ลานธรรมจักร http://dhammajak.net/forums/ |
|
ทำอย่างไรให้จิตใจผ่องใส http://dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=1&t=27105 |
หน้า 1 จากทั้งหมด 2 |
เจ้าของ: | พงพัน [ 20 พ.ย. 2009, 17:56 ] |
หัวข้อกระทู้: | ทำอย่างไรให้จิตใจผ่องใส |
ทำความดี ละเว้นความชั่ว และทำจิตใจให้ผ่องใส สองอย่างแรกนี่อาจทำได้ไม่ยาก แต่ทำจิตใจให้ผ่องใสนี่สิครับ จะทำอย่างไร เพราะบางทีความคิดและความรู้สึกร้ายๆต่างๆของเราก็ผุดขึ้นมาโดยไม่รู้ตัวและบังคับไม่ได้ จิตที่ผ่องใส คือจิตที่ไม่ยืดมั่นถือมั่นทั้งสุขและทุกข์ครับ เพราะตราบใดที่ยังยึดในสุขอยู่ก็ต้องมีทุกข์ตามมาเป็นเรื่องธรรมชาติ การจะไม่ยึดมั่นในสิ่งทั้งปวงได้ ก็อย่างที่กระทู้นึงเพื่อนๆบอกไว้ว่า ต้องมี"ศีล สมาธิ ปัญญา" การจะไม่ยึดมั่นถือมั่นในสิ่งทั้งปวงได้ก็ต้องใช้ปัญญาเข้าไปพิจารณาถอดถอน ทุกสิ่งทุกอย่าง คือพิจารณาทุกสิ่งทุกอย่างลงสู่ความเป็นไตรลักษณ์ครับ(ว่าเป็นทุกข์ ไม่เที่ยงและไม่สามารถคงอยู่ได้) จิต กับ ความทุกข์ ความสุข เป็นคนละตัวกัน ตราบใดที่พิจารณาจนเห็นความเป็นจริงทุกอย่าง จะทราบได้ว่า แม้ในเวลาที่เกิดความทุกข์ จิตก็ผ่องแผ้วได้เช่นกัน เนื่องจากจิตและความทุกข์ความสุขนั้น ไม่เกี่ยวข้องซึ่งกันและกันแล้ว หลักปฏิบัติง่ายๆโดยละเอียด ผมขอแนะนำเว็บไซต์นี้นะครับ http://www.watpachareongtham-chonburi.com |
เจ้าของ: | natdanai [ 20 พ.ย. 2009, 20:29 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ทำอย่างไรให้จิตใจผ่องใส |
ก็ทำความดี ละเว้นความชั่ว ทำแค่ 2 อย่างนี้แหละครับ จิตผ่องใสไม่ต้องทำ...เพราะจิตมันผ่องใสของมันอยู่แล้ว ......แต่ที่ไม่ใสเพราะยังละความชั่วไม่หมด ![]() ![]() |
เจ้าของ: | พงพัน [ 22 พ.ย. 2009, 16:59 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ทำอย่างไรให้จิตใจผ่องใส |
ใช่ครับจิตเดิมผ่องใส ประภัสสรอยู่แล้ว แต่การที่เรายังรู้สึกว่าจิตไม่ผ่องใส ก็เนื่องมาจากการยังไม่เห็นว่ามันผ่องใส เพราะการที่จิตยังยึดมั่นในรูปและนาม(ขันธ์ 5)อยู่ ผมกำลังหมายถึงว่าจิตที่จะไปนิพพานได้คือจิตที่ไม่หมาย ไม่ยึดในรูปนาม(ขันธ์ 5)นี้แล้ว เพราะฉนั้นความผ่องใสของจิตไม่ใช่ความรู้สึกที่ไปให้ความหมายว่าผ่องใส แต่เป็นจิตที่ไม่ข้องเกี่ยวกับความมีอยู่ทั้งสิ้น ไม่มีแม้กระทั่งความหมายว่าผ่องใส ความปารถนาของพระพุทธเจ้าต่อชาวพุทธก็คือการหลุดพ้นครับ ผมมีหลักปฏิบัติที่เข้าใจได้ง่ายๆแนะนำครับ รายละเอียดตามเว็บไซต์นี้ครับ http://www.watpachareongtham-chonburi.com สามารถขอหนังสือและซีดีไปอ่านและฟัง และลองปฏิบัติดูได้ครับ |
เจ้าของ: | มหาราชันย์ [ 22 พ.ย. 2009, 23:27 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ทำอย่างไรให้จิตใจผ่องใส |
พงพัน เขียน: ทำความดี ละเว้นความชั่ว และทำจิตใจให้ผ่องใส การทำจิตใจให้ผ่องใสในพระพุทธศาสนา ได้แก่จิต 8 ประเภทคือ 1.โสดาปัตติมัคค 2.โสดาปัตติผล 3.สกทาคามีมัคค 4.สกทาคามีผล 5.อนาคามีมัคค 6.อนาคามีผล 7.อรหัตตมัคค 8.อรหัตตผล เป็นจิตที่มีปัญญาเครื่องทำลายกิเลสสังโยชน์ได้มากน้อยตามลำดับ ธมฺมปีติ สุขํ เสติ วิปฺปสนฺเนน เจตสา อริยปฺปเวทิเต ธมฺเม สทา รมติ ปณฺฑิโต ผู้มีปีติในธรรมมีใจผ่องใสแล้วย่อมอยู่เป็นสุข บัณฑิตย่อมยินดีในธรรมที่พระอริยะเจ้าประกาศแล้วในกาลทุกเมื่อ เจริญในธรรมครับ |
เจ้าของ: | เช่นนั้น [ 22 พ.ย. 2009, 23:32 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ทำอย่างไรให้จิตใจผ่องใส |
natdanai เขียน: ก็ทำความดี ละเว้นความชั่ว ทำแค่ 2 อย่างนี้แหละครับ จิตผ่องใสไม่ต้องทำ...เพราะจิตมันผ่องใสของมันอยู่แล้ว ......แต่ที่ไม่ใสเพราะยังละความชั่วไม่หมด ![]() ![]() แล้ว ใส หรือไม่ใส กันแน่ครับ ต้องทำ หรือไม่ต้องทำ กันแน่ครับ ![]() ![]() |
เจ้าของ: | ชาติสยาม [ 22 พ.ย. 2009, 23:48 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ทำอย่างไรให้จิตใจผ่องใส |
"ต้องทำ" แต่ "ทำแบบไม่ต้องทำ" ไงล่ะคุณคุณเช่นนั้น |
เจ้าของ: | เช่นนั้น [ 22 พ.ย. 2009, 23:59 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ทำอย่างไรให้จิตใจผ่องใส |
ชาติสยาม เขียน: "ต้องทำ" แต่ "ทำแบบไม่ต้องทำ" ไงล่ะคุณคุณเช่นนั้น อย่างไร คุณชาติสยาม ![]() ![]() |
เจ้าของ: | bbb [ 23 พ.ย. 2009, 09:16 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ทำอย่างไรให้จิตใจผ่องใส |
ทำอารายกานอ่างับ ![]() |
เจ้าของ: | พงพัน [ 23 พ.ย. 2009, 15:31 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ทำอย่างไรให้จิตใจผ่องใส |
สรุปแล้วต้องทำครับ พระอรหันต์ท่านยังต้องปฏิบัติอยู่เลยครับ ท่านว่าการได้รู้สัจธรรมความเป็นจริงแล้ว ก็เหมือนกับการได้บ้านมาแล้ว แต่ถ้าไม่ปัดกวาดเช็ดถูทำความสะอาดบ้าน บ้านก็สกปรกเลอะเทอะ จึงต้องทำความสะอาด จัดบ้านอยู่เสมอ ท่านเปรียบกับการทำความสะอาดใจโดยการเข้าไปพิจารณาถอดถอนกิเลสตัณหาต่างๆในกายในใจเรา การถอดถอนไม่ได้ไปดับหรือไปบังคับให้กิเลสไม่เกิดนะครับ เพราะมันเป็นธรรมชาติที่ห้ามไม่ได้ แต่ให้พิจารณาว่ากิเลสที่เกิดขึ้นเป็นสิ่งที่เป็นทุกข์ ไม่เที่ยง และไม่มีตัวตน การไปบังคับกิเลสจะทำให้เกิดตัณหา คือการเข้าไปยึดมั่นไว้หรือการเข้าไปไล่ดับไม่ให้มันมี พอใจก็ยึดไว้ ไม่พอใจก็ไล่ดับมัน อันนี้เป็นการเข้าไปเพิ่มทุกข์ ปล่อยกิเลสให้เป็นตามธรรมชาติ และพิจารณามันลงสู่ความเป็นไตรลักษณ์ ก็จะค่อยๆถอดถอนตัวตน ความยึดมั่นถือมั่นได้เอง ก็ขอแนะนำตามความรู้ที่มี ตามผลที่ได้ปฏิบัติเองแล้ว ถ้าเพื่อนๆมีอะไรก็ช่วยแนะนำด้วยครับ |
เจ้าของ: | Rosarin [ 23 พ.ย. 2009, 15:47 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ทำอย่างไรให้จิตใจผ่องใส |
![]() ![]() ...เมื่อไหร่ที่ทำบุญแล้วจิตยินดีทั้งก่อนทำ-ขณะทำ-หลังทำ...โดยไม่หวังผลตอบแทน... ...คิดถึงการทำบุญนั้นแล้วจิตยินดี...พอใจ...เป็นสุข...ไม่รุ่มร้อน...เย็นอกเย็นใจ... ...ไม่เสียดายที่ได้ทำไปแล้ว...ไม่เดือดร้อนในภายหลัง...ก็เรียกว่าทำจิตใจให้ผ่องใส... ![]() ![]() ...คนส่วนมากทำบุญ 20 บาท...ขอถูกรางวัลที่หนึ่งบ้าง...ขอนั่น...ขอนี่ไม่หยุด... ...บางคนได้ซองกฐิน...ผ้าป่า...ใส่ไปบ่นไป...ทำไปแล้วก็เสียดาย...จิตมันก็ไม่ผ่องใส... ...เมื่อใดที่ศรัทธายังไม่เกิด...การทำจิตให้ผ่องใสมันก็ยาก...ศรัทธาเมื่อใดทำอะไรก็ผ่องใส... ![]() ![]() ![]() ...ขอให้หมั่นทำความเพียรปฏิบัติสมาธิจนถึงธรรมะเข้าสู่จิตใจเมื่อใด...รู้ได้เมื่อนั้นแล... ![]() |
เจ้าของ: | คุณเพชร [ 23 พ.ย. 2009, 15:58 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ทำอย่างไรให้จิตใจผ่องใส |
คิดดี ทำดี พูดดี เจริญในธรรมค่ะ |
เจ้าของ: | *ADIOS* [ 23 พ.ย. 2009, 16:21 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ทำอย่างไรให้จิตใจผ่องใส |
...จิตประภัสสร...โดยธรรม(ชาติ) สาธุค่ะ ![]() |
เจ้าของ: | natdanai [ 23 พ.ย. 2009, 22:20 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ทำอย่างไรให้จิตใจผ่องใส |
เช่นนั้น เขียน: แล้ว ใส หรือไม่ใส กันแน่ครับ natdanai เขียน: จิตผ่องใสไม่ต้องทำ...เพราะจิตมันผ่องใสของมันอยู่แล้ว ......แต่ที่ไม่ใสเพราะยังละความชั่วไม่หมด ![]() ![]() เช่นนั้น เขียน: ต้องทำ หรือไม่ต้องทำ กันแน่ครับ ![]() ![]() ท่านหมายถึงทำความดี ละความชั่ว....หรือหมายถึงทำจิตผ่องใสครับ ![]() ![]() ![]() natdanai เขียน: ก็ทำความดี ละเว้นความชั่ว ทำแค่ 2 อย่างนี้แหละครับ
|
เจ้าของ: | chulapinan [ 24 พ.ย. 2009, 00:24 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ทำอย่างไรให้จิตใจผ่องใส |
จิตผ่องใส คือ จิตที่มีพรหมวิหาร๔ อย่างบริสุทธิ์ใจค่ะ |
เจ้าของ: | เช่นนั้น [ 24 พ.ย. 2009, 21:25 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ทำอย่างไรให้จิตใจผ่องใส |
ทำอย่างไรให้จิตใจผ่องใส เรากล่าวธรรมสำหรับละกามสัญญา และโทมนัสทั้งสอง และธรรมเป็นเหตุบรรเทาความง่วง และธรรมเป็นเครื่องห้าม กันความรำคาญ อันมีอุเบกขากับสติเป็นธรรมชาติบริสุทธิ์ มีความตรึกประกอบด้วยธรรมแล่นไปในเบื้องหน้าว่า เป็น ธรรมสำหรับทำลายล้างอวิชชา เป็นเครื่องพ้นกิเลสด้วยปัญญา ที่รู้ทั่วถึง ฯ อัง. ติกนิบาต สาริปุตตสูตร 20/472 |
หน้า 1 จากทั้งหมด 2 | เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง |
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group http://www.phpbb.com/ |