วันเวลาปัจจุบัน 29 มี.ค. 2024, 02:56  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 62 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2, 3, 4, 5  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 มี.ค. 2010, 20:35 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ค. 2007, 09:55
โพสต์: 1632


 ข้อมูลส่วนตัว


บทความนี้เขียนขึ้น ด้วยเมตตาต่อท่านทั้งหลาย ที่ไม่รู้ ไม่เข้าใจ ในคำว่า อัตตา อย่างแท้จริง บางคนขาดสติ พล่ามเพ้อเจ้อในเรื่องของ อัตตา อันอาจทำให้เกิดความเสื่อมเสียต่อศาสนา

ข้าพเจ้าเอง ก็ไม่ได้สนใจเกี่ยวกับคำว่า "อัตตา" เพราะข้าพเจ้าถือว่า
"สรรพสิ่งทั้งหลาย ทั้งที่มีชีวิต และไม่มีชีวิต ล้วนมีตัวตน" การเกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป ของสรรพสิ่งทั้งหลายเหล่านั้น เป็นเรื่องธรรมดา อาจนำมาใช้พิจารณาเป็นครั้งคราว หรือนำมาพิจารณา ตามแต่เหตุการณ์นั้นๆ ไม่นำมาพิจารณาอยู่เนืองๆ


ดังนั้น การอธิบายคำว่า "อัตตา" จึงเป็นการขยายความจาก พจนานุกรมพุทธศาสน์ ฉบับพระธรรมปิฎก ฯ ดังต่อไปนี้.-

อัตตา คือ ตัวตน หรือในภาษา สันสกฤต ก็คือ คำว่า " อาตมัน"
คำว่า ตัวตน นั้น หมายถึง ตัวตนทัังหมด ของสรรพสิ่งทั้งหลาย ในที่นี้หมายเอาเฉพาะสิ่งที่มีชีวิต และหมายเอาเฉพาะมนุษย์ เพราะสามารถพิสูจน์ได้ด้วยตัวของท่านทั้งหลาย
ตัวตน หรือ อัตตา แท้จริง ก็คือ ส่วนที่ประกอบกัน ด้วย รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ หรือ ขันธ์ ๕ นั่นเอง เมื่อตัวตนหรือ อัตตา ประกอบด้วยขันธ์ ๕ แล้ว ยังแจกแยกออกไปอีกว่า อันใดอันหนึ่งในขันธ์ ๕ นั้น ก็คือตัวตน หรือ อัตตาเช่นกัน
เช่น
รูป อย่างเดียว ก็เป็น อัตตา
สัญญา คือ ความจำ ก็เป็น อัตตา
เวทนา คือ ความรู้สึก ก็เป็นอัตตา
สังขาร คือ การปรุงแต่ง ก็เป็นอัตตา
วิญญาณ หรือ จิตวิญญาณ คือ ความรับรู้ในอารมณ์ ฯ เมื่อ อายตนะภายในกระทบกับอายตนะภายนอก ก็เป็น อัตตา
ในเรื่องของอัตตานี้ ยังสามารถอธิบายในรายละเอียด ได้อีกมากมาย เพราะการที่เราได้สัมผัสกับอายตนะภายนอก คือ รูป รส กลิ่น เสียง แสง สี โผฏฐัพพะ ธรรมารมณ์ นั่นหมายถึง การได้สัมผัสรับรู้ ด้วย ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ก็เพราะเรามีอัตตา คือ มีขันธ์ ๕
ถ้าหากสรรพสิ่งบางชนิด อาจจะมีเพียง รูป อย่างเดียว หรืออาจจะมี ไม่ครบ ทั้ง ๕ ขันธ์ หรือ อาจมีครบทั้ง ๕ ขันธ์ แต่ขันธ์เหล่านั้นมีการทำงานที่จำกัด ดังเช่นสัตว์บางชนิด ,ต้นไม้ ฯลฯ มันก็คงไม่รู้ว่า ตันตนของมัน หรืออัตตา ของมันมีหรือไม่
แต่เนื่องจาก มนุษย์ มีขันธ์ ๕ ครบถ้วน บริบูรณ์ เต็มพิกัด
ความมีตัวตน หรือ อัตตาจึงเป็นสิ่งจำเป็นในการดำรงชีวิต ในการสังคมเป็นอยู่ร่วมกัน
และในทางศาสนาใดใดก็ตาม อัตตา หรือตัวตน ก็เป็นสิ่งสำคัญยิ่งที่จักเป็นปัจจัยในอันที่จะทำให้บุคคลนั้นๆ สามารถบรรลุมรรคผล บรรลุนิพาน ได้ฉะนี้


จ่าสิบตรี เทวฤทธิ์ ทูลพันธ์
เขียนเมื่อ ๒๓ มีนาคม ๒๕๕๓


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 มี.ค. 2010, 20:59 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ค. 2008, 14:14
โพสต์: 3836

อายุ: 12
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


ข้าพเจ้าหลับอยู่ ที่ไม่ฝัน
ข้าพเจ้าไม่รู้สึกว่ามีข้าพเจ้าอยู่ในโลก
ข้าพเจ้าจึงคิดว่า ข้าพเจ้าไม่มีอัตตา ในเวลานั้น

แต่ทันที่ข้าพเจ้าตื่น
ร่างกายจิตใจของข้าพเจ้าทำงานครบทุกระบบ
ข้าพก้เห้นทันทีว่า มีข้าพเจ้าอยู่
ข้าพเจ้าคือคนนี้ ชื่อนี้ ข้าพเจ้ามีหน้าที่ที่จะต้องตื่นมา อาบน้ำ แต่งตัง ไปทำงาน
เหล่านี้ ข้าพเจ้าเห็นอัตตา

ข้าพเจ้าอาบน้ำแต่งตัวเสริมหล่อ ข้าพเจ้ามีสไตล์การแต่งตัวของข้าพเจ้า
ว่าถ้าเป้นข้าพเจ้า ข้าพเจ้าต้องใช้ของชิ้นนี้ ใช้เครื่องหอมกลื่นนี้
ใช้ทรงผมทรงนี้ แต่งตัวแนวๆนี้ ข้าพเจ้าก็ปรุงแต่งความเป้นข้าพเจ้าขึ้นมา
เหล่านี้ข้าพเจ้าเห็นอัตตา

ข้าพเจ้าทำงาน ข้าพเจ้าทำผลงาน ข้าพเจ้าก็ใส่ความคิดความเห็นข้าพเจ้าลงไป
ข้าพเจ้าก็เห็นอัตตาว่านี่ข้าพเจ้าได้ใส่ความเป็นข้าพเจ้าลงไป
เหล่านี้ ข้าพเจ้าเห็นอัตตา

มีคนชม ข้าพเจ้าดีใจ
สิ่งที่ฟังแล้วชอบใจเหล่านี้เป้นของข้าพเจ้าจริง
เขาเห็นคุณค่าของข้าเจ้า เขาให้ค่ากับข้าพเจ้า
เขามารับรองและเพลิดเพลินในส่วนหนึ่งของความเป้นข้าพเจ้า
เหล่านี้ ข้าพเจ้าเห็นอัตตา

พองานบางอย่างมีคนติว่าไม่ดี ไม่ควร ไม่ใช่
ข้าพเจ้ารู้สึกไม่สบายใจที่เขาไม่ยอมรับในบรรดา"ส่วนที่เป็นข้าพเจ้า" เหล่านั้น
ข้าพเจ้าเกลียดที่ความเป้นข้าพเจ้ามันด้อยค่าลงไป หายไป หรือถูกปฏิเสธ
เหล่านี้ ข้าพเจ้าเห็นอัตตา

ข้าพเจ้าไปช้อปปิ้ง ข้าพเจ้าก็เลือกแต่สีแต่แบบที่ข้าพเจ้าชอบ
นี้ข้าพเจ้าเห็นอัตตา ว่าหากไม่ใช่สีนี้ ลายนี้ แนวๆนี้
ข้าพเจ้าก็รังเกียจที่จะนำมาเป็นส่วนหนึ่งของข้าพเจ้า
เหล่านี้ ข้าพเจ้าเห็นอัตตา

เหล่านี้ คือ อัตตา ที่มีอยู่ในชีวิตข้าพเจ้า

ชาติ สยาม
นายงามมิตรภาพแห่งปี รางวัลรักเด็กแห่งชาติ
(เมื่อประกาศชื่อและตำแหน่งของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าก็เห้นอัตตาอีกเช่นกัน)


แก้ไขล่าสุดโดย ชาติสยาม เมื่อ 23 มี.ค. 2010, 21:01, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 มี.ค. 2010, 21:06 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
กรัชกาย เขียน:
ถามสั้นๆ ควรตอบสั้นๆขอรับ
อัตตา ได้แก่อะไรขอรับ


"อัตตา" = แก่นแท้ ที่คุณเคยเป็น สิ่งนั้นไม่มีกิเลสอวิชชา มันจึงเป็นอมตะ เป็นนิรันดร ไม่มีความทุกข์ สิ่งนี้พระพุทธเจ้าเรียกว่า "อายตนะนิพพาน" หรือ "ธรรมกาย"

"อนัตตา" = เปลือกนอก ที่คุณกำลังเป็นอยู่ และจะเป็นต่อไปเรื่อยๆถ้ายังมีกิเลสอวิชชาอยู่ สิ่งนี้คือควมเป็นมนุษย์ของคุณ

"อนัตตา" = เปลือกใน ที่คุณจะเป็นในอนาคต(กายทิพย์,อทิสมานกาย)เมื่อตายแล้ว แต่ยังไม่สามารถละทิ้งกิเลสอวิชชา สิ่งนี้คือควมเป็นเทพ เป็นเปรต เป็นพรหม ฯลฯ ของคุณ



ท่านเทวฤทธิ์ขอรับ แล้วที่คนดีที่โลกลืม พูดถึงอัตตาไว้ ("อัตตา" = แก่นแท้ ที่คุณเคยเป็น สิ่งนั้นไม่มีกิเลสอวิชชา มันจึงเป็นอมตะ เป็นนิรันดร ไม่มีความทุกข์ สิ่งนี้พระพุทธเจ้าเรียกว่า "อายตนะนิพพาน" หรือ "ธรรมกาย")

พอฟังได้ไหมขอรับ

ลิงค์นี้

viewtopic.php?f=1&t=30242

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


แก้ไขล่าสุดโดย กรัชกาย เมื่อ 23 มี.ค. 2010, 21:08, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 มี.ค. 2010, 21:24 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 พ.ย. 2009, 10:41
โพสต์: 4463

อายุ: 0
ที่อยู่: วัฏสงสาร

 ข้อมูลส่วนตัว


ธรรมกาย=อายตนะนิพพาน :b10: :b10: :b10: :b6:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 มี.ค. 2010, 11:19 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ก.พ. 2010, 13:35
โพสต์: 355

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


หลับอยุ่ เขียน:
ธรรมกาย=อายตนะนิพพาน :b10: :b10: :b10: :b6:


ธรรมกาย (อายตนะนิพพาน) นั่นแหละครับ "อัตตา" เพราะมันไม่เกิด ไม่แก่ ไม่เจ็บ ไม่ตาย

" ธรรมกาย ก็คือ ปรัชญาปารมิตาซึ่งเป็นสภาวธรรมแห่งพระตถาคตตรัสรู้ ก็คืออายตนะนิพพานนั้นเอง ย่อมปราศจากการมาในอดีต ฤาการไปในอนาคต แลในปรัตยุบันกาลเล่าก็ปราศจากการตั้งอยู่มั่นคง "

รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณที่คุณsriariyaกล่าวถึงคือ อัตตานุทิฏฐิ หรืออัตตาที่เป็นอุปทาน พระพุทธองค์ทรงเรียกอัตตาที่เป็นอุปทานว่า "อนัตตา"


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 มี.ค. 2010, 12:26 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 พ.ย. 2009, 10:41
โพสต์: 4463

อายุ: 0
ที่อยู่: วัฏสงสาร

 ข้อมูลส่วนตัว


ขออนุญาติไม่เชื่อครับ ด้วยความเคารพ :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 มี.ค. 2010, 13:16 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ค. 2008, 14:14
โพสต์: 3836

อายุ: 12
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


หลับอยุ่ เขียน:
ขออนุญาติไม่เชื่อครับ ด้วยความเคารพ :b8:


ชาวพุทธต้องอย่างนี้ :b4:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 มี.ค. 2010, 13:31 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 พ.ย. 2009, 10:41
โพสต์: 4463

อายุ: 0
ที่อยู่: วัฏสงสาร

 ข้อมูลส่วนตัว


ผิดจากพุทธพจน์ และโอวาทของหลวงพ่อสดท่านๆ ไม่มีกล่าวว่า นิพพาน เป็นอัตตา
อายตนนั้นมีอยู่...(คงไม่ต้องบอกว่าอายตนอะไร หากไม่ใช่นิพพาน พระบาลีนิยมไม่รู้ว่ามีไหม?แต่หลวงพ่อสดท่านสอนว่าอายตนะนิพพาน) พระนิพพาน ธรรมกาย คนละความหมายกันขอรับจากความเข้าใจของกระผม :b8:

ใครบอกว่า หลวงพ่อสดท่านสอนว่านิพพานเป็นอัตตา ต้นตอมาจากไหน :b10: :b10: :b10: :b6:
ด้วยความเคารพ :b8:


แก้ไขล่าสุดโดย หลับอยุ่ เมื่อ 24 มี.ค. 2010, 13:34, แก้ไขแล้ว 3 ครั้ง.

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 มี.ค. 2010, 13:39 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อัตตา
ทิฏฐิ ว่าตน เป็นตนของตน เนื่องด้วยขันธ์ 5

อัตตาจะมีหรือไม่มี คนก็อยู่ร่วมกันในโลกนี้ได้
ไม่จำเป็นต้องมีอัตตา คนก็ไม่ตาย ขันธ์ไม่ดับเพราะปราศจากอัตตา

เพราะอัตตา เป็นทิฏฐิเกี่ยวด้วยกับทิฏฐิ

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่


แก้ไขล่าสุดโดย เช่นนั้น เมื่อ 24 มี.ค. 2010, 13:44, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 มี.ค. 2010, 13:48 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 พ.ย. 2009, 10:41
โพสต์: 4463

อายุ: 0
ที่อยู่: วัฏสงสาร

 ข้อมูลส่วนตัว


ก็มีพวกที่คิดว่า ไม่มีตัวตน เยอะอยู่นะ(คนเดียวเล่นหลายโปรๆ ที่บ้านโน้น) :b32: (คงเห็นแล้วนะครับ ) smiley

คงต้องแปลความคลี่คลายศัพท์กันใหม่ :b6: :b8:


แก้ไขล่าสุดโดย หลับอยุ่ เมื่อ 24 มี.ค. 2010, 13:50, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 มี.ค. 2010, 13:55 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เกิดเป็นมนุษย์ก็ยาก
เป็นมนุษย์แล้วได้พบพระพุทธศาสนาก็ยาก
พบแล้วได้ศึกษา ก็ยาก
ศีกษา แล้วเข้าใจก็ยาก
เข้าใจแล้วปฏิบัติ ก็ยาก
ปฏิบัติ แล้วบรรลุก็ยาก
บรรลุ แล้วเผยแผ่ ก็ยาก

เว้นจากนี้แล้ว มีมากมายมหาศาล

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 มี.ค. 2010, 13:58 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 พ.ย. 2009, 10:41
โพสต์: 4463

อายุ: 0
ที่อยู่: วัฏสงสาร

 ข้อมูลส่วนตัว


เช่นนั้น เขียน:
เว้นจากนี้แล้ว มีมากมายมหาศาล

:b5: :b7: :b9: :b4:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 มี.ค. 2010, 16:07 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 16:34
โพสต์: 1050

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อัตตา ชีวะ สัตวะ บุรุษ บุคคล ที่ตั้งแห่งความยึดถือ ภาษาชาวบ้านธรรมดาเรียกว่า"ตัวกู" มันหมายถึงร่างกายที่เป็นๆอยู่นี่เอง "อัตตา"เลื่อนขึ้นไปเป็น ลัทธิหรือศาสนา ความหมายจะเปลียนไปจากนี้(ต้องอธิบายกันยาว) มันเป็นกฏธรรมดาสามัญ ที่ใครๆ ก็อยากเป็นอยู่อย่างแท้จริงและยั่งยืนถาวรที่สุด ซึ่งก็เนื่องมาจากอุปทาน-ความยึดมั่นในตัวตน เป็นสันชาตญาณของสัตว์ทั้งหลายทั่วไป สัตว์ทั้งหลายทั้งปวงตามธรรมดาสามัญจึงมีนิสัยสันดานเหมือนๆ กันอย่างนี้ทั้งหมด คือ มุ่งมั่นแต่เรื่องของตัวตนโดยส่วนเดียว ไม่มีอย่างอื่นที่ตรงกันข้ามเกิดขึ้นได้ จึงได้หลงใหลเรื่องอัตตา กันมาตลอดเวลาเป็นพันๆ ปี ชาวพุทธบริษัทเรา พระพุทธเจ้าสอนนักสอนหนา ไม่ให้เห็นเป็นสัตวะ ชีวะ หรืออัตตาใดๆ ทุกอย่างเป็นเหตุปัจจัยตามธรรมชาติ ให้เเห็นเป็นเพียงสักแต่ว่าธาตุ จงอยู่ในความว่าง ว่างจากตัวตน บุคคล สัตว์สรรพสิ่งทุกอย่างเป็นเพียง รูปธาตุ-นามธาตุ ปรุงแต่งกันได้เองตามธรรมชาติ ให้เป็นการเกิด การตาย ตั้งอยู่ชั่วขณะ .

ข้อความบางตอนจาก"สุญญตา" โดยท่านพุทธทาส


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 มี.ค. 2010, 19:48 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ค. 2007, 09:55
โพสต์: 1632


 ข้อมูลส่วนตัว


อันดับแรก ตอบ เจ้า กรัชกายว่า

ส่วนตัวข้าพเจ้าแล้ว ข้าพเจ้าเห็นเขา(คนดี ที่โลกสมควรลืม) เป็นคนสติเฟื่องอยู่แล้ว เขาตอบ หรือแสดงความคิดเห็นอะไรมา พิสูจน์ไม่ได้สักอย่าง ทีมงานฯเอง ก็คงไม่อยากขัดศรัทธาเจ้าสติเฟื่อง ก็เลยปล่อยมันพล่ามเพ้อเจ้อ ไม่ได้รู้เหนือรู้ใต้อะไรเลย

เมื่อกี้นี้ ก็เข้าไปไขข้อข้องใจ ให้กับผู้ไม่รู้ แต่อวดรู้ท่านหนึ่ง ที่เวบวัดไทร เขายกเอา ความในพระไตรปิฎกมากล่าว เป็นทำนองคัดค้าน บทความที่ข้าพเจ้าเขียนเรื่องอัตตาเอาไว้ ด้วยความไม่รู้จริง เป็นดังพวกนกแก้วนกขุนทอง (ขออภัยต่อท่านทั้งหลาย ไม่ได้ว่ากระทบใครนะขอรับ) เพราะอ่านบทความเรื่อง "อัตตา คืออะไร"แล้ว ไม่ได้คิดพิจารณา อีกทั้งยังยกเอาความในพระไตรปิฎกมากล่าวอ้างคัดค้าน โดยไม่ได้ใช้สมองสติปัญญาพิจารณาว่า ในพระไตรปิฎกนั้นมีไว้สำหรับใคร ใช้เพื่ออะไร

ข้าพเจ้าก็เลยอธิบายเพิ่มเติมว่า

รูป ได้แก่ รูปทั้งหลาย, รูปทั้งหมด, มหาภูตรูป, รูปที่เกิดสืบเนื่องหรืออาศัยมหาภูตรูป เป็น อัตตา ส่วนในพระไตรปิฎกกล่าวไว้ว่า เป็น อนัตตา ก็เพราะ เพื่อสอนให้พระภิกษุ ได้รู้จักคิดพิจารณา เมื่อภิกษุทั้งหลายเหล่านั้น ได้สัมผัสกับรูปอันเป็นอัตตาเหล่านั้น แล้วเกิดความคิด, เกิดความพอใจ,เกิดความรักใคร, ดังนี้เป็นต้น

ในทำนองเดียวกัน เวทนา,สัญญา,สังขาร,จิตวิญญาณ ก็เป็นเช่นเดียวกับ รูป
ความจริงแล้ว ถ้าท่านทั้งหลายได้ ศึกษา หรือได้เรียนรู้ ทำความเข้าใจ ในสิ่งที่ข้าพเจ้าเคยเขียนบทความไปในเรื่อง
"จิต,เจตสิก,รูป,นิพพาน ตามหลักพระอภิธรรมปิฎก" ก็จะเข้าใจในเรื่อง "อัตตา" ได้ง่ายขึ้น


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 มี.ค. 2010, 20:13 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


แล้วท่าน คนดีฯ ล่ะขอรับว่าไง

อัตตา ท่านเทวฤทธิ์อธิบายไว้ ดังนี้

อ้างคำพูด:
อัตตา ประกอบด้วยขันธ์ ๕ แล้ว ยังแจกแยกออกไปอีกว่า อันใดอันหนึ่งในขันธ์ ๕ นั้น ก็คือตัวตน หรือ อัตตา เช่นกัน
เช่น
รูป อย่างเดียว ก็เป็น อัตตา
สัญญา คือ ความจำ ก็เป็น อัตตา
เวทนา คือ ความรู้สึก ก็เป็นอัตตา
สังขาร คือ การปรุงแต่ง ก็เป็นอัตตา
วิญญาณ หรือ จิตวิญญาณ คือ ความรับรู้ในอารมณ์ ฯ เมื่อ อายตนะภายในกระทบกับอายตนะภายนอก ก็เป็น อัตตา


ท่านคนดี ฯ (คนดี ที่โลกสมควรลืม :b32: ) เห็นด้วยหรือมีความเห็นอื่นขอรับ :b1: :b12:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


แก้ไขล่าสุดโดย กรัชกาย เมื่อ 24 มี.ค. 2010, 20:19, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 62 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2, 3, 4, 5  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 48 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร