วันเวลาปัจจุบัน 24 เม.ย. 2024, 06:42  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 38 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2, 3  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 22:19 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ธ.ค. 2009, 21:35
โพสต์: 13

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


คำว่าไปเกิดในอบายภูมิทั้ง 4 มี นรก เปรต อสูรกาย และสัตว์เดรัจฉานนั้น (หากสะกดผิดแก้ให้ด้วย) ในส่วนตัวหนูเข้าใจว่า ทั้งนรก เปรต อสูรกาย นั้นอยู่ภพภูมิหนึ่งที่นอกเหนือจากภพภูมิที่มนุษย์เราอยู่ที่เราไม่สามารถมองพวกเขาด้วยตาเนื้อได้ หนูจึงเข้าใจว่าสัตว์เดรัจฉานนั้นที่เกิดมาในภพภูมิเดียวกันกับมนุษย์เรานั้นไม่ควรจัดอยู่ในอบายภูมิทั้ง 4 เพราะว่ามนุษย์เราที่เกิดมาเป็นมนุษย์นั้นถือว่าเกิดมาในสุคติภพหรือสุคติภูมิ ดังนั้นสัตว์เดรัจฉานก็เช่นเดียวกันที่เกิดมาร่วมภพภูมิเดียวกันกับมนุษย์ ที่สามารถมองเห็นๆกันได้ด้วยตาเนื้อเหมือนๆกับมนุษย์เรา เพียงแต่ทั้งมนุษย์และสัตว์เดรัจฉานเหล่านั้นเป็นเพียงสัตว์คนละเผ่าพันธุ์กันกับมนุษย์เท่านั้น หนูจึงเข้าใจว่าสัตว์เดรัจฉานไม่ควรจัดอยู่ในอบายภูมิทั้ง 4 แต่ควรจัดอยู่ในภูมิเดียวกับมนุษย์หรือสุคติภูมิ และขอเถียงด้วยเหตุและหนูเข้าใจอย่างนี้ หรือว่าหนูเข้าใจผิดเอง ท่านผู้รู้ช่วยอธิบายให้ด้วย


แก้ไขล่าสุดโดย อมิตาพุทธ เมื่อ 04 ม.ค. 2010, 02:12, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 22:41 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ส.ค. 2009, 20:26
โพสต์: 1589

แนวปฏิบัติ: อรหัตตมัคค
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระไตรปิฎก
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เถียงใครก็เถียงได้
แต่เถียงพระพุทธเจ้า เถียงพระธรรม เถียงพระสงฆ์ อย่าเถียงเลยครับ ไม่มีประโยชน์


ศึกษาสิ่งเป็นประโยชน์อย่างนี้ดีกว่าครับ



เมื่อจิตเป็นสมาธิ บริสุทธิ์ผุดผ่อง ไม่มี“กิเลสเพียงดังเนิน”
ปราศจากความเศร้าหมอง อ่อน เหมาะแก่การใช้งาน
ตั้งมั่น ไม่หวั่นไหวอย่างนี้

เรานั้นจึงน้อมจิตไปเพื่อ “อาสวักขยญาณ”

ได้รู้ชัดตามเป็นจริงว่า .........
....นี้ทุกข์
....นี้ทุกข์สมุทัย
....นี้ทุกขนิโรธ
....นี้ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทา

....เหล่านี้อาสวะ
....นี้อาสวสมุทัย
....นี้อาสวนิโรธ
....นี้อาสวนิโรธคามินีปฏิปทา

เมื่อเรานั้นรู้เห็นอย่างนี้จิตก็หลุดพ้น .......
แม้จากกามาสวะ
แม้จากภวาสวะ
แม้จากอวิชชาสวะ

เมื่อจิตหลุดพ้นแล้ว ก็มีญาณหยั่งรู้ว่า
“หลุดพ้นแล้ว ได้รู้ชัดว่า ชาติสิ้นแล้ว พรหมจรรย์อยู่จบแล้ว กิจที่ควรทำ ทำเสร็จแล้ว กิจอื่นเพื่อความเป็นอย่างนี้ มิได้มี”

เราบรรลุ“วิชชาที่ ๓” นี้ ใน“ปัจฉิมยาม” แห่งราตรี

กำจัดอวิชชาได้แล้ว วิชชาก็เกิดขึ้น
กำจัดความมืดได้แล้ว ความสว่างก็เกิดขึ้น
เหมือนบุคคลผู้ไม่ประมาท มีความเพียร อุทิศกายและใจอยู่ฉะนั้น



เจริญในธรรมครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 23:15 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2009, 08:46
โพสต์: 405

แนวปฏิบัติ: ดูจิต-อานา
ชื่อเล่น: ขวานผ่าซาก
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เห็นด้วยกับคุณ มหาราชัน นะครับ

ถ้าพระพุทธเจ้าทรงสอนแล้ว คงจะเปลี่ยนไม่ได้ หลอก

ถ้าเปลี่ยนได้ คงเก่งกว่า พระพุทธเจ้า แล้วล่ะครับ

อย่างเช่น ตอนพระพุทธเจ้า ตอนใกล้ ปรินิพพานนั้น ได้ บอกแก่ พระภิกษุสงฆ์ว่า ถ้าตถาคตปรินิิพพานแล้ว พวกเธอ จะเพิกถอน สิกขาบทเล็กน้อย ก็ได้ ไม่เป็นอาบัติ แต่ก็ไม่มี ใครกล้า เพิกถอน เพราะพระสาวกทุก องค์ เคารพพระพุทธเจ้า และพระธรรม พร้อม สงฆ์ :b48: :b48:

.....................................................
สุ จิ ปุ ลิ...(หัวใจนักปราชญ์)

ปัจจุบันธรรม

โยนิโส มนสิการ
สติ สัมปชัญญะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 ม.ค. 2010, 01:36 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 22 ก.พ. 2009, 01:02
โพสต์: 337


 ข้อมูลส่วนตัว




12340.jpg
12340.jpg [ 31.95 KiB | เปิดดู 5866 ครั้ง ]
:b41: :b41: :b41: :b41: :b41: :b42: :b42: :b42: :b41: :b41: :b41: :b41: :b41:
cool

สวัสดีครับ คุณ Baal คืออย่างนี้ครับ :b16: :b16: :b16:

อบายภูมิ ๔ ได้แก่ สัตว์นรก เปรต อสุรกาย และสัตว์เดรัจฉาน อธิบายโดยสังเขปได้ดังนี้

สัตว์นรก คือ สัตว์ที่ได้รับการลงโทษตามกรรมชั่วที่ทำไว้ต้องทนทุกข์ทรมานอยู่ในนรก ซึ่งมีอยู่หลายขุม เหมือนเรือนจำที่ใช้ลงโทษผู้กระทำความผิดในโลกมนุษย์

เปรต คือ สัตว์ที่ถูกลงโทษเบากว่าสัตว์นรก เพราะทำบาปมาน้อยกว่า ซึ่งก็มีอยู่หลายประเภทเหมือนกัน

อสุรกาย (อสูรหรืออสุระ) คือ โอปปาติกะประเภทหนึ่ง ซึ่งจัดอยู่ในอบายภูมิ หรือทุคติภูมิ ประเภทเดียวกับเปรตและสัตว์นรก

สัตว์เดรัจฉาน คือ สัตว์ที่อาศัยอยู่ในแดนมนุษย์ ตามปกติสัตว์เดรัจฉานส่วนใหญ่จะเคลื่อนที่ในแนวขวาง โดยมากจะมีกระดูกสันหลังขนานกับพื้นโลก จึงถูกเรียกว่า “เดรัจฉาน” ที่แปลว่า ไปทางขวาง ไม่ได้เดินไปตัวตรงอย่างมนุษย์ จัดเป็นสัตว์ในอบายภูมิ เพราะมีความเป็นอยู่ตามธรรมชาติลำบากกว่ามนุษย์ และไม่สามารถตรัสรู้มรรคผลนิพพานได้ แม้แต่นาคหรือพญานาคที่มีฤทธิ์ก็ไม่สามารถตรัสรู้ได้ กำเนิดสัตว์เดรัจฉานจึงเป็นอบายภูมิหรือทุคติภูมิเหมือนกัน

ภพ ภูมิ ในพุทธศาสนา ทำให้เราได้ความรู้ มีโลกทัศน์กว้างไกลกว่าเดิม เตือนเราให้ต้องหมั่นประพฤติดี หรือทำแต่กุศลกรรม เพราะการจะไปเกิดในภูมิใด หรือเกิดเป็นสัตว์ประเภทใด ก็ขึ้นอยู่กับกรรมที่เราทำลงไป หรือถ้าจะให้บรรลุเป้าหมายสูงสุดตามอุดมคติของพุทธศาสนา ก็ต้องปฏิบัติจนบรรลุนิพพาน หลุดพ้นจากภูมิทั้งปวง คำสอนเรื่องภูมิและสัตว์ของพุทธศาสนาจึงโยงอยู่กับคำสอนเรื่องกรรมโดยตรง รวมทั้งการเวียนว่ายตายเกิด ให้เรามีเมตตาต่อกัน รวมทั้งมีไมตรีจิตต่อสัตว์ทุกประเภท เพราะในสังสารวัฏอันยาวนานนี้ล้วนเคยเป็นญาติพี่น้องหรือมิตรสหายกันมาทั้งนั้น :b12: :b12: :b12:

เจริญในธรรมครับ
:b8: :b8: :b8:

:b41: :b41: :b41: :b41: :b41: :b42: :b42: :b42: :b41: :b41: :b41: :b41: :b41:

.....................................................
ราตรีของผู้ตื่นอยู่นาน...โยชน์ของผู้ล้าแล้วไกล
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 ม.ค. 2010, 07:54 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 8
สมาชิก ระดับ 8
ลงทะเบียนเมื่อ: 19 ส.ค. 2009, 09:31
โพสต์: 639

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


พี่อธิบายตามความเข้าใจของพี่นะคะ

ภพมีทั้งหมดสามภพ คือ สวรรค์ โลกมนุษย์ และนรก

ในแต่ละภพมีภูมิต่างกันค่ะ เปรต อสูรกาย สัตว์นรก เชื้อโรค ฯลฯ พวกนี้อยู่ในนรกค่ะ

คนและสัตว์ อยู่ในภพเดียวกันคือ โลกมนุษย์ มองเห็นได้ด้วยตาเปล่า ที่พิเศษกว่าภพอื่นคือ สามารถสร้างบุญและลดทอนกรรมของตัวเองได้

เทวดา พรหม เทพ ก็อยู่บนภพสวรรค์ รอวันที่จะหมดอายุไขได้มาเกิดเป็นคนเพื่อสร้างบุญ ลดกรรม เพื่อนำไปสู่พระนิพพานน่ะค่ะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 ม.ค. 2010, 09:31 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ม.ค. 2009, 20:45
โพสต์: 1094

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


แต่ตอนนี้ผมรู้แค่ว่าใจผมยังเป็นมนุษย์อยู่นะ
:b32: :b32: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 ม.ค. 2010, 13:09 
 
ออฟไลน์
สมาชิกใหม่
สมาชิกใหม่
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ธ.ค. 2009, 18:10
โพสต์: 4


 ข้อมูลส่วนตัว


ก็อาจจะถูกว่ามนุษย์กับสัตว์ดิรัจฉานนั้นอยู่บนโลกเดียวกัน แต่ที่ต่างกันแน่ ๆ คือที่จิตใจครับเขาแยกออกจากกันตรงนี้ครับเพราะมนุษย์นั้นเป็นผู้มีจิตใจสูงนะครับ คือ มีศีลห้า ที่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์นั้นก็เพราะเคยรักษาศีลห้าเป็นอย่างน้อยนะครับ ถ้าไม่มีศีลมีธรรมเขาไม่เรียกว่ามนุษย์หรอกครับ เขาเรียกคนซึ่งมันก็จะไม่ค่อยต่างจากสัตว์ดิรัจฉานเท่าไหร่หรอก (ก็คงจะเห็นได้ตามสื่อต่าง ๆ ว่าเดี๋ยวนี้มนุษย์นั้นน้อยลงทุกที มีแต่คนกับสัตว์ดิรัจฉานในคราบมนุษย์) ที่ได้ไปเกิดในอบายภูมิทั้งสี่นั้นก็เพราะไม่มีศีลไม่มีธรรมนะครับ ถ้าอยากจะหายสงสัยมากขึ้นก็ลองมาพิสูจน์ด้วยการปฏิบัติธรรม ให้ทาน รักษาศีลดูครับ รับรองว่าถ้าตั้งใจแล้วก็จะเลิกสงสัยเองแหละครับ

ที่สำคัญสิ่งใดที่พระพุทธเจ้าท่านได้ตรัสไว้แล้วเป็นจริงเสมอครับเพราะท่านเป็นผู้มีปัญญามากและท่านไม่เคยโกหกนะครับ อีกอย่างสิ่งที่ท่านได้สอนนั้นก็เป็นเพียงแค่ใบไม้หยิบมือหนึ่งเท่านั้น แต่ความรู้ของท่านนั้นมีเป็นป่าเลยนะครับ ขนาดใบไม้แค่หยิบมือยังไม่เข้าใจแล้วจะไปสงสัยในปัญญาท่านทำไมละครับ ลองมาพิสูจน์ดูเองเลยครับจะได้เลิกสงสัย


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 ม.ค. 2010, 13:33 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ค. 2008, 14:14
โพสต์: 3835

อายุ: 12
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


พระพุทธเจ้าท่านจัดตามภูมิจิตจ๊ะ
ท่านแบ่งเกณฑ์โดยภูมิจิตภุมิใจของสัตว์

แต่ที่หนูเข้าใจ คือหนูไปมองที่รูปร่าง (ลักษณะปรากฏ) เป็นเกณฑ์
เลยมองว่า ถ้าเรามองเห้นสัตว์ ร่วมโลกกับสัตว์ แสดงว่าเราต้องอยู่ภูมิเดียวกัน
คือหนูไปเข้าใจว่า"ภูมิ" คือ physical

หนูรู้ไหมว่า ในหนึ่งวันนี่นะ เอาแค่หนึ่งวัน
ตอนไหนอยากได้อะไรไม่ได้ มันทุรนทุรายอยากได้ ใจตอนนั้นแหละเรียกว่าเปรต
พระพุทธเจ้าเรียกว่า มนุษย์เปรต คือ"มนุสเปรโต"
กล่าวคือกายเป้นมนุษย์แต่จิตตกต่ำ ไหลไปที่ต่ำ
ต่ำระดับเปรต ถ้าตายลงตอนนี้ก็ได้ตั๋วเป็นเปรตจ๊ะ
ทำนองเดียวตอนไหนดุร้าย เกีร้ยวกราด ด่าคน นี่แหละ เดรัจฉาน สัตว์นรก อสุรกาย อะไรก้ว่าไป
ตอนไหนมีเมตตา มีความสุข ก็เป็นเทวดาในร่างมุษย์

ถ้ามีจิตที่มีความสงบมาก เช่นเข้าญาน ก็เป็นจิตของเทวดาชั้นต่างๆ เช่นชั้นพรหม


กล่าวโดบสรุปคือจิตแต่ละขณะนั่นแหละ เป้นเครื่องวัดว่าเราอยู่ภูมิไหน(ในจิตแต่ละขณะนั้นๆ)
ร่างกายนี่ไม่เกี่ยว เหมือนเสื้อผ้าของจิตเท่านั้นเอง
เป้นผลพลอยได้จากจิตตอนจะมาเกิด บังเอิญว่าจิตเราอยู่ในภูมิมนุสพอดี
เลยได้ครองร่างมนุษย์


แก้ไขล่าสุดโดย ชาติสยาม เมื่อ 04 ม.ค. 2010, 13:36, แก้ไขแล้ว 2 ครั้ง.

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 ม.ค. 2010, 21:21 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ธ.ค. 2009, 13:33
โพสต์: 23

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ผมเข้าใจว่า

เดรัจฉานภูมิก็คือภูมิที่สูงที่สุดแล้ว

ในกลุ่มอบายภูมิ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 ม.ค. 2010, 21:45 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ธ.ค. 2009, 21:35
โพสต์: 13

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


หนูต้องขอโทษมากๆค่ะที่ใช้คำผิดไปว่า "เถียง" หนูไม่ได้เถียงพระพุทธเจ้านะค่ะ หนูเพิ่งศึกษาธรรมะอาจใช้คำไม่ถูกต้องหนูต้องขออภัยด้วย และหนูก็พอรู้บ้างว่าพระพุทธเจ้าคือ ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน แต่ที่หนูใช้กับคำว่าเถียงนั้นหนูยอมรับว่าเป็นความรู้สึกของหนูว่าน่าจะเป็นอย่างนั้นคืออย่างที่หนูสงสัยเท่านั้นเองค่ะ จากคำตอบของท่านผู้รู้ที่ได้เมตตาตอบมานั้นหนูพอเข้าใจบ้างแล้ว แต่ยังไม่เข้าใจทั้งหมดคือตอนนี้หนูเข้าใจแล้ว แต่เข้าใจอย่างนี้ค่ะว่า จำพวกอบายภูมิทั้ง 4 นั้นถือว่าสัตว์เดรัจฉานเป็นพวกที่ดีกว่า 3 จำพวกแรก และยังคิดว่าพวกสัตว์เดรัจฉานยังมีบุญมากกว่าเปรต อสุรกายและสัมภเวสีเพราะเกิดมาร่วมในภพภูมิเดียวกันกับมนุษย์ และบางจำพวกยังอยู่ใกล้ชิดกับมนุย์เสียอีกอย่างสุนัขเป็นต้น หนูเข้าใจอย่างนี้ถูกหรือเปล่าคะ หากหนูเข้าใจผิดช่วยให้ความรู้หนูด้วยค่ะ กราบขอบคุณค่ะ


แก้ไขล่าสุดโดย อมิตาพุทธ เมื่อ 05 ม.ค. 2010, 03:49, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 ม.ค. 2010, 22:09 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ก.ค. 2009, 12:55
โพสต์: 36

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Baal เขียน:
หนูต้องขอโทษมากๆค่ะที่ใช้คำผิดไปว่า "เถียง" หนูไม่ได้เถียงพระพุทธเจ้านะค่ะ หนูเพิ่งศึกษาธรรมะอาจใช้คำไม่ถูกต้องหนูต้องขออภัยด้วย และหนูก็พอรู้บ้างว่าพระพุทธเจ้าคือ ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน แต่ที่หนูใช้กับคำว่าเถียงนั้นหนูยอมรับว่าเป็นความรู้สึกของหนูว่าน่าจะเป็นอย่างนั้นคืออย่างที่หนูสงสัยเท่านั้นเองค่ะ จากคำตอบของท่านผู้รู้ที่ได้เมตตาตอบมานั้นหนูพอเข้าใจบ้างแล้ว แต่ยังไม่เข้าใจทั้งหมดคือตอนนี้หนูเข้าใจแล้ว แต่เข้าใจอย่างนี้ค่ะว่า จำพวกอบายภูมิทั้ง 4 นั้นถือว่าสัตว์เดรัจฉานเป็นพวกที่ดีกว่า 3 จำพวกแรก และยังคิดว่าพวกสัตว์เดรัจฉานยังมีบุญมากกว่าเปรต อสุรกายและสัมพเวสีเพราะเกิดมาร่วมในภพภูมิเดียวกันกับมนุษย์ และบางจำพวกยังอยู่ใกล้ชิดกับมนุย์เสียอีกอย่างสุนัขเป็นต้น หนูเข้าใจอย่างนี้ถูกหรือเปล่าคะ หากหนูเข้าใจผิดช่วยให้ความรู้หนูด้วยค่ะ กราบขอบคุณค่ะ

:b48:
ท่านกรัชกาย ท่านชาติสยาม โปรดชี้แนะด้วยครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 ม.ค. 2010, 11:43 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ค. 2008, 14:14
โพสต์: 3835

อายุ: 12
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


Baal เขียน:
แต่เข้าใจอย่างนี้ค่ะว่า จำพวกอบายภูมิทั้ง 4 นั้นถือว่าสัตว์เดรัจฉานเป็นพวกที่ดีกว่า 3 จำพวกแรก และยังคิดว่าพวกสัตว์เดรัจฉานยังมีบุญมากกว่าเปรต อสุรกายและสัมพเวสีเพราะเกิดมาร่วมในภพภูมิเดียวกันกับมนุษย์ และบางจำพวกยังอยู่ใกล้ชิดกับมนุย์เสียอีกอย่างสุนัขเป็นต้น หนูเข้าใจอย่างนี้ถูกหรือเปล่าคะ หากหนูเข้าใจผิดช่วยให้ความรู้หนูด้วยค่ะ กราบขอบคุณค่ะ


ภูมิเป็นเรื่องละเอียดนะ
เป้นความรู้หลักๆอันหนึ่งที่สำคัญในพระพุทธศาสนา
คล้ายๆวิชา Taxonomy ของโลก คือความพยามที่จะจัดหมวดหมู่ของสิ่งมีชีวิต
แต่ของพระพุทธเจ้าที่ท่านจัดหมวดหมู่ของสัตว์ทั้งหมดที่เวียนว่ายตายเกิด

แต่เอาคร่าวๆนะ อยากรู้ละเอียดต้องไปศึกษาหาความรู้เอา

คำว่า"สัตว์" สำหรับพระพุทธเจ้า คือทั้ง 31 ภูมิ ไม่ว่าจะเป็นเทวดา หรือเปรต หรือคน
ทั้งหมดคือสัตว์

สัตว์ที่ต้องเวียนว่ายตายเกิด เรียกอีกอย่างว่า "สัมภเวสี"
คือยังต้องแสวงหาที่เกิดอยู่เรื่อยไปไม่จบไม่สิ้น

ถ้าอยากรู้ละเอียด ลองค้นหาคำว่า ภพภูมิ ๓๑


สำหรับสัตว์ที่อยู่กับคน หรือ animal นี่นะ
เราไปสอนให้เขาถือศีล มีเมตตา นั้นสอนไม่ได้หรอก
จิตใจของเขาเป้นไปตามมีตามเกิด เหตุดีก็ดี เหตุไม่ดีจิตก็ไม่ดี
ไม่มีทางรู้จักคำว่าสติ สมาธิ ทำให้ไร้การควบควมหักห้าม
นี่คือความแตกต่างที่ชัดเจนว่าทำไมหมูหมากาไก่ถึงแตกต่างจากคน

สำหรับ animal นี่นะ บางตัวเราต้องไปกราบไหว้เขาอีกแหนะ
บางตัวมียศมีตำแหน่ง
เพราะบุญบารมีที่เขามีอยู่มันเยอะ แต่ตอนจะมาเกิดนี่
ดันมีจิตที่ไม่พร้อมสำหรับความเป้นมนุส คือตายไม่ดีน่ะ ตายไม่สงบ
ตายแบบกังวล หรือตายไม่มีความสุข ซึ่งเราไม่อะไรทำนองนั้น
เลยต้องมาเกิดเป็นสัตว์ไปพลางก่อน ต้องทนชดใช้สิง่ที่ทำในกาลก่อนจนหมด
แต่เพราะทานบารมีที่เคยทำ เลยเป้นสัตว์ที่ได้รับโภคทรัพย์
บางตัวได้ทำสปา ได้ิอาบของหอม ได้ใส่ผ้าสวยๆ
ทั้งหมดนี้เพราะทานบารมีแต่กาลก่อนให้ผล

animal นี่ก็เหมือนคนนี่แหละ
บางคนราย บางคนจน ไม่เท่ากัน
ทั้งหมดเพราะกรรมที่จำแนกเราให้มีความแตกต่าง
สวยงาม อัปลักษณ์
หิวโหย อิ่มสบาย
อยู่ในบ้านเมืองที่อุดมสมูรณ์ หรือเกิดในถิ่นทุรกันดาน มีแต่ภัย
ทั้งหมดเพราะกรรม กรรมที่ทำไปแล้วนั่นแหละกำหนด

พอจะเข้าใจไหมล่ะ


แก้ไขล่าสุดโดย ชาติสยาม เมื่อ 05 ม.ค. 2010, 11:46, แก้ไขแล้ว 2 ครั้ง.

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 ม.ค. 2010, 15:56 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 04 ม.ค. 2010, 16:32
โพสต์: 323

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ภูมิ

แยกภูมิ แยกที่ใจ

ไม่มีใครไปสร้างภูมิไว้ให้เรา

ใจเราสร้างภูมิเอง


ใจคิด 1 ระดับ ก็มี 1 ภูมิ
ใจคิด 2 ระดับ ก้มี 2 ภูมิ


ตำราว่าไว้มี 31
แยกตามใจ ๆ


เช้าใจใส่บาตร สวดมนต์ ใจเป็นเทวดา
เราอยู่เทวภูมิ


เย็นฆ่าปลาโหดเหี้ ยม
เราอยู่นรกภูมิ


บางครั้ง เลื่อมใส อยากกราบกรานตัวเอง
บางครั้ง สมเพชตัวเอง ไม่น่าเลวได้ขนาดนี้


ภูมิ คือ เงาสะท้อนใจเราเอง
ภูมิ คือ สถานที่ สะท้อนผลกรรมของเรา
ละเอียดอ่อน ๆ
จิต พิศดารยังไง
ภูมิก็พิศดารไปตามจิต


มนุษย์มีร้อยแปดชั้น
สวรรค์แต่ละชั้นก็ยังไม่เท่ากัน
นรกยิ่งมีมายมายหลายชั้นเป็นร้อย


คิดดี ทำดี ผลสะท้อนกลับออกมาดี
คิดดี ทำดี ผลสะท้อนกลับออกมาดี
คิดดี ทำดี ผลสะท้อนกลับออกมาดี


สิ่งนี้แน่นอน

โอมฺ มณีปทฺเม หุมฺ

หลวงจีนงมงาย


:b53:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 ม.ค. 2010, 16:20 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกใหม่
สมาชิกใหม่
ลงทะเบียนเมื่อ: 05 ม.ค. 2010, 16:06
โพสต์: 1

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


สัตว์เดรัจฉานจำนวนไม่น้อยก็จัดว่าอยู่ในสุขคติภูมิ เช่น หลินฮุ้ย แมว และหมาที่ได้รับบริการจากมนุษย์ยิ่งกว่าลูก แต่ส่วนใหญ่จะอยู่ในสภาพของทุกคติภูมิ

มนุษย์จำนวนไม่น้อย ก็จัดว่าอยู่ในทุกคติภูมิ(อบายภูมิ)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 ม.ค. 2010, 19:18 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 เม.ย. 2008, 13:18
โพสต์: 1367

ที่อยู่: bangkok

 ข้อมูลส่วนตัว


ท่านBaal หายสงสัยรึยังครับ... :b12:

มนุษย์ต่างจากเดรัจฉานก็ตรงที่รู้จักทำความดี ละเว้นความชั่ว

.....................................................
ตั้งสติไว้ มองความจริงตามความเป็นจริง


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 38 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2, 3  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 76 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร