วันเวลาปัจจุบัน 28 เม.ย. 2024, 14:21  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 55 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 ก.พ. 2010, 01:15 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 21 มี.ค. 2009, 20:48
โพสต์: 744


 ข้อมูลส่วนตัว


keaksim เขียน:
อ้างคำพูด:
กามโภคีเขียน: กระทู้แบบนี้อยุ่ที่ว่า คู่สนทนาดื้อหรือเปล่านะ ถ้าดื้อประเภทหัวชนพระไตรปิฎกตลอดจนไม่เอาแนว
คัมภีร์อื่นเลย ไม่อยากอ่านแล้ว เพราะถ้าจะอ่าน ผมก็มีตังค์ซื้อหนังสือพระไตรปิฎกอ่าน ในเวบก็อ่านฟรี
แต่ถ้าไหลมาจากภูมิธรรมที่ปฏิบัติมา ก็น่าอ่านหน่อย

เอ...แบบนี้เรียกว่า อวด ได้หรือเปล่า..ท่านทั้งหลาย

แต่พระพุทธเจ้าเป็นผู้อวดท่านแรกเลยนะ ใครรู้บ้างว่า พระพุทธเจ้าอวดว่าอย่างไร? จริงนะไม่ได้โม้. :b32:



ผู้เป็นสาวก สาวิกา ไม่ควรกล่าวจาบจ้วงพระศาสดานะงับ

.....................................................
“เวลาทำสมาธิ ให้ระลึกลมหายใจเข้าออก ให้รู้ลมหายใจเข้าออก ไม่ต้องบังคับลมหายใจ ตามรู้ลมหายใจเข้าออก สงบก็รู้ ไม่สงบก็รู้ สงบก็ไม่ยินดี ไม่สงบก็ไม่ยินร้าย ไม่เอาทั้งสงบและไม่สงบ เอาแค่รู้ตามความเป็นจริงของสภาวธรรมปัจจุบันนั้น”

ธรรมเหล่านี้เป็นไปเพื่อคลายกำหนัด
เป็นไปเพื่อไม่ประกอบสัตว์ไว้
เป็นไปเพื่อไม่สั่งสมกิเลส
เป็นไปเพื่อความเป็นผู้มักน้อย
เป็นไปเพื่อสันโดษ
เป็นไปเพื่อความสงัดจากหมู่คณะ
เป็นไปเพื่อปรารภความเพียร
เป็นไปเพื่อความเป็นคนเลี้ยงง่าย


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 ก.พ. 2010, 12:35 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ค. 2008, 14:14
โพสต์: 3835

อายุ: 12
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


เอ ผมไม่ได้โกรธอะไรนี่น่ะครับ แล้วมันเรื่องอะไรกันล่ะนี่
ข้าพเจ้างง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 ก.พ. 2010, 12:45 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ค. 2008, 14:14
โพสต์: 3835

อายุ: 12
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


เอิ๊กๆ คุณศิรัสพลนี่จริงๆเลย
ความจริงผมมีประเด็นจะพูดนะ ที่เกี่ยวข้องกับกระทู้นี่แหละ
แบบว่าคุณศิรัสพลคงจะหงายเงิบไปเลย

แต่ว่ากระผมไม่พูดดีกว่า
:b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 ก.พ. 2010, 12:50 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 20 ต.ค. 2008, 09:55
โพสต์: 405


 ข้อมูลส่วนตัว


ขอบคุณทุกท่านมากครับ ที่เข้ามาอ่าน และร่วมแสดงความคิดเห็นครับ :b8:

และขอบคุณคุณ "หลับอยู่" ที่ช่วยแนะนำกระทู้ที่ผมตั้งไว้ในพันธุ์ทิพย์ครับ

เรื่องนี้เห็นว่าเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนทีเดียว เพราะมีหลายท่านแสดงความคิดเห็นในแง่มุมต่างๆ อย่างไรก็ตาม ผมได้แสดงความคิดเห็นเอาไว้ในพันธุ์ทิพย์บ้างแล้ว คงพอจะเป็นคำตอบหรือพอจะไขข้อสงสัยให้กระจ่างได้บ้างไม่มากก็น้อยครับ...

หากท่านใดสนใจอ่านความเห็นเพิ่มเติม รบกวนเข้าไปอ่านได้ในกระทู้ชื่อเดียวกันนี้ได้ืีที่ครับ
http://www.pantip.com/cafe/religious/to ... 37108.html


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 ก.พ. 2010, 14:32 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 พ.ย. 2009, 10:41
โพสต์: 4463

อายุ: 0
ที่อยู่: วัฏสงสาร

 ข้อมูลส่วนตัว


ระวัง!!!กันหน่อยนะ




ปล. เนื่องจากท่านชาติสยามและสมาชิกท่านอื่นๆเป็นผู้ดูแลกระผมนามสมมติ หลับอยู่ จึงต้องกล่าวคำขออภัยไว้ เพราะหลายคำล่อ แหลม ! :b8:


แก้ไขล่าสุดโดย หลับอยุ่ เมื่อ 10 ก.พ. 2010, 11:28, แก้ไขแล้ว 2 ครั้ง.

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 ก.พ. 2010, 16:33 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 20 ต.ค. 2008, 09:55
โพสต์: 405


 ข้อมูลส่วนตัว


ถึงคุณหลับอยู่ครับ...

ผมได้กลับไปอ่านเนื้อความที่คุณนำมาลงต่างๆ แล้วครับ แต่หลังจากอ่านแล้วก็ยังจับประเด็นที่ชัดเจน หรือสรุปสิ่งที่คุณนำมาลงว่าจริงๆ แล้วคุณต้องการแสดงความคิดเห็นว่าอย่างไรครับ

หากไ่ม่เป็นการลำบากเกินไป รบกวนคุณหลับอยู่ กล่าวตรงๆ ถึงสิ่งที่คุณต้องการแสดงความคิดเห็นจะได้หรือเปล่าครับ

เพียงแค่ต้องการทราบความคิดเห็น

ขอบคุณล่วงหน้าครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 ก.พ. 2010, 16:50 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 20 ต.ค. 2008, 09:55
โพสต์: 405


 ข้อมูลส่วนตัว


หลับอยุ่ เขียน:
ยังมีอีกหลายท่าน(พระ)
ใครจาบจ้วงโดยที่คุณสมบัติตนไม่ถึงขั้นโลกุตระ ระวังไว้!!!
อาจจะ...

ได้ไปทัวร์นรก456ขุมเป็นอย่างน้อย ณ แกแลคซี่ใดๆได้ ก็ไม่รู้?!?
โดย ไม่ต้องสาปแช่ง!!!

Onion_R Onion_R Onion_R


ระวังกันหน่อยนะจะทำตนประกาศพระวินัยอะไรหน่ะ?!?ตัวก็ยังไม่ใช่พระ ฌาณ4 ในตนยังไม่มี! :b32: :b32: :b32: :b6:

ธรรมเอกผุดขึ้นตั้งมั่นในภายใน..ก็ไม่มี
ดวงพุทโธ(แบบหลวงปู่มั่นสอนชาวเขา ก็ไม่มี)

ดวงปฐมมรรค(แบบที่หลวงพ่อสด วัดปากน้ำ สอนก็ไม่มี)
ๆลๆ...
ฌาณ กับ ญาณต่างๆสูงๆที่คุณ มหาราชันย์ นำมาโพสไว้ ก็ยังไม่มี
:b6: :b32: :b6:


อ่านแล้วก็งงนิดๆ นะครับ เพราะเท่าที่สังเกต ก็ยังไม่เห็นมีท่านใดจาบจ้วงอะไรใครเลยนะครับ แต่ละท่านก็แสดงกันตามธรรมไม่อิงบุคคล...

การที่คุณหลับอยู่นำประวัติของพระสงฆ์ต่างๆ มาหลง อันนี้ต้องระวัง เพราะจะกลายเป็นโยงไปยังบุคคล แทนที่จะกล่าวตามธรรม ตามเป็นจริง...


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 ก.พ. 2010, 17:10 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 20 ต.ค. 2008, 09:55
โพสต์: 405


 ข้อมูลส่วนตัว


หลับอยุ่ เขียน:
ท่านพระธรรมปิฏก บรรลุเป็นพระอรหันต์แล้วหรือยัง เราก็ไม่รู้! :b5:


แต่ที่แน่ๆ ใบมีดโกน ,งูเห่าไม่ควรไปเล่น!(สำนวน อุปมา อุปมัย)โดยที่เรายังไม่มีคุณธรรมชั้นโลกุตระ!อันแท้จริง
Onion_L



สาธุครับ คุณกล่าวถูกต้องแล้วครับ

ท่านพระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ.ปยุตฺโต) นี้ เราไม่รู้ได้จริงๆ ครับ เพราะเท่าที่สังเกตท่านนั้น ท่านจะเป็นผู้ที่มีความรู้มาก แม้จะจบเปรียญธรรม ๙ ประโยค ได้ตั้งแต่เป็นสามเณร และได้บวชเป็นนาคหลวงคนที่ ๒ ของประเทศไทย ได้รับยกย่องว่าเป็นปราชญ์ทางพระพุทธศาสนาของโลก...

หนังสือ "พุทธธรรมฉบับขยายความ" ของท่านเป็นที่เลื่องลือ ได้รับการยกย่องให้ดีที่สุดแห่งยุครัตนโกสินทร์ เทียบเท่าคัมภีร์วิสุทธิมรรค ของท่านพุทธโฆษาจารย์(อรรถกถาจารย์รูปหนึ่ง) และมีหนังสืออีกหลายต่อหลายเล่มที่ทรงคุณค่า มีพระผู้ปฏิบัติธรรมสายพระป่าหลายรูปไปกราบถามการปฏิบัติกับท่าน เช่น หลวงพ่อฝรั่งวัดป่านานาชาติ, และมีผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมืองไปถามปัญหาทางโลกบ้างทางการเมืองทางธรรมบ้าง ฯลฯ

แต่หากเราได้อ่านคำสอนของท่าน ท่านจะถ่อมตน จะไม่แสดงธรรมกระทบตัวท่านเอง หรือยกตัวเอง และแสดงธรรมไม่กระทบผู้อื่น ท่านจะแสดงธรรมอย่างเป็นกล่างๆ จะไม่พยายามอิงใครหรือผู้ใดทั้งนั้นเสมอ อย่างที่ผมได้นำมาตั้งกระทู้นี้ก็แสดงให้เห็นว่าไม่มีการอิงผู้ใด ยกเว้นจำเป็นจริงๆ เช่น กรณีวัดธรรมกาย เป็นต้น...

ผมได้ยินพระปฏิบัติรูปหนึ่งจำไม่ได้ว่าพระรูปใด ท่านได้กล่าวว่า ท่านป.อ.ปยุตฺโต นี้ ท่านเป็นพระปฏิบัติ ในคราบนักปริยัติ...

ผมได้ฟังซีดีที่ได้รับมาจากวัดอรุณฯ ที่อธิบายพระสูตรต่างๆ มีคำหนึ่งที่น่าสนใจก็คือ

"ศาสนาพุทธนี้ จะว่าไปแล้วเป็นศาสนาของการปิดบังความดี(ที่ตัวเองมี) แต่เปิดเผยความชั่ว(ที่ตัวเองมี) ให้ผู้อื่นได้รับรู้"


แก้ไขล่าสุดโดย ศิรัสพล เมื่อ 06 ก.พ. 2010, 17:11, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 ก.พ. 2010, 17:16 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 20 ต.ค. 2008, 09:55
โพสต์: 405


 ข้อมูลส่วนตัว


หลับอยุ่ เขียน:
อินทรีย์ ๕ สนับสนุนกันและกัน

ปัญหา อินทรีย์ ทั้ง ๕ คือ สัทธา วิริยะ สติ สมาธิ ปัญญา ต่างเป็นกำลังสนับสนุนกันอย่างไร ?

พระสารีบุตรทูลตอบพระพุทธองค์“ ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ อริยสาวกใดมีศรัทธามั่น เลื่อมใสยิ่งในพระตถาคต อริยสาวกนั้นไม่พึงเคลือบแคลงหรือสงสัยในพระตถาคตหรือในศาสนาของพระตถาคต... จักเป็นผู้ปรารภความเพียรเพื่อละอกุศลธรรม เพื่อให้กุศลธรรมสมบูรณ์ มีกำลัง มีความบากบั่นมั่นคง ไม่ทอดธุระในกุศลธรรมทั้งหลาย
“.....วิริยะของอริยสาวกนั้นเป็นวิริยินทรีย์..... อริยสาวกผู้มีศรัทธา ปรารภความเพียรแล้ว จักเป็นผู้มีสติ ประกอบด้วยสิตเป็นเครื่องรักษาตนอย่างยิ่ง จักระลึกถึง จักจดจำกิจที่ทำและคำที่พูดแล้วแม้นานมาแล้วได้....
“ความระลึกถึงได้ของอริยสาวกนั้นเป็นสตินทรีย์ด้วยว่าอริยสาวกผู้มีศรัทธา ปรารภความเพียรแล้วมีสติตั้งมั่นแล้ว...
จักยึดเหนี่ยวเอาความสลัดออกเป็นอารมณ์ ได้สมาธิ ได้ความที่จิตมีอารมณ์เดียว
“.....สมาธิของอริยสาวกนั้นเป็นสมาธินทรีย์ ด้วยว่าอริยสาวกผู้มีศรัทธาปรารภความเพียร เข้าไปตั้งสติไว้ มีจิตตั้งมั่นอย่างถูกต้อง....
จักรู้ชัดอย่างนี้ว่าสงสารมีที่สุด และเบื้องต้นที่บุคคลรู้ไม่ได้ เบื้องต้นและที่สุดไม่ปรากฏแก่เหล่าสัตว์ผู้มีอวิชชาเป็นเครื่องกั้น มีตัณหาเป็นเครื่องผูกมัดไว้ แล่นไป ท่องเที่ยวไป ส่วนความดับเพราะสิ้นราคะโดยไม่มีส่วนเหลือ แห่งมวลความมืดคือ อวิชชาเป็นทางสงบ ทางประณีต คือ ทางสงบแห่งสังขารทั้งปวง ความสละอุปธิทั้งปวง ความสิ้นตัณหา ความสิ้นราคะ ความดับทุกข์ และนิพพาน
“....ปัญญาของอริยสาวกนั้นเป็นปัญญินทรีย์ อริยสาวกนั้นมีศรัทธา พยายามแล้วพยายามเล่า ระลึกแล้วระลึกเล่า จิตตั้งมั่นแล้วตั้งมั่นเล่า รู้ชัดแล้วรู้ชัดเล่าอย่างนี้ ย่อมเชื่อมั่นว่า ธรรมเหล่านี้แลเมื่อก่อนเป็นแต่ธรรมที่เราได้ยินได้ฟังมา บัดนี้เราประสบธรรมนั้นด้วยนามกายแล้วดำรงอยู่ และแทงทะลุด้วยปัญญาเห็นแจ้งชัดอยู่.....”





สัทธาสูตร มหา. สํ. (๑๐๑๑-๑๐๑๕ )
ตบ. ๑๙ : ๒๙๗-๒๙๙ ตท. ๑๙ : ๒๘๑-๒๘๒
ตอ. K.S. ๕ : ๒๐๐-๒๐๒


:b42: :b42: :b42:
:b44: :b44: :b44:
:b8: :b8: :b8:





มีปัญญาแบบที่พระสารีบุตรทูลตอบพระพุทธองค์ท่านแบบนี้แล้วยัง??? :b8:



ประโยคนี้พิจารณาแล้ว เห็นว่ายังไม่ใช่นะครับ เพราะหากเราศึกษาในสมัยพุทธกาลจากพระไตรปิฏกแล้วจะเห็นว่ามีฆราวาส ครองเรือนธรรมดาหลายต่อหลายคน ที่เป็นเหตุให้พระพุทธเจ้าทรงบัญญัติพระธรรมวินัยขึ้นมาก็มี พระพุทธเจ้าก็ยังไม่ทรงว่าฆราวาสเหล่านั้น เพราะเป็นหน้าที่ของพุทธบริษัทสี่น่ะครับ

ไม่ต้องไปดูที่ไหนไกลครับ เพราะหากประโยคนี้เป็นจริงโดยส่วนเดียว คุณ "หลับอยู่" ย่อมจะไม่ควรแสดงความคิดเห็นใดๆ ในกระทู้นี้นะครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 ก.พ. 2010, 20:36 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 8
สมาชิก ระดับ 8
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 ก.พ. 2009, 20:42
โพสต์: 699


 ข้อมูลส่วนตัว


อวด... โดยสามัญเรารู้อยู่แล้วว่า อวด คืออะไร...

แต่ถ้าจะให้จำกัดความให้แคบลง อวดคือ แสดงโดยไม่มีเหตุให้ต้องแสดง แสดงเพื่อให้ผู้อื่นได้รู้ได้เห็น ว่าเรามี โดยมีนัยยะว่า ฉันเหนือกว่า...


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 ก.พ. 2010, 21:36 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 21 มี.ค. 2009, 20:48
โพสต์: 744


 ข้อมูลส่วนตัว


หลับอยุ่ เขียน:
ยังมีอีกหลายท่าน(พระ)
ใครจาบจ้วงโดยที่คุณสมบัติตนไม่ถึงขั้นโลกุตระ ระวังไว้!!!
อาจจะ...

ได้ไปทัวร์นรก456ขุมเป็นอย่างน้อย ณ แกแลคซี่ใดๆได้ ก็ไม่รู้?!?
โดย ไม่ต้องสาปแช่ง!!!

Onion_R Onion_R Onion_R


ระวังกันหน่อยนะจะทำตนประกาศพระวินัยอะไรหน่ะ?!?ตัวก็ยังไม่ใช่พระ ฌาณ4 ในตนยังไม่มี! :b32: :b32: :b32: :b6:

ธรรมเอกผุดขึ้นตั้งมั่นในภายใน..ก็ไม่มี
ดวงพุทโธ(แบบหลวงปู่มั่นสอนชาวเขา ก็ไม่มี)

ดวงปฐมมรรค(แบบที่หลวงพ่อสด วัดปากน้ำ สอนก็ไม่มี)
ๆลๆ...
ฌาณ กับ ญาณต่างๆสูงๆที่คุณ มหาราชันย์ นำมาโพสไว้ ก็ยังไม่มี
:b6: :b32: :b6:



อิอิ

น่ากลัวนะงับอย่าไปพูดแบบนั้นสิงับท่านหลับอยู่

เหมือนสบประมาทนะงับ

เอาง่ายๆใครเขาจะเป็นอย่างไรก็กรรมเขา เชื่อกรรมผลของกรรมดีไปแล้วงับ

ฌาน 4 ธรรมเอกผุดขึ้น ธรรมธาตุ ผมก็พอรู้จักนะงับ

อย่าไปยุ่งกับชาวบ้านดีที่สุดงับ

.....................................................
“เวลาทำสมาธิ ให้ระลึกลมหายใจเข้าออก ให้รู้ลมหายใจเข้าออก ไม่ต้องบังคับลมหายใจ ตามรู้ลมหายใจเข้าออก สงบก็รู้ ไม่สงบก็รู้ สงบก็ไม่ยินดี ไม่สงบก็ไม่ยินร้าย ไม่เอาทั้งสงบและไม่สงบ เอาแค่รู้ตามความเป็นจริงของสภาวธรรมปัจจุบันนั้น”

ธรรมเหล่านี้เป็นไปเพื่อคลายกำหนัด
เป็นไปเพื่อไม่ประกอบสัตว์ไว้
เป็นไปเพื่อไม่สั่งสมกิเลส
เป็นไปเพื่อความเป็นผู้มักน้อย
เป็นไปเพื่อสันโดษ
เป็นไปเพื่อความสงัดจากหมู่คณะ
เป็นไปเพื่อปรารภความเพียร
เป็นไปเพื่อความเป็นคนเลี้ยงง่าย


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 ก.พ. 2010, 21:42 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 21 มี.ค. 2009, 20:48
โพสต์: 744


 ข้อมูลส่วนตัว


ศิรัสพล เขียน:
หลับอยุ่ เขียน:
ท่านพระธรรมปิฏก บรรลุเป็นพระอรหันต์แล้วหรือยัง เราก็ไม่รู้! :b5:


แต่ที่แน่ๆ ใบมีดโกน ,งูเห่าไม่ควรไปเล่น!(สำนวน อุปมา อุปมัย)โดยที่เรายังไม่มีคุณธรรมชั้นโลกุตระ!อันแท้จริง
Onion_L



สาธุครับ คุณกล่าวถูกต้องแล้วครับ

ท่านพระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ.ปยุตฺโต) นี้ เราไม่รู้ได้จริงๆ ครับ เพราะเท่าที่สังเกตท่านนั้น ท่านจะเป็นผู้ที่มีความรู้มาก แม้จะจบเปรียญธรรม ๙ ประโยค ได้ตั้งแต่เป็นสามเณร และได้บวชเป็นนาคหลวงคนที่ ๒ ของประเทศไทย ได้รับยกย่องว่าเป็นปราชญ์ทางพระพุทธศาสนาของโลก...

หนังสือ "พุทธธรรมฉบับขยายความ" ของท่านเป็นที่เลื่องลือ ได้รับการยกย่องให้ดีที่สุดแห่งยุครัตนโกสินทร์ เทียบเท่าคัมภีร์วิสุทธิมรรค ของท่านพุทธโฆษาจารย์(อรรถกถาจารย์รูปหนึ่ง) และมีหนังสืออีกหลายต่อหลายเล่มที่ทรงคุณค่า มีพระผู้ปฏิบัติธรรมสายพระป่าหลายรูปไปกราบถามการปฏิบัติกับท่าน เช่น หลวงพ่อฝรั่งวัดป่านานาชาติ, และมีผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมืองไปถามปัญหาทางโลกบ้างทางการเมืองทางธรรมบ้าง ฯลฯ

แต่หากเราได้อ่านคำสอนของท่าน ท่านจะถ่อมตน จะไม่แสดงธรรมกระทบตัวท่านเอง หรือยกตัวเอง และแสดงธรรมไม่กระทบผู้อื่น ท่านจะแสดงธรรมอย่างเป็นกล่างๆ จะไม่พยายามอิงใครหรือผู้ใดทั้งนั้นเสมอ อย่างที่ผมได้นำมาตั้งกระทู้นี้ก็แสดงให้เห็นว่าไม่มีการอิงผู้ใด ยกเว้นจำเป็นจริงๆ เช่น กรณีวัดธรรมกาย เป็นต้น...

ผมได้ยินพระปฏิบัติรูปหนึ่งจำไม่ได้ว่าพระรูปใด ท่านได้กล่าวว่า ท่านป.อ.ปยุตฺโต นี้ ท่านเป็นพระปฏิบัติ ในคราบนักปริยัติ...

ผมได้ฟังซีดีที่ได้รับมาจากวัดอรุณฯ ที่อธิบายพระสูตรต่างๆ มีคำหนึ่งที่น่าสนใจก็คือ

"ศาสนาพุทธนี้ จะว่าไปแล้วเป็นศาสนาของการปิดบังความดี(ที่ตัวเองมี) แต่เปิดเผยความชั่ว(ที่ตัวเองมี) ให้ผู้อื่นได้รับรู้"


ปราชญ์ทางพระพุทธศาสนาใช้กับพระอรหันต์งับ

ไม่ใช่กับหนังสือ พุทธธรรม ที่เขียนบ้างถูกบ้างผิดบ้าง เอาแน่ไม่ได้นะงับ

ธรรมะไม่ใช่เอาเปรียญธรรม นาคหลวงที่ 2 มาเป็นที่เคารพนะงับ

ไร้สาระมาก

เอาธรรมแท้นะงับ ไม่เอาโมฆบุรุษ 55+


คัมภีร์วิสุทธิมรรคก็ยังเขียนผิดๆถูกๆจนหลวงปู่มั่นยังพูดเอาไว้เลยงับ

หนังสือพุทธธรรม และ คัมภีร์วิสุทธิมรรค พอๆกันงับ

.....................................................
“เวลาทำสมาธิ ให้ระลึกลมหายใจเข้าออก ให้รู้ลมหายใจเข้าออก ไม่ต้องบังคับลมหายใจ ตามรู้ลมหายใจเข้าออก สงบก็รู้ ไม่สงบก็รู้ สงบก็ไม่ยินดี ไม่สงบก็ไม่ยินร้าย ไม่เอาทั้งสงบและไม่สงบ เอาแค่รู้ตามความเป็นจริงของสภาวธรรมปัจจุบันนั้น”

ธรรมเหล่านี้เป็นไปเพื่อคลายกำหนัด
เป็นไปเพื่อไม่ประกอบสัตว์ไว้
เป็นไปเพื่อไม่สั่งสมกิเลส
เป็นไปเพื่อความเป็นผู้มักน้อย
เป็นไปเพื่อสันโดษ
เป็นไปเพื่อความสงัดจากหมู่คณะ
เป็นไปเพื่อปรารภความเพียร
เป็นไปเพื่อความเป็นคนเลี้ยงง่าย


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 ก.พ. 2010, 09:07 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 20 ต.ค. 2008, 09:55
โพสต์: 405


 ข้อมูลส่วนตัว


หลับอยุ่ เขียน:
พระอรหันต์อาบัติได้ไหมครับ

แล้วเราต้องไปปรับ อาบัติท่าน หรือ เปล่าครับ?


สาธุกับคำถามครับ

เท่าที่ผมศึกษาและปรากฏหลักฐานในชั้นพระไตรปิฏก พระอรหันต์ท่านไม่มีเจตนาทำอาบัติครับ เช่น มีพระอรหันต์รูปหนึ่งที่ท่านตาบอดท่านก็ไปเดินจงกรมเหยียบสัตว์ต่างๆ ตาย เหล่าภิกษุไปกราบทูลพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าก็ทรงตรัสว่าไม่ได้มีเจตนา ซึ่งหมายถึงไม่อาบัติ เป็นต้น

แต่ก็มีการปรับอาบัติย้อนหลังกับพระอรหันต์เกิดขึ้นได้ครับ เช่น เรื่องของพระอานนท์ที่ท่านบรรลุอรหันต์ก่อนวันที่จะทำปฐมสังคายนา เหล่าิภิกษุที่ร่วมสังคายนา โดยมีพระมหากัสสปเถระเป็นประธานสงฆ์ก็มีการปรับอาบัติเล็กน้อยย้อนหลังกับพระอานนท์ ซึ่งท่านแม้เห็นว่าท่านไม่ได้ผิด แต่ท่านก็ปลงอาบัติเพราะแสดงให้เห็นถึงความยำเกรงมติสงฆ์ เป็นต้น

แต่ก็มีเรื่องที่จัดว่าไม่เป็นอาบัติทีเดียวแต่เป็นการกระทำอันก่อให้เกิดการบัญญัติอาบัติขึ้นได้ของพระอรหันต์ เช่น เรื่องพระอรหันต์ที่เหาะขึ้นไปเอาบาตรไม้จันทร์ แล้วพระพุทธเจ้าทรงทราบก็ทรงติเตียนพระอรหันต์รูปนั้นว่าเป็นดุจการแสดงของสงวนสตรี ก็ทรงบัญญัติสิกขาบทขึ้นมา เป็นต้น

ทั้งหมดนี้ที่กล่าวไป ได้แสดงให้เห็นว่าพระอรหันต์ท่านจะไม่มีเจตนาที่จะทำอาบัติที่พระพุทธเจ้าทรงบัญญัติเอาไว้แล้ว แต่ก็มีเหมือนกันที่เกิดพลั้งพลาดโดยไม่มีเจตนาและโดนปรับอาบัติในภายหลังก็มีครับ หากเป็นยุคหลังพุทธกาลจะมีเหมือนกัน คือชั้นอรรถกถาได้เล่าถึงที่มาของพระนาคเสน ว่าพระอรหันต์รูปหนึ่งท่านไปปลีกวิเวกเข้านิโรธสมาบัติ แล้วเลยเวลาไม่ได้มาเข้าร่วมประชุมสังฆากรรม (ประชุมสงฆ์) ที่ประชุมสงฆ์จึงปรับอาบัติท่านให้รับหน้าที่เป็นผู้ดูแลอบรม พระนาคเสน...

สรุปก็คือ ในความเห็นของผมนั้น พระอรหันต์ท่านจะไม่มีเจตนาล่วงละเมิดอาบัติที่พระพุทธเจ้าทรงบัญญัิติเอาไว้ก่อน แต่ก็อาจจะมีการเกิดอาบัติเล็กน้อยขึ้นได้โดยไม่เจตนาครับ แต่หากจะเกิดล่วงละเมิดอาบัติเล็กน้อยโดยตั้งใจ เช่น ระดับทุกกฏ เป็นต้น ท่านจะทำเมื่อจำเป็นจริงๆ หลีกเลี่ยงไม่ได้จริงๆ ครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 ก.พ. 2010, 10:00 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 20 ต.ค. 2008, 09:55
โพสต์: 405


 ข้อมูลส่วนตัว


หลับอยุ่ เขียน:
กระเทือนถึงญาติโยมที่มีต่อหลวงปู่หลวงตา หลวงพี่ หลายๆท่านในต่างจังหวัด ที่มีฤทธิ์และได้กระทำการแสดง ด้วย!ครับ
แต่คงไปทำร้ายจิตใจอะไรหลวงปู่หลวงตาหลวงพี่ท่านเหล่านั้นมิได้หรอกครับ


หลับอยุ่ เขียน:
กระเทือนถึงญาติโยมที่มีต่อหลวงปู่หลวงตา หลวงพี่ หลายๆท่านในต่างจังหวัด ที่มีฤทธิ์และได้กระทำการแสดง ด้วย!ครับ
แต่คงไปทำร้ายจิตใจอะไรหลวงปู่หลวงตาหลวงพี่ท่านเหล่านั้นมิได้หรอกครับ


การกระเทือนหลวงปู่หรือหลวงตาเหล่านั้น ไม่ทราบได้หรอกครับ แต่ที่สังเกตได้ คือ ใจคุณ "หลับอยู่" นั่นแหละสะเืทือนมากแล้ว...

เมื่อตาได้เห็นรูป เกิดการเห็น(จักขุวิญญาณ) สามอย่างรวมกันเกิดการรับรู้ทางตา(จักขุสัมผัส) เพราะการรับรู้ทางตาเป็นปัจจัย จึงเกิดทุกขเวทนา และเกิดสัญญาจำได้ว่านี่เป็นตัวอักษรอะไร เนื้อความอะไร หมายถึงอะไร ใจปรุงแต่ง(สังขาร)ไปว่ากระทบเราแล้ว กระทบคนที่เรารัก เราเคารพแล้ว ผิดแ้ล้วฯลฯ ปรุงแต่งไปว่าต้องเขียนแล้ว ตั้งเจตนาว่าจะเขียนตอบ หารูปครูอาจารย์มาโต้ตอบแล้ว และเริ่มเขียนตอบกระทู้แล้ว...

เพราะเจตนากระทู้นี้ตั้งขึ้นมาไม่ได้กระทบใคร หัวข้อกระทู้ก็ไม่ได้พาดพิงใคร เนื้อความท่านก็กล่าวไว้ตรงตามวินัยทุกอย่าง หากผิดตรงไหน ค้านกับพุทธพจน์ตรงไหน รบกวนคุณชี้บอกได้เลยครับ ไม่ต้องอ้อมคอม แล้วเราจะร่วมกันพิจารณาว่าท่านเห็นผิดไปจากพระพุทธเจ้าสอนตรงไหน เพราะเรื่องบางเรื่องก็ต้องยอมรับว่า เราควรจะตรวจสอบจากพระสูตร จากพุทธพจน์ โดยยกมติหรือความเห็นของครูอาจารย์ที่เคารพศรัทธาเอาไว้ก่อน ตรวจสอบเทียบเคียงเสียก่อนจึงเห็นว่าควรจะเชื่อหรือไม่ เพราะมีเหมือนกัน ที่เราเชื่ออาจารย์ต่างๆ มากกว่าเชื่อพระสูตรหรือพุทธพจน์ครับ...รบกวนคุณชี้เลยครับว่าตรงไหนไม่จริง ไม่ตรงกับพุทธพจน์หรือพระสูตรครับ


แก้ไขล่าสุดโดย ศิรัสพล เมื่อ 07 ก.พ. 2010, 10:07, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 ก.พ. 2010, 10:22 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ค. 2008, 14:14
โพสต์: 3835

อายุ: 12
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


เอ่อ คือ ผมเป็นผู้ดูแลก้จริงนะครับ
แต่ว่าเวลาใครเถียงกันต่างๆนาๆนี่ ผมไม่มีสิทธิ์ไปยุ่งเลยครับ
ทำได้แค่เถียงด้วยซะเลย หรือ อยู่เฉยๆ
ผมลบได้เฉพาะพวกที่โจมตีศาสนา พวกกระทู้คุณพลศักดิ์
และกรณีที่ชัดๆว่าควรลบ เช่นขายของ โปรโมทเว็บไป๊ กระทู้ซ้ำๆ ฯลฯ

เรื่องลบ reply นี่ต้องเป็นคุณ Admin
หรือ เจ้าตัวผู้โพสต์ลบเองได้เลย
กรณีลบไม่ได้ ก็สามารถแก้ไขข้อความต่างๆเป็นใส่อมยิ้มก็ได้ครับ

ปล่อยได้ก็ปล่อยมั่งนะครับ ญาติธรรมทั้งหลาย
อาเมนตะพุด


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 55 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: Google [Bot] และ บุคคลทั่วไป 182 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร