ลานธรรมจักร
http://dhammajak.net/forums/

เรื่องเก่านำมาเล่าใหม่...ประสบการณ์ฌานสี่ และทิพพโสต
http://dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=1&t=27077
หน้า 1 จากทั้งหมด 3

เจ้าของ:  ศิรัสพล [ 19 พ.ย. 2009, 17:46 ]
หัวข้อกระทู้:  เรื่องเก่านำมาเล่าใหม่...ประสบการณ์ฌานสี่ และทิพพโสต

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคพระองค์นั้น :b8:

ปรารถถึงเพื่อนทางธรรมท่านหนึ่ง ได้ถามคำถามรวมถึงบอกให้เล่าถึงประสบการณ์การปฏิบัติธรรมที่พอจะผ่านมา ในตอนแรกพิจารณาเห็นว่าไม่ควรเล่า ต่อมาหลังจากสนทนากันก็เห็นว่ามีเพื่อนกัลยาณมิตรท่านอื่น ก็นำประสบการณ์การปฏิบัติมาเล่าเป็นธรรมทานกัน จึงเห็นว่าน่าจะนำมาเล่าบ้าง คงจะพอเป็นธรรมทานได้....

ก่อนอื่นต้องขอบอกก่อนนะครับ ที่เขียนให้อ่านต่อไปนี้ เป็นประสบการณ์ส่วนตัวที่ผมเคยเป็นมา ไม่มีเจตนาจะโอ้อวด ยกตนข่มท่าน เพราะเนื่องจากไม่มีอะไรพิเศษจะอวดอยู่แล้ว แต่เพียงเพื่อเป็นธรรมทานแก่ผู้ปฏิบัติ หรือให้เป็นกำลังใจแก่ผู้ที่กำลังฝึก และเพื่อเป็นความรู้นำไปเปรียบเทียบกับในพระไตรปิฏก เทียบเคียงกับประสบการณ์ของผู้รู้ท่านอื่น ว่าการเข้าฌานเป็นอย่างไร มีจริงหรือไม่ คิดเสียว่าเป็นการเล่าสู่ให้ฟังแบบเป็นเรื่องเป็นราวก็แล้วกันนะครับ...

เมื่อก่อนผมฝึกปฏิบัติอยู่ที่บ้านเกิด จังหวัดราชบุรี บ้านของผมอยู่ใกล้กับวัด และอยู่ใกล้แม่น้ำ ซึ่งเป็นสถานที่เงียบสงบ สมควรแก่การปฏิบัติธรรม ตอนนั้นผมยังมิได้ไปสมัครในสำนักใด ไม่ได้รู้จักพระไตรปิฏกแต่อย่างไร เพียงแค่รู้จักการฝึกสมาธิ คือ การภาวนาด้วย "พุท-โธ" จากหนังสือใบ้หวยมุมธรรมะ ของแม่กระผม...

ผมเริ่มฝึกด้วยคำภาวนานี้ในทุกวันเช้าและเย็นช่วงละครึ่งชั่วโมง ซึ่งด้วยความรู้ที่มีเพียงน้อยนิด พร้อมด้วยจิตใจที่บริสุทธิ์ คิดแต่เพียงว่าให้จิตใจของผมสงบ ใช้เรียนหนังสือได้ดีเท่านั้น ไม่ได้รู้ว่าอะไร คือ รูปฌาน อรูปฌาน มรรคผลนิพพาน หรืออยากบรรลุอรหันต์เลย รู้เพียงแค่ว่าเมื่อลมหายใจเข้าบริกรรมว่า "พุท" เมื่อลมหายใจออกบริกรรมว่า "โธ" ...

ผมฝึกอยู่ได้อย่างนี้ประมาณ 2 เดือนเห็นจะได้ สมาธิของผมเริ่มดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ที่รู้ว่าดีขึ้นด้วยอาการว่าเบาสบาย ลมหายใจของผมปรากฏชัด และยาวขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งผมหายใจยาวยึ่งรู้สึกว่าสบาย ผมคงสภาพอย่างนี้ไป ระยะหนึ่งเกิดมีแสงสว่างขึ้นทั่วภายในตาของผมคล้ายสีขาว ดั่งว่ามีผ้าขาวมาอยู่ตรงหน้าผม เพียงชั่วเดียวแสงสว่างนั้นได้จางลง ในขณะที่เกิดแสงสว่างขึ้นนั้น ผมไม่ได้สนใจเป็นพิเศษแต่ประการใด ผมยังคงกำหนดอยู่ที่คำภาวนาของผมอย่างเดิมต่อไป....

ผมกำหนดภาวนาต่อไปเรื่อยๆ ปรากฏว่าขนของผมลุกไปทั่วร่าง ห้ามอย่างไรก็ห้ามไม่อยู่ แต่การขนลุกทำให้ผมรู้สึกดีมากขึ้น ผมจึงปล่อยให้อาการขนลุกเป็นไป จากนั้นอาการขนลุกของผมก็หายไปเอง...

อาการต่อไปที่ปรากฏขึ้นแก่ผม มีอยู่ว่า ตัวของผมเบาหวิวบ้าง หนังอื้งบ้าง ตัวบวมบ้าง ตัวเล็กบ้าง ภายในการหลับตามีแสงสว่างปรากฏขึ้น เป็นดวงสีขาวนวลๆ ตอนนั้นผมรู้สึกสุขใจมาก จิตใจของผมมันแช่มชื่นอย่างที่สุด มีความรู้สึกอยากนั่งไปตลอดไม่อยากเลิกฝึกเสีย...(ซึ่งบางวันนั่งตอนหัวค่ำ กำหนดลมหายใจไปอยู่อย่างนั้น มารู้สึกตัวอีกทีตอนเลิกฝึกว่าเช้าแล้วหรือนี่ เหมือนเรานั่งเพียงแป๊บเดียวเอง ต้องฝืนใจตัวเองให้เลิกก่อน จริงๆไม่อยากจะเลิกเลย)

จากนั้นสักพักหนึ่ง คำภาวนา "พุท-โธ" ของผมได้หายไป ผมเองก็รู้ว่าคำภาวนานั้นได้หายไป ผมพยายามนำกลับมาแต่ว่าสักพักก็ได้หายไปเสียอีก ผมจึงปล่อยให้มันเป็นไป คำภาวนาของผมหายไปก็ช่าง ต่อจากนั้น

ผมจึงรู้ด้วยใจในสมาธิของผมว่าที่จริงแม้คำภาวนานั้นจะหายไป แต่ก็เหมือนกับว่าคำภาวนาของผมนั้นยังคงอยู่ เพราะรู้สึกได้ว่ายังอยู่ แต่ผมเพียงไม่ได้ยินเสียงที่พูดขึ้นในใจเท่านั้น....

ผมกำหนดรู้อยู่อย่างนั้นๆ เรื่อยเป็นเวลานานเท่าใดไม่ทราบได้ ลมหายใจของผมรู้สึกแผ่วเบาลง มันเบามากจนผมคิดว่าสมาธิของผมไม่ดีเสียแล้ว ผมจึงพยายามกำหนดรู้ลมหายใจมากยิ่ง แต่ยิ่งกำหนดรู้ลมหายใจมากยิ่งขึ้น กลับกลายเป็นว่าลมหายใจของผมได้หายไป....

จากนั้นเพียงชั่วครู่เท่านั้น ได้เกิดสิ่งที่ผมไม่เคยประสบมาก่อนในชีวิต ได้แก่ ขณะที่ผมรู้ว่าลมหายใจของผมหายไป ผมยังรู้ด้วยตนเองว่า ขณะนั้นหูของผมไม่ได้ยินเสียงอะไรเลย ผมพยายามไปฟังเสียงภายนอกอย่างไรก็ไม่ได้ยิน...

จากนั้นนิดเดียวขณะกำลังพยายามฟังเสียงต่างๆ อยู่นั้น เพียงชั่วครู่เท่านั้น ผมก็ได้ยินเสียงรถยนต์ที่อยู่ปากซอยห่างจากบ้านไปไกลพอสมควรประมาณ 400 เมตร มันดังชัดมากเหมือนอยู่ไกล้ๆ หู ผมจึงพยายามฟังเสียงอย่างอื่นอีก แล้วก็ได้ยินเสียงในห้องที่ผมได้ล็อคประตูไว้อย่างดี หน้าต่างที่มีลูกกรงกั้นไว้ บ้านซึ่งวันนั้นมีผมอยู่เพียงคนเดียว

ผมได้ยินเสียงฝีเท้าของสิ่งใดสิ่งหนึ่งที่คล้ายกับเสียงการเดินของคน กำลังเดินผ่านประตูเข้ามาในห้อง แล้วเสียงเท้านั้นก็มาหยุดตรงหน้าผม จากนั้นผมรู้สึกว่ามีลมวูบหนึ่ง ผ่านที่จมูกของผมไปอย่างชัดเจน...

แล้วสักพักหนึ่ง สิ่งที่ผมรู้สึกพบเจอนั้น ได้ค่อยๆ เดินจากไปทางประตูหลังห้องที่ถูกล็อคไว้ จากนั้น ผมจึงออกจากสมาธิ แล้วสวดมนต์ แผ่เมตตา และก็นอน..

จากประสบการณ์ครั้งนั้นผมได้ไปเล่าให้กับเพื่อนของผมฟังแต่ก็ไม่มีใครเชื่อ เพื่อนของผมคิดว่าผมโกหก ผมก็สงสัยว่าเป็นอะไรกันแน่จนต่อมาได้รู้จักพระไตรปิฏก และได้ศึกษา ปฏิบัติธรรมเพิ่มมากขึ้น รวมทั้งได้ไปเรียนหลักสูตรครูสมาธิที่วัดธรรมมงคล ของหลวงพ่อวิริยังค์ ได้มีการเรียนเรื่องฌานต่างๆ

จึงเข้าใจว่าสิ่งที่ผมพบเจอนั้นเหมือนกันทุกอย่างกับในพระไตรปิฏกและจากประสบการณ์ของผู้ได้ฌาน ซึ่งก็คืออาการหนึ่งของผู้ที่ได้จตุถฌาน และเป็นอาการของผู้ที่ได้ทิพพโสต (หูทิพย์) เสียงฝีเท้าที่ผมได้ยิน สิ่งที่เข้ามาใกล้กับหน้าผม คือ เสียงทิพย์จากฝีเท้า และใบหน้าของกุมาร ในบ้านของผมที่พ่อผมได้เลี้ยงเอาไว้บนหิ้งพระ นอกห้องนั่นเอง...

ขอเล่าเพียงเท่านี้ครับ ตามประสบการณ์ที่มีมา หวังว่าจะเป็นประโยชน์บ้างไม่มากก็น้อยครับ

ปล. เป็นประสบการณ์ส่วนบุคคล และเป็นความคิดเห็นส่วนบุคคลนะครับ โปรดใช้วิจารณญาณครับ

ขอให้เกิดปัญญาเห็นธรรม :b8:

เจ้าของ:  วันชัย(อยุธยา) [ 19 พ.ย. 2009, 18:48 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: เรื่องเก่านำมาเล่าใหม่...ประสบการณ์ฌานสี่ และทิพพโสต

ถ้าคุยเรื่องฌานผมชอบ

ลองเข้ามาคุยกันได้นะครับ

ที่ห้องสนทนาธรรมนะครับ

ผมใช้ชื่อในนั้นว่า "เด็กวัด"

แล้วอย่าลืมมาคุยกันนะครับ

สาธุครับ...

เจ้าของ:  murano [ 19 พ.ย. 2009, 21:18 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: เรื่องเก่านำมาเล่าใหม่...ประสบการณ์ฌานสี่ และทิพพโสต

อืม... พออ่านแล้ว ทำให้ได้คิดอะไรบางอย่าง แต๊งๆ... ขอไปพิสูจน์แนวคิดก่อน

เจ้าของ:  chulapinan [ 20 พ.ย. 2009, 00:13 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: เรื่องเก่านำมาเล่าใหม่...ประสบการณ์ฌานสี่ และทิพพโสต

มาถูกทางแล้วค่ะ ทำสมถะสมาธิก่อน พุท-โธ อย่าบังคับตัวเอง ทำเท่าที่ใจและตัวสบายค่ะ
- ใจเบิกบาน
- ทำดี
- ละชั่ว
- ถือศีล (สำคัญมากค่ะ)
- ทำสมาธิ

เจ้าของ:  เอรากอน [ 22 พ.ย. 2009, 15:32 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: เรื่องเก่านำมาเล่าใหม่...ประสบการณ์ฌานสี่ และทิพพโสต

สวัสดีค่ะ คุณศิรัสพล เข้ามาตามอ่านอยู่นะคะ แต่เห็นเงียบ...

และ สวัสดี คุณวันชัย เราได้แอบแว๊บเข้าไปอ่านข้อความคุณที่ลานโน้นแล้วล่ะ
หึ หึ คุณ วสวัตตี กล่าวถึงบทความของบัวศกลที่เขาได้อ่าน
บทความนั้น เราก็มีโอกาสได้อ่าน :b4:
ตอนที่เราอ่าน เราก็ ต๊ก-กะ-ใจ เช่นกัน... เพราะเราเข้าใจสิ่งที่เขาพูดถึง
ประสบการณ์นั้นเราเคยผ่านมาแล้ว แต่เราไม่เคยคิดว่านั่นเป็นการเข้าฌาณ
แต่ช่วงนั้นลานแห่งนั้นล่ม แล้วข้อความในช่วงนั้น หายเรียบ...

ก็ได้อ่านการไล่ ฌาณ ทั้งของคุณวันชัยและของวัสวัตตี...
ทำให้ตอนนี้เรารู้สึกว่ามีการบ้านต้องกลับไปทบทวนเยอะเลย...
เพราะบอกตรง ๆ ว่าเราไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้มาก่อน เพราะเราคิดว่ามันเป็นเรื่องไกลตัว
แต่สิ่งที่คุณกล่าว เราคุ้นเคยกับมันมาทุกอย่างเลย ...

จริง ๆ เรารู้ตั้งแต่แรกแล้ว ว่าคุณทั้งสองคนไม่ใช่ความบังเอิญ

:b1: :b1: :b1:

เจ้าของ:  kanchapron [ 22 พ.ย. 2009, 21:22 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: เรื่องเก่านำมาเล่าใหม่...ประสบการณ์ฌานสี่ และทิพพโสต

tongue ได้อ่านแล้ว ขอให้เจริญยิ่ง ๆ ขึ้นไปในทางธรรมนะค่ะ

เจ้าของ:  ศิรัสพล [ 22 พ.ย. 2009, 22:08 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: เรื่องเก่านำมาเล่าใหม่...ประสบการณ์ฌานสี่ และทิพพโสต

ขอบคุณที่ร่วมแสดงความคิดเห็นของทุกท่านครับ

************

ถึงคุณเอรากอน

ผมไม่ได้หายเงียบไปไหนหรอกครับ ก็มีพักผ่อน ทำธุระ รวมทั้งตั้งหน้าปฏิบัติอย่างจริงจัง และกำลังหนีจากใบลานเปล่าอยู่น่ะครับ

ส่วนเรื่องบทความหรือการเล่าประสบการณ์ปฏิบัตินั้น ก็กำลังตัดสินใจอยู่ว่าจะเล่าต่อดีหรือเปล่า เพราะมันมีหลายเรื่องที่เหนือวิสัยที่จะเชื่อได้ แต่อย่างไรก็คิดว่าจะพยายามนำมาลงก็แล้วกันนะครับ คิดว่าคงจะมีคนอ่านและเหมือนเดิมครับ คือ คงจะเป็นประโยชน์บ้างไม่มากก็น้อย

เจ้าของ:  ชาติสยาม [ 22 พ.ย. 2009, 22:52 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: เรื่องเก่านำมาเล่าใหม่...ประสบการณ์ฌานสี่ และทิพพโสต

คนเราพูดไปตามที่เห็น
เห็นผิดเห็นถูกอีกเรื่องหนึ่ง เรียกผิดเรียกถูกก็อีกอย่างหนึ่ง แต่เราพูดอย่างที่เห็น
ขับรถไปแล้วเราเห็นทิวทัศน์เป็นอย่างนั้นอย่างนี้ เราเอามาเล่า มันไม่ผิดหรอก
แล้วใครมาว่าเราเลวนักเลวหนา คนที่ว่าเขานั่นแหละสมควรถูกตำหนิ

อนุโมทนานาคนปฏิบัติธรรมนะ
เจริญๆนะคับ ขอให้ได้มรรคผลนิพพานในชาตินี้
เผื่อผมจะได้กราบขออาศัยใบบุญนะครับ

เจ้าของ:  ศิรัสพล [ 23 พ.ย. 2009, 09:03 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: เรื่องเก่านำมาเล่าใหม่...ประสบการณ์ฌานสี่ และทิพพโสต

ขอบคุณสำหรับคำแนะนำมากครับ คุณชาติสยาม :b8:

เจ้าของ:  Rosarin [ 24 พ.ย. 2009, 13:37 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: เรื่องเก่านำมาเล่าใหม่...ประสบการณ์ฌานสี่ และทิพพโสต

tongue
:b8: ...อนุโมทนาสาธุเจ้าค่ะ...

...ทั้งกรรมที่ทำรวมถึงสมาธิและฌานจะมี 3 ขั้นคือขั้นหยาบ ขั้นกลาง ขั้นละเอียด...
...สิ่งที่ท่านคิรัสพลผ่านมา...ข้าพเจ้าก็เคยประสบมาแล้วแต่ยังไม่ละเอียดเท่ากับท่าน...
...แต่ของข้าพเจ้ามีครูอาจารย์รับรองว่าสำเร็จฌาน3ขั้นละเอียดเริ่มเข้าสู่ฌาน4ขั้นหยาบ...

:b16:
...สวดมนต์ทุกวันก็เห็นเป็นจริงก็นั่นแหละ...สวากขาโตภควตาธัมโม...ตถาคตตรัสไว้ชอบแล้ว
...สันทิฐิโก...อกาลิโก...เอหิปัสสิโก...โอปนยิโก...ปัจจัตตัง...เวทิพตัพโพ...วิญญูหีติ...
...ท่านตรัสไว้ว่ากิเลส...สมาธิทุกขั้น...พระธรรมทั้ง84000อยู่ในกายทุกคนต้องขุดค้นเองเจ้าค่ะ

:b1:
...ประสบการณ์จากเรื่องจริงไม่ได้อิงนิยายเจ้าค่ะ...ยังต้องหมั่นฝึกฝนอีกมากมายมหาศาล...
...ลมหายใจละเอียดลง...สูดลมหายใจเข้า-ออกบริกรรมพุท-โธ...รู้สึกว่าหายใจเข้านานมากไม่สุด...
...พอจิตตกสู่ภวังค์...ตัวเบา...ไม่รู้สึกถึงการทำงานของร่างกาย...คำบริกรรมหายไปหมด...
...เหมือนหายใจได้ทางผิวหนังยังได้ยินเสียงสิ่งแวดล้อมอยู่...ขณะนั้นรู้ทันทีจิตกับกายแยกส่วน...
...จิตมีแต่ผู้รู้...โปร่ง...โล่ง...เย็น...สงบ...อิ่มเอมใจระงับอาการทุกข์ที่เจอมาลงในขณะนั้น...
...พระอริยบุคคลท่านต้องหมั่นฝึกฝนจนชำนาญจนรู้วิธีเข้าออก...สามารถถอดจิตออกจากร่างได้......
...ก็ตรงที่มันละเอียดนี่แหละ...พระพุทธเจ้าจะปรินิพพานก็เข้าที่ฌานสี่...ถอดจิตออกตรงช่องว่างนี้...

:b12:
...ทำให้เข้าใจเทศน์ที่ว่ากายก็เหมือนจาน...จิตก็เหมือนข้าวมันต่างอันต่างอยู่...เวลาอยู่ด้วยกัน...
....ก็จะมองเห็นว่าเป็นอันเดียวกัน...จานคือภาชนะรองรับข้าว...และกายก็คือภาชนะรองรับจิต...
...พอจิตมาครองร่างก็มาหลงสมมุติ...จิตมายึดมั่นถือมั่นในกาย...กลายเป็นเป็นอัตตาตัวตนเราเขา...

:b20:
...งานทางโลกไม่มีเรา...เขาก็หาคนมาทำแทนได้...แต่งานทางธรรมทำแทนกันไม่ได้...
...ให้ทุกคนทำความเพียรรีบเร่ง...ปัจจุบันยังมีลมหายใจยังอยู่ในฐานะที่เป็นไปได้อยู่...
...เพราะฐานที่ตั้งแห่งกรรมฐานมีครบสมบูรณ์...ปฏิบัติได้ทุกคน...คำสอนน่ะของจริง

:b31: :b31: :b31:

เจ้าของ:  อินทรีย์5 [ 24 พ.ย. 2009, 14:18 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: เรื่องเก่านำมาเล่าใหม่...ประสบการณ์ฌานสี่ และทิพพโสต

[quote=จขกท.]และได้ศึกษา ปฏิบัติธรรมเพิ่มมากขึ้น รวมทั้งได้ไปเรียนหลักสูตรครูสมาธิที่วัดธรรมมงคล ของหลวงพ่อวิริยังค์ ได้มีการเรียนเรื่องฌานต่างๆ [/quote]
ว่าแต่หลักสูตรครูสมาธิที่ไปเรียน เรียนหลักสูตรไหนครับ หลักสูตรที่นี่
มีอยู่ด้วยกันหลายคอร์ส

เจ้าของ:  ศิรัสพล [ 25 พ.ย. 2009, 09:53 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: เรื่องเก่านำมาเล่าใหม่...ประสบการณ์ฌานสี่ และทิพพโสต

Rosarin เขียน:
tongue
:b8: ...อนุโมทนาสาธุเจ้าค่ะ...

...ทั้งกรรมที่ทำรวมถึงสมาธิและฌานจะมี 3 ขั้นคือขั้นหยาบ ขั้นกลาง ขั้นละเอียด...
...สิ่งที่ท่านคิรัสพลผ่านมา...ข้าพเจ้าก็เคยประสบมาแล้วแต่ยังไม่ละเอียดเท่ากับท่าน...
...แต่ของข้าพเจ้ามีครูอาจารย์รับรองว่าสำเร็จฌาน3ขั้นละเอียดเริ่มเข้าสู่ฌาน4ขั้นหยาบ...

:b16:
...สวดมนต์ทุกวันก็เห็นเป็นจริงก็นั่นแหละ...สวากขาโตภควตาธัมโม...ตถาคตตรัสไว้ชอบแล้ว
...สันทิฐิโก...อกาลิโก...เอหิปัสสิโก...โอปนยิโก...ปัจจัตตัง...เวทิพตัพโพ...วิญญูหีติ...
...ท่านตรัสไว้ว่ากิเลส...สมาธิทุกขั้น...พระธรรมทั้ง84000อยู่ในกายทุกคนต้องขุดค้นเองเจ้าค่ะ

:b1:
...ประสบการณ์จากเรื่องจริงไม่ได้อิงนิยายเจ้าค่ะ...ยังต้องหมั่นฝึกฝนอีกมากมายมหาศาล...
...ลมหายใจละเอียดลง...สูดลมหายใจเข้า-ออกบริกรรมพุท-โธ...รู้สึกว่าหายใจเข้านานมากไม่สุด...
...พอจิตตกสู่ภวังค์...ตัวเบา...ไม่รู้สึกถึงการทำงานของร่างกาย...คำบริกรรมหายไปหมด...
...เหมือนหายใจได้ทางผิวหนังยังได้ยินเสียงสิ่งแวดล้อมอยู่...ขณะนั้นรู้ทันทีจิตกับกายแยกส่วน...
...จิตมีแต่ผู้รู้...โปร่ง...โล่ง...เย็น...สงบ...อิ่มเอมใจระงับอาการทุกข์ที่เจอมาลงในขณะนั้น...
...พระอริยบุคคลท่านต้องหมั่นฝึกฝนจนชำนาญจนรู้วิธีเข้าออก...สามารถถอดจิตออกจากร่างได้......
...ก็ตรงที่มันละเอียดนี่แหละ...พระพุทธเจ้าจะปรินิพพานก็เข้าที่ฌานสี่...ถอดจิตออกตรงช่องว่างนี้...

:b12:
...ทำให้เข้าใจเทศน์ที่ว่ากายก็เหมือนจาน...จิตก็เหมือนข้าวมันต่างอันต่างอยู่...เวลาอยู่ด้วยกัน...
....ก็จะมองเห็นว่าเป็นอันเดียวกัน...จานคือภาชนะรองรับข้าว...และกายก็คือภาชนะรองรับจิต...
...พอจิตมาครองร่างก็มาหลงสมมุติ...จิตมายึดมั่นถือมั่นในกาย...กลายเป็นเป็นอัตตาตัวตนเราเขา...

:b20:
...งานทางโลกไม่มีเรา...เขาก็หาคนมาทำแทนได้...แต่งานทางธรรมทำแทนกันไม่ได้...
...ให้ทุกคนทำความเพียรรีบเร่ง...ปัจจุบันยังมีลมหายใจยังอยู่ในฐานะที่เป็นไปได้อยู่...
...เพราะฐานที่ตั้งแห่งกรรมฐานมีครบสมบูรณ์...ปฏิบัติได้ทุกคน...คำสอนน่ะของจริง

:b31: :b31: :b31:


อนุโมทนา และขอบคุณสำหรับความคิดเห็นของคุณ Rosarin มากครับ :b8:

ได้อ่านประสบการณ์การปฏิบัติของคุณแล้ว ทำให้ได้รู้ว่ายังมีคนสภาวการดำเนินจิตที่เป็นสมาธิในลักษณะคล้ายๆ กันอยู่ครับ

คุณ Rosarin นี่ คงจะสำเร็จฌาน ๔ อย่างที่ตั้งใจไว้ในได้ไม่ช้าแน่ครับ เพราะมีครูอาจารย์คอยแนะนำ

ส่วนผมเองก็มีครูอาจารย์หลายท่าน ไปเรียนมาหลายที่ แต่เอาดีตามอาจารย์ยังไม่ได้เลยครับ ทุกวันนี้ก็ได้แต่ปฏิบัติตามแนวทาง-วิธีการที่ประยุกต์ขึ้นเอง จากสิ่งที่เรียนรู้จากพระไตรปิฏกและครูอาจารย์ต่างๆ มารวมกัน ซึ่งจะไปได้ก้าวหน้าแค่ไหนก็ยากจะรู้ (แต่ผมก็เลือกแล้วที่จะเดินทางนี้ คือ ปฏิบัติแบบไม่มีอาจารย์ใดๆ คอยให้คำแนะนำแบบจำเพาะเจาะจงโดยตรง)

สุดท้ายขอให้พยายามเข้านะครับ เป็นกำลังใจให้ครับ :b4:

เจ้าของ:  ศิรัสพล [ 25 พ.ย. 2009, 10:01 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: เรื่องเก่านำมาเล่าใหม่...ประสบการณ์ฌานสี่ และทิพพโสต

[quote="อินทรีย์5]
และได้ศึกษา ปฏิบัติธรรมเพิ่มมากขึ้น รวมทั้งได้ไปเรียนหลักสูตรครูสมาธิที่วัดธรรมมงคล ของหลวงพ่อวิริยังค์ ได้มีการเรียนเรื่องฌานต่างๆ

ว่าแต่หลักสูตรครูสมาธิที่ไปเรียน เรียนหลักสูตรไหนครับ หลักสูตรที่นี่
มีอยู่ด้วยกันหลายคอร์ส

[/quote]


ขอบคุณสำหรับความคิดเห็นนะครับคุณ อินทรีย์ 5 :b8:

ที่ถามมาเรื่องหลักสูตรครูสมาธินั้น ผมเรียนหลักสูตร ครูสมาธิ รุ่นที่ ๑๗ (มุทิตา) ครับ ตอนนั้นจะเป็นหลักสูตรเรียน ๖ เดือน ปัจจุบันนี้ไม่รู้ว่าระยะเวลายังเท่าเดิมอยู่หรือเปล่าครับ

คุณอินทรีย์ 5 ก็เรียนเหมือนกันหรือเปล่าครับ :b8:

เจ้าของ:  อายะ [ 25 พ.ย. 2009, 23:05 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: เรื่องเก่านำมาเล่าใหม่...ประสบการณ์ฌานสี่ และทิพพโสต

ทดสอบง่ายๆ ครับลองนั่งนอกบ้าน ที่มียุงอยู่ ถ้ายุงไม่กัดแล้วไม่รู้สึกคันก็เป็นไปได้มากว่าฌาณ แต่ถ้ายุงยังกัดแล้วก็คันก็น่าจะแฌณ นะครับ

เจ้าของ:  หลับอยุ่ [ 25 พ.ย. 2009, 23:17 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: เรื่องเก่านำมาเล่าใหม่...ประสบการณ์ฌานสี่ และทิพพโสต

ศิรัสพล เขียน:
ขอบคุณที่ร่วมแสดงความคิดเห็นของทุกท่านครับ

************

ถึงคุณเอรากอน

ผมไม่ได้หายเงียบไปไหนหรอกครับ ก็มีพักผ่อน ทำธุระ รวมทั้งตั้งหน้าปฏิบัติอย่างจริงจัง และกำลังหนีจากใบลานเปล่าอยู่น่ะครับ

ส่วนเรื่องบทความหรือการเล่าประสบการณ์ปฏิบัตินั้น ก็กำลังตัดสินใจอยู่ว่าจะเล่าต่อดีหรือเปล่า เพราะมันมีหลายเรื่องที่เหนือวิสัยที่จะเชื่อได้ แต่อย่างไรก็คิดว่าจะพยายามนำมาลงก็แล้วกันนะครับ คิดว่าคงจะมีคนอ่านและเหมือนเดิมครับ คือ คงจะเป็นประโยชน์บ้างไม่มากก็น้อย

ดีครับ รออ่านครับ บางคนก็ไม่สนใจเรื่องแบบนี้ แต่ผม ชอบรู้ครับ คุณศิรัสพล

หน้า 1 จากทั้งหมด 3 เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group
http://www.phpbb.com/