ลานธรรมจักร
http://dhammajak.net/forums/

ขอคำแนะนำเรื่องฌานด้วยครับ
http://dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=1&t=28022
หน้า 1 จากทั้งหมด 2

เจ้าของ:  Rotala [ 25 ธ.ค. 2009, 23:30 ]
หัวข้อกระทู้:  ขอคำแนะนำเรื่องฌานด้วยครับ

อยากทราบข้อมูล ลักษณะ อุปจาระ ฌาณหนึ่ง สอง สาม ฌานสี่
ที่เลื่อนฌานช้าๆ แบบหยาบ กลาง ละเอียด ครับ รบกวนด้วยครับ (เป็นความคิดเห็นก็ได้ครับ :b8: )
:b41:
:b45: :b45: :b45: :b45:

เจ้าของ:  ภาวิตา-พหุลีกตา [ 26 ธ.ค. 2009, 14:32 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ขอคำแนะนำเรื่องฌานด้วยครับ

ลองอ่านลิงค์นี้ดูครับ http://www.palungjit.com/smati/k40/smabat.htm เมื่ออ่านแล้วแนะนำให้ศึกษาและปฎิบัติดูครับ แล้วท่านจะรู้ได้เอง :b44: :b44: :b44:

เจ้าของ:  Rotala [ 26 ธ.ค. 2009, 23:47 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ขอคำแนะนำเรื่องฌานด้วยครับ

ขอบคุณมากครับ :b8:

:b41:
:b45: :b45: :b45: :b45:

เจ้าของ:  sirisuk [ 27 ธ.ค. 2009, 00:00 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ขอคำแนะนำเรื่องฌานด้วยครับ

ปฏิบัติแล้วมีข้อสงสัยใด ๆ ลองเข้าไปอ่านได้ที่นี่ค่ะ มีประโยชน์มาก ๆ

http://board.palungjit.com/f4/รับตอบข้อสงสัยในการเจริญพระกรรมฐาน-161084.html

เจ้าของ:  มหาราชันย์ [ 27 ธ.ค. 2009, 00:28 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ขอคำแนะนำเรื่องฌานด้วยครับ

Rotala เขียน:
อยากทราบข้อมูล ลักษณะ อุปจาระ ฌาณหนึ่ง สอง สาม ฌานสี่



สวัสดียามดึกครับ


ฌานมี 2 อย่างครับ
1.โลกียะฌาน
2.โลกุตตระฌาน

ฌานทั้ง 2 อย่างนี้ ลักษณะอาการต่าง ๆ เหมือนกัน เพราะเป็นขันธ์อย่างเดียวกัน แต่ปัญญาในการทำลายกิเลสต่างกันครับ

ทั้งโลกียะฌาน และโลกุตตระฌานมีลักษณะดังนี้ครับ

ฌานที่ 1 มีความตรึกต่ออารมณ์ ลมหายใจปรากฏชัด มีปีติ และสุข
ฌานที่ 2 ละความตรึกต่ออารมณ์ได้ ลมหายใจปรากฏชัด มีปีติ และสุขมากขึ้น
ฌานที่ 3 ลมหายใจแผ่วเบา มีความสุขมาก ตัวแน่นตัวคับเหมือนใครจับมัด
ฌานที่ 4 ลมหายใจหยุด ตัวแน่นตัวคับเหมือนใครจับมัด
ฌานที่ 5 ลมหายใจหยุด ตัวแน่นตัวคับเหมือนใครจับมัดอารมณ์ละเอียดอ่อนกว่ารูปฌาน
ฌานที่ 6 ลมหายใจหยุด ตัวแน่นตัวคับเหมือนใครจับมัด...
ฌานที่ 7 ลมหายใจหยุด ตัวแน่นตัวคับเหมือนใครจับมัด...
ฌานที่ 8 ลมหายใจหยุด ตัวแน่นตัวคับเหมือนใครจับมัด อารมณ์ละเอียดอ่อนที่สุด



เจริญในธรรมครับ

เจ้าของ:  walaiporn [ 27 ธ.ค. 2009, 00:29 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ขอคำแนะนำเรื่องฌานด้วยครับ

Rotala เขียน:
อยากทราบข้อมูล ลักษณะ อุปจาระ ฌาณหนึ่ง สอง สาม ฌานสี่
ที่เลื่อนฌานช้าๆ แบบหยาบ กลาง ละเอียด ครับ รบกวนด้วยครับ (เป็นความคิดเห็นก็ได้ครับ :b8: )
:b41:
:b45: :b45: :b45: :b45:




อุปจารสมาธิ จะมีนิมิตเกิด ไม่ว่าจะเป็นนิมิตเสียง นิมิตสี นิมิตภาพ

ส่วนฌาน 1 - 4 จะเป็นไปทีละฌานนะ
ไม่ใช่ว่า จากฌาน 1 แล้วอารมณ์ไปฌาน 4 แบบนั้นไม่ใช่
ฌานแต่ละฌาน บ่งบอกถึงสติ สัมปชัญญะของผู้ปฏิบัติ

ฌาน 1 ประกอบด้วย วิตก วิจาร ปีติ สุข เอกัคคตา
วิตก คือ คำบริกรรมภาวนา
วิจาร คือ การเอาจิตจดจ่อรู้อยู่กับองค์บริกรรมภาวนา
ปีติ
สุข
เอกัคคตา มีอารมณ์เป็นหนึ่ง

แนวทางการปฏิบัติ เมื่อเข้าถึงอกัคคตาหรืออัปนาสมาธิ จะขาดความรู้สึกตัว
หรือที่เรียกว่า มันดิ่งแล้วดับหายไป
สภาวะตรงนี้ ต้องอาศัยการเจริญสติให้มาก เช่น เดินจงกรมให้มากกว่านั่ง
เวลาจิตรวมจะได้มีความรู้สึกตัว สามารถถอยออกมาจากอัปนาสมาธิได้
แต่สมาธิจะไม่ตกไปที่อุปจาร เพราะสมาธิตรงนี้จะตั้งมั่นได้นานกว่าอุปจารและไม่มีนิมิต
ไม่ต้องรอให้สมาธิคลายตัว ให้ทำให้ชำนาญ คือ เข้าออกให้ชำนาญ


ฌาน 2 ประกอบด้วย ปีติ สุข เอกัคคตา
ตรงฌาน 2 จะไม่มีคำบริกรรมภาวนา เช่น เคยใช้พุทโธ หรือ พองหนอ ยุบหนอ
คำบิรกรรมเหล่านี้จะไม่มี แต่จะมารู้ที่ลมหายใจเข้าออก หรือท้องพองยุบแทน
อาจจะหายใจสักสองสามครั้ง จิตสามารถรวมเป็นหนึ่งได้ทันที
แต่ยังคงมี ปีตี สุข เกิดอยู่ ก็ทำให้ชำนาญ เข้าออกให้ชำนาญ

ฌาณ 3 ประกอบด้วย สุข เอกัคคตา
ตรงฌาน 3 จะไม่มีปีติเกิดแล้ว เนื่องจากกำลังของสติมากขึ้นตามลำดับ
แต่ยังคงมีสุขจากความสงบอยู่ ให้เข้าออกให้ชำนาญ

ฌาน 4 ประกอบด้วย อุเบกขา เอกัคคตา

ลักษณะของฌาน 4 ถ้าผู้เข้าออกจนชำนาญแล้ว
จะสามารถกำหนดเข้าออกสมาธิตอนไหนก็ได้
ฌาน 4 จะมี สติดี สมาธิดี

คือ ถ้าเป็นรูปแบบ เรียกว่า หลังจากเดินจงกรมแล้ว พอมานั่ง
อาจจะหายใจแค่ครั้งเดียว จิตสามารถเข้าสู่ สมาธิได้ทันที
ไม่ต้องบริกรรมหรือภาวนาใดๆทั้ง มีสติรู้อยู่กับลมหายใจเข้าออก
ท้องพองยุบ จะมีความรู้สึกตัวตลอดเวลา
แม้จิตรวมตัวก็รู้ จิตคลายตัวออกจากสมาธิก็รู้



ส่วนเรื่องที่ว่า ทำแล้วไปรู้โน่นรู้นี่ นั่นคือ รู้นอกตัว ครูบาฯท่านให้ตัดออกให้หมด
การตัดออกคือ เจริญสติให้มากขึ้น ให้เดินจงกรมให้มากกว่านั่ง
แล้วค่อยๆปรับอินทรีย์ไปเรื่อยๆ

ยกเว้นคนที่ชอบส่งจิตออกนอก คือชอบไปรู้นอกตัว
อันนั้นก็แล้วแต่เหตุที่เคยกระทำกันมา

ถ้าเป็นวิปัสสนา ให้ดูตามความเป็นจริงที่เกิดขึ้น
คือ ให้เอาจิตจดจ่ออยู่กับองค์กรรมฐาน คือ รู้อยู่กับกาย

ส่วนฌาน 5 - 8 เมื่อเข้าออกฌาน 4 ได้ชำนาญแล้ว
ฌาน 5 - 8 จะทำง่ายขึ้น ไม่ต้องมานั่งบิรกรรมแต่อย่างใด


ถ้าถามว่า จำเป็นต้องเรียงลำดับของฌานเลยไหม
ตอบ ไม่จำเป็น เพราะกุศลแต่ละคนสร้างสั่งสมมาไม่เท่ากัน
บางคนสามารถเข้าสู่ฌาน 4 ได้ทันที โดยไม่ต้องเริ่มจากฌาน 1- 3

แต่เมื่อไปพบครูบาฯ ท่านจะให้เริ่มจากฌาน 1 ใหม่ คือ ท่านให้ฝึกสติ ฝึกเข้าออกให้ชำนาญ
ให้รู้ไปทีละของอารมณ์ฌานนั้นๆ เข้าออกจนชำนาญ

เจ้าของ:  yodchaw [ 27 ธ.ค. 2009, 09:00 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ขอคำแนะนำเรื่องฌานด้วยครับ

ขอเชิญศึกษาธรรมบรรลุฉลับพลัน จบโลก จบธรรม จบกรรม การปฏิบัติ โดยหลวงพ่อโพธิ์ศรีสุริยะ เขมรโต วัดร่มโพธิธรรม จ.เลย ที่บอร์ดสนทนาทั่วไปขอรับ หรือ http://www.rombodhidharma.com/

จะอินเทรนด์ไปถึงไหน อัฟเกรดมันไปถึงไหน ในโลกธรรมนี้มันเป็นคู่ ธรรมคู่หากมีเจริญก็มีเสื่อม มีเจริญในญาณก็มีเสื่อมจากญาณ มันไม่ใช่สิ่งที่ทรงดำรงอยู่ได้ตลอด อนิจจังตลอด


ขอให้ท่านมีส่วนในความ ไม่ติด ไม่ขัด ไม่ข้อง ไม่คา แจ่มแจ้งในสัจธรรม ลุล่วงพ้นทุกข์ ตามองค์พุทธะ พระอรหันต์ พระโพธิสัตว์ หลวงพ่อโพธิ์ศรีสุริยะ เขมรโต นั่นเทอญ

เจ้าของ:  ขงเบ้งเทพแห่งกลยุทธ์ [ 27 ธ.ค. 2009, 21:35 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ขอคำแนะนำเรื่องฌานด้วยครับ

ฌานผมไม่ค่อยเก่งหรอกงับ

ทำเป็นแน่ๆคือฌานโลกุตร

อิอิ

เจ้าของ:  yodchaw [ 29 ธ.ค. 2009, 15:05 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ขอคำแนะนำเรื่องฌานด้วยครับ

ตัวมันเองไม่เคยบอกว่าเป็นอะไร ไม่ฌาณ ญาณแบบไหน หากมีหลงว่า คิดว่า คาดว่า เดาเอาว่าเป็นเป็นไหน แล้วยึด เอา ถือเอาความหมาย ความเห็นนั้น หากสิ่งใดเกิด ก็ที่สุดคือสิ้นไป เพราะสิ่งไหนยึดเอาไม่ได้จริง แม้แต่การพยายามจะทรงอยู่ หรือพยายามจะยึดนั้น อนิจจังเหมือนกันหมด

เจ้าของ:  กษมมาตา [ 30 ธ.ค. 2009, 23:08 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ขอคำแนะนำเรื่องฌานด้วยครับ

:b42: การสอนหรือแนะนำใครในเรื่อง..ฌาน นั้นเป็นอะไรที่พูดอยากเพราะบางคนนั่งสมาธิครั้งเดียว
เข้าถึงสภาวะฌานระดับต่างๆได้ ซึ่งเข้าใจว่าบุคคลผู้นั้นเคยบำเพ็ญฌานมาก่อน...ในชาติปางก่อน
แต่บางคนบวชเรียนปฏิบัติมานาน...ก็ยังไม่สามารถเข้าสู่สภาวะที่เป็นฌานได้...บางคนก็หาสิ่งต่างๆมาเพ่งเพื่อให้เกิดฌาน (นานขนาดไหนจึงเข้าฌานระดับต่างๆได้ ผู้ปฏิบัติบางคนอาจทำได้...บางคนทำไม่ได้) สำหรับตัวดิฉันเองเป็นประเภทแรก คือนั่งสมาธิทำอานาปานสติ นานเป็นชั่วโมงครั้งเดียวครั้งแรกก็เข้าถึงสภาวะฌานได้ โดยไม่เคยฝึกเพ่งอะไรมาก่อนเลย มันเป็นเรื่องเฉพาะตนจริงๆ เมื่อก่อนหน้านั้นไม่เคยสนใจเรื่องการนั่งสมาธิแบบเอาจริงจังเลย ทำแค่5-10 นาที นี่นับว่าได้ทำสมาธิแล้ว เรื่องฌานอะไรไม่เคยรู้จัก เคยแต่ได้ยินว่าพระเกจิอาจารย์ดังทั้งหลาย จะมีการเข้าฌานสมาบัติ เมื่อรู้ว่าตนเองทำได้ จึงหันมาสนใจปฏิบัติธรรมอย่างค่อนข้างเอาจริงเอาจังบ้างก็ประมาณ 8-9 เดือนมานี่ ทั้งที่ครั้งแรกที่
เข้าถึงสภาวะฌาน 4 ได้ เมื่อ ปี 2544 ตั้งแต่นั้นมาสภาวะจิตของตนเองเปลี่ยนไปมากมาย ความเชื่อในคำสอนขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้ามีมากขึ้น ๆๆ เรื่อยๆๆ
ปัจจุบันทำกรรมฐานทั้งสมถะ วิปัสสนา และดูจิต ....อธิษฐานจิต...ถ้าบุญบารมี..มีขอเข้าสู่กระแสพระนิพพานในเร็ววัน

เจ้าของ:  yodchaw [ 31 ธ.ค. 2009, 08:43 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ขอคำแนะนำเรื่องฌานด้วยครับ

ทุกศาสตร์ ทุกบารมี ทุกธรรม สมาธิ ญาณ ฌาณ ทั้ง ประมวลที่จบ ที่เป็นสุดยอดในวิชาทั้งหลายทุกศาสตร์ทั้งหลาย หากใครดูหนังจีนกำลังภายใน วิชากระบี่ ดาบอะไร ก็ ทิ้ง วาง ไม่จับ ไม่ถือ กระบี่ ดาบอะไร เรียกว่ากระบี่อยู่ที่ใจ จบ คือ ประมวลสู่ความเป็นสุญญตา ว่าง วาง อยู่แล้ว ไม่เริ่ม ไม่ตั้งไม่ต้องอยู่เองแล้ว ไม่ติด ไม่ยึด ไม่ข้อง ไม่คา ในส่วนหนึ่งส่วนใด ที่ไม่ต้องอยู่เองแล้ว

เจ้าของ:  yodchaw [ 01 ม.ค. 2010, 17:37 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ขอคำแนะนำเรื่องฌานด้วยครับ

ขอเชญฟังธรรมหลวงพ่อโพธิ์ศรีสุริยะ เขมรโต ที่เว็บด้านล่างนี้

http://www.rombodhidharma.com/Pg-04-Dharma.htm
เรื่องที่ (40) นอกเหนือสติ สมาธิ ปัญญา ฌาณ ญาณ นิพพานอยู่แล้ว

เจ้าของ:  หลับอยุ่ [ 01 ม.ค. 2010, 19:08 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ขอคำแนะนำเรื่องฌานด้วยครับ

นั่งแล้วว่าง นั่งได้นาน เหมือนจะหลับ ก้ไม่ใช่ จะไม่หลับก็ไม่เชิง บางครั้ง ได้ยินเสียง บางครั้ง ไม่ได้ยิน คืออะไรครับ :b10:

เจ้าของ:  murano [ 01 ม.ค. 2010, 19:42 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ขอคำแนะนำเรื่องฌานด้วยครับ

หลับอยุ่ เขียน:
นั่งแล้วว่าง นั่งได้นาน เหมือนจะหลับ ก้ไม่ใช่ จะไม่หลับก็ไม่เชิง...

สติไม่มั่นคงฮะ ต้องฝึกสติอีกหน่อย เช่น เล่นเกมมากๆ เอ้ย อ่านนิยายเล่มโตๆ อิอิ :b32: :b32: :b32:

เจ้าของ:  yodchaw [ 02 ม.ค. 2010, 08:01 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ขอคำแนะนำเรื่องฌานด้วยครับ

ทั้งหมดแค่ทางผ่าน หากว่าจะเอาพระนิพพานเป็นที่สุด สมาธิ ญาณ ญาณ ก็เป็นแค่ทางผ่าน ไม่ใช่สิ่งที่จะไปยึดติด ข้องแวะ แช่ นอนเนืองอยู่ จมอยู่ แต่หลายท่านอาจพอใจในภาวะแบบนี้ หากเปรียบก็อยู่ข้างถนนมีสวนดอกไม้ แล้วท่านแวะชมสวนดอกไม้นั้น จากการพอใจดอกไม้นั้นไม่นานก็กลายเป็นผีเสื้อไปเลย หมายถึงละสังขารไปก็ไปใช้กรรม ผลของพอใจแช่ ในอารมณ์สมาธิ ฌาณ ญาณ ที่สวรรค์ พรหมโลก ต่อไปตามกำลังของแต่ละระดับสมาธิ ฌาณ ญาณนั้นไป หากไม่เตือนตัวเองว่าแค่ทางผ่าน มันก็จะตัน จะเอา จะทรง จะดำรง อยู่เป็นจริงเป็นจังไปเลย มันจะบัง ความไม่ติด ไม่ขัด ไม่ข้อง ไม่คา ที่มีอยู่เองแล้ว

หน้า 1 จากทั้งหมด 2 เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group
http://www.phpbb.com/