วันเวลาปัจจุบัน 20 เม.ย. 2024, 07:52  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 3 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 พ.ย. 2009, 01:59 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 21 มี.ค. 2009, 20:48
โพสต์: 744


 ข้อมูลส่วนตัว


“อวิชชาปกปิดความจริงของขันธ์ ๕”
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๒ เทศน์ที่เมืองเพิร์ธ ออสเตรเลีย
พระอาจารย์วิชัย กัมมสุทโธ สถานปฏิบัติธรรมป่าวิเวกสิกขาราม อ.พล จ.ขอนแก่น

นั่นล่ะความคิดมันจะเป็นของเราได้อย่างไร มันไม่ใช่ของเรา ทีนี้เรื่องภายนอกล่ะ มันคิดอย่างนี้ อย่างคิดถึงลิเวอร์พูลอย่างนี่ ลิเวอร์พูลก็ไม่มีอยู่ในความคิด ถ้ามีอยู่ในความคิดเอาสนามลิเวอร์พูลมาใส่มันต้องระเบิดตัวมันระเบิด แค่นี้ก็เป็นตัวจับเท็จให้เห็นแล้ว มันหลงสมมติอยู่ตรงนี้ นี่ตัวสมมติมันหลง มันหลงสมมติเฉยๆ มันไม่มี เมื่อลิเวอร์พูลไม่มีมันก็ว่าง เมื่อมันไม่มีมันก็ไม่มีอะไรที่จะไปสืบต่อเพื่อยินดียินร้าย แล้วมันก็ไม่ใช่เรื่องที่จะไปตั้งว่าลิเวอร์พูลเป็นทีมที่ฉันชอบ เพราะมันไม่มี ไม่มีจะไปเอาอะไรกับมัน ไปตั้งอยู่ตรงไหน ของมันไม่มีมันก็ไม่มีที่ตั้ง เหตุนั้นการที่เราไปตั้งไว้ การที่เราไปคิดว่ามันมีจริงมีจังในความคิดความรู้นั้น นั่นเป็นความเห็นผิดทั้งหมดเลย เป็นอวิชชาหมดเลย เพราะรู้ไม่จริง รู้อยู่แต่มันไม่จริง มันรู้แบบอวิชชานั้นล่ะ เหตุนั้นทีนี้ความคิด เมื่อเรื่องที่ยินดีมันก็อยากได้เป็นภวตัณหา เรื่องที่ไม่ยินดีน่ายินร้ายมันก็อยากผลักไสเป็นวิภวตัณหา ภวตัณหาวิภวตัณหาเพื่ออะไร คือเพื่อจิตที่มันรู้ขึ้นมา เพื่อความรู้นั่นล่ะ เพราะมันยึดความรู้นั่นเองเป็นของเราเป็นเราเป็นตัวตนของเรานั่นเอง นี่ล่ะคือความหลง ทีนี้ความรู้นั่นน่ะมันเป็นกลาง มันไม่ใช่ของเรา เพราะอะไร เพราะเวลามันรู้ดีมันก็รู้ มันไม่เลือกรู้แต่ดี รู้ไม่ดีมันก็รู้ มันไม่ได้เลือกรู้แต่ดี ทั้งรู้ดีรู้ไม่ดีมันรู้ทั้งคู่ มันไม่เลือกที่รักมักที่ชัง มันไม่มีอคติ นั่นล่ะมันเป็นกลาง มันเป็นกลางมันก็ไม่ใช่ของใคร ไม่ใช่ของเราด้วย แล้วที่มันไปสำคัญอยากรู้ดีรู้ไม่ดีก็อยากผลักไส มันก็เลยเป็นความเห็นผิดอันหนึ่ง ที่หลงสำคัญรู้นั่นล่ะเป็นตัวตนขึ้นมา ฐานะมันกลาง สัจธรรมมันเป็นกลาง นี่อวิชชาเพราะรู้ไม่จริง เพราะฉะนั้นน่ะความรู้นี่มันไม่เลือกที่รักมักที่ชัง ก็เป็นกลางนั่นเอง เมื่อมันเป็นกลางก็ยอมรับมันซะ ยอมรับความจริงของมันซะ มันจึงเห็นว่า ไอ้ที่มันภวตัณหาวิภวตัณหามันก็ของหลอก เพราะมันไปเห็นว่ามันมี มันมีจริงโดยสมมติต่างหาก มันไม่ได้มีจริงๆโดยสัจธรรม มันไปหลงตามสมมติต่างหาก นี่ล่ะมันหลงสมมติอยู่ มันจึงไม่รอบในสมมติตัวนี้ ถ้ามันแจ้งในสมมติตัวนี้มันก็วางหมด มันก็เลยรูปสักแต่ว่ารูป เวทนาสักแต่ว่าเวทนา สัญญาสักแต่ว่าสัญญา สังขารสักแต่ว่าสังขาร วิญญาณสักแต่ว่าวิญญาณ ไม่ใช่ของเราไม่ใช่เราไม่ใช่ตัวตนของเรา ก็ปล่อยเขาไปตามสภาพของเขา ตามที่เขาจะเป็นเขาจะอย่างไรเถิด ปล่อยเขาไปตามหน้าที่ของเขา จึงไม่มีใครไปลักขโมยของใคร จึงไม่มีใครไปบังคับใคร ต่างคนต่างทำหน้าที่เหมือนในบริษัทนี่ เหมือนที่บริษัทอยู่ในออสเตรเลียไม่มีเจ้าของน่ะ บริษัทที่ไม่มีเจ้าของเป็นของรัฐ ต่างคนก็ต่างทำหน้าที่กันไป งานก็เลยดำเนินไปได้ ไม่มีใครบังคับใคร ต่างคนต่างรู้หน้าที่ของตนเอง ก็ทำหน้าที่กันไป ต่างคนต่างทำหน้าที่ไป เลยธรรมะเป็นหน้าที่ นั้นพิจารณามันบ่อยๆ มันไปหลงเกี่ยวข้องตรงไหน ก็พิจารณาสิ่งที่มันไปเกี่ยวข้อง พิจารณาตัวที่มันไปเกี่ยวข้องด้วย มันเป็นเช่นนั้น เหตุนั้นพระพุทธเจ้าจึงตรัส แม้แต่รูปที่เห็นขณะนี้ท่านก็ไม่ได้เห็น ก็ไม่มี คำพูดคำนี้น่าคิดมากเลยนะ เมื่อมันไม่มีอะไรสักอย่าง มันก็เลยไม่มีอุปาทานที่จะตั้งอยู่ เอาความจริงมันเข้าไปหมดทุกส่วนแล้ว มันจะมีตรงไหนที่จะไปหลงมัน ที่มันหลงอยู่ เพราะมันไม่เห็นความจริงของสิ่งนั้น เมื่อมันไม่เห็นความจริงของสิ่งนั้น มันก็เลยสำคัญว่ามันเป็นอย่างนั้น มันต้องเป็นอย่างนั้น เมื่อมันสำคัญอย่างนั้นก็เลยอุปาทานเกิด ความเป็นตัวตนก็เกิดอยู่ตรงนี้ ความรู้ที่เป็นตัวตนก็เกิด ความรู้ที่เป็นตัวตนเกิด นามรูปก็เกิด เมื่อวิชชาความรู้ที่ถูกต้องเห็นความจริงของสิ่งนั้นเกิด ความรู้ที่เป็นวิชชาก็เกิด ความรู้ที่เป็นอวิชชาก็ไม่เกิด นามรูปก็ไม่เกิด เพราะมันเห็นแต่ความว่างเปล่าไม่มีอะไรในนั้นเลย มันเห็นแต่เรื่องของขันธ์ห้าเขาทำหน้าที่ของเขา ต่างอันต่างทำหน้าที่ของกันและกันเฉยๆ ไม่มีใครเป็นเจ้าของใคร ความรู้ภายนอกอันตรายถ้าไปติดยึด ถ้าปล่อยวางรู้แล้วละก็ผ่านไป เพราะสิ่งเหล่านี้ไม่ได้ช่วยให้เราพ้นทุกข์ สิ่งที่ช่วยให้เราพ้นทุกข์คือ การวิจัยขันธ์ห้าแล้ววางขันธ์ห้า ของทุกอย่างในโลก ไม่ว่าข้างนอกหรือข้างในเกิดแล้วก็ดับหมด เป็นอนัตตาเสมอกันหมด แต่ก็ทำหน้าที่ไปถ้ามีโอกาส ถ้าไปสัมพันธ์อะไรก็แล้วแต่วิถีมัน ทำหน้าที่แล้วก็จบก็ดับไปทิ้งไป.

.....................................................
“เวลาทำสมาธิ ให้ระลึกลมหายใจเข้าออก ให้รู้ลมหายใจเข้าออก ไม่ต้องบังคับลมหายใจ ตามรู้ลมหายใจเข้าออก สงบก็รู้ ไม่สงบก็รู้ สงบก็ไม่ยินดี ไม่สงบก็ไม่ยินร้าย ไม่เอาทั้งสงบและไม่สงบ เอาแค่รู้ตามความเป็นจริงของสภาวธรรมปัจจุบันนั้น”

ธรรมเหล่านี้เป็นไปเพื่อคลายกำหนัด
เป็นไปเพื่อไม่ประกอบสัตว์ไว้
เป็นไปเพื่อไม่สั่งสมกิเลส
เป็นไปเพื่อความเป็นผู้มักน้อย
เป็นไปเพื่อสันโดษ
เป็นไปเพื่อความสงัดจากหมู่คณะ
เป็นไปเพื่อปรารภความเพียร
เป็นไปเพื่อความเป็นคนเลี้ยงง่าย


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 พ.ย. 2009, 05:50 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 ก.พ. 2009, 20:49
โพสต์: 3979

แนวปฏิบัติ: พอง-ยุบ
งานอดิเรก: อ่านหนังสือ
ชื่อเล่น: นนท์
อายุ: 42
ที่อยู่: นครสวรรค์

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8: :b8: :b8:

อนุโมทนาสาธุกับท่านขงเบ้งด้วยครับ

:b8: :b8: :b8:

.....................................................
แม้มิได้เป็นสุระแสงอันแรงกล้า ส่องนภาให้สกาวพราวสดใส
ขอเป็นเพียงแสงแห่งดวงไฟ ส่องทางให้มวลชนบนแผ่นดิน


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 พ.ย. 2009, 09:14 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ส.ค. 2009, 20:26
โพสต์: 1589

แนวปฏิบัติ: อรหัตตมัคค
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระไตรปิฎก
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


:b41: จิตเหตุคือขันธ์ 4 ไม่มีปัญญารู้แจ้งอริยะสัจ 4 บรรลุมัคค 4 ผล 4 เพราะเหตุที่ไม่ได้ฟังธรรม เรียกว่ามีอวิชชาในขันธ์ 4

:b41: จิตเหตุคือขันธ์ 4 ไม่มีปัญญายังโสดาปัตตมัคคจิตให้เกิด เพราะเหตุที่ไม่ไม่มีปัญญาเครื่องทำลายสังโยชน์ 3 เรียกว่ามีอวิชชาในขันธ์ 4

:b41: จิตเหตุคือขันธ์ 4 ไม่มีปัญญายังอนาคามีมัคคจิตให้เกิด เพราะเหตุที่ไม่ไม่มีปัญญาเครื่องทำลายสังโยชน์เบื้องต้น 5 ให้หมดสิ้นได้ เรียกว่ามีอวิชชาในขันธ์ 4


:b41: จิตเหตุคือขันธ์ 4 ไม่มีปัญญายังอรหัตตมัคคจิตให้เกิด เพราะเหตุที่ไม่ไม่มีปัญญาเครื่องทำลายสังโยชน์เบื้องสูงอีก 5 ให้หมดสิ้นได้ เรียกว่ามีอวิชชาในขันธ์ 4



เจริญในธรรมครับ


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 3 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 95 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร