ลานธรรมจักร http://dhammajak.net/forums/ |
|
นิพพาน วิทยาศาสตร์หนึ่งที่พิสูจน์ได้(เฉพาะตน) http://dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=1&t=29591 |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 |
เจ้าของ: | พงพัน [ 17 ก.พ. 2010, 16:02 ] |
หัวข้อกระทู้: | นิพพาน วิทยาศาสตร์หนึ่งที่พิสูจน์ได้(เฉพาะตน) |
นำหลักวิทยาศาสตร์ที่อธิบายว่าเมื่อนิพพานแล้วทำไมจึงไม่เกิดอีกมาให้ลองคิดปวดหัวเล่นๆดูครับ ซึ่งการพิสูจน์หลักที่ว่านี้ พระอรหันต์ก็ยังไม่สามารถพิสูจน์ได้ละเอียดอย่างนี้ทุกองค์ มิน่าหลวงปู่ดุลย์ถึงได้ถูกยกย่องโดยหลวงปู่ครูบาอาจารย์เป็นอย่างมาก และถูกเสนอให้เป็นบุคคลที่ควรบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์โลกผู้หนึ่งเลยทีเดียว (ที่มาจาก กัณฑ์เทศน์ของหลวงปู่ดุลย์ เรื่องจิตคือพุทธะ) ความจริง รูปนามจะมีชีวิตหรือไม่มีชีวิตมันก็เคลื่อนไหวได้ เพราะมันมีรูปกับนาม เป็นเหตุเป็นผลให้เกิดปฏิกิริยาอยู่ในตัว ให้เคลื่อนไหวตลอดกาล และ(เกิด) การเปลี่ยนแปลง บางอย่างเรามองด้วยตาเนื้อไม่เห็น จึงเรียกกันว่าเป็นสิ่งไม่มีชีวิต เมื่อรูปนามของพืชเปลี่ยนมาเป็นรูปนามของสัตว์ เป็นจุดตั้งต้นชีวิตของสัตว์ และเป็น เหตุให้เกิด จิต วิญญาณ การแสดง การเคลื่อนไหว เป็นเหตุให้เกิดกรรม สัตว์ชาติแรกมีแต่สร้างกรรมชั่ว สัตว์กินสัตว์ และ(มี)ความโกรธ โลภ หลง ตามเหตุ ปัจจัย ภายนอกภายในที่มากระทบ กรรมที่สัตว์แสดง มี ตา หู จมูก ลิ้น กาย ๕ อย่าง ไปกระทบกับ รูป เสียง กลิ่น รส สัมผัส ๕ อย่าง แล้วมาประทับ บรรจุ บันทึก ถ่ายภาพ ติดอยู่กับ รูปปรมาณู ซึ่งเป็น สุขุมรูป แฝงอยู่ในความว่าง เราไม่สามารถมองเห็นด้วยตาได้ ที่แฝงอยู่ในความว่างระวางคั่น ตา หู จมูก ลิ้น กาย นั้นไว้ได้หมดสิ้น เมื่อสัตว์ชาติแรกเกิดนี้ ได้ตายลง มี กรรมชั่ว อย่างเดียว เป็น เหตุให้สัตว์ต้องเกิดอีก เพื่อให้สัตว์ต้อง ใช้หนี้ กรรมชั่วที่ได้ทำไว้ แต่สัตว์เกิดขึ้นมาแล้วหายอม ใช้หนี้เกิด กันไม่ มันกลับ เพิ่มหนี้ ให้เป็น เหตุเกิด ทวีคูณ ด้วยเพศผู้เพศเมียเกิดเป็น สุขุมรูป ติดอยู่ใน ๕ กองนี้ เป็นทวีคูณจนปัจจุบันชาติดังนั้น ด้วยอำนาจกรรมชั่วในสุขุมรูป ๕ กอง ก็เกิดหมุนรวมกันเข้าเป็น รูปปรมาณูกลม คงรูปอยู่ได้ด้วยการหมุนรอบตัวเอง มิหยุดนิ่ง เป็นคูหาให้จิตใจได้อาศัยอยู่ข้างใน เรียกว่า รูปวิญญาณ หรือจะเรียกว่า รูปถอด ก็ได้ เพราะถอดมาจากนามระวางคั่น ตา หู จมูก ลิ้น กาย นั่นเอง ซึ่งเป็นสุขุมรูปแฝงอยู่ในความว่าง รูปวิญญาณ จึงมีชีวิตอยู่คงทนอยู่ ยืนนานกว่า รูปหยาบ มีกรรมชั่วคอยรักษาให้หมุนคงรูปอยู่ ไม่มีเทพเจ้าองค์ใดฆ่าให้ตายได้ นอกจาก นิพพาน เท่านั้น รูปวิญญาณจึงจะสลาย ส่วนการแสดงกรรมของสัตว์ที่ประทับอยู่ในสุขุมรูป มีรูป ตา หู จมูก ลิ้น กาย ๕ กองนั้นรวมกันเข้าเรียกว่า จิต จึงมี สำนักงานจิต ติดอยู่ในวิญญาณ ๕ กอง รวมกันเป็นที่ทำงานของ จิตกลาง แล้วไปติดต่อกับ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ภายนอก ซึ่งเป็นสื่อติดต่อของจิต ดังนั้น จิต กับ วิญญาณ จึงไม่เหมือนกัน จิตเป็นผู้รู้สึกนึกคิด ส่วนวิญญาณเป็นคูหาให้จิตได้อาศัยอยู่ และเป็นยานพาหนะพาจิตไปเกิด หรือจะไปไหนๆ ก็ได้ เป็นผู้รักษา สุขุมรูป รูปที่ถอดจากรูปหยาบ มีรูปเพศผู้ เพศเมีย รูป ตา หู จมูก ลิ้น กาย อยู่ในวิญญาณไว้ได้เป็นเหตุเกิดสืบภพต่อชาติ เมื่อสัตว์ตาย ชีวิตร่างกายหยาบของภพภูมิชาตินั้นๆ ก็หมดไปตามอายุขัย (ของ) ชีวิตร่างกายหยาบของภูมิชาตินั้นๆ ส่วนชีวิตแท้ รูป ปรมาณู วิญญาณ จะไม่ตายสลายตาม จะต้องไปเกิดตามภพภูมิต่างๆ ตามเหตุปัจจัยของวัฏฏะหมุนเวียนเปลี่ยนไปด้วย ชีวิตแท้-รูปถอดหรือวิญญาณหมุนรอบตัวเอง นี้เอง เป็นเหตุให้จิตเกิดดับ สืบต่อ คอยรับเหตุการณ์ภายนอกภายในที่มากระทบ จะดีหรือชั่วก็สะสมเข้าไว้ เป็นทุน เหตุเกิด เหตุดับ หรือปรุงแต่งต่อไป จนกว่า กรรมชั่ว-เหตุเกิด จะหมดไป ชีวิตแท้-รูปถอดหรือวิญญาณ ก็จะหยุดการหมุน รูปสุขุม-รูปวิญญาณ ซึ่งเกิดมาจากกรรมชั่ว สืบต่อมาแต่ชาติแรกเกิด ก็จะสลายแยกออกจากกันไป คงรูปอยู่ไม่ได้ มันก็กระจายไป ส่วนกิจกรรมดี ธรรมะที่ติดอยู่กับวิญญาณ มันก็จะกระจายไปกับรูปปรมาณู คงเหลือแต่ความว่างที่คั่นช่องว่างของรูปปรมาณูทุกๆ ช่อง ฉะนั้น โดยปราศจากรูปปรมาณู ความว่างนั้น จึงบริสุทธิ์และสว่าง รวมเข้ากับความว่าง บริสุทธิ์ สว่าง ของจักรวาลเดิม เข้าเป็นหนึ่งเรียกว่า นิพพาน |
เจ้าของ: | ตรงประเด็น [ 17 ก.พ. 2010, 20:45 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: นิพพาน วิทยาศาสตร์หนึ่งที่พิสูจน์ได้(เฉพาะตน) |
อ้างคำพูด: ความว่างนั้น จึงบริสุทธิ์และสว่าง รวมเข้ากับความว่าง บริสุทธิ์ สว่าง ของจักรวาลเดิม เข้าเป็นหนึ่งเรียกว่า นิพพาน สาธุ สาธุ สาธุ จิต..."หยุดเคลื่อน" จึงแจ้งใจ ใน"ธรรมเดิม" ที่... ไม่เคย ลดหรือเพิ่ม มาแต่ไหน ที่... ไม่เคย เกิดหรือดับ ไปกับใคร ที่... ไม่เคย มาหรือไป ให้วกวน จิต"...หยุดปรุง" จึงกระจ่าง "ว่างอย่างยิ่ง" จิต...หยุดนิ่ง พ้นเขต แห่งเหตุผล จิต...ลอยเด่น เหนือบาปบุญ หมุนบันดล จิต...หลุดพ้น อมตะ นฤพาน ตรงประเด็น |
เจ้าของ: | ตรงประเด็น [ 17 ก.พ. 2010, 20:50 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: นิพพาน วิทยาศาสตร์หนึ่งที่พิสูจน์ได้(เฉพาะตน) |
วิทยาศาสตร์ พิสูจน์ได้ ประจักษ์ได้... แสดงได้ ด้วย เหตุ และ ผล พุทธศาสตร์ มีทั้งระดับที่ พิสูจน์ได้ ประจักษ์ได้.... แสดงได้ ด้วย เหตุ และ ผล และ มีทั้งระดับที่ พิสูจน์ได้ ประจักษ์ได้(อายตนะนั้นมีอยู่)... แต่ นอกเหตุ-เหนือผล |
เจ้าของ: | คนดีที่โลกลืม [ 18 ก.พ. 2010, 00:26 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: นิพพาน วิทยาศาสตร์หนึ่งที่พิสูจน์ได้(เฉพาะตน) |
พงพัน เขียน: 1.ส่วนการแสดงกรรมของสัตว์ที่ประทับอยู่ในสุขุมรูป มีรูป ตา หู จมูก ลิ้น กาย ๕ กองนั้นรวมกันเข้าเรียกว่า จิต จึงมี สำนักงานจิต ติดอยู่ในวิญญาณ ๕ กอง รวมกันเป็นที่ทำงานของ จิตกลาง แล้วไปติดต่อกับ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ภายนอก ซึ่งเป็นสื่อติดต่อของจิต ดังนั้น จิต กับ วิญญาณ จึงไม่เหมือนกัน จิตเป็นผู้รู้สึกนึกคิด ส่วนวิญญาณเป็นคูหาให้จิตได้อาศัยอยู่ และเป็นยานพาหนะพาจิตไปเกิด หรือจะไปไหนๆ ก็ได้ เป็นผู้รักษา สุขุมรูป รูปที่ถอดจากรูปหยาบ มีรูปเพศผู้ เพศเมีย รูป ตา หู จมูก ลิ้น กาย อยู่ในวิญญาณไว้ได้เป็นเหตุเกิดสืบภพต่อชาติ เมื่อสัตว์ตาย ชีวิตร่างกายหยาบของภพภูมิชาตินั้นๆ ก็หมดไปตามอายุขัย (ของ) ชีวิตร่างกายหยาบของภูมิชาตินั้นๆ ส่วนชีวิตแท้ รูป ปรมาณู วิญญาณ จะไม่ตายสลายตาม จะต้องไปเกิดตามภพภูมิต่างๆ ตามเหตุปัจจัยของวัฏฏะหมุนเวียนเปลี่ยนไปด้วย ..........ธรรมะที่ติดอยู่กับวิญญาณ มันก็จะกระจายไปกับรูปปรมาณู คงเหลือแต่ความว่างที่คั่นช่องว่างของรูปปรมาณูทุกๆ ช่อง ฉะนั้น 2.โดยปราศจากรูปปรมาณู ความว่างนั้น จึงบริสุทธิ์และสว่าง รวมเข้ากับความว่าง บริสุทธิ์ สว่าง ของจักรวาลเดิม เข้าเป็นหนึ่งเรียกว่า นิพพาน 1. หลวงปู่ดุลย์ หมายถึงว่า ตา หู จมูก ลิ้น กาย ภายนอก เป็นวิญญาณขันธ์ ส่วน จิต ที่มีรูป ตา หู จมูก ลิ้น กาย ๕ กอง ที่เป็นจิตนั้น คือวิญญาณธาตุ หรืออทิสมานกาย หรือกายทิพย์ จิตเป็นผู้รู้สึกนึกคิด = กายทิพย์หรือวิญญาณธาตุ เป็นผู้คิด ส่วนวิญญาณเป็นคูหาให้จิตได้อาศัยอยู่ = วิญญาณขันธ์เป็นคูหาให้จิอาศัยอยู่ 2. โดยปราศจากรูปปรมาณู ความว่างนั้น จึงบริสุทธิ์และสว่าง รวมเข้ากับความว่าง บริสุทธิ์ สว่าง ของจักรวาลเดิม เข้าเป็นหนึ่งเรียกว่า นิพพานอธิบายได้ดัวนี้ : - ความว่างนั้น จึงบริสุทธิ์และสว่าง = นิพพานจิตแต่ละดวง = อาตมัน(อรหันต์) - รวมเข้ากับความว่าง บริสุทธิ์ สว่าง ของจักรวาลเดิม = นิพพาน = ปรมาตมัน สิ่งที่หลวงปู่ดุลย์ เทศน์สอนเป็นเรื่องที่คนธรรมดาทั่วไปยากจะเข้าใจได้ ผมก็ไม่อยากบังคับให้ใครเชื่อผม เพราะสิ่งที่หลวงปู่ดุลย์ และผมตีความเป็นความลับของฟ้า |
เจ้าของ: | คนดีที่โลกลืม [ 18 ก.พ. 2010, 00:41 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: นิพพาน วิทยาศาสตร์หนึ่งที่พิสูจน์ได้(เฉพาะตน) |
sirisuk เขียน: :b1: ![]() http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=1&t=29591 รูปวิญาณ ที่หลวงปู่ดุลเทศน์ = วิญญาณธาตุ ในบทความของคุณเลย จิต ที่หลวงปู่ดุลเทศน์ = วิญญาณขันธ์ ในบทความของคุณเลย ![]() ![]() ![]() ![]() จิต คือ ตัวใน = ผี โอปาติกะ เปรต เทวดา พรหม = วิญญาณธาตุ ตา หู จมูก ลิ้น กาย เป็นตัวนอก ควบคุมโดยใจ เป็นระบบประสาทและสมอง= วิญญาณขันธ์ เวลาเราตาย ตา หู จมูก ลิ้น กาย ที่เป็นมหาภูต 4 ตาย พร้อมกับระบบประสาทและสมอง "ใจ" (วิญญาณขันธ์) ทุกอย่างตายหมด ปลดปล่อยจิต คือ ตัวใน ออกมาเป็นผี เปรต เทวดา พรหม ฯลฯ |
เจ้าของ: | คนดีที่โลกลืม [ 18 ก.พ. 2010, 00:51 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: นิพพาน วิทยาศาสตร์หนึ่งที่พิสูจน์ได้(เฉพาะตน) |
เป็นคูหาให้จิตใจได้อาศัยอยู่ข้างใน เรียกว่า รูปวิญญาณ หรือจะเรียกว่า รูปถอด ก็ได้ เพราะถอดมาจากนามระวางคั่น ตา หู จมูก ลิ้น กาย นั่นเอง ซึ่งเป็นสุขุมรูปแฝงอยู่ในความว่าง รูปวิญญาณ จึงมีชีวิตอยู่คงทนอยู่ ยืนนานกว่า รูปหยาบ ...................................................................................................... อธิบาย จิตใจได้อาศัยอยู่ข้างใน เรียกว่า รูปวิญญาณ หรือจะเรียกว่า รูปถอด ก็ได้ = วิญญาณธาตุ หรือ จิต หรือกายทิพย์ หรือทิสมานกาย รูปวิญญาณ จึงมีชีวิตอยู่คงทนอยู่ ยืนนานกว่า (=วิญญาณธาตุ หรือ จิต ไม่ตาย) รูปหยาบ (= วิญญาณขันธ์ เป็นระบบประสาทและสมองตายตามอายุขัย) |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 | เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง |
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group http://www.phpbb.com/ |