ลานธรรมจักร
http://dhammajak.net/forums/

ร่างกายเราเป็นเราจริงหรือ
http://dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=1&t=27221
หน้า 1 จากทั้งหมด 1

เจ้าของ:  พงพัน [ 24 พ.ย. 2009, 18:04 ]
หัวข้อกระทู้:  ร่างกายเราเป็นเราจริงหรือ

สุขที่แท้จริงก็อยู่ในกายของเรานี่เอง จะพ้นทุกข์ก็พ้นที่กายของเรานี่เอง...
กายของเราคือบ้าน รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส นั้นอยู่นอกบ้าน
เราดึงเอาความพอใจ ไม่พอใจ มาไว้ในบ้านทั้งๆที่เป็นของภายนอก ....
พิจารณาให้ถ่องแท้ กายของเราประกอบด้วยธาตุ ๔ นั้นคือ ดิน น้ำ ลม ไฟ .....
๑. ดิน คือ ร่างกายของเรา อาหารที่เราและสัตว์กินเข้าไป พืช ผัก
ผลไม้ ที่ออกมาจากลำต้นนั้น เค้าก็กินอาหารแร่ธาตุจากดิน เมื่อต้นไม้
ตายแล้วก็แปรสภาพเป็นหินเป็นดินเช่นเดิม แล้วมีอะไรที่เป็นของเรา
ดินจึงเป็นแค่ธาตุอาศัยเท่านั้น
๒. น้ำ ที่เราดื่มกินเข้าไป ก็น้ำมาจากธรรมชาตินั้นเอง กินเข้าแล้วถ่าย
ออกหมุนเวียนเปลี่ยนไปอยู่อย่างนี้ น้ำจึงเป็นธาตุอาศัยเหมือนกันกับดิน
๓. ลม อากาศที่สูดเข้ามา หายใจเข้าไม่ออกก็ตาย หายใจออกไม่เข้า
ก็ตายสูญสลาย เกิดดับอยู่อย่างนั้น
๔. ไฟ เวลามีลมเข้า-ลมออก การเผาผลาญอาหารในร่างกาย อากาศ
ไปฟอกในปอด ส่งเลือดไปสู่หัวใจและร่างกาย ทำให้ร่างกายอบอุ่นนั่นก็คือธาตุไฟ

......แล้วเราอยู่ตรงไหน เป็นเราก็จริง แต่เป็นโดยสมมติเท่านั้น
เป็นโดยชั่วคราว เราเป็นขี้ข้าของกายนี้อยู่ตลอด เปลี่ยนอริยาบถก็
เพื่อแก้ความทุกข์ จริงๆเราไม่เคยมีความสุขเลย เราแค่พยายามแก้
ความทุกข์เท่านั้น.....

เราแค่ยึด ดิน น้ำ ลม ไฟ ว่าเป็นเราเท่านั้น.....สุข-ทุกข์
มันคือตัวเดียวกัน ละสุขได้ ความทุกข์ทั้งหลายจะดับตาม ....
(หลวงพ่อชานนท์ วัดป่าเจริญธรรม จ.ชลบุรี)

ละ รูป นาม เพื่อความพ้นทุกข์
http://www.watpachareongtham-chonburi.com

เจ้าของ:  natdanai [ 24 พ.ย. 2009, 19:05 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ร่างกายเราเป็นเราจริงหรือ

ท่าน บัวสบาย แวะมาอ่านกระทู้นี้แล้วคิดอย่างไรบ้างหนอ :b10: :b10:

เจ้าของ:  ชาติสยาม [ 24 พ.ย. 2009, 20:48 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ร่างกายเราเป็นเราจริงหรือ

คุณผู้ใช้ชื่อว่า บัวสบายขอรับ
ทำล่ิองหนเป็น"เครื่องบินเสตลท์"ไปได้นะขอรับ
:b32: :b8:

เจ้าของ:  kanchapron [ 24 พ.ย. 2009, 21:19 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ร่างกายเราเป็นเราจริงหรือ

อนุโมทนา สาธุ
เราอยู่คู่กับความทุกข์ และความไม่แน่นอนตลอด :b35:

เจ้าของ:  เช่นนั้น [ 24 พ.ย. 2009, 21:36 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ร่างกายเราเป็นเราจริงหรือ

ร่างกายเรา เป็นเราจริงหรือ

ร่างกายเรา เป็นเรา จริง แต่เป็นอัตภาพ ที่มิควรที่จะยึดถือ

Quote Tipitaka:
พระไตรปิฎก เล่มที่ ๙ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑ ทีฆนิกาย สีลขันธวรรค
๙. โปฏฐปาทสูตร
...
พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ดูกรจิตตะ สมัยใด มีการได้อัตตาที่หยาบ สมัยนั้น ไม่นับว่า
ได้อัตตาที่สำเร็จด้วยใจ ไม่นับว่าได้อัตตาที่หารูปมิได้ นับว่าได้อัตตาที่หยาบอย่างเดียว ดูกรจิตตะ
สมัยใด มีการได้อัตตาที่สำเร็จด้วยใจ สมัยนั้น ไม่นับว่าได้อัตตาที่หยาบ ไม่นับว่าได้อัตตา
ที่หารูปมิได้ นับว่าได้อัตตาที่สำเร็จด้วยใจอย่างเดียว ดูกรจิตตะ สมัยใด มีการได้อัตตาที่หารูปมิได้
สมัยนั้น ไม่นับว่าได้อัตตาที่หยาบ ไม่นับว่าได้อัตตาที่สำเร็จด้วยใจ นับว่าได้อัตตาที่หารูปมิได้
อย่างเดียว.
[๓๑๐] ดูกรจิตตะ ถ้าชนทั้งหลายพึงถามท่านว่า เธอได้มีในอดีตกาล มิใช่ว่าเธอไม่ได้มี
ก็หาไม่ เธอจักมีในอนาคตกาล มิใช่ว่าเธอจักไม่มีก็หาไม่ เธอมีอยู่ในบัดนี้ มิใช่ว่าเธอไม่มีอยู่
ก็หามิได้ เช่นนั้นหรือ เมื่อท่านถูกถามอย่างนี้ ท่านจะพึงพยากรณ์ว่าอย่างไร.
ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ถ้าเขาถามข้าพระองค์อย่างนั้น ข้าพระองค์พึงพยากรณ์ว่า
ข้าพเจ้าได้มีแล้วในอดีตกาล มิใช่ว่าไม่มีก็หามิได้ ข้าพเจ้าจักมีในอนาคตกาล มิใช่ว่าจักไม่มี
ก็หามิได้ ข้าพเจ้ามีอยู่ในบัดนี้ มิใช่ว่าไม่มีอยู่ก็หามิได้.
[๓๑๑] ดูกรจิตตะ ถ้าเขาพึงถามท่านว่า เธอได้อัตตภาพที่เป็นอดีตแล้ว การที่เธอได้
อัตตภาพเช่นนั้นนั่นแหละ เป็นของเที่ยงแท้ การได้อัตตภาพเป็นอนาคต เป็นปัจจุบัน เป็นโมฆะ
เธอจักได้อัตตภาพเป็นอนาคต การได้อัตตภาพเช่นนั้น เท่านั้น เป็นของเที่ยงแท้ การได้
อัตตภาพเป็นอดีต เป็นปัจจุบัน เป็นโมฆะ เธอได้อัตตภาพเป็นปัจจุบันในบัดนี้ การได้อัตตภาพ
เช่นนั้นเท่านั้น เป็นของเที่ยงแท้ การได้อัตตภาพเป็นอดีต เป็นอนาคต เป็นโมฆะ อย่างนั้น
หรือ เมื่อท่านถูกถามอย่างนี้ จะพึงพยากรณ์ว่าอย่างไร.
ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ถ้าเขาถามข้าพระองค์อย่างนั้น ข้าพระองค์พึงพยากรณ์ว่า
ข้าพเจ้าได้อัตตภาพเป็นอดีตแล้ว การได้อัตตภาพเช่นนั้นเท่านั้น เป็นของเที่ยงแท้ในสมัยนั้น
การได้อัตตภาพเป็นอนาคต เป็นปัจจุบัน เป็นโมฆะ ข้าพเจ้าจักได้อัตตภาพเป็นอนาคต การได้
อัตตภาพเช่นนั้นเท่านั้นเป็นของเที่ยงแท้ในสมัยนั้น การได้อัตตภาพเป็นอดีต เป็นปัจจุบัน เป็น
โมฆะ ข้าพเจ้าได้อัตตภาพเป็นปัจจุบันบัดนี้ การได้อัตตภาพเช่นนั้นเท่านั้นเป็นของเที่ยงแท้ใน
สมัยนี้ การได้อัตตภาพเป็นอดีต เป็นอนาคต เป็นโมฆะ.
[๓๑๒] ดูกรจิตตะ อย่างนั้นแหละ สมัยใด มีการได้อัตตาที่หยาบ สมัยนั้น ไม่นับว่า
ได้อัตตาที่สำเร็จด้วยใจ ไม่นับว่าได้อัตตาที่หารูปมิได้ นับว่าได้อัตตาที่หยาบอย่างเดียว.
ดูกรจิตตะ สมัยใด มีการได้อัตตาที่สำเร็จด้วยใจ สมัยนั้น ไม่นับว่าได้อัตตาที่หยาบ
ไม่นับว่าได้อัตตาที่หารูปมิได้ นับว่าได้อัตตาที่สำเร็จด้วยใจอย่างเดียว.
ดูกรจิตตะ สมัยใด มีการได้อัตตาที่หารูปมิได้ สมัยนั้น ไม่นับว่าได้อัตตาที่หยาบ
ไม่นับว่าได้อัตตาที่สำเร็จด้วยใจ นับว่าได้อัตตาที่หารูปมิได้อย่างเดียว.
ดูกรจิตตะ เหมือนอย่างว่า นมสดจากแม่โค นมส้มจากนมสด เนยข้นจากนมส้ม
เนยใสจากเนยข้น หัวเนยใสจากเนยใส สมัยใดเป็นนมสด สมัยนั้น ไม่นับว่านมส้ม เนยข้น
เนยใส หัวเนยใส นับว่านมสดอย่างเดียวเท่านั้น สมัยใดเป็นนมส้ม สมัยนั้น ไม่นับว่านมสด
เนยข้น เนยใส หัวเนยใส นับว่าเป็นนมส้มอย่างเดียวเท่านั้น สมัยใดเป็นเนยข้น สมัยนั้น
ไม่นับว่านมสด นมส้ม เนยใส หัวเนยใส นับว่าเป็นเนยข้นอย่างเดียวเท่านั้น สมัยใดเป็น
เนยใส สมัยนั้นไม่นับว่านมสด นมส้ม เนยข้น หัวเนยใส นับว่าเป็นเนยใสอย่างเดียวเท่านั้น
สมัยใดเป็นหัวเนยใส สมัยนั้น ไม่นับว่านมสด นมส้ม เนยข้น เนยใส นับว่าเป็นหัวเนยใส
อย่างเดียวเท่านั้น ฉันใด ดูกรจิตตะ ฉันนั้นเหมือนกัน สมัยใดมีการได้อัตตาที่หยาบ สมัยนั้น
ไม่นับว่าได้อัตตาที่สำเร็จด้วยใจ ไม่นับว่าได้อัตตาที่หารูปมิได้ นับว่าได้อัตตาที่หยาบอย่างเดียว
เท่านั้น สมัยใดมีการได้อัตตาที่สำเร็จด้วยใจ สมัยนั้น ไม่นับว่าได้อัตตาที่หยาบ ไม่นับว่าได้
อัตตาที่หารูปมิได้ นับว่าได้อัตตาที่สำเร็จด้วยใจอย่างเดียวเท่านั้น สมัยใดมีการได้อัตตาที่หารูป
มิได้ สมัยนั้น ไม่นับว่าได้อัตตาที่หยาบ ไม่นับว่าได้อัตตาที่สำเร็จด้วยใจ นับว่าได้อัตตาที่หารูป
มิได้อย่างเดียวเท่านั้น.
ดูกรจิตตะ เหล่านี้แลเป็นชื่อตามโลก เป็นภาษาของโลก เป็นโวหารของโลก เป็นบัญญัติ
ของโลก ที่ตถาคตกล่าวอยู่ มิได้ยึดถือ.

เจ้าของ:  เช่นนั้น [ 24 พ.ย. 2009, 21:40 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ร่างกายเราเป็นเราจริงหรือ

การมีอัตตภาพ การได้อัตตภาพ เป็นสภาวะที่จริง
การประชุมแห่งขันธ์ เป็นการได้อัตภาพ เป็นสภาวะที่จริง
การปฏิบัติธรรม ไม่ได้ ละ รูป นาม แต่เป็นการละอาสวะกิเลส แห่งความยึดถือ
ละเชื้ออันก่อให้เกิดภพใหม่

เจ้าของ:  yodchaw [ 25 พ.ย. 2009, 15:12 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ร่างกายเราเป็นเราจริงหรือ

จะจริงหรือไม่ ถ้าพิจารณาอนุโลม แล้วก็ปฏิโลม จะได้ไม่อะไรกับอะไร นอกเหนือใน 2 สิ่งนี้ เรียกของเขาเองอยู่แล้ว

เจ้าของ:  พงพัน [ 25 พ.ย. 2009, 17:05 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ร่างกายเราเป็นเราจริงหรือ

เช่นนั้น เขียน:
การปฏิบัติธรรม ไม่ได้ ละ รูป นาม แต่เป็นการละอาสวะกิเลส แห่งความยึดถือ
ละเชื้ออันก่อให้เกิดภพใหม่


อนุโมทนาสาธุการครับ :b1:

ละความยึดมั่นถือมั่นในรูปนามเพื่อความพ้นทุกข์
http://www.watpachareongtham-chonburi.com

หน้า 1 จากทั้งหมด 1 เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group
http://www.phpbb.com/