วันเวลาปัจจุบัน 24 เม.ย. 2024, 08:09  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 มิ.ย. 2011, 05:48 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 มี.ค. 2009, 10:48
โพสต์: 5091


 ข้อมูลส่วนตัว


ศัพท์ว่า สุท ในบทว่า อุทโก สุท นี้ เป็นเพียงนิบาต. บทว่า อุทโก เป็น

ชื่อของสูตรนั้น. บทว่า อิท ในบทว่า อิท ชาตุ เวทคู นี้เป็นเพียงนิบาต. อีกอย่าง

หนึ่ง เมื่อทรงแสดงว่า ท่านจงฟังคำของเรานี้ จึงได้ตรัสอย่างนั้น. บทว่า ชาตุ

เวทคู ความว่า เราจบเวทโดยส่วนเดียว อธิบายว่า ไปในเวไนยสัตว์ ด้วยญาณกล่าว

คือ เวท หรือถึง คือ บรรลุเวท เป็นบัณฑิต. ด้วยบทว่า ปพฺพชิ ตรัสว่า เรารู้ ครอบ

งำวัฏฏะทั้งปวงแล้วชนะโดยส่วนเดียว. บทว่า อปลิขต คณฺฑมูล ได้แก่ รากทุกข์ยัง

ไม่ได้ขุด. ด้วยบทว่า ปริขณึ ทรงแสดงว่า เราขุดรากทุกข์ที่ขุดแล้วตั้งอยู่.

บทว่า มาตาเปตฺติกสมฺภวสฺส ได้แก่ เกิดด้วยเลือดสุกกะ (ขาว)ซึ่งแบ่งจาก

มารดาและบิดา คือ ของมารดาบิดา. บทว่า โอทนกุมฺมาสูปจยสฺส ได้แก่ ก่อสร้าง

ด้วยข้าวสุกและขนมสด. ในบทว่า อนิจฺจุจฺฉาทนปริมทฺทนเภทนวิทฺธสนธมฺมสฺส นี้ มี

วินิจฉัยดังต่อไปนี้.-

กายนี้ ชื่อว่า มีความไม่เที่ยงเป็นธรรมดา เพราะมีแล้วกลับไม่มีชื่อว่า อบ

เป็นธรรมดา เพราะลูบไล้ด้วยของหอม เพื่อประโยชน์แก่การกำจัดกลิ่นเหม็น, ชื่อ

ว่า มีการอาบนวดเป็นธรรมดา เพราะใช้น้ำและนวดเพื่อประโยชน์จะบรรเทาความเจ็บ

ปวดอวัยวะน้อยใหญ่. อีกอย่างหนึ่งชื่อว่า มีการประคบประหงมเป็นธรรมดา โดยหยอด

ยาตา การดัดเป็นต้น เพื่อความสมบูรณ์แก่ทรวดทรงแห่งอวัยวะนั้น ๆ ที่ทรวดทรงไม่

ดี เพราะอยู่ในครรภ์ คลอดแล้ว เวลาเป็นทารก ก็ให้นอนอยู่บนตัก.

กาย แม้เขาบริหารอย่างนี้ ก็แตกกายกระจัดกระจายเป็นธรรมดา เพราะเหตุ

นั้น กายจึงต้องแตกและเรี่ยรายไป อธิบายว่า มีสภาวะเป็นอย่างนั้น. ในพระสูตร

นั้น ตรัสถึงความเจริญด้วยบทว่า กายเกิดแต่มารดาบิดา การเติบโตด้วยข้าวสุกและ

ขนมสด และการประคบประหงม. ตรัสถึงความเสื่อม ด้วยบทว่า ไม่เที่ยง แตก

และการกระจัดกระจาย อีกอย่างหนึ่ง ตรัสการเกิดขึ้นด้วยบทก่อนๆ และการดับไปด้วย

บทหลัง ๆ. ทรงแสดงความต่างแห่งการเจริญ การเสื่อมและการบังเกิดแห่งกาย ซึ่ง

ประชุมด้วยมหาภูตรูป ๔ ด้วยประการฉะนี้. คำที่เหลือ มีอรรถง่ายทั้งนั้นดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ได้ยินว่า อุททกดาบส รามบุตร ย่อมกล่าววาจา

อย่างนี้ว่า เราขอบอก เราเป็นผู้จบเวทโดยส่วนเดียว เราขอบอก เราเป็นผู้ชนะ

ทุกอย่างโดยส่วนเดียว เราขอบอก เราขุดเสียแล้วซึ่งมูลรากแห่งทุกข์ที่ใครขุดไม่ได้

โดยส่วนเดียว ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อุททกดาบส รามบุตร ยังเป็นผู้ไม่จบเวท

ก็กล่าวว่าเราเป็นผู้จบเวท ยังเป็นผู้ไม่ชนะทุกอย่าง ก็กล่าวว่าเราเป็นผู้ชนะทุกอย่าง

ยังไม่ได้ขุดมูลรากแห่งทุกข์ ก็กล่าวว่าเราขุดมูลรากแห่งทุกข์ได้แล้ว

ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ภิกษุในพระธรรมวินัยนี้ เมื่อจะกล่าวข้อนั้นโดยชอบ ควรกล่าว

ว่า เราขอบอก เราเป็นผู้จบเวทโดยส่วนเดียว เราขอบอก เราเป็นผู้ชนะทุกอย่าง

โดยส่วนเดียว เราขอบอก เราขุดมูลรากแห่งทุกข์ที่ใครขุดไม่ได้โดยส่วนเดียว

ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ภิกษุย่อมเป็นผู้จบเวท อย่างไร? ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ภิกษุ

ย่อมรู้ตามความเป็นจริงซึ่งความเกิด ความดับ คุณ โทษ และอุบายเครื่องสลัดออก

แห่งผัสสายตนะ ๖ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ภิกษุย่อมเป็นผู้จบเวท อย่างนี้แล

ภิกษุย่อมเป็นผู้ชนะทุกอย่าง อย่างไร? ภิกษุ ย่อมรู้ตามความเป็นจริงซึ่งความเกิด

ความดับ คุณ โทษ และอุบายเครื่องสลัดออกแห่ง ผัสสายตนะ ๖ เป็นผู้

หลุดพ้นแล้วเพราะไม่ถือมั่น ภิกษุย่อมเป็นผู้ชนะทุกอย่าง อย่างนี้แล

ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย มูลรากแห่งทุกข์ที่ใครขุดไม่ได้ อันภิกษุขุดได้แล้ว อย่างไร?

ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย คำว่า " คัณฑะ" นี้ เป็นชื่อของกายนี้ อันเป็นที่ประชุมแห่งมหา-

ภูตรูป ๔ ซึ่งมีมารดาบิดาเป็นแดนเกิด เติบโตขึ้นเพราะข้าวสุกและขนมสด มีความ

ไม่เที่ยง ต้องขัดสี นวดฟั้น แตกสลายกระจัดกระจายเป็นธรรมดา, คำว่า "คัณฑมูล"

นี้ เป็นชื่อของตัณหา ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ตัณหา อันภิกษุละเสียแล้ว ให้มีราก

ขาดแล้ว ทำให้เป็นเหมือนตาลยอดด้วน ทำให้ไม่มีไม่เกิดขึ้นต่อไปเป็นธรรมดา

ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย มูลรากแห่งทุกข์ที่ใคร ๆ ขุดไม่ได้ อันภิกษุขุดเสียแล้ว

อย่างนี้แล

ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ได้ยินว่า อุททกดาบส รามบุตร ย่อมกล่าววาจาอย่างนี้

ว่า เราขอบอก เราเป็นผู้จบเวทโดยส่วนเดียว เราขอบอก เราชนะทุกอย่างโดย

ส่วนเดียว เราขอบอก เราขุดเสียแล้วซึ่งมูลรากแห่งทุกข์ที่ใครขุดไม่ได้ โดยส่วน

เดียว ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อุททกดาบส รามบุตร ยังเป็นผู้ไม่จบเวท ก็กล่าวว่า

เราเป็นผู้จบเวท ยังไม่เป็นผู้ชนะทุกอย่าง ก็กล่าวว่าเราชนะทุกอย่าง ยังขุดมูลราก

แห่งทุกข์ไม่ได้ ก็กล่าวว่าเราขุดมูลรากแห่งทุกข์เสียแล้ว

ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ภิกษุในพระธรรมวินัยนี้ เมื่อจะกล่าวข้อนี้โดยชอบ ควรกล่าว

ว่าเราขอบอก เราเป็นผู้จบเวทโดยส่วนเดียว เราขอบอก เราเป็นผู้ชนะทุกอย่าง

โดยส่วนเดียว เราขอบอก เราขุดมูลรากแห่งทุกข์ที่ใครขุดไม่ได้โดยส่วนเดียว.



พระผู้มีพระภาคเจ้า ตรัสพระคาถานี้ว่า

"ความเร่าร้อน ย่อมไม่มีแก่ท่านผู้มีทางไกล-

อันถึงแล้ว หาความเศร้าโศกมิได้ หลุดพ้นแล้วใน-

ธรรมทั้งปวง ผู้ละกิเลสเครื่องร้อยรัดทั้งปวงได้แล้ว"

แก้อรรถ

บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า คตทฺธิโน ได้แก่ ผู้มีทางไกลอันถึงแล้ว. ชื่อว่า

ทางไกลมี ๒ อย่าง คือ ทางไกลคือกันดาร ทางไกลคือวัฏฏะ, บรรดาทางไกล ๒

อย่างนั้น ผู้เดินทางกันดาร ยังไม่ถึงที่ที่ตนปรารถนาเพียงใด ก็ชื่อว่าผู้เดิน

ทางไกลเรื่อยไปเพียงนั้น, แต่เมื่อทางไกลนั้นอันเขาถึงแล้ว ย่อมเป็นผู้ชื่อว่ามีทาง

ไกลอันถึงแล้ว, ฝ่ายสัตว์ทั้งหลายแม้ผู้อาศัยวัฏฏะ ยังอยู่ในวัฏฏะเพียงใด; ก็ชื่อ

ว่าผู้เดินทางไกลเรื่อยไปเพียงนั้น. มีคำถามสอดเข้ามาว่า เพราะเหตุไร ? แก้ว่า

เพราะความที่วัฏฏะอันตนยังให้สิ้นไปไม่ได้. แม้พระอริยบุคคลทั้งหลายมีพระโสดาบัน

เป็นต้น ก็ชื่อว่าผู้เดินทางไกลเหมือนกัน. ส่วนพระขีณาสพ(ผู้สิ้นอาสวะ,พระอรหันต์)

ยังวัฏฏะให้สิ้นไปได้แล้วดำรงอยู่ ย่อมเป็นผู้ชื่อว่ามีทางไกลอันถึงแล้ว.

ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก่อนแต่ตรัสรู้ เราเป็นโพธิสัตว์ยัง

ไม่ได้ตรัสรู้ ได้มีความคิดดังนี้ว่า อะไรเป็นคุณ อะไรเป็นโทษ อะไร

เป็นความสลัดออกแห่งตา หู จมูก ลิ้น กาย อะไรเป็นคุณ อะไรเป็น

โทษ อะไรเป็นความสลัดออกแห่งใจ.

ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เรานั้นได้มีความคิด ดังนี้ว่า สุข-

โสมนัสเกิดขึ้นเพราะอาศัยจักษุ นี้เป็นคุณแห่งจักษุ

จักษุเป็นของไม่เที่ยง เป็นทุกข์ มีความแปรปรวน

เป็นธรรมดา นี้เป็นโทษแห่งจักษุ

การกำจัด การละฉันทราคะในจักษุ นี้เป็นความสลัด

ออกแห่งจักษุ ฯลฯ

... สุขโสมนัสเกิดขึ้นเพราะอาศัยใจ นี้เป็นคุณแห่งใจ

ใจเป็นสภาพไม่เที่ยงเป็นทุกข์ มีความแปรปรวนเป็น

ธรรมดา นี้เป็นโทษแห่งใจ

การกำจัด การละฉันทราคะในใจ นี้เป็นความสลัดออก

แห่งใจ

ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เรายังไม่รู้ตามความเป็นจริง ซึ่ง

คุณแห่งอายตนะภายใน ๖ เหล่านี้ โดยเป็นคุณ ซึ่งโทษโดยความ

เป็นโทษ และซึ่งความสลัดออกโดยเป็นความสลัดออก อย่างนี้เพียง

ใด เราก็ยังไม่ปฏิญาณว่าได้ตรัสรู้ซึ่งอนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณใน

โลก พร้อมทั้งเทวโลก มารโลก พรหมโลก ในหมู่สัตว์ พร้อมทั้ง

สมณพราหมณ์ เทวดาและมนุษย์เพียงนั้น. เมื่อใด เราได้รู้ตามความ

เป็นจริง ซึ่งคุณแห่งอายตนะภายใน ๖ เหล่านี้ โดยเป็นคุณ ซึ่งโทษ

โดยความเป็นโทษ และซึ่งความสลัดออกโดยเป็นความสลัดออก

อย่างนี้ เมื่อนั้น เราจึงปฏิญาณว่า ได้ตรัสรู้ซึ่งอนุตตรสัมมาสัมโพธิ-

ญาณในโลก พร้อมทั้งเทวโลก มารโลก พรหมโลก ในหมู่สัตว์ พร้อม

ทั้งสมณพราหมณ์ เทวดาและมนุษย์ ก็ญาณทัสสนะเกิดขึ้นแล้วแก่

เราว่าความหลุดพ้นของเราไม่กำเริบ ชาตินี้เป็นที่สุด บัดนี้ภพใหม่

ไม่มี.

ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก่อนแต่ตรัสรู้ เราเป็นโพธิสัตว์

ยังไม่ได้ตรัสรู้ ได้มีความคิดดังนี้ว่า อะไรเป็นคุณ อะไรเป็นโทษ

อะไรเป็นความสลัดออกแห่งรูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ อะไร

เป็นคุณ อะไรเป็นโทษ อะไรเป็นความสลัดออกแห่งธัมมายตนะ.

ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เรานั้นได้มีความคิดดังนี้ว่า

สุขโสมนัสเกิดขึ้นเพราะอาศัยรูป นี้เป็นคุณแห่งรูป

รูปเป็นของไม่เที่ยง เป็นทุกข์ มีความแปรปรวน

เป็นธรรมดา นี้เป็นโทษแห่งรูป

การกำจัด การละฉันทราคะในรูป นี้เป็นความสลัด

ออกแห่งรูป ฯลฯ

...สุขโสมนัสเกิดขึ้นเพราะอาศัยธัมมายตนะ นี้เป็น

คุณแห่งธัมมายตนะ

ธัมมายตนะเป็นสภาพไม่เที่ยง เป็นทุกข์ มีความ

แปรปรวนเป็นธรรมดา นี้เป็นโทษแห่งธัมมายตนะ

การกำจัด การละฉันทราคะในธัมมายตนะ นี้เป็น

ความสลัดออกแห่งธัมมายตนะ

ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เรายังไม่รู้ตามความเป็นจริง ซึ่ง

คุณแห่งอายตนะภายนอก ๖ เหล่านี้ โดยเป็นคุณ ซึ่งโทษโดยความ

เป็นโทษและซึ่งความสลัดออก โดยเป็นความสลัดออก อย่างนี้ เพียง

ใด เราก็ยังไม่ปฏิญาณว่า ได้ตรัสรู้ซึ่งอนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณใน

โลก พร้อมทั้งเทวโลก มารโลก พรหมโลก ในหมู่สัตว์ พร้อมทั้ง

สมณพราหมณ์ เทวดาและมนุษย์ เพียงนั้น. เมื่อใด เราได้รู้ตาม

ความเป็นจริง ซึ่งคุณแห่งอายตนะภายนอก ๖ เหล่านี้ โดยเป็น

คุณ ซึ่งโทษโดยความเป็นโทษ และซึ่งความสลัดออกโดยเป็นความ

สลัดออกอย่างนี้ เมื่อนั้น เราจึงปฏิญาณว่า ได้ตรัสรู้ซึ่งอนุตตรสัมมา

สัมโพธิญาณในโลก พร้อมทั้งเทวโลก มารโลก พรหมโลก ในหมู่

สัตว์ พร้อมทั้งสมณพราหมณ์ เทวดาและมนุษย์ ก็ญาณทัสสนะเกิด

ขึ้นแล้วแก่เราว่า ความหลุดพ้นของเราไม่กำเริบ ชาตินี้เป็นที่สุด บัดนี้

ภพใหม่ไม่มี.

ก็อย่างไร ภิกษุจึงชื่อว่าเวทคู ? เหล่าอกุศลธรรมอันลามก อันให้เศร้าหมอง

นำให้เกิดในภพใหม่ ให้มีความกระวนกระวาย มีวิบากเป็นทุกข์ ให้มีชาติ ชรา มรณะ

ต่อไป อันภิกษุนั้นรู้แจ้งแล้ว อย่างนี้แล ภิกษุชื่อว่าเวทคู.

ชื่อว่า เวทคู เพราะอกุศลธรรมทั้งหลาย ไปแล้ว(สิ้นไปแล้ว) ด้วยเวททั้งหลาย

คือ มรรคญาณ ๔ [อริยมรรคญาณ ได้แก่ ปัญญาที่เกิดร่วมกับมัคคจิต ๔ ทำกิจ

ประหารกิเลส ตามกำลังแห่งมรรค แต่ละขั้น ๆ ]

พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สคาถวรรค เล่ม ๑ ภาค ๒ - หน้าที่ 138

บทว่า เวทคู ได้แก่ถึงที่สุดทุกข์ด้วยเวทคือมรรค ๔.

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อุทาน เล่ม ๑ ภาค ๓- หน้าที่ ๑๙๖

บุคคลผู้ชื่อว่า เวทคู เพราะถึง คือบรรลุเวท กล่าวคืออริยมรรคญาณ หรือ ถึง

คือบรรลุพระนิพพานด้วยเวทนั้น.

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อิติวุตตก เล่ม ๑ ภาค ๔ หน้าที่ ๔๐๕

บทว่า เวทคู ความว่า ผู้ถึงเวท (จบเวท) เพราะถึงฝั่งแห่งอริยสัจจ์ ๔ ที่จะพึงรู้.

เอาบุญมาฝากจะถวายสังฆทาน เจริญวิปัสสนา ให้ธรรมะเป็นทาน ให้อภัยทาน บอกบุญ สักการะพระธาตุ ให้อาหารสัตว์เป็นทาน ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น สร้างพระสร้างเจดีย์สร้างธรรมจักรสร้างรอยพระพุทธบาทสร้างระฆังและอัครสาวกซ้ายขวาสร้างพระสีวลีสร้างพระกัสสะปะสร้างพระอุปคุตสร้างพระองคุลีมารผสมทองคำเปลวพร้อมนำดอกไม้มาบูชาถวายพระรัตนตรัย
รักษาศีล เจริญภาวนา สวดมนต์ ให้อาหารสัตว์เป็นทานเป็นประจำ กรวดน้ำอุทิศบุญ อนุโมทนากับพ่อแม่ญาติพี่น้องที่รักษาศีล ฟังธรรม ให้ทาน อนุโมทนากับน้องคนหนึ่งและเพื่อนๆของน้องที่รักษาศีล ศึกษาการรักษาโรค ให้ยานพาหนะเป็นทาน ให้ที่อยู่อาศัยเป็นทาน เมื่อวานนี้ได้ให้อาหารปลา สักการะพระธาตุ ปิดทอง กราบอดีตสังขารเจ้าอาวาสที่ไม่เน่าเปื่อย
และตั้งใจว่าจะสร้างบารมีให้ครบทั้ง 10 อย่างขอให้อนุโมทนาบุญด้วย


ขอเชิญถวายสังฆทาน เจริญวิปัสสนา ให้ธรรมะเป็นทาน ให้อภัยทาน บอกบุญ ให้อาหารสัตว์เป็นทาน สักการะพระธาตุ ฟังธรรม สวดมนต์ ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน
รักษาศีล เจริญภาวนา สวดมนต์ สร้างพระสร้างเจดีย์สร้างธรรมจักรสร้างรอยพระพุทธบาท
สร้างระฆังและอัครสาวกซ้ายขวาสร้างพระสีวลีสร้างพระกัสสะปะสร้างพระอุปคุตสร้างพระองคุลีมารผสมทองคำเปลวพร้อมนำดอกไม้มาบูชาถวายพระรัตนตรัย กรวดน้ำอุทิศบุญ ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น สนทนาธรรม
ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น รักษาอาการป่วยของผู้อื่น รักษาอาการป่วยของบิดามารดา
ปิดทอง สักการะพระธาตุ กราบอดีตสังขารเจ้าอาวาสที่ไม่เน่าเปื่อย ที่วัดแจ้ง อ.เมือง จ.ปราจีนบุรี
และสร้างบารมีให้ครบทั้ง 10 อย่างขอเชิญร่วมบุญกุศลร่วมกันนะครับ



ขอเชิญร่วมทำบุญหล่อ พระพุทธเจ้า 5 พระองค์ (องค์ที่ 4)
พระพุทธเจ้าโคตมะ
พระพุทธเจ้าองค์ที่ 4 แห่งภัทรกัปนี้



เพื่อประดิษฐาน ณ.วัดป่าทุ่งกุลาเฉลิมราช จ.ร้อยเอ็ด
เททอง วันเสาร์ที่ 9 กรกฏาคม 2554 เวลา 13:00 น.ที่วัดสว่างอารมณ์ นครปฐม



ขนาดความสูงองค์พระ 108 นิ้ว



ท่านที่สนใจ สามารถเข้าไปดูโครงการซ่อมพระพุทธรูปได้ ตามลิงค์

Buddharestoration.com



ขอเชิญร่วมเป็นเจ้าภาพ งานผ้าป่าเพื่อทำการซื้อที่ดินขยายขนาด วัดไทยธรรมประทีป
อต่อสอบถาม เพิ่มเติม

1. ชมรมนักเรียนไทยแห่งมหาวิทยาลัยซันเดอร์แลนด์ ประเทศอังกฤษ
-นายกนก นนท์นิรัตศัย ผู้ประสานงานในประเทศอังกฤษ โทร (44)7921822465 , email: podnong_30@hotmail.com

-น.ส.อมรรัตน์ กอกุลจันทร์ ผู้ประสานงานในประเทศไทย(ตัวแทนศิษย์เก่า มหาวิทยาลัยซันเดอร์แลนด์) โทร 0891726324, email: avang_2000@hotmail.com
referrelative="t" o:spt="75">ath o:connecttye="rect" gradientshapeok="t" o:extrusionok="f">ath>fficeffice" />ath o:connecttype="custom" o:connectangles="270,180,90,0" o:connectlocs="@9,0;@10,10800;@11,21600;@12,10800" textpathok="t">ath>

2. . วัดธรรมปทีป กรุงเอดินเบอระ ประเทศสก๊อตแลนด์
-พระครูปลัดสุทัศน์ อมรสุทฺธิ โทร. 0131 442 1010 เวบไซต์: www.dpadipa.orgโทร+44 (0) 131 443 1010


ขอเชิญร่วมงานเททองหล่อ
"สมเด็จองค์ปฐมปางมหาจักรพรรดิ์"
หล่อด้วย ทองคำบริสุทธิ์ หน้าตัก 9.9 นิ้ว
เพื่อประดิษฐาน ณ วิหารหลวงพ่อมงคลนิมิตร
วัดเจริญราษฎรบำรุง(หนองพงนก) อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม
กำหนดงาน
วันเสาร์ ที่ 9 กรกฏาคม 2554
เวลา 10.00 น. ภวายภัตตาหารเพลพระสงฆ์ 150 วัด 1500 รูป
เวลา 12.45 น. เททองหล่อพระทองคำ



สร้างยอดเจดีย์และฉัตรพระเจดีย์สุทธิธรรมานุสรณ์ วัดบึงพลาราม วันศุกร์ ๑๕ กค ๒๕๕๔



บุญใหญ่แห่งเดียวในภาคเหนือสร้างฐานพระประดิษฐานหลวงพ่อพุทธโสธร น้ำหนักกว่า 2 ตัน
ร่วมบุญผ่านบัญชีธนาคาร ไทยพาณิชย์


ชื่อบัญชี พระธวัชชัย ธมฺมวโร (วรรณตระกูล)
สาขาทุ่งเสี้ยว (สันป่าตอง)เลขที่บัญชี 661-2 22946-0


หรือโทร ฯ 084- 1759890

อานิสงส์ใหญ่ร่วมบุญสร้างซุ้ม ๘๔ พรรษามหาบารมี สร้างถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
084-1759890


ร่วมบริจาคสร้างเสนาสนะ ของสถานปฏิบัติธรรมพระธาตุดอยหน้อย
ติดต่อ ครูบาอินสม จารุธฺโม
โทรศัพท์ 08-9430-6907


ร่วมสร้างพระประธานวัดสันติคีรี ตำบลแม่เปา
บริจาคโดยส่งธนาณัติในนาม
เจ้าอาวาสวัดสันติคีรี ตำบลแม่เปา อำเภอพญาเม็งราย จังหวัดเชียงราย 57290

วันอาทิตย์นี้ อย่าพลาดร่วมงานหล่อพระพุทธเมตตาโพธิญาณ ที่วัดพระปฐมเจดีย์
084-0935817



ขอเชิญร่วมเป็นเจ้าภาพทอดกฐินสามัคคีสมทบทุนสร้างอุโบสถ
ณ วัดสว่างคำน้อย บ้านดงน้อย หมู่ที่ ๕>>
ตำบลหนองอิเฒ่า อำเภอยางตลาด จังหวัดกาฬสินธุ์>>
โทรศัพท์ ๐๘๗-๒๒๙๙๒๙๖ - ๐๘๖-๙๓๔๙๙๘๖


เชิญร่วมทำบุญ สร้างวิหาร และผอบใส่พระธาตุโบราณ
ติดต่อสอบถามได้โดยตรง
พระอธิการนพรัตน์ เขมาภินนฺโท
เจ้าอวาสวัดหนองซิว ต.ป่าสัก อ.เมือง จ.ลำพูน 51000
089 8538761



ร่วมบุญหล่อสมเด็จองค์ปฐมปางจักรพรรดิ ๔ ศอก ณ. วัดพระบรมธาตุแก่งสร้อย



ขอเชิญร่วมทำบุญสร้างอุโบสถทรงล้านนา วัดทุ่งหมื่นน้อย เชียงใหม่
โดยสามารถติดต่อร่วมทำบุญได้ที่
พระใบฎีกาชาญณรงค์ จนฺทสโร เจ้าอาวาสวัดทุ่งหมื่นน้อย
โทรศัพท์ ๐๘๑- ๗๘๓ ๕๖๘๖ ,,๐๕๓-๘๖๙๕๑๖


ขอเชิญผู้ใจบุญร่วมสร้างเจดีย์พระมหาธาตุกับหลวงพ่อพูลทรัพย์ วัดอ่างศิลา ชลบุรี
ท่านสามารถบริจาคทรัพย์ไปยังบัญชี
บัญชี พระครูวิมลสีลาภรณ์ (หลวงพ่อพูลทรัพย์)
ธนาคารกสิกรไทย ออมทรัพย์ สาขาบ่อทอง
เลขที่ 287-2-32830-3



เชิญหล่อสมเด็จพระพุทธเจ้าองค์ปฐมทองคำ ณ วัดสระพัง วันอาทิตย์ที่ ๒๑ สิงหาคม ๒๕๕๔


สร้างพระประธานพระพุทธชินราช วัดป่าศรีวิไล อุดรธานี วันเสาร์ที่ ๒๕ มิถุนายน ๒๕๕๔



สร้างบุษบก โคมไฟระย้า สถูป ฉัตรพัดยศ พัดโบก เครื่องทองน้อย ในพระมหาเจดีย์พุทธบูชา
0860595612


ขอเชิญร่วมสร้างป้ายคาถาบูชาต่างๆ ถวายวัดทองสะอาด ปทุมธานี
สนใจร่วมเป็นเจ้าภาพโอนปัจจัยได้ที่
ธนาคาร กรุงศรีอยุธยา สาขาย่อยสวนอุตสาหกรรมโรจนะ
ชื่อบัญชี น.ส. ลภัสรดา ชมเกษร
เลขที่บัญชี 250-9-08934-7
ปิดรับ 30 มิถุนายน 2554
หรือเมื่อครบ



ร่วมสร้างพระพุทธรูปเฉลิมพระเกียรติ หน้าตัก 39.99 เมตร
ธนาคารกรุงไทย สาขามุกดาหาร ประเภทออมทรัพย์
ชื่อบัญชีเงินบริจาคเพื่อสร้างพระพุทธรูป
เลขที่บัญชี 420- 0266 -296



บุญด่วนที่สุดขอช่วยสร้างที่เผาศพด้วยครับ
ติดต่อสอบถามร่วมบริจาคที่โทร089-2378988


ร่วมทําบุญสร้างพระมหาเจดีย์ ณ วัดศรีอภัยวัน จ.เลย(หลวงปู่ท่อน ญาณธโร)



ศูนย์รับบริจาคหนังสือห้องสมุดสตางค์ มงคลสุข

ศูนย์กลางรับบริจาคหนังสือ ของคณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล
เพื่อช่วยเหลือโรงเรียน และสถาบันการศึกษาที่ขาดแคลนทั่วประเทศ

ติดต่อสอบถามรายละเอียด บริจาค และขอรับบริจาคได้ที่
ศูนย์รับบริจาคหนังสือห้องสมุดสตางค์ มงคลสุข ห้อง P102 ชั้น 1 ตึกฟิสิกส์
คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล โทร. 02-201-5717


ด่วนขอเชิญร่วมเป็นเจ้าภาพบรรพชาอุปสมบทพระภิกษุสามเณรรุ่นจำพรรษา/๒๕๕๔ จำนวน๑๘รูป
โทร ๐๘๕-๖๐๔๔๘๔๙ วัดสองเปย


ขอเชิญร่วมเป็นเจ้าภาพอุปสมบทหมู่
สอบถามได้ที่ 081-7448189


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 64 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร