ลานธรรมจักร http://dhammajak.net/forums/ |
|
รูปธรรม http://dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=1&t=27618 |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 |
เจ้าของ: | รสมน [ 11 ธ.ค. 2009, 08:39 ] |
หัวข้อกระทู้: | รูปธรรม |
รูปธรรม (รูปปรมัตถ์) . รูปแต่ละรูป ไม่เกิดตามลำพัง. เพราะฉะนั้น รูปหนึ่งกลุ่มที่เล็กที่สุด จะต้องมีรูปเเกิดร่วมกันอย่างน้อยที่สุด ๘ รูป ซึ่งเกิดร่วมกัน ภาษาบาลี เรียกว่า อวินิพโภครูป ๘ ได้แก่ มหาภูตรูป ๔ รูป และ อุปาทายรูป ๔ รูป. . อุปาทายรูป อุป ( เข้าไป ) + อาทาย ( ถือเอา , อาศัย ) + รูป ( รูป ) ( รูป ที่เข้าไปอาศัยมหาภูตรูป ) หมายถึง รูป ๒๔ รูป นอกเหนือจากมหาภูตรูป ๔ ซึ่ง ไม่สามารถเกิดขึ้นเองตามลำพังได้ เพราะจะต้องอาศัยมหาภูตรูปในการเกิดขึ้น พร้อมกัน. มหาภูตรูป ๔ จึงเป็นที่อาศัยของ อุปาทายรูป ๒๔ เปรียบเหมือนกับแผ่นดิน อันเป็นที่อาศัยรองรับต้นไม้ หรือบ้านเรือน. อุปาทายรูป ๒๔ จะเกิดไม่พร้อมกันทั้งหมด เพราะว่า ขึ้นอยู่กับสมุฏฐานที่เป็น "ปัจจัย" ให้เกิด และขึ้นอยู่กับว่า อุปาทายรูปนั้นเกิดในกลาปไหน. แต่ที่แน่นอน คือ อวินิพโภครูป ๘ รูป ต้องเกิด-ดับ พร้อมกัน และมีอยู่เป็นพื้นฐานในกลุ่มของรูป ทุกกลุ่ม. รูปที่เป็น อุปาทายรูป ได้แก่ จักขุปสาท โสตประสาท ฆานปสาท ชิวหาปสาท กายปสาท และ รูปที่เป็นอารมณ์ ได้แก่ สี เสียง กลิ่น รส เป็นต้น. (ทั้งหมดมี ๒๔ ประเภท) . อวินิพโภครูป ๘ ประกอบด้วย มหาภูตรูป ๔ และ อุปทายรูป ๔ มหาภูตรูป (รูปที่เป็นใหญ่ เป็นประธาน) ๔ รูป ได้แก่ ปฐวีธาตุ (ธาตุดิน) เป็นรูปที่มีลักษณะอ่อนหรือแข็ง อาโปธาตุ (ธาตุน้ำ) เป็นรูปที่มีลักษณะเอิบอาบหรือเกาะกุม เตโชธาตุ (ธาตุไฟ) เป็นรูปที่มีลักษณะร้อนหรือเย็น วาโยธาตุ (ธาตุลม) เป็นรูปที่มีลักษณะไหวหรือตึง มหาภูตรูป ๔ นี้ ต้องอาศัยกันเกิดขึ้น จึงแยกกันไม่ได้เลย และมหาภูตรูป ๔ นี้ เป็น "ปัจจัย" โดยเป็นที่อาศัยเกิดของรูปอีก ๔ รูป. รูปอีก ๔ รูป ที่เกิด-ดับพร้อมกับมหาภูตรูป ในกลาปเดียวกัน คือ อุปาทายรูป ๔ . อุปาทายรูป ๔ ได้แก่ วัณโณ (แสงสี) เป็นรูปที่ปรากฏได้เฉพาะทางตา เท่านั้น คันโธ ( กลิ่น) เป็นรูปที่ปรากฏได้ทางจมูก เท่านั้น รโส (รส) เป็นรูปที่ปรากฏได้ทางลิ้น เท่านั้น โอชา (อาหาร) เป็นรูปที่เป็นปัจจัยให้เกิดรูปประเภทอื่น รูป ๘ รูปนี้ แยกกันไม่ได้เลย และเป็นกลุ่มของรูปที่เล็กที่สุด ที่เกิดพร้อมกัน และดับพร้อมกันอย่างรวดเร็ว และจะมีแต่มหาภูตรูป ๔ เกิดขึ้น โดยไม่มี อุปาทายรูป (รูปที่อาศัยมหาภูตรูปเกิด) ๔ รูปนี้ ไม่ได้เลย.! . ลักษณะต่าง ๆ ของรูปธรรม สามารถรู้ได้ทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย และ ทางใจ. . รูปธรรม เป็นสภาพธรรม คือ สิ่งที่มีจริง เพราะว่า "มีลักษณะที่ปรากฏให้รู้ได้" . มีการบัญญัติ (สมมติ) เรียก รูปธรรมต่าง ๆ มากมาย เช่น ร่างกาย หรือ โต๊ะ เป็นต้น. แต่ว่า ทั้งร่างกาย และ โต๊ะ มีลักษณะแข็ง ซึ่งปรากฏให้รู้ได้ ด้วยการกระทบสัมผัสทางกาย. ลักษณะแข็ง หรือสภาพธรรมที่แข็งนั้น เหมือนกัน และ เป็นปรมัตถธรรม คือ สภาพธรรมที่มีจริง ๆ แต่ "ร่างกาย" และ "โต๊ะ" เป็นต้น นั้น ไม่มีจริง ไม่ใช่ปรมัตถธรรม เพราะว่า เป็นสมมติบัญญัติ. . ตามปกติ เราเข้าใจว่า ร่างกายดำรงอยู่ และ ยึดถือว่าเป็นร่างกายของเรา เป็นตัวตนของเรา ความจริงแล้ว ที่เรียกว่า "ร่างกาย" นั้น เป็นเพียงรูปต่าง ๆ ที่มาประชุมรวมกัน และเกิดดับอยู่ตลอดเวลา. . การที่จะประจักษ์แจ้ง "ลักษณะของรูป" ตามความเป็นจริงได้ ก็ต่อเมื่อ จิตและเจตสิกที่เกิดร่วมกัน เกิดขึ้น และมีการรู้ "ลักษณะที่ต่างกันของรูป" ประเภทต่าง ๆ ในขณะที่รูป ประเภทใด ประเภทหนึ่ง กำลังปรากฏ. เอาบุญมาฝากได้ถวายสังฆทาน สวดมนต์ เดินจงกรม อาราธนาศีลอาชีวัฐมกะศีล และนั้งสมาธิ กรวดน้ำ กำหนดอิริยาบทย่อย ถวายข้าวพระพุทธรูป สักการะพระบรมสารีริกธาตุ เก็บของของผู้อื่นที่ทำตกไว้ให้แก่เจ้าหน้าที่ ได้แนะนำทางให้คนหลงทาง และเมื่อวานนี้คุณแม่ได้ซื้อดอกไม้มาประดิษฐาน บูชาพระธาตุ และวันนี้ตั้งใจว่าจะเดินจงกรม นั่งสมาธิ สวดมนต์ กำหนดอิริยาบทย่อย และวันนี้ได้ให้ธรรมะเป็นทานด้วย ขอให้อนุโมทนาบุญด้วย |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 | เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง |
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group http://www.phpbb.com/ |