้รับศรัทธา และ มหามิตรเป็นกำนัล ว่าด้วยการอวดตน คนโง่ = ชอบอวดตัว เขาจึงได้รับความหมั่นไส้ การต่อต้าน และความเจ็บปวด เป็นรางวัล คนฉลาด = ชอบถ่อมตัว เขาจึงได้รับความเห็นใจ การดูหมิ่น และการช่วยเหลือ เป็นรางวัล คนเจ้าปัญญา = ย่อมมั่นใจตนแต่ไม่นิยมแสดงตัว ไม่ยกและไม่ถ่อมตัวแต่บริหาร สัมพันธภาพเพียงเพื่อผล วางตนและสำแดงบทบาทตามหน้าที่ เขาจึงได้รับความเคารพ และความเชื่อถือเป็นรางวัล ว่าด้วยความเก่งกาจ คนโง่ = มัวอวดเก่ง จึงไม่มีใครเติมความเก่งให้กับเขาอีก คนฉลาด = ชอบเรียนรู้เพื่อพัฒนาความเก่งให้ยิ่งขึ้น และเอาความเก่งมาใช้โดย ไม่อวด จึงได้ผลงานดี แต่อาจไม่ทุกเรื่อง และอาจไม่ยั่งยืน คนเจ้าปัญญา = หาความเก่งไม่เจอ แต่ทำอะไรก็ยอดเยี่ยมเสมอ เพราะมองเห็น ทุกอย่างในตนและนอกตนเป็นธรรมดา ทุกคุณสมบัติจึงเป็น ปกติ และยั่งยืนสำหรับเขา ว่าด้วยจรรยามารยาท คนโง่ = แข็งกระด้าง จึงล้มเหลว ดั่งเปลือกไม้ร่วงหล่นลงสู่ดิน คนฉลาด = ยืดหยุ่น จึงกระจายตนไปในสถานการณ์ต่างๆ ดั่งรากไม้แผ่ซ่านไปในผืนปฐพี คนเจ้าปัญญา = อ่อนโยน จึงเจริญงอกงาม ดั่งยอดไม้ที่ทะยานขึ้นสู่ที่สูง (มีต่อ) ![]() ![]() ![]() |
เจ้าของ: | วรานนท์ [ 29 ต.ค. 2009, 21:03 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: สำนึกดีในมวลมนุษย์ |
![]() ![]() ![]() ว่าด้วยความรักสัมพันธ์ คนโง่ = ชอบขอความรักและความเห็นใจ แต่มักได้รับความสมเพชตอบแทน เป็นประจำ คนฉลาด = ชอบให้ความรักความเข้าใจ และมักได้รับความหวังพึ่งพิงตอบ เนืองๆ คนเจ้าปัญญา = ชอบให้ปัญญาที่จะให้ทุกคนและเข้าใจตนเอง จึงได้รับความนับ ถือและความมีบุญคุณตอบแทนเสมอ ว่าด้วยแหล่งมิตรภาพ คนโง่ = ชอบหาเพื่อจากวงเหล้า หรือแหล่งอบายมุข จึงได้แต่มิตรเทียมที่นำ ภัยมาสู่ชีวิต และต้องแตกแยกกลุ่มแล้วกลุ่มเล่า คนฉลาด = ชอบหาเพื่อนจากงาน จึงได้มิตรดีร่วมอุดมการณ์ แต่เมื่องานหมด หรือล้มเหลว มิตรดีเหล่านั้นก็อันตรธานไปและบางคนก็ผันมาเป็น ศัตรูหรือคู่แข่ง คนเจ้าปัญญา = ชอบหาเพื่อนจากธรรมสภาวะ จึงได้มิตรแท้ที่มีรสนิยมเหนือ เงื่อนไขทางโลก ความสัมพันธ์จึงสะอาด และมีแนวโน้มนิรันดร ว่าด้วยความสัมพันธ์เชิงสร้างสรรค์ คนโง่ = มองแต่ความชั่วร้ายในคนอื่น จึงหยิบยื่นแต่โทษให้แก่กัน และได้รับ ความทุกข์ตรมเป็นของกำนัล คนฉลาด = มองแต่ความดีในคนอื่น จึงหยิบยื่นคุณค่าให้แก่กัน และได้รับความ สุขระคนทุกข์อันประณีตเป็นของกำนัล คนเจ้าปัญญา = มองทั้งความดีและความชั่วในทุกตัวคน จึงควบคุมแม้เล็กน้อยที่ อาจเกิดระหว่างกัน แล้วหยิบยื่นคุณค่าให้เพื่อการพัฒนาร่วมกัน ปฏิสัมพันธ์ย่อมเป็นไปเพื่อประโยชน์สุขทุกฝ่ายอย่างต่อเนื่อง และได้รับความเจริญรุ่งเรืองยั่งยืนเป็นกำนัล ว่าด้วยการสนองตอบผู้มีพระคุณ คนโง่ = เนรคุณผู้มีบุญคุณ จึงไม่มีใครอยากทำดีกับเขาอีก คนฉลาด = กตัญญูผู้มีคุณ จึงมีคนอยากทำดีกับเขามากมาย ซึ่งต้องตามชดใช้ บุญคุณกันไม่รู้จบ คนเจ้าปัญญา = ยกระดับผู้มีบุญคุณให้สูงส่งขึ้น จึงทดแทนบุญคุณกันได้หมด และผู้มีพระคุณกลายเป็นหนี้บุญคุณ และพร้อมที่จะให้พระ คุณที่ยิ่งกว่า เกิดวงจรการให้และการรับที่พัฒนาต่อเนื่อง ทุก ฝ่ายจึงได้ประโยชน์อย่างยิ่ง ว่าด้วยชาตินิยม คนโง่ = ดูหมิ่นชนชาติของตนเอง แต่ชื่นชมชนชาติอื่น จิตใจเขาจึงขมขื่นและ ดิ้นรนไปเป็นทาสชนชาติอื่น ซึ่งยิ่งทำให้ชีวิตขมขื่นยิ่งขึ้น คนฉลาด = ชื่นชมชนชาติของตนเอง แต่ดูหมิ่นชนชาติอื่น จึงหลงตนเอง หลง พวก คับแคบ ดูหมิ่นและเบียดเบียน แม้รุ่งเรือง ก็มีศัตรูต่างพวก เสมอ คนเจ้าปัญญา = ชื่นชมส่วนดีในชนชาติของตนเองทั้งชื่นชมส่วนดีในชนชาติอื่น แล้วนำมาใช้ จิตใจเขาจึงเป็นสากล รุ่งเรืองในโลกกว้างอย่างไร้ ศัตรู ว่าด้วยลักษณะความสัมพันธ์ คนโง่ = เอาแต่ได้ จึงเป็นที่รังเกียจ คนฉลาด = เอาแต่ให้ จึงเป็นที่รักระคนทุกข์ยากแต่สุขใจ คนเจ้าปัญญา = จัดระบบการรับและให้สมดุลกันโดยคุณค่าแห่งความแตกต่าง จึงพอดีและเป็นที่พอใจ ว่าด้วยความเป็นไปได้ คนโง่ = ชอบคิดว่า ทุกสิ่งที่หวังเป็นไปไม่ได้ จึงขังตนเองในความเกียจคร้าน ชีวิตต้อยต่ำ คนฉลาด = ชอบคิดว่า ทุกสิ่งที่หวังเป็นไปได้ จึงทะยานไปในตัณหาไม่รู้จบชีวิต กระเจิดกระเจิง คนเจ้าปัญญา = ย่อมเห็นว่าในบรรดาสิ่งที่หวัง บางสิ่งเป็นไปไม่ได้ บางสิ่งเป็นไป ได้ ในบรรดาสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ทั้งหมดนั้น บางสิ่งเป็นไปไม่ได้ ถาวร บางสิ่งเป็นไปไม่ได้ชั่วคราว และในบรรดาสิ่งที่เป็นไปได้ ถาวรนั้น บางสิ่งก็ไม่มีประโยชน์ บางสิ่งมีประโยชน์ เขาจึงปรับ ความหวังให้สอดคล้องกับความเป็นไปได้ที่มีประโยชน์ และ ปรับสิ่งเป็นไปไม่ได้ชั่วคราว ให้เป็นไปได้มากขึ้น ชีวิตจึงอยู่กับ ความสมหวังและการพัฒนาโดยลำดับ ว่าด้วยการบริหารและการปกครอง คนโง่ = พยายามบริหารคน จึงวุ่นวายสับสนตามธรรมชาติของคน คนฉลาด = พยายามบริหารประโยชน์สัมพันธ์ จึงยุ่งยากซับซ้อนตามปรารถนา อันไม่สิ้นสุด คนเจ้าปัญญา = พยายามบริหารระบบธรรม จึงสงบลงตัว ณ จุดพอดี ว่าด้วยการจัดการกับปัญหา คนโง่ = พอพบปัญหาอะไรก็โวยวาย ก่อให้เกิดปัญหาทางอารมณ์และความสัมพันธ์อีกหลายชั้น จึงยิ่งเสียหาย คนฉลาด = พอพบปัญหาวิเคราะห์ เป็นการใช้ความคิดแก้ปัญหา จึงมักติดบ่วงความคิด วนไปวนมา คนเจ้าปัญญา = พอพบปัญหาอะไรก็วางก่อน พอเป็นอิสระมีอำนาจเหนือกว่าปัญหาแล้ว จึงจัดการกับปัญหานั้นอย่างเหนือชั้น ว่าด้วยการปกครอง คนโง่ = คิดปกครองคนอื่น ขณะที่ตนเองก็คือคนๆหนึ่ง จึงไม่อาจปกครองใคร ได้แท้จริง การทรยศจึงเกิดขึ้นเนืองๆ คนฉลาด = คิดประสานกิเลสและคุณธรรมของคน จึงลงตัวตราบที่กิเลสไม่ กำเริบและคุณธรรมไม่เสื่อม เมื่อกิเลสกำเริบหรือคุณธรรมเสื่อมก็ แตกร้าวเนืองๆ คนเจ้าปัญญา = คิดยกระดับปัญญาและความบริสุทธิ์ของคน เมื่อปัญญามาก และความบริสุทธิ์ถึงที่สุด ทุกคนจะจัดตนเข้าฐานะหน้าที่อัน เหมาะสมเอง จึงไม่ต้องพยายามปกครองกันอีก ว่าด้วยการความผิด คนโง่ = เห็นแต่ความชั่วร้ายของคนอื่น และโยนความผิดให้ผู้อื่นอยู่เรื่อย เป็น การทำมิตรให้กลายเป็นศัตรู ชีวิตจึงอยู่ในท่ามกลางอันตราย คนฉลาด = เห็นแม้ความชั่วร้ายในตนเอง จึงกล้ายอมรับความจริง และแก้ไขตัว ทำให้ตนดีขึ้น ทำให้แม้ศัตรูก็ยอมรับได้มากขึ้น ชีวิตจึงเจริญและ ผาสุกโดยลำดับ คนเจ้าปัญญา = เห็นความชั่วร้ายสากล จึงเข้าใจทุกคนในทุกสถานการณ์เห็นสัด ส่วนการบริหารคนที่เหมาะสม โดยไม่ทำร้ายคน แต่จะทำลาย ความชั่วสากลให้สิ้นไป จึงสนุกสนานในการบริหารเรื่อยไป (มีต่อ) ![]() ![]() ![]() |
เจ้าของ: | วรานนท์ [ 29 ต.ค. 2009, 21:06 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: สำนึกดีในมวลมนุษย์ |
![]() ![]() ![]() ว่าด้วยคนดีและคนชั่ว คนโง่ = เห็นคนดีว่าชั่ว เห็นคนชั่วว่าดี ชีวิตจึงประสบภัยใหญ่หลวง คนฉลาด = เห็นคนดีว่าดี เห็นคนชั่วว่าชั่ว ชีวิตจึงต้องระมัดระวัง หลบหลีก เลือกเฟ้นเป็นพัลวัน คนเจ้าปัญญา = เห็นคนดีว่าไม่ดีจริง เห็นคนชั่วว่าชั่วไม่จริง จึงไม่ยกย่องผู้ใดและ ไม่เหยียบย่ำใคร แต่บริหารทุกคนไปสู่สภาวะที่ประเสริฐกว่าที่ เขาเป็นได้เสมอ ว่าด้วยการบริหารชีวิต คนโง่ = ดิ้นรนเพื่อการดำรงอยู่ จึงอยู่ต่อไปแม้โง่งมและตรมทุกข์ คนฉลาด = ดิ้นรนเพื่อการพัฒนา จึงมีชีวิตที่เจริญก้าวหน้าโดยลำดับ คนเจ้าปัญญา = ดิ้นรนเพื่อความเป็นอิสระเหนือธรรมชาติ จึงหลุดพ้นโดยลำดับ ว่าด้วยผู้พูด คนโง่ = ชอบให้อารมณ์พูด จึงผิดพลาดมากล้มเหลวบ่อย คนฉลาด = ชอบใช้เหตุผลพูด จึงถูกต้องมากแต่มักไร้ความรู้สึก และประสบแต่ ความสำเร็จอันแห้งแล้ง คนเจ้าปัญญา = ชอบใช้ธรรมะพูด จึงบริสุทธิ์เหนือถูกเหนือผิดและเป็นหนึ่งเดียว กับความสำเร็จโดยธรรม ว่าด้วยระบบธุรกิจ คนโง่ = เรียกร้องการผูกขาด เพื่อเอาเปรียบผู้อื่น สร้างความดักดานและปวง กรรมปิดกั้นสังคม คนฉลาด = เรียกร้องเสรี เพื่อแข่งขันกันอย่างเต็มที่ และกอดคอกันสู่หายนะ คนเจ้าปัญญา = เรียกร้องดุลยภาพ ที่ทุกระบบสัมพันธ์กันอย่างสมดุล และรุ่ง เรืองอย่างพอดี ว่าด้วยพันธสัญญา คนโง่ = ไม่กล้ารับปากใครแม้กับตนเอง จึงไม่ได้รับความเชื่อถือแม้ต่อตนเอง คนฉลาด = รับปากเรื่อยไปในทุกเรื่อง ต้องเพียรพยายามทำตามสัญญา ด้วย ความเหนื่อยยาก และทำได้บ้างไม่ได้บ้าง ได้รับความเชื่อถือบ้าง ไม่เชื่อถือบ้าง คนเจ้าปัญญา = ชวนทุกคนที่เกี่ยวข้องร่วมพันธสัญญา จึงได้พลังร่วมของส่วน รวมที่จะขับเคลื่อนภารกิจไปสู่ความสำเร็จ ว่าด้วยปฏิสัมพันธ์ คนโง่ = ชอบเอาเปรียบคนอื่น จึงได้ประโยชน์คนสั้นๆ แต่เสียรัก และความ ศรัทธา คนฉลาด = ชอบยอมเสียเปรียบคนอื่น จึงได้คนรักและความศรัทธา แต่ขมขื่น ในใจตน คนเจ้าปัญญา = ชอบบริหารประโยชน์สุขทุกฝ่าย จึงเป็นสุขใจ ได้คนรัก ความ ศรัทธา และสถาปนาระบบประโยชน์อันยั่งยืน ว่าด้วยความเพียร คนโง่ = มัวขยันในเรื่องที่ไร้สาระ จึงมักพบปะแต่เรื่องไร้ประโยชน์ แล้วมักตัด พ้อว่า ทำไมทำดีแล้วไม่ได้ดี คนฉลาด = มักขยันในเรื่องที่มีคุณมากมีโทษน้อย จึงได้ประโยชน์มากและมัก โทษแทรกบ้าง แล้วมักบ่นว่าอุตส่าห์ระวังอย่างที่สุดแล้วยังพบเรื่อง ร้ายๆอีก คนเจ้าปัญญา = ขยันทำตนให้เหนือคุณและโทษ จึงบริหารสถานการณ์อย่าง อิสระ ไม่ปรากฏเสียงตัดพ้อหรือบ่นว่าอีกต่อไป ว่าด้วยความบ้า คนโง่ = เมาคำพุด จึงประคองสติไม่อยู่พลั้งพุดพล่อยบ่อยๆ สร้างกรรมและศัตรู มากมาย คนฉลาด = บ้าความคิด เขม่าเต็มขมอง จึงเต็มไปด้วยจิตหลอน สร้างมายา หลอกตนและคนอื่นมากมาย คนเจ้าปัญญา = บ้าความสงบ จึงพบสติเต็มที่รู้อยู่เป็นหลักให้ตนและคนอื่นได้ ว่าด้วยการบริหารสิ่งเร้า คนโง่ = มักไหลตามสิ่งเร้าที่เข้ามายั่วเย้า จึงแปรปรวนไปไม่รู้จบ คนฉลาด = มักปฏิเสธสิ่งเร้าที่เข้ามายั่วเย้า จึงเป็นตัวของตัวเองอย่างมากแต่ คับแคบอย่างยิ่ง คนเจ้าปัญญา = นิยมบริหารสิ่งเร้าที่เข้ามายั่วเย้า จึงสามารถกลั่นหา ประโยชน์ สูงสุดจากทุกสิ่งในทุกสถานการณ์ ว่าด้วยความรักและคู่รัก คนโง่ = กระหายคู่ จึงอยู่คนเดียวไม่ได้ เพราะไม่เป็นสุขต้องพึ่งพาอาศัยผู้อื่นเสมอ คนฉลาด = ปฏิเสธคู่ จึงเป็นสุขเมื่ออยู่คนเดียวและเป็นทุกข์เมื่ออยู่กับคนอื่น และหากยังต้องพึ่งพิงก็ยิ่งระทมและขมชื่น คนเจ้าปัญญา = ไม่แสวงหา แต่ก็ไม่ปฏิเสธคู่ที่พึงมี หากมคู่ก็ประคับประคองกัน ไปสู่ชีวิตที่สูงส่งยิ่งขึ้นทั้งคู่ จึงอยู่คนเดียวก็ได้เป็นสุขดี อยู่กับคู่ก็ดีเป็นสุขได้ (มีต่อ) ![]() ![]() ![]() |
เจ้าของ: | วรานนท์ [ 29 ต.ค. 2009, 21:13 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: สำนึกดีในมวลมนุษย์ |
![]() ![]() ![]() ว่าด้วยความจริงจัง คนโง่ = เห็นปรากฏการณ์ต่างๆในชีวิตเป็นเรื่องจริงจัง จึงเครียดแทบบ้า คนฉลาด = เห็นปรากฎการณ์ต่างๆในชีวิตเป็นเรื่องเล่นๆ จึงสนุกสนานจนไร้ สาระ คนเจ้าปัญญา = เห็นปรากฏการณ์ต่างๆในชีวิตเป็นตัวเร่งวิวัฒนาการ จึงรุ่งเรือง รวดเร็ว ว่าด้วยการบริหารอารมณ์ คนโง่ = มักจนอยู่ในอารมณ์คือเขา เขาคืออารมณ์ เขาจึงเป็นทาสของอารมณ์ เสมอ คนฉลาด = ชอบปฏิเสธอารมณ์ เพราะคิดว่าอารมณ์คือสิ่งรบกวน ทำตัวเป็นคน สงบที่ไร้อารมณ์ เขาจึงเป็นเพื่อนกับผีดิบ คนเจ้าปัญญา = ย่อมบริหารอารมณ์ สร้างอารมณ์ที่ควรสร้าง เสพอารมณ์ที่ควร เสพ ควบคุมอารมณ์ที่ควรควบคุม รักษาอารมณ์ที่ควรรักษา สลายอารมณ์ที่ควรสลาย เขาจึงเป็นนายของอารมณ์โดย สมบูรณ์ ว่าด้วยสำนึกในส่วนรวม คนโง่ = คิดแต่เรื่องส่วนตัว ทำอะไรก็เพื่อตนเอง แม้อาจทำให้คนอื่นเสียหาย จึง เป็นที่รังเกียจ สังคมไม่ต้องการ คนฉลาด = คิดแต่เรื่องส่วนรวม ทำอะไรก็เพื่อรวมส่วนรวม แม้อาจทำให้ตนเสีย หาย สังคมต่างต้องการแต่ตนไม่อาจตั้งอยู่ได้ คนเจ้าปัญญา = คิดแต่เรื่องคุณธรรม ทำอะไรก็เพื่อประโยชน์สุขทุกฝ่ายในทุก กาลเวลา จึงเป็นที่ต้องการของทุกฝ่าย ในขณะที่เขาอาจจะไม่ ต้องการใครเลย ว่าด้วยความสำเร็จ คนโง่ = รอให้ความสำเร็จมาหา อาจต้องรอหลายชาติกว่าจะพบสักครั้ง คนฉลาด = เดินไปหาความสำเร็จ จึงอาจมีโอกาสพบบ้างแม้เหนื่อยยาก คนเจ้าปัญญา = ปักหลักสร้างความสำเร็จ หากสร้างเป็นย่อมสำเร็จแน่ๆและ เหนื่อยน้อยกว่า วิวัฒนาการทางปัญญา เมื่อทราบลักษณะพฤติของคนโง่ คนฉลาด คนเจ้าปัญญาแล้ว จงประเมินดูว่าเราอยู่ในจำพวกไหน ทำเครื่องหมายไว้ แล้วนับจำนวนรวมแต่ละประเภท แล้วหาอัตราส่วนระหว่างพฤติแห่งความโง่ พฤติแห่งความฉลาด และพฤติแห่งความเจ้าปัญญาที่มีในตน จากนั้นจงตั้งใจลดความโง่เพิ่มความฉลาดในตนให้มากขึ้น และพัฒนาความฉลาดสู่ความเจ้าปัญญาให้มากยิ่งขึ้นไป แล้วประเมินใหม่ทุกเดือน ภายในหนึ่งปี ควรขจัดความโง่ให้สิ้นไปไม่เหลือซากแล้วจะพบว่าชีวิตนี้มีคุณค่ามากขึ้นโดยลำดับ. (คิด ดีๆ พุด ดีๆ ทำ ดีๆ ชีวิตได้ดี) จบแล้วครับอาจยาวไปหน่อย (ขอบคุณครับ) ![]() ![]() ![]() |
เจ้าของ: | sangphet [ 29 ต.ค. 2009, 22:37 ] | ||
หัวข้อกระทู้: | Re: สำนึกดีในมวลมนุษย์ | ||
ขอบคุณสำหรับข้อความดีดี อ่านแล้วมีประโยชน์มากค่ะ มัชฌิมา คือตรงกลาง ระหว่าวการสร้างสุขให้กับกาย และสร้างสุขให้กับใจของเรานั่นเอง
|
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 | เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง |
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group http://www.phpbb.com/ |