ลานธรรมจักร http://dhammajak.net/forums/ |
|
พระนิพพาน http://dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=1&t=27365 |
หน้า 1 จากทั้งหมด 2 |
เจ้าของ: | ดอกอุบล [ 30 พ.ย. 2009, 22:00 ] |
หัวข้อกระทู้: | พระนิพพาน |
สุดท้ายพวกเราก็มีเป้าหมายเดียวกันคือพระนิพพาน อย่าทะเลาะกันเลยนะครับ |
เจ้าของ: | ขงเบ้งเทพแห่งกลยุทธ์ [ 30 พ.ย. 2009, 22:10 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: พระธรรมกาย |
แล้วทำไมถึงชอบละงับ ทำไมถึงไม่ชอบ สงสัยเป็น กิเลส เมื่อรู้ว่าเป็นกิเลส ก็ละซะ ความชอบ-ไม่ชอบ ก็แล้วแต่คน ใครจะชอบไม่ชอบก็เรื่องส่วนตัว ถ้าวิชาธรรมกาย หลงไปจากพระพุทธเจ้าแล้ว คนจะชอบก็คนหลง ถ้าไม่หลงจากพระพุทธเจ้า ตามไปก็ไม่หลง แต่ถ้าคิดว่า ตรงกับพระพุทธเจ้า แต่สัจธรรมมันไม่ใช่ จะยกให้ใช่มันก็ผิด ในเมื่อหลักธรรม ไม่ตรงกับ สัจธรรมก็หลง ไม่รู้จริง อวิชชา โมหะ คิดพิจารณาได้ดั้งนี้แล้ว ละ อุปาทาน ในความชอบ ก็จะสบายจะอาสวะ ดั้งนี้ |
เจ้าของ: | กบนอกกะลา [ 30 พ.ย. 2009, 22:57 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: พระธรรมกาย |
ทุกคนล้วนอยากมั้งมีศรีสุข..แต่ทำไมคนส่วนใหญ่จึงยังยากจนทนทุกข์อยู่ละ ทุกอย่างก็ล้วนเกิดจากเหตุจากปัจจัย..ทั้งนั้นแหละ และการที่ไปทราบเหตุปัจจัยของผู้อื่นนั้น..เกิดมรรคเกิดผลเกิดประโยชน์ต่อตนหรือไม่ ลองมองดูที่หัวใจเราอย่างเป็นธรรมดูซิ..ว่า..ความอยากรู้ถูกผลักดันจากอะไร..จากตัวธรรมหรือตัวกิเลส.. หากก่อจากตัวกิเลสตันหา..ราคะ..ปฏิฆะ..มานะ..แล้ว...เราในฐานะพุทธศาสนิกชน..ลูกหลานพระพุทธเจ้า..ควรที่จะคิด..พูด..ทำ..ต่อไปหรือไม่? ![]() ![]() ![]() การใดที่ทำประโยชน์ตนให้เพิ่ม..ให้พูน..สิ่งนั้นจึงควรทำ การใดที่ไม่ทำประโยชน์ตนให้เพิ่ม..ให้พูน..สิ่งนั้นไม่ควรทำ ว่าไหมครับ ![]() ![]() ![]() |
เจ้าของ: | วรานนท์ [ 01 ธ.ค. 2009, 05:56 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: พระธรรมกาย |
![]() ![]() ![]() อย่าไปสนใจกับคนอื่นเลยครับ ![]() ![]() ![]() |
เจ้าของ: | สาราณียธรรม [ 01 ธ.ค. 2009, 08:14 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: พระธรรมกาย |
"ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ถ้าภิกษุไม่ฉลาดในปริยาย(เรื่องราว) แห่งจิตของผู้อื่น, เมื่อเป็นเช่นนัน พวกเธอก็พึงสำเหนียกอย่างนี้ว่า เราจักเป็นผู้ฉลาดในปริยาย(เรื่องราว) แห่งจิตของตน. "ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ภิกษุย่อมเป็นผู้ฉลาดในปริยายแห่งจิตของตนอย่างไร? เปรียบเหมือนหญิงหรือชายรุ่น หรือเป็นหนุ่มเป็นสาว ผู้รักการประดับตกแต่ง เมื่อมองดูเงาหน้าของตนในกระจก อันบริสุทธิ์ผ่องใสหรือในพื้นน้ำอันใส ถ้าเห็นธุลีหรือมลทินในเงาหน้านั้น ก็ย่อมพยายามเพื่อนำออกซึ่งธุลีหรือมลทินนั้นเทียว. ถ้าไม่เห็นธุลีหรือมลทินในเงาหน้านั้น ก็มีความอิ่มใจ เต็มปรารถนาด้วยเหตุนี้แล ว่าเป็นลาภของเราหนอ เงาหน้าของเราบริสุทธิ์หนอดังนี้ ฉันใด. "ข้ออุปไมยก็ฉันนั้นเหมือนกัน คือการพิจารณาดังต่อไปนี้ของภิกษุ ย่อมมีอุปการะมากในกุศลธรรมทั้งหลาย ๑. เรามีอภิชฌา(ความโลภ) หรือไม่มีอภิชฌา(ความโลภ) อยู่โดยมากหนอ ๒. เรามีจิตพยาบาท(ความคิดให้ร้าย) หรือไม่มีจิตพยาบาท อยู่โดยมากหนอ ๓. เราถูกความหดหู่ ง่วงงุน รึงรัด หรือปราศจากความหดหู่ ง่วงงุน อยู่โดยมากหนอ ๔. เราฟุ้งสร้าน หรือไม่ฟุ้งสร้าน อยู่โดยมากหนอ ๕. เรามีความลังเลสงสัย หรือข้ามพ้นความลังเลสงสัย อยู่โดยมากหนอ ๖. เรามีความโกรธ หรือไม่มีความโกรธ อยู่โดยมากหนอ ๗. เรามีจิตเศร้าหมอง หรือมีจิตไม่เศร้าหมอง อยู่โดยมากหนอ ๘. เรามีกายกระสับกระส่าย หรือมีกายไม่กระสับกระส่าย อยู่โดยมากหนอ ๙. เราเกียจคร้าน หรือปรารภความเพียร อยู่โดยมากหนอ ๑๐. เรามีจิตไม่ตั้งมั่น หรือมีจิตตั้งมั่น อยู่โดยมากหนอ "ถ้าภิกษุพิจารณาอยู่รู้อย่างนี้ว่า ๑. เรามีอภิชฌา (ความโลภ) อยู่โดยมาก ๒. เรามีจิตพยาบาท(ความคิดให้ร้าย) อยู่โดยมาก ๓. เราถูกความหดหู่ ง่วงงุน รึกรัด อยู่โดยมาก ๔. เราฟุ้งสร้าน อยู่โดยมาก ๕. เรามีความลังเล สงสัย อยู่โดยมาก ๖. เรามีความโกรธ อยู่โดยมาก ๗. เรามีจิตเศร้าหมอง อยู่โดยมาก ๘. เรามีกายกระสับกระส่าย อยู่โดยมาก ๙. เราเกียจคร้าน อยู่โดยมาก ๑๐. เรามีจิตไม่ตั้งมั่น อยู่โดยมาก" ดังนี้ ภิกษุนั้นก็ควรทำฉันทะ, ความพยายาม, ความอุตสาหะ, ความตั้งใจ, ความไม่ท้อถอย, สติและสัมปชัญญะ อันมีประมาณยิ่ง เพื่อละธรรมอันเป็นบาป อกุศล เหล่านั้นเสีย เหมือนคนที่มีผ้าถูกไฟไหม้ มีศีรษะถูกไฟไหม้ รีบทำผ้า หรือศีรษะนั้นให้ไฟดับไปฉะนั้น. "ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย แต่ถ้าภิกษุพิจารณาอยู่ ย่อมรู้อย่างนี้ว่า "๑. เราไม่มีอภิชฌา (ความโลภ) อยู่โดยมาก ๒. เราไม่มีจิตพยาบาท อยู่โดยมาก ๓. เราปราศจากความหดหู่ ง่วงงุน อยู่โดยมาก ๔. เราไม่ฟุ้งสร้าน อยู่โดยมาก ๕. เราข้ามพ้นความลังเล สงสัย อยู่โดยมาก ๖. เราไม่มีความโกรธ อยู่โดยมาก ๗. เราไม่มีจิตเศร้าหมอง อยู่โดยมาก ๘. เราไม่มีกายกระสับกระส่าย อยู่โดยมาก ๙. เราปรารภความเพียร อยู่โดยมาก ๑๐. เรามีจิตตั้งมั่นอยู่โดยมาก" ดังนี้ ภิกษุนั้นก็ควรทำความเพียร เพื่อดำรงอยู่ในกุศลธรรมเหล่านั้น และเพื่อความสิ้นไปแห่งอาสวะยิ่งขึ้นไป." ทสกนิบาต อังคุตตรนิกาย ๒๔/๑๐๒-๑๐๔ ช========================== ========================== "ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ถ้าภิกษุไม่ฉลาดในปริยาย(เรื่องราว) แห่งจิตของผู้อื่น, เมื่อเป็นเช่นนั้น พวกเธอก็พึงสำเหนียกอย่างนี้ว่า เราจักเป็นผู้ฉลาดในปริยาย(เรื่องราว) แห่งจิตของตน. "ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ภิกษุย่อมเป็นผู้ฉลาดในปริยายแห่งจิตของตนอย่างไร? เปรียบเหมือนหญิงหรือชายรุ่น หรือเป็นหนุ่มเป็นสาว ผู้รักการประดับตกแต่ง เมื่อมองดูเงาหน้าของตนในเงากระจกอันบริสุทธิ์ผ่องใส หรือในพื้นน้ำอันใส ถ้าเห็นธุลีหรือมลทินในเงาหน้านั้น ก็พยายามเพื่อนำออกซึ่งธุลีหรือมลทินนั้นเทียว ถ้าไม่เห็นธุลีหรือมลทินในเงาหน้านั้น ก็มีความอิ่มใจ เต็มปรารถนา ด้วยเหตุนั้นแล ว่าเป็นลาภของเราหนอ. เงาหน้าของเราบริสุทธิ์หนอ ดังนี้ ฉันใด." "ข้ออุปไมยก็ฉันนั้นเหมือนกัน คือการพิจารณาดังต่อไปนี้ของภิกษุ ย่อมมีอุปการะมากในกุศลธรรมทั้งหลาย ๑. เราได้เจโตสมถะ (ความสงบแห่งจิต) ในภายใน หรือไม่ได้หนอ? ๒. เราได้อธิปัญญา(ปัญญาอันยิ่ง) อันเป็นเครื่องเห็นแจ้งธรรมะ หรือไม่ได้หนอ?" "ถ้าภิกษุพิจารณาอยู่ ย่อมรู้อย่างนี้ว่า "เราได้เจโตสมถะในภายใน และเพื่ออธิปัญญาอันเป็นเครื่องเห็นแจ้งธรรมะ." ในสมัยอื่น ภิกษุนั้นย่อมได้เจโตสมถะในภายใน และย่อมได้อธิปัญญาอันเป็นเครื่องเห็นแจ้งธรรมะ. "แต่ถ้าภิกษุพิจารณาอยู่ ย่อมรู้อย่างนี้ว่า เรายังไม่ได้เจโตสมถะในภายใน ยังไม่อธิปัญญา อันเป็นเครื่องเห็นแจ้งธรรม" ภิกษุนั้น ก็ควรทำฉันทะ, ความพยายาม, ความอุตสาหะ, ความตั้งใจ, ความไม่ท้อถอย, สติและสัมปชัญญะอันมีประมาณยิ่ง เพื่อให้ได้กุศลธรรมเหล่านั้น. เหมือนคนที่มีผ้าถูกไฟไหม้ มีศีรษะถูกไฟไหม้ รีบทำผ้าหรือศีรษะนั้นให้ไฟดับไปฉะนั้น. ในสมัยอื่น ภิกษุนั้นย่อมได้เจโตสมถะในภายใน และได้อธิปัญญาอันเป็นเครื่องเห็นแจ้งธรรมะ. "แต่ถ้าภิกษุพิจารณาอยู่ ย่อมรู้อย่างนี้ว่า "เราได้เจโตสมถะในภายใน ได้อธิปัญญาอันเป็นเครื่องเห็นแจ้งธรรมะ" ดังนี้. ภิกษุนั้น ก็ควรทำความเพียร เพื่อตั้งอยู่ในกุศลธรรมเหล่านั้น และเพื่อความสิ้นไปแห่งอาสวะยิ่งขึ้นไป." ทสกนิบาต อังคุตตรนิกาย ๒๔/๑๐๔-๑๐๖ |
เจ้าของ: | kokorado [ 01 ธ.ค. 2009, 12:55 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: พระธรรมกาย |
ทำไมตอบไม่ตรงคำถามกันล่ะครับ ที่คนไม่ชอบวัดธรรมกาย เพราะชอบสร้างวัตถุใหญ่โตเกินความจำเป็น และการตลาดบุญไดเรคเซล บางส่วนมองว่า ธรรมกายไม่ใช่พุทธศาสนา ก็ประมาณนี้ล่ะครับ |
เจ้าของ: | ศิรัสพล [ 01 ธ.ค. 2009, 13:07 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: พระธรรมกาย |
ดอกอุบล เขียน: ทำไมคนส่วนใหญ่ถึงไม่ชอบวัดพระธรรมกาย ถึงไม่ชอบวิชชาธรรมกาย เป็นเพราะอะไรครับ? ขอตอบเจ้าของกระทู้คุณดอกอุบลดังนี้ครับ เท่าที่ทราบ และเท่าที่สังเกตเห็น คนที่ไม่ชอบวัดธรรมกายมีเหตุผลหลายประการ อาทิเช่น คำสอนสูงสุดมีการเห็นว่านิพพานเป็นอัตตา, มีการบอกว่าพระไตรปิฏกนั้นผิด, มีการเน้นทำวัตถุสถานอันใหญ่โตเกินจำเป็น, พยายามมุ่งแสดงให้เห็นว่าทำบุญจำนวนเงินมากยิ่งได้ลาภผลมาก ฯลฯ ซึ่งตรงนี้เองวิชชาธรรมกาย หากจะกล่าวอย่างเป็นธรรมจะไม่ใช่ของวัดธรรมกาย แต่จะเป็นวิธีที่หลวงพ่อสดวัดปากน้ำประยุกต์ขึ้นจากคำสอนของพระพุทธเจ้า และคนก็ไม่ได้ไปไม่ชอบวิชชาธรรมกาย แต่ที่ไม่ชอบวัดธรรมกายเสียมากกว่าครับ หากต้องการจะหาความรู้เพิ่มเติมให้กระจ่างชัดว่าเพราะเหตุใดคนถึงไม่ชอบวัดพระธรรมกาย ผมแนะนำหนังสือเล่มหนึ่งชื่อ "กรณีวัดธรรมกาย" หรือ "แฟ้มคดีวัดธรรมกาย" |
เจ้าของ: | natdanai [ 01 ธ.ค. 2009, 15:43 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: พระธรรมกาย |
ดอกอุบล เขียน: ทำไมคนส่วนใหญ่ถึงไม่ชอบวัดพระธรรมกาย ถึงไม่ชอบวิชชาธรรมกาย เป็นเพราะอะไรครับ? เพราะอวิชาปกคลุมใจครับ....ไม่แจ้ง ไม่ปัญญา ![]() ![]() |
เจ้าของ: | Rosarin [ 01 ธ.ค. 2009, 17:08 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: พระธรรมกาย |
![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ...ข้าพเจ้าไม่เคยเข้าวัดนี้...แต่ก็ไม่รู้สึกไม่ชอบ... ...เคยดูดาวเทียมเขามีเทคนิคใช้เพลงประกอบ... ...ได้ธรรมะและเพลินดีด้วย...คะเจ้าชอบมากเลย... ![]() ...ตัดสิ่งที่ไม่ชอบออกไป...เลือกที่ชอบเอามาปฏิบัติ... ...ชีวิตเราไม่ทุกข์ไม่เดือดร้อน...ไม่ก่อเวรแก่ตนและผู้อื่น... ...ขึ้นชื่อว่าคน...ก็คนให้มันปนเปกันไปหมดทุกอย่าง... ![]() ...ชอบ...ไม่ชอบ...เป็นเรื่องของตัวบุคคล... ...อย่าไปใส่ใจกับคนอื่นเลย...ดูที่เราดีกว่า... ...ยังเลือกเลยว่า...ชอบอะไร...ไม่ชอบอะไร... ![]() ![]() |
เจ้าของ: | เอรากอน [ 01 ธ.ค. 2009, 17:54 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: พระธรรมกาย |
natdanai เขียน: ดอกอุบล เขียน: ทำไมคนส่วนใหญ่ถึงไม่ชอบวัดพระธรรมกาย ถึงไม่ชอบวิชชาธรรมกาย เป็นเพราะอะไรครับ? เพราะอวิชาปกคลุมใจครับ....ไม่แจ้ง ไม่ปัญญา ![]() ![]() โอ๊ะ โอ๋ว...! สั้น ๆ แต่ใช่เล่นเลยนะนี่...ท่าน Nat มองตื้น ๆ เห็นอีกแบบ มองลึก ๆ เห็นอีกแบบ... ขอเปลี่ยนแปลงคำถามเพื่อท่าน Nat คำถาม ทำไมคนส่วนใหญ่ถึงไม่ชอบธรรมกาย ![]() และทำไมคนส่วนน้อยชอบธรรมกาย ![]() และทำไมคนบางส่วน ไม่ชอบ และ ไม่ไม่ชอบ ธรรมกาย ![]() และยังมีคนบางไหนอีกมั๊ยนี่ บอกด้วย... ![]() |
เจ้าของ: | ชาติสยาม [ 01 ธ.ค. 2009, 18:08 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: พระธรรมกาย |
ท่าน nat น่ะ พูดน้อย แต่ต่อยที หงายเงิบเลย |
เจ้าของ: | the saintp [ 02 ธ.ค. 2009, 15:43 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: พระธรรมกาย |
ความชอบบังคับกันไม่ได้ครับ แล้วแต่จริตของแต่ละคนเหรอกรรมและบุญเกี่ยวผูกพัน ไปว่าเขาคนที่ไม่ชอบไม่ได้ ถ้าคุณชอบก็ พอแล้วหละครับ ไม่ต้องสนใจ ปฏิบัติให้เต็มที่ |
เจ้าของ: | Rosarin [ 02 ธ.ค. 2009, 16:00 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: พระธรรมกาย |
อ้างคำพูด: ท่าน nat น่ะ พูดน้อย แต่ต่อยที หงายเงิบเลย ![]() ...คงต้องสวมหมวกนิรภัย... ![]() ...ป้องกันศรีษะกระแทกพื้น... ![]() ![]() ![]() ![]() |
เจ้าของ: | natdanai [ 02 ธ.ค. 2009, 18:04 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: พระธรรมกาย |
เอรากอน เขียน: คำถาม ทำไมคนส่วนใหญ่ถึงไม่ชอบธรรมกาย ![]() และทำไมคนส่วนน้อยชอบธรรมกาย ![]() และทำไมคนบางส่วน ไม่ชอบ และ ไม่ไม่ชอบ ธรรมกาย ![]() เพราะไม่รู้จักธรรมกาย... ![]() หากอยากรู้ลึกกว่านั้นแนะนำให้ไปถามกับสหายรักของกระผม มีอักษร พ นำหน้าชื่อ ![]() ![]() เอรากอน เขียน: และยังมีคนบางไหนอีกมั๊ยนี่ บอกด้วย... ![]() และก็ยังมีคนบางคนครับ ![]() ![]() |
เจ้าของ: | ชาติสยาม [ 02 ธ.ค. 2009, 22:22 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: พระธรรมกาย |
natdanai เขียน: หากอยากรู้ลึกกว่านั้นแนะนำให้ไปถามกับสหายรักของกระผม มีอักษร พ นำหน้าชื่อ ![]() ![]() - พ พาน... ![]() พ พาน สงสัยต้องเป็นคุณ yahoo แน่ๆเลย ว่าแต่ไปไหนละ เงียบไปนาน |
หน้า 1 จากทั้งหมด 2 | เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง |
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group http://www.phpbb.com/ |