วันเวลาปัจจุบัน 25 ก.ค. 2025, 10:56  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 4 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 พ.ย. 2009, 17:33 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 7
สมาชิก ระดับ 7
ลงทะเบียนเมื่อ: 20 พ.ย. 2009, 16:20
โพสต์: 537

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


".....เราปฏิบัติเพื่อถอดถอนความยึดมั่นในร่างกายของเรา หรือที่เรียกว่ารูปนี่แหละ รูปเรานี้ประกอบไปด้วยธาตุทั้ง ๔ คือ ธาตุดิน ธาตุน้ำ ธาตุลม และธาตุ ไฟ คือเราอาศัยธาตุทั้ง ๔ประชุมรวมกันขึ้นเป็นรูปร่างหน้าตา เป็นมนุษย์ก็ดี เป็นสัตว์ก็ดี แล้วแต่กรรมตกแต่งกันไป เราอาศัยดิน น้ำ ลม ไฟ ตั้งแต่วันเกิดจนถึงวันตาย แล้วดิน น้ำ ลม ไฟ ของกายเรานี้มันก็ไม่มี มาแต่เดิม เราแค่อาศัยธาตุทั้ง ๔ มาอยู่ชั่วขณะเท่านั้น แล้วก็ต้องดับไป คนเราเวลาจะตาย นี่ ธาตุลมดับก่อน ต่อมาธาตุไฟจึงดับ คนตายใหม่ๆตัวยังอุ่นอยู่ พอไปๆธาตุไฟดับตัวจึงเย็น ต่อมาธาตุน้ำก็ระเหยออกไป ตัวก็ลีบก็แห้ง เหลือแต่ธาตุดินล้วนๆ สุดท้ายก็สลายกลายเป็น ดินตามธรรมชาติ นี่แหละคือหลักของความจริง ...แต่เราไปหลงธาตุกัน ไปหลงดิน น้ำ ลม ไฟ ว่าเป็นของเรา จริงๆแล้วมันเป็นแค่ของอาศัย สุดท้ายก็ต้องพลัดพรากจากร่างกายนี้ไป

.....เมื่อมีรูปอันเกิดจาก ดิน น้ำ ลม ไฟ ประชุมรวมกันขึ้นมาเป็นเรา เวทนาจึงเกิดตามมา เวทนาก็คือความสุข ความทุกข์ ความนึ่งเฉย ...แล้วก็มีสัญญาตามมาสัญญาคือความจำ จำรูป รส กลิ่น เสียง จำเรื่องราวต่างๆ นี่เรียกว่าสัญญา ...สังขารคือความคิดปรุงแต่ง คิดดี คิดชั่ว คิดเรื่องราวต่างๆนี่เราอาศัยสังขารเข้าไปปรุงแต่งร่วมกับสัญญา ....ส่วนวิญญาณคือความรับรู้รับทราบ วิญญาณนี่รู้ได้ทาง ตา หู จมูก ลิ้น กาย และใจ ก็ทำงานร่วมกันกับตัวสัญญาและสังขาร ...เพราะฉะนั้น หากว่าเราไม่มีกาย เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ ก็ไม่มีขึ้นมา ...

....เราเกิดมาแล้วเราไม่เคยไปแยกสภาวะของเขา แยกดิน น้ำ ลม ไฟ ออกเป็นกอง แยกเวทนา แยกสัญญา แยกสังขาร แยกวิญญาณ เราจึงไปหลงว่าเป็นก้อน เป็นตัวเป็นตน คิดว่าเราเป็นผู้รู้ คิดว่าเราเป็นผู้เข้าใจ เราจึงต้องพา...“การรู้ ”นี่ไปเวียนว่ายตายเกิด ก็ในเมื่อกายนี้ไม่ใช่ของเรา ตามความเป็นจริงโดยความเป็นธาตุ แล้วตัวผู้รู้ ตัวผู้เข้าใจ ที่เราอาศัย ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ เข้าไปรู้นี่จะเป็นของเราได้อย่างไร ....ตัวรู้นี่เป็นสมมติเกิดมาพร้อมกับกาย เป็นของชั่วคราว เราไปหลงตัวรู้ เพราะฉะนั้นเมื่อเราทำลายความยึดมั่นในกายเสียได้ เราก็มาทำลายตัวผู้รู้อีกที “การตรัสรู้ จึงเรียกได้ว่า การตัดซะตัวผู้รู้ และสิ่งที่ถูกรู้ นั่นเอง” "

(หลวงพ่อชานนท์ วัดป่าเจริญธรรม จ.ชลบุรี)


กุศลาธรรมา(ธรรมที่เป็นกุศล) อกุศลาธรรมา(ธรรมที่เป็นอกุศล) ล้วนแต่ยึดไว้ไม่ได้
การยึดชั่ว ยึดดี ก็อัปปรีย์พอกัน(ท่านพุทธทาส ภิกขุ)
http://www.watpachareongtham-chonburi.com


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 พ.ย. 2009, 15:07 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7520

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


tongue
:b1:
...ตราบใดที่ยังหลงไหลเฝ้าใฝ่ฝันความสุขทางโลก...หลงเนื้อ...นม...ไข่...ตราบนั้นก็ไม่พ้นเกิด...
:b13:
...หนังอันเดียวนี่แหละที่ปกปิดความจริง...หลงหนังตัวเองก็หลงหนังคนอื่น...คนถึงแต่งงานกันไงล่ะ
:b12:
...เอาบทสวดกายะคะตาสติไปสวดบ่อยๆ...ให้ดูผม ขน เล็บ ฟัน หนัง...ดูว่าใจกำหนัดอะไรบ้าง...
:b31:

:b31:

:b31:

...คิดพิจารณาตามไปด้วย...เกี่ยวกับร่างกายตนเอง (อาการ ๓๒)

...อะยัง โข เม กาโย...กายของเรานี้แล...อุทธัง ปาทะตะลา...เบื้องบนแต่พื้นเท้าขึ้นมา...

...อะโธ เกสามัตถะกา...เบื้องต่ำแต่ปลายผมลงไป...ตะจะปะริยันโต...มีหนังหุ้มอยู่เป็นที่สุดรอบ…

...ปูโร นานัปปะการัสสะ อะสุจิโณ...เต็มไปด้วยของไม่สะอาด มีประการต่าง ๆ...

...อัตถิ อิมัส๎มิง กาเย, ...มีอยู่ในกายนี้...เกสาคือผมทั้งหลาย,... โลมาคือขนทั้งหลาย,...

...นะขาคือเล็บทั้งหลาย,... ทันตาคือฟันทั้งหลาย,...ตะโจคือหนัง,... มังสังคือเนื้อ,...

...นะหารูคือเอ็นทั้งหลาย,... อัฏฐิคือกระดูกทั้งหลาย…อัฏฐิมิญชัง เยื่อในกระดูก,...

...วักกัง ม้าม,...หะทะยัง หัวใจ,... ยะกะนัง ตับ...กิโลมะกัง พังผืด,... ปิหะกัง ไต,...

...ปัปผาสัง ปอด,... อันตัง ไส้ใหญ่,...อันตะคุนังไส้น้อย,...อุทะริยัง อาหารใหม่…

...กะรีสัง อาหารเก่า(อุจจาระ),มัตถะเก มัตถะลุงคัง เยื่อมันสมองในกะโหลกศีรษะ,...

...ปิตตัง น้ำดี,...เสมหัง น้ำเสลด,... ปุพโพ น้ำเหลือง,...โลหิตัง น้ำเลือด,...

...เสโท น้ำเหงื่อ,...เมโท น้ำมันข้น,...อัสสุ น้ำตา,...วะสา น้ำมันเหลว,...

...เขโฬ น้ำลาย,...สิงฆานิกา น้ำเมือก,...ละสิกา น้ำไขข้อ…มุตตัง น้ำมูตร,...

...เอวะ มะยัง เม กาโย กายของเรามีอย่างนี้...อุทธัง ปาทะตะลา...เบื้องบนแต่พื้นเท้าขึ้นมา...

...อะโธ เกสามัตถะกา...เบื้องต่ำแต่ปลายผมลงไป...ตะจะปะริยันโต...มีหนังหุ้มอยู่เป็นที่สุดรอบ...

...ปูโร นานัปปะการัสสะ อะสุจิโณ...เต็มไปด้วยของไม่สะอาด มีประการต่าง ๆ อย่างนี้แล...


:b6: อ่านแล้วตาลายไหมน๊า :b9: ใครเอาไปพิจารณา...ขออนุโมทนาสาธุการเจ้าค่า... :b8:
:b32:
:b13:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 พ.ย. 2009, 15:19 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 7
สมาชิก ระดับ 7
ลงทะเบียนเมื่อ: 20 พ.ย. 2009, 16:20
โพสต์: 537

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อนุโมทนาสาธุการครับ :b12:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 พ.ย. 2009, 15:31 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ม.ค. 2009, 20:45
โพสต์: 1094

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


พงพัน เขียน:
"..... “การตรัสรู้ จึงเรียกได้ว่า การตัดซะตัวผู้รู้ และสิ่งที่ถูกรู้ นั่นเอง” "


อนุโมทนาครับ
:b8:


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 4 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร