วันเวลาปัจจุบัน 27 ก.ค. 2025, 20:46  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 มี.ค. 2010, 15:04 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ก.พ. 2010, 13:35
โพสต์: 355

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ตีความคำสอนของหลวงปู่ดุลย์ให้ถูกต้อง

ในทางพุทธศาสนา นอกจาก คำสอนทางที่เป็นพุทธพจน์ของพระพุทธเจ้า จะยากแก่การตีความแล้ว เหล่าคำสอนของพระอริยะเจ้าจำนวนมากที่เข้าถึงอรหันต์ ก็ยากแก่การตีความด้วยเช่นกัน จนบางครั้งและบางคน ตีความคำสอนของพระอริยะเจ้าผิดพลาด แล้วก็เอาคำสอนเหล่านั้น ที่ตนเองตีความผิดพลาด ไปแย้งกับพุทธพจน์ที่ออกมาจากพระโอษฐ์ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

เช่น บางคนทำสมาธิ(สมถะกรรมฐาน)แล้ว ได้เห็นสวรรค์วิมานของตัวเองบ้าง บางคนว่าเห็นพระจุฬามณีเจดีย์สถานบ้าง พร้อมทั้งภูมิใจว่า เขาวาสนาดี ทำกรรมฐานได้สำเร็จ พอไปเล่าให้คนอื่นฟัง พวกที่ทำไม่ได้หรือทำไม่ถึงขั้นหรือเน้นการวิปัสสนาอย่างเดียว ก็นำคำสอนของหลวงปู่ดุลย์ไปแย้งพวกที่เห็นสิ่งต่างๆในสวรรค์ โดยอ้างคำพูดของหลวงปู่ดุลย์ เช่น

หลวงปู่ดุลย์บอกว่า:

“สิ่งที่ปรากฏเห็นทั้งหมดนั้น ยังเป็นของภายนอกทั้งสิ้น จะนำเอามาเป็นสาระที่พึ่งอะไรยังไม่ได้หรอก”

หลังจากนั้น พวกที่แย้งเหล่านี้ก็เลยอธิบายสรุปเอาเองว่า พวกทำสมาธิ(สมถะกรรมฐาน)เพี้ยน หรือไม่ก็จิตหลอน หรือไม่ก็วิปัสสนูกิเลสไปแล้ว

หรืออย่างบางกรณี มีคนที่ภาวนาแล้วก็เห็นนรก สวรรค์ วิมานเทวดา หรือไม่ก็ มีองค์พุทธรูปปรากฏอยู่ในตัวเขา พอเขาไปเล่าให้เพื่อนฝูงที่ปฏิบัติแล้วไม่เห็นฟัง เพื่อนฝูงตัวแสบ ก็นำคำสอนของหลวงปู่ดุลย์ไปแย้ง โดยอ้างว่า:

หลวงปู่ดุลย์บอกว่า

“ที่เห็นนั้น เขาเห็นจริง แต่สิ่งที่ถูกเห็น ไม่จริง”

แล้วไอ้เพื่อนตัวแสบก็สรุปเอาเองว่า พวกที่เห็นจากสมาธิ(สมถะกรรมฐาน)เพี้ยน หรือจิตหลอน หรือวิปัสสนูกิเลสไปแล้ว....เป็นอย่างนี้เสมอ

ผมจึงขอชี้แจงว่า องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ไม่ใช่พวกทำสมาธิ(สมถะกรรมฐาน)แล้วเพี้ยน และก็ไม่ใช่พวกจิตหลอน รวมทั้งไม่ใช่พวกวิปัสสนูกิเลสแน่นอน พระพุทธองค์ทรงยืนยันว่า ภพภูมิทั้งหมดมี 31-33 ภพภูมิ มีจริง อย่างไรก็ตาม พระพุทธองค์ทรงตรัสว่า: ภพภูมิเหล่านั้นล้วนเป็นมายา เป็นอนัตตา ไม่ใช่ตัวตนที่แท้จริงทั้งสิ้น และทรงเน้นให้ไปหานิพพานแทนภพภูมิเหล่านั้น

หลวงปู่ดุลย์ท่านก็เน้นอยู่เรื่องเดียวตามคำสอนของพระพุทธเจ้า คือ เน้นไปนิพพาน เมื่อหลวงปู่ดุลย์เน้นไปนิพพานอย่างเดียวแล้ว ท่านก็ต้องสอนว่า นิมิต หรือ สิ่งที่ปรากฏเห็น(ใน 31-33 ภพภูมิ)ทั้งหมดนั้น ยังเป็นของภายนอกทั้งสิ้น เป็นสิ่งที่ไม่จริง เพื่อให้จิตไม่ส่งออกไปตามภพภูมิเหล่านั้น ซึ่งจะทำให้ไม่สำเร็จตามวัตถุประสงค์ คือ ไปนิพพาน แต่ความจริงแล้ว นิมิต หรือ สิ่งที่ปรากฏเห็น(ใน 31-33 ภพภูมิ) มีอยู่จริง ผมขออธิบายให้เข้าใจดังนี้

สรรพสัตว์ใน 31-33 ภพภูมิ รวมทั้งตัวคุณกับผมที่อยู่ในโลกใบนี้ ล้วนเป็นสิ่งสมมุติขึ้น เราเป็นมายา และเราเป็นอนัตตา แต่ผู้ที่จะบอกเราว่า เราไม่มีอยู่จริง มีเพียงผู้ที่อยู่ในนิพพานเท่านั้น ด้วยเหตุนี้ พึงตระหนักว่า ความจริงมันมี 2 ระดับ

1. ความจริง ระดับที่อยู่ใน 31-33 ภพภูมิ เรียกว่า ความจริงระดับโลก หรือโลกียะ

2. ความจริงระดับโลกุตตระ โดยเฉพาะระดับนิพพาน


ผู้ที่จะยืนยันและบอกว่า ความจริงระดับโลก หรือระดับโลกียะ ไม่มีอยู่จริง และไม่ใช่ตัวตน มีแต่พระอรหันต์ที่อยู่ในระดับโลกุตตตะเท่านั้น

เมื่อเราเอาคำสอนของหลวงปู่ดุลย์หรือพระอริยะเจ้าท่านอื่น ที่พูดถึงความจริงระดับโลกุตตะ เอาไปมั่วกับความจริงระดับโลกหรือระดับโลกียะ จึงสับสนไปหมด และตีความคำสอนทางโลกหรือโลกียะของพระพุทธเจ้าผิดพลาด มั่วกันอย่างนี้ ไปๆมาๆ สุดท้ายก็จะไปคิดว่า พระพุทธเจ้าเป็นพวกโรคจิต หรือเป็นพวกจิตหลอน จึงสอนเรื่องภพภูมิอื่นๆ


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: Google [Bot] และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร


cron