ลานธรรมจักร http://dhammajak.net/forums/ |
|
สัปปุริสธรรม ๗ http://dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=1&t=26781 |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 |
เจ้าของ: | วรานนท์ [ 08 พ.ย. 2009, 05:52 ] |
หัวข้อกระทู้: | สัปปุริสธรรม ๗ |
![]() ![]() ![]() สัปปุริสธรรม ๗ ธรรมของสัตบุรุษเรียก สัปปุริสธรรม มี ๗ อย่าง คือ ๑. ธัมมัญญุตา ความเป็นผู้รู้จักเหตุ เช่นรู้จักว่า สิ่งนี้เป็นเหตุแห่งสุขสิ่งนี้เป็นเหตุแห่งทุกข์. ๒. อัตถัญญุตา ความเป็นผู้รู้จักผล เช่นรู้จักว่าสุขเป็นผลแห่งเหตุอันนี้ทุกข์ เป็นผลแห่งเหตุอันนี้ ๓. อัตตัญญุตา ความเป็นผู้รู้จักตนว่า เราว่าโดยชาติ ตระกูล ยศ ศักดิ์ สมบัติ บริวาร ความรู้และคุณธรรมเพียงเท่านี้ ๆ แล้วประพฤติตนให้สมควรแก่ที่เป็นอยู่อย่างไร. ๔. มัตตัญญุตา ความเป็นผู้รู้จักประมาณ ในการแสวงหาเครื่องเลี้ยงชีวิตแต่โดยชอบและรู้จักประมาณในการบริโภคแต่พอสมควร. ๕. กาลัญญุตา ความเป็นผู้รู้จักกาล เวลาอันสมควร ในอันประกอบกิจนั้น ๆ ๖. ปริสัญญุตา ความเป็นผู้รู้จักประชุมชน และกิริยาที่จะต้องประพฤติต่อประชุมชนนั้นๆ ว่า หมู่นี้เมื่อเข้าไปหาจะต้องทำกิริยาอย่างนี้จะต้องพูดย่างนี้ เป็นต้น. ๗. ปุคคลปโรปรัญญุตา ความเป็นผู้รู้จักเลือก บุคคลว่า ผู้นี้เป็นคนดีควรคบ ผู้นี้เป็นคนไม่ดีไม่ควรคบ เป็นต้น. อะไรเรียกว่าสัปปุริสธรรม ? คุณธรรมของสัตบุรุษ หรือ คนดี เรียกว่า สัปปุริสธรรม. สัปปุริสธรรม แปลว่าอย่างไรได้บ้าง ข้อไหนเป็นสำคัญ ? แปลว่าธรรมของสัตบุรุษก็ได้,ธรรมซึ่งทำบุคคลให้เป็นสัตบุรุษก็ได้ หรือแปลตามโวหารสามัญว่า สมบัติของผู้ดีก็ได้. ข้อที่ ๑ สำคัญ คือ ธัมมัญญุตา ความเป็นผู้รู้จักเหตุ เพราะเหตุไร ? เพราะว่าธรรมทั้งปวงย่อมเกิดแต่เหตุจะดับก็เพราะดับเหตุก่อนผู้รู้จักเหตุ ย่อมอาจคาดผลข้างหน้าได้ถูก จะปฏิบัติกิจการก็ไม่ผิดพลาด. สัตบุรุษ กับ อสัตบุรุษ มีลักษณะต่างกันอย่างไร ? ต่างกัน คือ สัตบุรุษ เป็นผู้ประพฤติชอบด้วยกายวาจา ใจ เป็นผู้สงบระงับ ประกอบด้วยสัปปุริสธรรม มีความเป็นผู้รู้จักเหตุ รู้จักผล รู้จักตน รู้จักประมาณ รู้จักกาลเวลา รู้จักประชุมชน และรู้จักเลือกคบบุคคล ส่วนอสัตบุรุษ ย่อมมีลักษณะตรงกันข้าม ธัมมัญญุตา ความเป็นผู้รู้จักเหตุ หมายความว่าอย่างไร ? หมายความว่า เมื่อเห็นเหตุเข้าแล้ว อาจคาดผลข้างหน้าได้ถูก เช่น รู้สิ่งสุจริตเป็นเหตุแห่งสุข ทุจริตเป็นเหตุแห่งทุกข์ เป็นต้น. อัตถัญญุตา ความเป็นผู้รู้จักผล หมายความว่าอย่างไร พร้อมตัวอย่าง ? หมายความว่า เมื่อประสบเข้าแล้วอาจสาวหาเหตุในหนหลังได้ เช่น รู้ว่าลาภยศ สรรเสริญ เป็นผลมาจากเหตุที่ดี คือ สุจริต รู้ว่า เสื่อมลาภ เสื่อมยศถูกนินทา เป็นผลมีมาจากเหตุที่ชั่ว คือ ทุจริต. บุคคลเข้าใจเหตุ มีประโยชน์แก่ตนอย่างไร ? มีประโยชน์แก่ตน คือ บุคคลผู้เข้าใจเหตุ ย่อมปฏิบัติไม่ผิดพลาด สามารถที่จะทำกิจการให้ลุล่วงผลิตผลสมด้วยความมุ่งหมายทั้งเป็นทางให้เกิดอุตสาหะในหน้าที่การงาน ด้วยเล็งเห็นผลข้างหน้าประจักษ์ชัด. บุคคลผู้เข้าใจผล มีประโยชน์แก่ตนอย่างไร ? มีประโยชน์แก่ตน คือ บุคคลผู้เข้าใจผล ก็อาจที่จะรักษาตนไม่ให้ตื่นหรือหวาดกลัว ทั้งเป็นทางให้ใช้ปัญญาสอดส่องเพื่อสาวหาเหตุในหนหลัง. อัตตัญญุตา ความเป็นผู้รู้จักตน หมายถึงอย่างไร ? หมายถึง รู้จักฐานะตน แล้วประพฤติตนให้สมกับฐานะนั้น ๆ ถ้าเป็นผู้ใหญ่ก็ตั้งใจทำหน้าที่ผู้ใหญ่ เช่น โอบอ้อมอารีสงเคราะห์ผู้น้อย เป็นต้น. มัตตัญญุตา ความเป็นผู้รู้จักประมาณ หมายความว่าอย่างไร ? หมายความว่า จะทำอะไร จะพูดอะไร จะคิดอะไร ก็ให้รู้จักพอประมาณพอดี พองาม ไม่มากไม่น้อยพอเหมาะพอดี. กาลัญญุตา หมายความว่าอย่างไร อธิบายอย่างไร ? หมายถึง ความเป็นผู้รู้จักกำหนดจดจำว่า กาลเวลาไหนควรปฏิบัติกรณียกิจอันใด แล้วปฏิบัติให้ตรงต่อเวลานั้น ไม่ช้าเกินกาล ไม่ด่วนเกินควร เป็นผู้รู้จักกาลเวลาอันสมควร ในอันประกอบกิจนั้น ๆ เมื่อถึงคราวที่ควรทำ ก็ไม่ทำหรือด่วนทำเสียแต่เมื่อยังไม่ถึงเวลา เช่นนี้ ก็จะคลาดจากประโยชน์ที่ควรได้ ควรถึง. ปริสัญญุตา แปลว่าอะไร หมายความว่าอย่างไร ? แปลว่า ความเป็นผู้รู้จักชุมชน หมายความว่า เมื่อเข้าไปหา หรือ การดำเนินให้ผู้นั้นไม่เขอะเขิน ในเวลาเมื่อเข้าสมาคมกลมเกลียวแก่ประชุมชนทุกชั้น คือ เข้าไหนเข้าได้องอาจและฉลาดในการปฏิสันถาร. ปุคคลปโรปรัญญุตา แปลว่าอะไร หมายความว่าอย่างไร ? แปลว่า ความเป็นผู้รู้จักบุคคลว่าเป็นผู้ยิ่งหรือผู้หย่อน หมายความว่า ความรู้จักเลือกว่า นี้เป็นผู้ยิ่งคือ ดี นี้เป็นผู้หย่อนคือ ไม่ดี คบเฉพาะกับคนดี ไม่คบคนไม่ดี ปฏิปทาให้ประพฤติเว้นการคบคนชั่ว ตั้งใจคบแต่คนดี จึงจะเป็นคนดี สมดังพระบาลีว่า ยํ เว เสวติ ตาทิโส คบคนใด ก็เป็นเช่นกับคนนั้นสุขทุกข์ ความเจริญ หรือหายนะ มีมาจากการเสพคุ้นเป็นปัจจัยทั้งนั้น. สัปปุริสธรรม ๗ อย่าง (นัยต้น) ข้อไหนเป็นสำคัญ เพราะเหตุไร ? ข้อ ๑ เป็นสำคัญ ธัมมัญญุตา ความเป็นผู้รู้จักเหตุ เช่น รู้จักว่า สิ่งนี้เป็นเหตุแห่งสุข สิ่งนี้เป็นเหตุแห่งทุกข์. เพราะว่า ธรรมทั้งปวงย่อมเกิดแต่เหตุ จะดับก็เพราะดับเหตุก่อน ผู้รู้จักเหตุอาจคาดผลข้างหน้าถูก จะปฏิบัติกิจการก็ไม่ผิดพลาด. บุคคลเข้าไหนเข้าได้ เพราะตั้งอยู่ในธรรมข้อไหน ? เพราะตั้งอยู่ในสัปปุริสธรรม ข้อที่ ๖ คือ ปริสัญญุตา ความเป็นผู้รู้จักประชุมชนและกิริยาที่จะต้องประพฤติต่อประชุมชนนั้น ๆ ว่า หมู่นี้เมื่อเข้าไปหาจะต้องทำกิริยาอย่างนี้ จะต้องพูดอย่างนี้ เป็นต้น. กาลัญญุตา ความเป็นผู้รู้จักกาลมีประโยชน์อย่างไร ? มีประโยชน์ที่จะประกอบกิจธุระให้เหมาะแก่เวลา และเป็นข้อสำคัญในอันกระทำการงานนั้น ๆ ให้ทันสมัย ไม่เป็นผู้งมงายล่วงกาล ทำตนเป็นคนเจริญทันโลก มีวิสัยทัศน์. คนที่ถูกตำหนิว่า ไม่รู้จักกาล ได้แก่คนเช่นไร ? ได้แก่ คนที่ไม่รู้จักกาลเวลา เช่น กิจบางอย่างต้องรีบทำให้เสร็จ มัวชักช้าอยู่ กิจบางอย่างต้องทำทีหลังเวลาจึงจะดี แต่รีบทำเสียก่อนกาลเวลาที่ควรทำกิจนี้ แต่เอากิจอื่นมาทำ หรือเวลาที่ควรทำกิจอื่นแต่เอากิจนี้มาทำ เหล่านี้ ชื่อว่าไม่รู้จักกาล ผู้มีธัมมัญญุตา จะได้รับประโยชน์อะไร เกิดจากธรรมนั้น ? ได้รับประโยชน์ สามารถจะห้ามความประพฤติของตน ไม่ให้หันเหไปในทางที่ชั่ว ประกอบตนอยู่ในคุณงามความดี เพราะเหตุความรู้ดี รู้ชั่ว. ผู้มีอัตตัญญุตา จะได้รับประโยชน์อะไร เกิดจากธรรมนั้น ? ได้รับประโยชน์ คือ เป็นผู้คงที่ ไม่แสดงอาการขึ้นลงโดยการประสบผลที่ดีและผลที่ชั่วเป็นเครื่องสะกิดใจให้รู้ตัวว่า สิ่งทั้งหลายเหล่านี้ล้วนเป็นเครื่องเนื่องมาจากเหตุทั้งนั้น. ในสัปปุริสธรรมคำว่า ธรรม อัตถะ แปลว่าอย่างไร หมายถึงอะไร ? ธรรม แปลว่า เหตุ อัตถะ แปลว่า ผล อัตถะ แปลว่า เนื้อความ ธรรม หมายถึง ความรู้จักหัวข้อธรรม หัวข้อวินัย อันเป็นเหตุแห่งความสุข และแห่งความทุกข์ ![]() ![]() ![]() |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 | เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง |
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group http://www.phpbb.com/ |