ลานธรรมจักร
http://dhammajak.net/forums/

ใคร่เขียนธรรมเป็นข้อๆ เพื่อผู้อ่านพิจารณา
http://dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=1&t=26974
หน้า 1 จากทั้งหมด 1

เจ้าของ:  วรานนท์ [ 15 พ.ย. 2009, 17:08 ]
หัวข้อกระทู้:  ใคร่เขียนธรรมเป็นข้อๆ เพื่อผู้อ่านพิจารณา

:b8: :b8: :b8:

ใคร่เขียนธรรมเป็นข้อๆ เพื่อผู้อ่านพิจารณา

๑. ความรักในโลกย่อมมีนานาประการ ถ้าจะกล่าวว่าความรักลูก ความรักเมีย เป็นยิ่งกว่าสิ่งอื่น และกล่าวว่ารักพ่อรักแม่เป็นความรักกว่าอะไรทั้งหมด บางคนก็ว่ารักศีลรักธรรมเป็นความรักกว่าอะไรทั้งนั้น ก็เป็นสิ่งที่น่ากลัวทั้งหมดด้วยกัน หรือกล่าวว่ารักวิชารักเรียนเป็นต้องรักกว่าสิ่งอะไรๆในโลก ผู้ปรารถนาพุทธภูมิ หรืออัคคสาวกภูมิและปัจเจกภูมิ ก็น่าจะกล่าวว่า พุทธภูมิปัจเจกภูมิอัคคสาวกถูมิ เป็นที่รักอย่างยิ่งไม่มีอะไรสู้ได้ แต่พึงรู้เถิดว่าความรักตนนั้นแลเป็นความรักยิ่งกว่าความรักทั้งหลายได้ที่มาในบาลีว่า “นัตถิ อัตตสมัง เปมัง ความรักจะเสมอด้วยตนไม่มี” รักสิ่งอื่นมากก็จริงอยู่แต่ก็ต้องปรารถนาตนก่อน

๒. แสงสว่างที่มีอยู่ในโลกนี้มากมาย มีทั้งแสงพระอาทิตย์ที่สว่างไปได้ในที่ไกล และแสงพระจันทร์ก็นับว่าเป็นแสงสว่างหนึ่งได้ ยังแสงไฟปกติก็นับว่าอย่างหนึ่งเหมือนกัน ซ้ำยังประกอบไฟนั้นให้แสงสว่างเป็นพิเศษ ถ้าจะกล่าวว่าสิ่งเหล่านี้และแสงสว่างมากก็ชอบอยู่แล แต่พึงรู้เถิดว่าแสงสว่างคือปัญญาเป็นแสงสว่างกว่าแสงสว่างทั้งหลาย ได้ในบาลีเป็นใจความว่า “แสงสว่างจะเสมอด้วยปัญญาไม่มี” ความสว่างอย่างอื่นเป็นแต่สว่างภายนอก จะส่องไปให้เห็นกรรมว่า ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว เช่นนี้เป็นต้นก็ส่องไปให้ไม่ถึง แต่ปัญญาย่อมสว่างไปได้โดยประการทั้งปวงไม่มีอะไรส่องถึงเท่าปัญญาได้ ถึงแม้จะมีสิ่งที่อยู่ใต้น้ำหรือใต้ดิน ปัญญาย่อมส่องได้ หรือฝ่ายธรรมที่เป็นโลกียธรรมถึงโลกุตรธรรม มรรคผลนิพพาน ปัญญาก็ทำให้แจ้งได้

๓. คนเราย่อมมีการเมาอยู่แล บางครั้งก็เมาฝิ่น บางครั้งก็เมากัญชา และบางทีก็เมาอาหาร ที่เรากินอันใด อันหนึ่งก็มี เมาอย่างที่กล่าวมานี้ก็เป็นอย่างหนึ่ง และก็อาจเป็นได้ แต่ให้คิดเห็นไปอีกว่าเมาโลกีย์ลืมตาย เมากายลืมแก่ เมาเมียลืมแม่ เมาชอบเนื้อลืมกรุณา เมาสุราลืมคำสัตย์

๔. คนเราย่อมให้กันในสิ่งใดสิ่งหนึ่งเป็นมาแต่นมนาน ให้เป็นการตอบแทนบุญคุณ อย่างให้พ่อให้แม่ก็มี หรือให้ด้วยเพราะกรุณาแก่ผู้ขอก็มี แต่ในที่นี้ใคร่จะกล่าวอีกทีว่า ผู้ซาวอยู่ที่มือ ผู้ถืออยู่ที่โกรธ ผู้ให้คุณให้โทษอยู่ที่กรรม (ทำดีทำชั่ว) ทำดีให้ได้รับผลดี ทำชั่วให้ได้รับผลชั่ว

๕. วาจาที่คนเราต้องพูดต้องกล่าวมีมากหลาย บางคนก็มักบรรยายความให้มากได้ บางคนก็มักพูดน้อยและ แต่บางคนก็มักกล่าวพอประมาณ การเจรจาดังที่กล่าวมาก็ยังดีย่อมจะพอฟังได้ แต่พึงรู้ว่า วาจาแม้สักร้อยหนึ่งหรือยิ่งมากกว่าพัน ถ้าปัญญานั้นฟังไม่ได้ปัญญาเครื่องรู้ และไม่ได้สติเครื่องตื่นเครื่องเตือนใจอันใดได้ วาจานั้นยังไม่ประเสริฐ แต่วาจาใดฟังแล้วแม้เล็กน้อยแต่ฟังได้สติ วาจานั้นคำเดียวยังดีกว่า ได้ในบาลีที่มีใจความว่า วาจาแม้สักพันหนึ่งแต่ไม่แสดงประโยชน์ (ฟังไม่เป็นที่สงบระงับได้) วาจานั้นยังไม่ประเสริฐ ผู้ใดกล่าวคาถาแม้บทหนึ่ง ฟังเป็นที่สงบระงับได้ คาถาที่ผู้นั้นกล่าวแล้วนั้นบทเดียวประเสริฐกว่า

๖. วาจาที่กล่าว ถ้าเว้นวาจาส่อเสียด เว้นวาจามุสาได้ก็เป็นการดี ที่กล่าวแล้วเว้นคำหยาบเว้นคำเพ้อเจ้อได้ก็เป็นการดี แต่พึงรู้ว่า วาจาที่ผู้ใดกล่าวด้วยปัญญาแสดงเป็นต้น ความมีดังที่กล่าวมานี้ มีนั้นแลเป็นการดี ใครเลยจะไม่กล่าวว่าความมีทรัพย์เป็นของดีในโลก ซึ่งทำให้ได้ความสุขความสนุกใจแก่ผู้มั่งมีเหลือที่จะกล่าวให้ทั่วถึง แต่พึงรู้เถิดว่า ยังเป็นความมีภายนอกอยู่ก่อนที่เป็นทรัพย์นอกตัวก็แต่ว่าศีลธรรมในที่นี้ชื่อว่าเป็นทรัพย์ในตัวแท้ ที่ไม่มีภัยแก่ผู้ทรงศีล ผู้รักษาศีลให้บริสุทธิ์ได้ ภัยคือ โจร ไฟไหม้ น้ำท่วม ไม่มีแก่ศีลธรรม ศีลแปลว่าทรงไว้หรือตั้งไว้ซึ่งกุศลธรรมทั้งปวง ศีลแปลว่าอุดม ศีลแปลว่าเย็น ศีลแปว่าอันบัณฑิตพึงส้องเสพ คือรักษาเป็นอย่างดี และเป้นที่สรรเสริญแห่งนักปราชญ์ทั้งหลายมีพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นต้น ได้ในบาลีเป็นใจความว่า “ก็ผู้ใดมีศีลชั่วเลวทราม (คือความประพฤติชั่วเลวทราม) มีใจไม่มั่นคงพึงเป็นอยู่ ๑๐๐ ปี (ไม่ประเสริฐ) ผู้มีศีลและมีความเพ่งพิจารณาวันเดียวประเสริฐกว่า” ความว่าผู้ไม่มีศีลธรรม ให้วันคืนล่วงไปได้ร้อยปี วันคืนของผู้นั้นยังไม่ประเสริฐ แต่ผู้มีศีลธรรมดี มีความเพ่งพิจารณาให้วันคืนล่วงไปวันเดียวประเสริฐกว่านั้น


:b8: :b8: :b8:

เจ้าของ:  วรานนท์ [ 15 พ.ย. 2009, 17:12 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ใคร่เขียนธรรมเป็นข้อๆ เพื่อผู้อ่านพิจารณา

:b8: :b8: :b8:

๗. การกล่าวสั่งสอนกันได้เคยมีมาแล้วแต่โบราณกาล การให้โอวาทการฝึกการอบรมบ่อมทำประโยชน์ให้เกิดขึ้น ก็แต่มีความในภาษิตว่า ผู้จะสอนยังไม่สอนตนก่อน ผู้จะให้โอวาทยังไม่ให้โอวาทตนเอง ภาษิตหรือโอวาทนั้นยังไม่ขลังและไม่ไพเราะ พึงรู้ว่า บุคคลเมื่อจะสอนผู้อื่นอย่างใดพึงทำตนอย่างนั้นก่อน ถ้าเมื่อบิดาหรือมารดาจะสอนบุตรอย่างใดก็ควรทำตนอย่างนั้น จะห้ามผู้อื่นฉันใดก็พึงห้ามตนฉันนั้นก่อน แล้วจึงห้ามผู้อื่นภายหลังโอวาทนั้นจึงไพเราะได้ จึงไม่ลำบาก ได้ในบาลีว่า “บัณฑิตพึงตั้งตนไว้ในคุณอันสมควรก่อนจึงสอนผู้อื่นภายหลัง จึงจะไม่ลำบาก” ดังนี้

๘. การให้โอวาท การกล่าวสอนคนอื่นได้มีมาแล้วมากหลาย และย่อมได้ผลดีมาก็มากต่อมาก ไม่ว่ากิจการใดๆ และตรงกันข้ามที่ไม่ได้ผลก็ย่อมมี คือมีได้ก็ย่อมมีเสียก็แต่ในที่นี้เมื่อคิดไปก็ให้ใคร่กล่าวว่า ผู้อื่นสอนได้ยากก็ตามทีแต่ไฉนย่อมมีในที่มาว่า ตนเองสอนได้ยาก แทนที่ว่ากายตนเองก็อยู่ที่ตนและอยู่ในที่ใกล้ วาจาตนเองก็อยู่ที่ตน ใจของตนเองก็อยู่ที่ตนและอยู่ในที่ใกล้อย่างยิ่ง แล้วจะสอนง่ายมิใช่หรือ ไฉนจึงต้องตรงกันข้ามว่าตนเองสอนได้ยาก ได้ในบาลีเป็นใจความว่า “ถ้าว่าบุคคลจะสอนผู้อื่นฉันใด ควรทำตนฉันนั้น ฝึกตนดีแล้วหนอจึงฝึกผู้อื่น ได้ยินว่าตนเองฝึกได้ยาก”

๙. ผู้ใดผจญ คนร้ายได้ตั้งหมื่น หรือตั้งแสนก็ดี สู้จรเข้และมังกรหรือพาลไพรได้ถึงล้านก็ดี หรือสู้เสือสู้หมีฝูงโคและหมู่ช้างได้ตั้งหมื่น จะว่าเป็นผู้มีชัยน่าอัศจรรย์ก็จริงยังฟังได้ แต่ยังไม่ใช่ผู้ชนะประเสริฐก่อน พึงรู้ว่า ถ้าผู้ใดชนะใจตนอันเดียวได้ชื่อว่ามีชัยเป็นผู้ชนะเลิศ ถ้าเราแพ้ใจที่ประกอบด้วยความหลงและความอยากนี้มีนก็ให้เราอยู่ใต้เหลือที่จะยุ่งยาก ถ้าเราเอาชนะได้ เราก็ใช้มันบ้างคราวนี้ได้ อยู่เหนือสูง นี้หมายใจที่ฝึกดีแล้วถึงในขั้นหนึ่ง ถ้าใจใคร่จะทำในทางผิดมีสติชักให้หยุดได้ มีสติเตือนไปในทางชอบแล้วแต่สิ่งอันดี นี้ก็ชื่อว่าชนะอย่างหนึ่ง

๑๐. ผู้ใดได้ทำคุณแก่คนอื่นแล้วมากหลายได้หยิบยกสิ่งที่มีของตนให้แก่กันเป็นเอนกได้มากแล้วขวนขวายช่วยคนอื่น ด้วยเมตตาจิตและกรุณาจิตเป็นเที่ยง การกระทำได้แล้วนี้เป็นการทำดีชอบแก่ตนและคนอื่นแท้ แต่พึงรู้เถิดว่าความสุขจะมีแก่ผู้ให้ก็คือไม่หวังแท้การตอบแทนถ้าหวังว่าจะได้การตอบแทนมาแล้วทุกอย่าง ก็เป็นความหวังโดยเขลาโดยโง่

๑๑. ไม้คดเขาก็ใช้ทำขอและในงานมีนานาเอนกทำกงล้อหรือแอกไถ ทำอะไรๆ หลายอย่างยังมีมาก เหล็กงอคนก็ยังปรารถนาทำการงานให้มากได้ แม้ทางคดก็ยังได้เดินให้สำเร็จงานไม่ใช่น้อย แต่คนคดหรือเรียกว่าคดคนนี้ใช้อะไรไม่ได้ควรลี้หลีกหนี ให้นึกไปว่าถ้าผัวเมียคิดคดไม่สัตย์ซื่อต่อกันเป็นต้นจะเป็นอย่างไร หาความสุขความเจริญมิได้เลย

๑๒. ความตื่นในโลกนี้หลายประการ ตื่นข่าวมักหาแก่นสารได้ยาก ตื่นมงคลการก็มีอยู่บ้างแล้วแก่ผู้ถือ แต่ตื่นยังมีอีกตื่นไปกระทำการกสิกรรม พานิชยกรรม การทำนา และการค้า หรือทำสวนทำไร่ อันเป็นประโยชน์แก่ตนนับว่าเป็นการดี ตื่นเพื่อประกอบทางของแพทย์ หรือราชการ อันไม่ผิดทางแห่งความเป็นธรรม ก็นับว่าเป็นการตื่นดีด้วยกันทั้งนั้น แต่พึงรู้เถิดว่าความตื่นทั้งหลายดังกล่าวมานี้ยังไม่ประเสริฐก่อน แต่ตื่นปัญญาคือปัญญาเกิดเป็นประเสริฐกว่าตื่นทั้งหลายในโลก

๑๓. ใครได้กลิ่นดอกไม้ปรือเครื่องหอมที่ทำโดยนานาประการก็เป็นความดี อันกล่าวว่าได้กลิ่นหอมเป็นดีเพราะเป็นที่เพลิดเพลินใจก็จริง แต่อันนี้เป็นกลิ่นปกติไม่ใช่กลิ่นหอมอย่างสูง พึงรู้ว่า กลิ่นดอกไม้ก็หอมไปได้แต่ตามลมกลิ่นจันทร์หรือพฤกษาและกะลัมภักก็หอมไปได้แต่ลมกลิ่นเครื่องหอมที่ทำขึ้นก็หอมจริงด้วยกันทั้งหมด แต่ก็หอมไปได้แต่ตามลมจะหอมไป ทวนลมเหนือลมไม่ได้ ก็แต่ว่ากลิ่นแห่งศีลเป็นเยี่ยมกว่า กลิ่นทั้งหลายเหล่ารี้ เพราะกลิ่นแห่งศีลย่อมหอมไปได้ทั้งตามลมทั้งเหนือลมแลทางขวาง

๑๔. ความได้ฟังเสียงขับร้องไพเราะเสนาะโสดคือ เพราะหูเป็นความดี ได้ฟังเสียงฆ้องเสียงกลองหรือนกกะเหว่าแลเสียงกาเสียงอูฐฬาร่ำร้องก็ดีย่อมมีอยู่ แต่ไม่ใช่อย่างเยี่ยม พึงรู้ว่า ถ้าเมื่อได้ฟังพระพุทธเจ้าแสดงธรรมหรือได้ฟังพระสงฆ์แสดงธรรมแล้วเห็นธรรมด้วยปัญญานี้แลเป็นความได้ฟังอย่างเยี่ยม เพราะเป็นไปเพื่อรู้ยิ่งเห็นจริงเป็นไปเพื่อรู้ดีชอบ เป็นไปเพื่อกระทำให้แจ้งซึ่งพระนิพพานกระทำที่สุดแห่งทุกข์ได้ หือแม้ได้ฟังครู หรือได้ฟังอาจารย์อธิบายสอนวิชาเพื่อรู้ ก็ชื่อวาได้ฟังดีในที่นี้

๑๕. ในโลกอันกว้างใหญ่ไพศาลหมู่มนุษย์มีนานาประการต่างชาติต่างหมู่เหล่า ต่างก็มีผู้ที่เป็นหัวหน้านำไปเพื่อประโยชน์ของตนนั้น ๆ พระพุทธเจ้าก็นับว่าเป็นผู้หนึ่งที่เป็นนายกผู้นำประเสริฐในโลกเพื่อทางไปสู่อันสุขอันจริงเป็นตัวอย่างอันดี เป็นสูงสุดของเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย คือสันติความสงบ ( นิพพาน ) เป็นความสุขอย่างยอดยิ่ง ถึงอย่างนี้ก็ดีก็ประเสริฐแท้แต่ก็ยังเป็นภายนอก พึงรู้ว่า ผู้ถึงก่อนผู้เป็นหัวหน้าภายในคือใจนี้แล เป็นผู้นำเป็นหัวหน้าที่สำคัญจริง เพราะว่าถ้าใจคนชั่วใจได้เห็นผิดไป โจรเห็นโจร หรือคนมีเวรเห็นคนมีเวรก็ไม่ร้ายเท่านี้ได้ ความประพฤติก็จะผิดไปได้ร้อยแปดพันประการไม่มีที่สุด ถ้าเมื่อใจดีแล้ว มารดาหรือบิดาญาติมิตรสหายจะทำให้ก็ไม่ประเสริฐเท่าได้ดีทีเดียว ความประพฤติและความเจริญก็จะตามมาภายหลังเพราะใจดีแล้วหาที่สุดมิได้ ไดในที่มาโดยบาลีมีใจความว่าธรรมทั้งหลายมีใจถึงก่อน มีใจประเสริฐกว่า สำเร็จแล้วด้วยใจ ถ้าใจชั่วแล้วจะพูดอยู่ก็ชั่ว จะทำอยู่ก็ชั่ว เพราะความชั่วนั้นทุกข์ย่อมตามผู้นั้นไป เหมือนล้อเกวียนตามรอยเท้าแห่งโคไปฉะนั้น ธรรมทั้งหลายมีใจถึงก่อนมีใจประเสริฐกว่า สำเร็จแล้วด้วยใจ ถ้าใจผ่องใส (ใจดี ) แล้ว จะทำอยู่ก็ผ่องใส จะพูดอยู่ก็ผ่องใส เพราะความผ่องใสนั้นสุขย่อมตามผู้นั้นไปเหมือนเงาตามตนไหฉะนั้น

๑๖. ในเมื่อทรัพย์ทั้งหลายมีอยู่ที่รู้กันอยู่แล้วทั่วไปในโลก วิญญาณกทรัพย์ช้างม้า เป็นต้น และอวิญญาณกทรัพย์มีเงินทองนาสวนบ้านเรือน เป็นต้น รู้แล้วว่าเป็นของดีมีค่า ทั้งที่เป็นประโยชน์และความสุขแก่โลกทั้งปวงได้แต่ถึงอย่างนี้ก็เพราะด้วยเป็นทรัพย์ภายนอก ยังประกอยไปด้วยภัยมีโจรภัย เป็นต้นจึงกล่าวว่าทรัพย์ทั้งหลายดังกล่าวมาแล้วนั้นมีช้างม้าเงินทอง เป็นต้น ปัญญาประเสร็จกว่า คือปัญญาประเสริฐกว่าทรัพย์ทั้งหลายเหล่านั้น มีที่มาในบาลีว่า
ชีวเตวาปิ สปปญโญ อปิ วิตตปริกขยา
ปญญาย จ อลาเภน วิตตวาปิ น ชีวติ
แปลว่า ผู้มีปัญญาถึงแม้ทรัพย์จะสิ้นไปก็ยังเป็นอยู่ได้แต่เพราะไม่ได้ปัญญา ( คือไม่มีปัญญา ) ถึงมีทรัพย์ก็เป็นอยู่ไม่ได้

:b8: :b8: :b8:

เจ้าของ:  วรานนท์ [ 15 พ.ย. 2009, 17:14 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ใคร่เขียนธรรมเป็นข้อๆ เพื่อผู้อ่านพิจารณา

:b8: :b8: :b8:

๑๗. หม้อใบใดมิได้ใส่น้ำให้เต็ม หม้อใบนั้นมีเสียงก้องนัก หม้อใบใดใส่น้ำให้เต็ม หม้อใบนั้นย่อมเงียบเสียงสงบอยู่ คนพาลท่านกล่าวไว้ว่าเหมือนหม้ออันมีน้ำได้ครึ่งหนึ่งย่อมจะมีเสียงสนั่น่ไป ส่วนว่าผู้เป็นบัณฑิตนักปราชญ์นั้นเหมือนหม้อน้ำอันเต็มจะได้อวดอ้างคุยโอ้หามิได้

๑๘. ถ้าไม่เห็นศีลธรรมศาสนาเป็นเพียงหญ้าปากคอกจะดีมาก ถ้าไม่เห็นกับตาจะไม่เชื่ออย่างนั้นหรือ ถ้าอย่างนั้นบางวันนอนฝันว่าได้เงินได้ทองหรือฝันว่าได้ปลาเมื่อตื่นขึ้นมาไม่เห็นปลาจะว่าตนนอนไม่ฝันอย่างนั้นหรือ หรือเดินทางไปบ้านไกลไปเห็นป้ายที่เขาทำลูกศรไว้ด้วย และสับเป็นตัวหนังสือไว้ด้วย ไม่เห็นบ้านที่ลูกศร

อนุโมทนาสาธุครับ :b8: :b8: :b8:

เจ้าของ:  ลูกโป่ง [ 16 พ.ย. 2009, 17:44 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ใคร่เขียนธรรมเป็นข้อๆ เพื่อผู้อ่านพิจารณา

สาธุ สาธุ สาธุ

:b48: ธรรมะสวัสดีค่ะ :b48:

เจ้าของ:  มหาราชันย์ [ 16 พ.ย. 2009, 20:02 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ใคร่เขียนธรรมเป็นข้อๆ เพื่อผู้อ่านพิจารณา

ติดตามอ่านมาเป็นข้อ ๆ เช่นกันครับ


เจริญในธรรมครับ

เจ้าของ:  หนอนน้อย [ 17 พ.ย. 2009, 09:23 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ใคร่เขียนธรรมเป็นข้อๆ เพื่อผู้อ่านพิจารณา

เข้าใจทีละข้อ ๆ เลยครับ อิอิ
อนุโมทนาครับ
:b19:

หน้า 1 จากทั้งหมด 1 เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group
http://www.phpbb.com/