ลานธรรมจักร http://dhammajak.net/forums/ |
|
สัพเพธัมมาอนัตตาติ http://dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=1&t=27574 |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 |
เจ้าของ: | พงพัน [ 08 ธ.ค. 2009, 17:29 ] |
หัวข้อกระทู้: | สัพเพธัมมาอนัตตาติ |
...ตัวรู้(วิญญาณ)นั้นก็เป็นของขันธ์ ว่างนั้นก็เป็นของขันธ์ ตัวรู้นั้นก็เป็นอนัตตา ว่างนั้นก็เป็นอนัตตา สภาวะที่เกิดขึ้นกับเราทั้งหมดตราบเท่าที่เรายังมีขันธ์นี้อยู่ เรียกว่า สภาวะธรรม และธรรมทั้งหลายก็เกิดขึ้นได้ ตั้งอยู่ได้ชั่วขณะ แล้วก็ต้องดับไปเป็นธรรมดา ทั้งกุศล และ อกุศล คือความดีและความชั่ว เราจึงเรียกว่า “สัพเพธัมมาอนัตตาติ ....สรรพสิ่งทั้งหลาย ธรรมทั้งหลายไม่มีตัวตน ไม่ควรยึดมั่นถือมั่นนั่นเอง ” (หลวงพ่อชานนท์ วัดป่าเจริญธรรม จ.ชลบุรี) แจกหนังสือและซีดี MP3 หลักปฏิบัติเพื่อความหลุดพ้น จัดส่งให้ฟรีครับ เพียงทิ้งชื่อและที่อยู่ไว้ที่เว็บไซต์ด้านล่างนี้ครับ http://www.watpachareongtham-chonburi.com |
เจ้าของ: | moddam [ 08 ธ.ค. 2009, 22:51 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: สัพเพธัมมาอนัตตาติ |
ถ้าบอกว่า ทุกสิ่งเป็นอนัตตา ควรหรือ ที่จะมี การเรียกชื่อ สมมติบัญญัติกันอีกทำไม |
เจ้าของ: | ชาติสยาม [ 08 ธ.ค. 2009, 23:20 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: สัพเพธัมมาอนัตตาติ |
moddam เขียน: ถ้าบอกว่า ทุกสิ่งเป็นอนัตตา ควรหรือ ที่จะมี การเรียกชื่อ สมมติบัญญัติกันอีกทำไม มีบาลี พุทธวัจน์ ว่าอย่างนั้นจริงๆนะคับ สัพเพ ธัมมา อนัตตาติ ธรรมทั้งปวง เป็นอนัตตา ลองค้นดูก็ได้ |
เจ้าของ: | ธัญชน ศรีแสงธรรม [ 08 ธ.ค. 2009, 23:38 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: สัพเพธัมมาอนัตตาติ |
โมทนาในผลบุญด้วยนะครับ |
เจ้าของ: | kanalove [ 08 ธ.ค. 2009, 23:44 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: สัพเพธัมมาอนัตตาติ |
โค้ด: ถ้าบอกว่า ทุกสิ่งเป็นอนัตตา ควรหรือ ที่จะมี การเรียกชื่อ สมมติบัญญัติกันอีกทำไม การเรียกชื่อ สมมุติบัญญัติ เป็นสิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้นอะคะ ตั้งชื่อขึ้นมา แต่ความจริงแล้วมันไม่มีอะไรเลย เพราะทุกสิ่งนั้น เกิดขึ้น ตั้งอยู่ และก็ดับไป เพราะเหตุนี้ จึงกล่าวได้ว่า ธรรม(รูปธรรม,นามธรรม)ทั้งหลายไม่มีตัวตน เป้นอนัตตา คะ ><~~ |
เจ้าของ: | กบนอกกะลา [ 08 ธ.ค. 2009, 23:52 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: สัพเพธัมมาอนัตตาติ |
ชาติสยาม เขียน: moddam เขียน: ถ้าบอกว่า ทุกสิ่งเป็นอนัตตา ควรหรือ ที่จะมี การเรียกชื่อ สมมติบัญญัติกันอีกทำไม มีบาลี พุทธวัจน์ ว่าอย่างนั้นจริงๆนะคับ สัพเพ ธัมมา อนัตตาติ ธรรมทั้งปวง เป็นอนัตตา ลองค้นดูก็ได้ แล้ว..ธรรม..ในที่กล่าวใว้ข้างต้นนี้..กินความไปถึงไหน..หนอ? ถึงแค่..อวิชชา..ต้นตอปัจจยาการ? หรือ..แม้กระทั้ง..อวิชชาดับไปแล้ว? ![]() ![]() ![]() |
เจ้าของ: | พงพัน [ 09 ธ.ค. 2009, 16:15 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: สัพเพธัมมาอนัตตาติ |
กบนอกกะลา เขียน: แล้ว..ธรรม..ในที่กล่าวใว้ข้างต้นนี้..กินความไปถึงไหน..หนอ? ถึงแค่..อวิชชา..ต้นตอปัจจยาการ? หรือ..แม้กระทั้ง..อวิชชาดับไปแล้ว? ![]() ![]() ![]() จากคำถามของคุณกบ ขอแสดงความเห็น ตอบตามความรู้เท่าที่มีนะครับ ธรรมนี้ ไม่ได้หมายความเพียงแค่หลักธรรมคำสอน แต่ธรรมนี้ กินความไปถึง "ทุกสิ่งทุกอย่าง" ในสามแดนโลกธาตุนี้ ทั้งหมดทั้งปวงล้วนเป็นธรรม ธรรมที่เป็นกุศล(กุศลาธัมมา) และ ธรรมที่เป็นอกุศล(อกุศลาธัมมา) สิ่งที่มี ที่เสวยได้ สัมผัสได้ รู้ได้ ทั้งมีตัวตนและไม่มีตัวตน ทั้งหมดล้วนเป็นธรรม ส่วนสภาวะที่คุณกบบอกว่าอวิชชาดับไปแล้วนั้น เป็นสภาวะที่จิตไม่มีอวิชชาหุ้มห่อ คือจิตที่ไม่ยึดอยู่กับขันธ์ ถึงแม้อวิชชาดับ (จิตไม่มีอุปาทานในขันธ์แล้ว จิตยังอาศัยขันธ์ ขันธ์ยังอาศัยจิต แต่ต่างคนต่างอยู่ไม่ยึดซึ่งกันและกันแล้ว) แต่ตราบใดที่ขันธ์ยังไม่ดับ ขันธ์ก็ยังอยู่ภายใต้ธรรมนี้อยู่ ยังอยู่ภายใต้กฎของธรรมชาติทั้งปวง กฎแห่งกรรมทั้งปวง ผู้ที่พ้นซึ่งธรรมนี้ กฎแห่งกรรมทั้งปวงนี้ก็คือจิตของผู้ที่ดับซึ่งอวิชชาแล้ว(พระอรหันต์)และดับขันธ์(ตาย)เข้าสู่พระนิพาน ไม่มาเกิดแล้วนั่นเองครับ ![]() |
เจ้าของ: | ชาติสยาม [ 09 ธ.ค. 2009, 17:17 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: สัพเพธัมมาอนัตตาติ |
กบนอกกะลา เขียน: แล้ว..ธรรม..ในที่กล่าวใว้ข้างต้นนี้..กินความไปถึงไหน..หนอ? ถึงแค่..อวิชชา..ต้นตอปัจจยาการ? หรือ..แม้กระทั้ง..อวิชชาดับไปแล้ว? ![]() ![]() ![]() ถ้าคำนึงบริบท "ผู้พูด" แสงว่า สัพเพจริงๆ เพราะผมสังเกตุว่า ถ้าพระพุทธเจ้าพูดลักษณะฟันธงอย่างนี้ จะไม่มีข้อยกเว้นภายหลังอีก เช่น ถ้าท่านพูดว่า มะม่วงในโลกนี้เป้นสี่เหลี่ยม แปลว่าไม่มีแม้ลูกเดียวที่ไม่เป้นสี่เหลี่ยม (อันนี้ตัวอย่างนะ) เพราะว่าท่านพูดด้วยพระญานอันยิ่งยง พูดด้วยสมาธิระดับพระพุทธเจ้า "แจ้งแทงตลอด" เพราะฉะนั้น ตั้งแต่ธรรมตั้นๆ ไปจนถึงนิพพาน ทั้งปวง(สัพเพ) เป็นอนัตตา ทั้งกุศล อกุศล อัพยากต- ทั้งหมดนี่แหละ เป็นอนัตตา ถ้าท่านว่า "ทั้งปวง" ก็จบข่าวได้เลย ทั้งปวงจริงๆ ไม่ใช่ว่า พูด"ทั้งปวง" แล้วต่อมาภายหลังกลับมีข้อยกเว้นขึ้นมาอีก อันนี้ผมไม่เคยพบว่าพระพุทธเจ้าเราทำอย่างนั้น ไม่เชื่อลองสังเกตุดูไปเรื่อยๆก็ได้ |
เจ้าของ: | พงพัน [ 09 ธ.ค. 2009, 17:30 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: สัพเพธัมมาอนัตตาติ |
ชาติสยาม เขียน: เพราะฉะนั้น ตั้งแต่ธรรมตั้นๆ ไปจนถึงนิพพาน ทั้งปวง(สัพเพ) เป็นอนัตตา ทั้งกุศล อกุศล อัพยากต- ทั้งหมดนี่แหละ เป็นอนัตตา เห็นด้วยครับ ![]() อนุโมทนาสาธุการครับ ![]() |
เจ้าของ: | กบนอกกะลา [ 10 ธ.ค. 2009, 03:03 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: สัพเพธัมมาอนัตตาติ |
แล้วเราควรแปล..อนัตตา..ว่าอย่างไรดี? อ้างคำพูด: สัพเพธัมมาอนัตตาติ ....สรรพสิ่งทั้งหลาย ธรรมทั้งหลายไม่มีตัวตน เพราะหากแปลว่า..ไม่มีตัวตน..แล้วพระสมณะโคดมท่านจะรู้ได้อย่างไรว่า..มีพระพุทธเจ้า..องค์ก่อน ๆ มาแล้ว..และก็ทราบด้วยว่า..สอนอย่างเดียวกันทุก ๆ พระองค์ เห็นบางท่านแปลว่า..ไม่ใช่ตัวไม่ใช่ตน..ซึ่งก็พอจะอธิบายปัญหาข้างต้นได้บ้าง ไม่ทราบว่ากัลยาณมิตรทั้งหลายมีความคิดเห็นอย่างไร? ![]() ![]() |
เจ้าของ: | ชาติสยาม [ 10 ธ.ค. 2009, 12:09 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: สัพเพธัมมาอนัตตาติ |
กบนอกกะลา เขียน: แล้วเราควรแปล..อนัตตา..ว่าอย่างไรดี? อ้างคำพูด: สัพเพธัมมาอนัตตาติ ....สรรพสิ่งทั้งหลาย ธรรมทั้งหลายไม่มีตัวตน เพราะหากแปลว่า..ไม่มีตัวตน..แล้วพระสมณะโคดมท่านจะรู้ได้อย่างไรว่า..มีพระพุทธเจ้า..องค์ก่อน ๆ มาแล้ว..และก็ทราบด้วยว่า..สอนอย่างเดียวกันทุก ๆ พระองค์ เห็นบางท่านแปลว่า..ไม่ใช่ตัวไม่ใช่ตน..ซึ่งก็พอจะอธิบายปัญหาข้างต้นได้บ้าง ไม่ทราบว่ากัลยาณมิตรทั้งหลายมีความคิดเห็นอย่างไร? ![]() ![]() อ๋อ คุณโอ๊บ ติดใจตรงนี้นี่เอง ผมว่าคำว่า"ไม่มีตัวตน" กับ "ไม่ใช่ตัวตน" ใช้ด้วยกัน ใช้พร้อมกัน จะดีสุด คำว่าอนัตตา ผมคิดว่ามันคล้ายๆ การเข้าใจว่า รถยนต์คือชื่อของรูปนามที่มารวมกันอยู่ในเงื่อนไขหนึ่ง เช่นว่ามีเพลา แกน ล้อ มีรูปร่าง มีประโยชน์ใช้สอย มีความสวยงาม พอของเหล่านี้มันรวมๆกันอยู่ ก็เลยกลายเป็นตัวตนขึ้นมา แต่ถ้าจำแนกลงไปหาสิ่งที่เป็น "รถยนต์" จริงๆจังๆ หาไปตรงไหนก็ไม่เจอ จิ้มไปตรงไหนก็ไม่ถูก ไม่เจอตัวตนของรถยนต์ กระผมว่านี่แหละ ความหมายเทียบเคียงที่ผมคิดว่า คือ "อนัตตา" แต่ครูฟังๆบาอาจารย์แล้ว ผมคิดว่า คำว่า"อนัตตา" น่ะ มันไม่ใช่มานั่งคิดแบบนี้หรอก ไม่กิ๊กก๊อกเข้าใจง่ายแบบนี้ มันเป็นแค่การเข้าใจแบบบัญญัติ อนัตตานั้นต้องเห็นด้วย"จิตมีคุณภาพเพียงพอ"ที่จะเห็น เมื่อเราสามารถเห็นได้ เราจะเห็นเลยว่าคำว่าเรา(รูปก็ดี นามก็ดี ที่ว่าเป้นเรา)นี่แหละ มันเกิดดับตลอดเวลา หาอันหนึ่งอันใดเป็นเราำไม่มีเลย ไม่ใช่ตัวตนของเราเลยสักอันหนึ่ง ท่านบอกว่า ถ้าเห็นได้อย่างนี้นะ คือเห็นจนพอแล้ว แล้วใจมันสรุปตัดสิน แจ้งขึ้นมาว่า เราไม่มี ไม่มีเรา ไม่ใช่เรา หาอันหนึ่งอันใดที่ใช่เรานั้นไม่มี มันจะหมดอาลัยตายอยาก โลกนี้ไม่มีเรา เราไม่มีในโลก เบื่อหน่ายรุนแรงมาก อาจจะถึงอยากฆ่าตัวตายไปเลยก็มีให้เห็นบ่อยๆ แต่ถ้าหลุดจากตรงนี้ไปได้ ก็จะเลื่อนลำดับไปได้ สรุปว่า ผมคิดว่าใช้ได้ทั้งสองคำ แล้วแต่บริบทและผู้พูด อย่างบางคนพูด "ไม่ใช่ตัวตน" นะ แต่ดูบริบทแล้วชวนให้หงายเงิบไปเลย บางทีใช้คำ"ตรง"แต่"อรรถ"มันผิด บางทีใช้คำ"ไม่ตรง" แต่"อรรถ"มันถูก ก็มีให้เห็นบ่อยๆนะ ผมสรุปได้อย่างหนึ่งว่า บัญญัตินี่ทำสิ่งทุกสิ่งแตกต่างกัน ไม่เท่ากัน แต่ปรมัตถ์นี้นี่ ทำให้ถูกสิ่งเท่ากัน ไม่ต่างกัน ฟังมาว่า แม้แต่"ดี-ชั่ว" ยังเท่ากันเฉยเลย สวรรค์นรกเท่ากันหมด ถ้าถึงอรรถ ถึงจะถึงธรรมนะ ผมว่า ![]() |
เจ้าของ: | พงพัน [ 10 ธ.ค. 2009, 18:12 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: สัพเพธัมมาอนัตตาติ |
อนุโมทนาสาธุการครับ ![]() เห็นด้วยกับคุณชาติสยามที่ยกตัวอย่างเรื่องรถยนต์ ถ้าลองแยกไปถึงโมเลกุลที่เล็กที่สุดที่มาประกอบรถยนต์ จะเห็นได้ชัดขึ้นว่าตัวตนของรถนั้นไม่มี มีแต่สภาพที่ประกอบกันขึ้นมาเป็นรถ (ในทางฟิสิกส์อะตอมเป็นอนุภาคที่เล็กที่สุด แต่พระพุทธเจ้าอาจทรงรู้ลึกกว่านั้น อาจทรงรู้ลึกไปถึงอนุภาคที่เล็กกว่าอะตอมที่นักวิทยาศาสตร์ยังไม่สามารถค้นพบได้ ท้ายสุดของการค้นหาอนุภาคที่เล็กที่สุด คือความไม่มีตัวตนนั่นเอง) เป็นความเห็นส่วนตัวนะครับ ใครเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยประการใดกรุณาแนะนำด้วยครับ คำว่าตัวตนเป็นสภาพของการมารวมตัวกันของรูปหรือนาม การรวมตัวกันนั้นเกิดขึ้นเพียงชั่วขณะหนึ่ง ตั้งอยู่และดับไป ไม่สามารถคงสภาพอยู่ได้ เป็นตัวเป็นตนอย่างนั้นตลอดไปไม่ได้ ทุกอย่างเป็นสถาวะของธรรมชาติ ตัวตนไม่มี จึงเรียกว่า"ไม่มีตัวตน" ขอแนะนำเพิ่มเติมตามความรู้เท่าที่มีนะครับ คำว่าไม่มีตัวต้น จะเข้าใจได้ดีขึ้น โดยความเป็นปรมัตถ์(เข้าไปเห็นความจริงด้วยตนเอง ในสภาวะต่างๆ) ตอนพิจารณาถึงความไม่เที่ยง(เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป)ของสภาวะต่างๆ ทั้งรูปธรรมหรือนามธรรม ให้สังเกตุดู"ขณะ"ที่สภาวะต่างๆเหล่านั้น"ดับไป" จะสามารถเข้าใจและยอมรับถึงคำว่า"ไม่มีตัวตน"ได้ดีขึ้นครับ ถ้าพูดกันตามความหมายต่างๆที่สมมุติขึ้นมา ผมว่าจะเข้าใจตรงกันได้ยากสักหน่อยน่ะครับ ![]() |
เจ้าของ: | walaiporn [ 10 ธ.ค. 2009, 20:09 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: สัพเพธัมมาอนัตตาติ |
คำว่า " ไม่มีตัวตน " น่าจะหมายเกี่ยวกับ รูป - นาม ขันธ์ 5 ป่ะคะ เช่น ไม่มีเขา ไม่มีเรา อะไรประมาณนี้ .... คำว่า " ไม่ใช่ตัวตน " น่าจะหมายถึง ทุกๆสรรพสิ่งล้วนไม่ใช่ตัวตน เพราะคำว่า " ธรรม " นั้น หมายถึงทุกๆสรรพสิ่ง เหมือนกับคำว่า " การปฏิบัติธรรม " บางคนมองแค่ว่าคือ การทำกรรมฐานเท่านั้น จริงๆแล้ว การปฏิบัติธรรมหมายถึง ตั้งแต่เราลืมตาตื่นขึ้นมา จนกระทั่งเราหลับ |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 | เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง |
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group http://www.phpbb.com/ |