วันเวลาปัจจุบัน 19 เม.ย. 2024, 15:23  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 34 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 มี.ค. 2010, 10:44 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5975

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


ดุสิตธานี เขียน:
:b12:

คุณน้ำ เปลี่ยนแปลงไปเยอะเลยนะคะ นับจากวันที่เราได้มีโอกาสได้รู้จักและพูดคุยกันโดยผ่านทางเวปธรรมจักรแห่งนี้ ซึ่งมันก็หลายปีดีดัก พอได้นะคะ

บางข้อความที่ได้อ่านของคุณน้ำ ถึงกับอึ้งเหมือนกันอาจจะด้วยความถูกใจหรืออย่างไรก็แล้วแต่นะเจ้าค่ะ...เอาเป็นว่า คุณน้ำในตอนนั้น กับ ตอนนี้แตกต่างกันมากมายพอดูเชียวค่ะ


สาธุนะคะ กับสิ่งที่เปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดี





สาธุค่ะคุณมด :b8:
อันนี้ขอเล่าสู่กันฟังนะคะ เผื่อจะมีประโยชน์กับคนอื่นๆ :b48:

คิดถึงคนเก่าๆในห้องสนทนานะคะ โดยเฉพาะ คุณไข่ ที่น้ำนับถือเสมอมา ที่มาช่วยเคาะกิเลสให้
น้ำหายหน้าจากห้องสนทนาไปหนึ่งปีเต็มๆ หลังจากที่ฟัดกับกิเลสแบบแหลกลานในห้องสนทนา :b32:

ถึงขอบพระคุณท่านสายลมและทีมงานที่ดูแลบอร์ดนี้บ่อยๆ :b8:
บอร์ดที่ดีแบบนี้หาได้ยากมากๆค่ะ เป็นที่ขัดเกลากิเลสชั้นเลิศ โดยเฉพาะห้องสนทนา
ที่เรามาโพสๆกันนี่ กิเลสทั้งนั้นแหละค่ะ กิเลสอยากจะพูด น้ำเองยังมีอยู่ค่ะ :b32:

จำพี่ ลั่นทม หรือ ลีลาวดี ได้ไหมคะ?
น้ำยังระลึกถึงความเมตตาที่ท่านสายลมเมตตาต่อพี่เขามากๆเลย
ถ้าเป็นบอร์ดอื่นๆ คงจะแบนยูสเซอร์และไอพี

คุณมดจำคำว่า " ต้นจิต " ได้ไหมคะ ที่คุณมดเคยนำมาเล่าสู่กันฟังในห้องสนทนา
คำๆนั้น ทำให้น้ำเกิดความสนใจ ว่า มันคืออะไร แล้วต้องทำยังไง

ตั้งแต่นั้นมา ก็ตั้งใจปฏิบัติแนวสติปัฏฐาน 4 มาอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งมาถึงทุกวันนี้
สภาวะที่แปรเปลี่ยนไปเรื่อยๆ สติ สัมปชัญญะที่มีมากขึ้น
ทำให้เห็นตามความเป็นจริงมากขึ้น แยกแยะถูกผิดได้มากขึ้น
ที่พึ่งของเราทุกๆคนคือ สติ สัมปชัญญะ นี่เองแหละค่ะ ไม่ใช่ไปพึ่งสิ่งที่อยู่นอกตัวของเรา

การที่มีสติเห็นตามความเป็นจริงในระดับหนึ่ง ทำให้เราไม่ไปยึดติดกับบัญญัติ
มีแต่ดูกายและจิตของตัวเองมากขึ้น ดูสิ่งที่กระทบ ดูกิเลสที่เกิดขึ้น สิ่งที่เป็นตัววัดผลของการปฏิบัติ
คือ กิเลสที่เบาบางลงไป กับ สติ สัมปชัญญะที่เพิ่มมากขึ้น นี่แหละค่ะตัววัดผล

เห็นกายในกาย เห็นเวทนาในเวทนา เห็นจิตในจิต เห็นธรรมในธรรม ถ้าเราเห็นตรงนี้ของเราได้
ของคนอื่นๆไม่แตกต่างจากเราหรอกค่ะ ที่มีแตกต่าง เพราะกิเลสทำให้เห็นว่าแตกต่าง

เมื่อเราอ่านกิเลสของเราได้ เราก็อ่านกิเลสของคนอื่นๆได้ เพราะเขากับเราไม่มีความแตกต่างกันเลย
ก็เลยทำให้รู้สึกว่า ติดหนี้บุญคุณกับบอร์ดนี้มากๆ ที่มีส่วนทำให้น้ำได้มาเติบโต มีชีวิตใหม่ในทุกวันนี้
ตอนนี้เลยตั้งใจไว้ว่า จะหาแต่สิ่งที่ดี ที่น้ำมองว่า มีแต่ประโยชน์มาโพสที่บอร์ด
ถึงแม้ว่ามันอาจจะดูไม่มากไม่มาย แต่ก็เต็มใจที่จะให้ค่ะ

ตามอ่านของคุณมดอยู่เหมือนกันค่ะ คุณมดเองก็ก้าวหน้าขึ้นมากนะคะ
บุคคลใดที่หมั่นสำรวม สังวร ระวังในตัวเอง หมั่นเพ่งโทษตัวเอง เพ่งโทษนอกตัวน้อยลง
น้ำมองว่า คนๆนั้นก้าวหน้าค่ะ

คำว่า " ก้าวหน้า " ปกติคำๆนี้ น้ำจะไม่ค่อยพูดค่ะ เพราะมันคือกิเลสตัวหนึ่ง ที่คล้ายๆคำชม
มันมีผลต่อผู้ปฏิบัติ อาจทำให้คนๆนั้นฟังแล้ว เกิด มานะกิเลสขึ้นมาได้
ถ้าคำพูดของน้ำ ทำให้ จิตกระเพื่อม ขออโหสิกรรมด้วยค่ะ :b8:

อนุโมทนากับการปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบด้วยค่ะ :b8:


.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 มี.ค. 2010, 12:13 
 
ออฟไลน์
สมาชิกใหม่
สมาชิกใหม่
ลงทะเบียนเมื่อ: 19 ธ.ค. 2009, 17:48
โพสต์: 1


 ข้อมูลส่วนตัว


ขออนุโมทนากับคุณขงเบ้งฯและคุณ fakemonk ทุกประการในเจตนาดีของท่านครับ ส่วนคนที่เขายังไม่เห็นความจริง ผมก็ว่า ปล่อยเขาไปเถอะครับ สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตอนนี้เขาถูกเบ็ดเกี่ยวแค่ปาก เพราะเห็นแก่อาหารมาล่อ ต่อไปมันคงตกลึกถึงไส้ถึงพุง มีแต่ตายสถานเดียว ใช่ไหมครับ


แก้ไขล่าสุดโดย รักพงศ์ เมื่อ 14 มี.ค. 2010, 12:15, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 มี.ค. 2010, 12:17 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5975

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว



อย่าแช่งตัวเอง มันไม่ดีนา :b32:
หากเข้าใจว่า " สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม " ยอมเข้าใจว่า
ทุกอย่างมันมีเหตุ ผลจึงเป็นฉะนี้แล :b41:

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 มี.ค. 2010, 17:00 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 ม.ค. 2010, 04:38
โพสต์: 376

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


walaiporn เขียน:
....ฯลฯ.....
สภาวะแปรเปลี่ยนตลอดเวลา อดีต ปัจจุบัน อนาคต มันชี้ให้เห็นๆอยู่แล้ว
.....ฯลฯ.....



สวัสดีครับ คุณwalaiporn


ขอหนับหนุน ประโยคข้างต้น....ครับ
หลักฐานมีอยู่.......คือ
หากท่านใด่ที่เคยฟังพระสวดพระอภิธรรม (บทสวดธัมมสังคณีมาติกา)
พระท่านจะสวดว่า "กุสลา ธมฺมา อกุสลา ธมฺมา....ฯลฯ.....


......อตีตา ธมฺมา อนาคตา ธมฺมา ปจฺจุปฺปนฺนา ธมฺมา ,
อตีตารมฺมณา ธมฺมา อนาคตารมฺณา ธมฺมา ปจฺจปฺปนฺนารมฺมณา ธมฺมา...ฯลฯ...

แปลว่า

"สภาวะธรรมทั้งหลาย ที่เป็น อดีต , อนาคต , ปัจจุบัน...มีอยู่ ,
สภาวะธรรมทั้งหลายที่มีอารมณ์เป็นอดีตธรรม อนาคตธรรม ปัจจุบันธรรม หรือ
ทำอดีตธรรม อนาตคธรรม ปัจจุบันธรรม ให้เป็นอารมณ์....มีอย่"



ขอนุโมทนาครับ


แก้ไขล่าสุดโดย Eikewsang เมื่อ 14 มี.ค. 2010, 17:16, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 มี.ค. 2010, 17:16 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 ม.ค. 2010, 04:38
โพสต์: 376

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


walaiporn เขียน:

...ฯลฯ...ทุกอย่างมันมีเหตุ ผลจึงเป็นฉะนี้แล


เห็นด้วยอีกละ...."สัตว์โลก"....บางตัวโดนฉมวกแห่งกิเลสปักหลังอยู่ แต่ไม่รู้ตัว

เพราะไม่เข้าใจว่า "ความจริง" ที่รู้เป็น "อธรรม" ของคนพาล

จึงไปแบกฉมวกแห่งโทสะ ผสมโมหะ เที่ยวตะเวนดูทุกข์ภายนอก

แต่เบาปัญญา ไม่เฉลียวพอที่จะ พิจารณาทุกข์ภายใน

ขออนุโมทนาสำหรับธรรมเทศนาที่คุณ walaiporn โปรดสัตว์ข้างต้น


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 มี.ค. 2010, 17:18 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 21 ก.ย. 2007, 17:49
โพสต์: 1720

ที่อยู่: สุโขทัยธานี

 ข้อมูลส่วนตัว


:b9:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 มี.ค. 2010, 17:30 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5975

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


Eikewsang เขียน:
walaiporn เขียน:

...ฯลฯ...ทุกอย่างมันมีเหตุ ผลจึงเป็นฉะนี้แล


เห็นด้วยอีกละ...."สัตว์โลก"....บางตัวโดนฉมวกแห่งกิเลสปักหลังอยู่ แต่ไม่รู้ตัว

เพราะไม่เข้าใจว่า "ความจริง" ที่รู้เป็น "อธรรม" ของคนพาล

จึงไปแบกฉมวกแห่งโทสะ ผสมโมหะ เที่ยวตะเวนดูทุกข์ภายนอก

แต่เบาปัญญา ไม่เฉลียวพอที่จะ พิจารณาทุกข์ภายใน

ขออนุโมทนาสำหรับธรรมเทศนาที่คุณ walaiporn โปรดสัตว์ข้างต้น





ขออภัยนะคุณ Eikewsang :b8:

เขา เรา ล้วนไม่มีความแตกต่างกันเลย
เราว่าเขา คำพูดนั้นก็ย้อนกลับมาหาเรา
เราต้องหมั่นฝึกที่จะไม่ไปว่าใคร

เวลาพูด เราต้องพูดด้วยเหตุและผล
พึงระวังยาพิษที่เราไปหยิบยื่นให้คนอื่นๆด้วยความไม่ร้ ( คำสรรเสริญ )

และขออภัยต่อคำกล่าวนี้จริงๆค่ะ ไม่อาจจะรับได้
" สำหรับธรรมเทศนาที่คุณ walaiporn โปรดสัตว์ข้างต้น "

ตราบใดที่ยังเป็นมนุษย์ผู้ที่ยังฝึกตนอยู่
ยังมีกิเลสอยู่ อาจจะมากน้อยแตกต่างกันไปบ้าง
เรา เขา ล้วนผิดพลาดกันได้ค่ะ
ใครเชื่อใคร ใครไม่เชื่อใคร ทุกอย่างล้วนมีเหตุมาก่อน ผลเลยเป็นเช่นนี้
จงเป็นผู้ฝึกตนโดยแนวทางสติปัฏฐาน ๔ ดีกว่าค่ะ

ฝึกดูกิเลสของตัวเอง ยามเกิดการกระทบ
ความชอบหรือความชัง ขณะที่เกิดผัสสะ

ฝึกใช้คำพูด ที่ไม่ไปเบียดเบียนใครๆ
เรามีสถานที่ฝึกชั้นดี ควรใช้ให้เป็นประโยชน์ดีกว่าค่ะ

สถานที่ฝึกชั้นดีภายในที่มีมาตั้งแต่เกิดคือ กายและใจของเรา
สถานที่ฝึกชั้นดี ภายนอก คือ บอร์ดนี้แหละค่ะ

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 มี.ค. 2010, 09:45 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 ม.ค. 2010, 04:38
โพสต์: 376

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


walaiporn เขียน:

ขออภัยนะคุณ Eikewsang :b8:

เขา เรา ล้วนไม่มีความแตกต่างกันเลย
เราว่าเขา คำพูดนั้นก็ย้อนกลับมาหาเรา
เราต้องหมั่นฝึกที่จะไม่ไปว่าใคร

เวลาพูด เราต้องพูดด้วยเหตุและผล
พึงระวังยาพิษที่เราไปหยิบยื่นให้คนอื่นๆด้วยความไม่ร้ ( คำสรรเสริญ )

และขออภัยต่อคำกล่าวนี้จริงๆค่ะ ไม่อาจจะรับได้
" สำหรับธรรมเทศนาที่คุณ walaiporn โปรดสัตว์ข้างต้น "

ตราบใดที่ยังเป็นมนุษย์ผู้ที่ยังฝึกตนอยู่
ยังมีกิเลสอยู่ อาจจะมากน้อยแตกต่างกันไปบ้าง
เรา เขา ล้วนผิดพลาดกันได้ค่ะ
ใครเชื่อใคร ใครไม่เชื่อใคร ทุกอย่างล้วนมีเหตุมาก่อน ผลเลยเป็นเช่นนี้
จงเป็นผู้ฝึกตนโดยแนวทางสติปัฏฐาน ๔ ดีกว่าค่ะ

ฝึกดูกิเลสของตัวเอง ยามเกิดการกระทบ
ความชอบหรือความชัง ขณะที่เกิดผัสสะ

ฝึกใช้คำพูด ที่ไม่ไปเบียดเบียนใครๆ
เรามีสถานที่ฝึกชั้นดี ควรใช้ให้เป็นประโยชน์ดีกว่าค่ะ

สถานที่ฝึกชั้นดีภายในที่มีมาตั้งแต่เกิดคือ กายและใจของเรา
สถานที่ฝึกชั้นดี ภายนอก คือ บอร์ดนี้แหละค่ะ


ขออภัยที่อาจทำให้เข้าใจผิดใน "บัญญัติ" ครับ

คำว่า "สัตว์" หากไปใช้ในหน้าการเมือง ธุรกิจ อาจจะเป็นคำหยาบคายมากๆ
แต่ในหน้าศาสนาแล้ว เป็นคำทั่วไปครับ

เนื่องจาก ผมเห็นว่า มีคำว่า
"สัตว์" โลกย่อมไปเป็นไปตามกรรม
คือ........
walaiporn เขียน:

อย่าแช่งตัวเอง มันไม่ดีนา :b32:
หากเข้าใจว่า " สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม " ยอมเข้าใจว่า
ทุกอย่างมันมีเหตุ ผลจึงเป็นฉะนี้แล :b41:


ซึ่งผมก็ต้องคิดว่า คุณ walaiporn หมายถึง
"สัตว์" ในความหมายทางพุทธศาสนา

ผมเองก็เป็น "สัตว์" ในสังสารวัฏฏ์นี้จำพวกหนึ่ง
อยู่ใน มนุสสภูมิ หรือ มนุษยภูมิ (1)
ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ สัตว์ที่อยู่ในภูมิที่เรียกว่า ...."กามภูมิ (11)"

ยังมี "สัตว์" จำพวกอื่น คือ พวกที่อยู่ใน "เทวภูมิ (6) "

ซึ่ง มนุษย์และเทวดานั้น อยู่ใน "กามสุคติภูมิ (7)"

นอกจากนี้มี ที่อยู่ภูมิต่ำลงไปคือ พวกที่อยู่ใน

"กามทุคติภูมิ" หรือ อบายภูมิ (4)

มี สัตว์นรก เปรต อสุรกาย และ เดียรัจฉาน (รวมเรียกว่า "อบายสัตว์")

นอกจากนี้ ยังมีอีก คือ พวก รูปพรหม 16 อรูปพรหม 4

รวมมีสัตว์ทั้งสิ้น 31 ภูมิ

คำว่า "สัตว์" ทั้งหลายย่อมไปเป็นไปตามกรรม

นั้นก็หมายถึง สัตว์ทั้ง 31 ภูมินี้

เพราะยังคงต้องเวียนว่าย เกิดต่ายกันอยู่ร่ำไป

ยกเว้นบางภูมิที่จะไม่ไปเกิดในภูมิที่ต่ำลง

ดังนั้น "สัตว์" ในแต่ละภูมิย่อมมีอัธยาศัย หรือ กิเลส ในตามภูมิที่ตนจุติ เช่น
พรหม ย่อมที่กิเลส แบบพรหม
เทวดา ย่อมมีกิเลสแบบเทวดา
มนุษย์ ก็ย่อมตั้งมีกิเลส แบบมนุษย์
อบายสัตว์ในแต่ละภถูมิก็ย่อมมีกิเลสตามภูมิของตนเองเช่นกัน

แม้แต่พระอนาคา มี ซึ่งเป็นพระอริยะที่ใกล้พระอรหันต์ที่สุด
ก็ยังนับว่าเป็นสัตว์ ซึ่งยังต้องเวียนเกิดเวียนตาย
และก็ต้องไปเกิดเป็น "สัตว์" กามสุคติภูมิ 7 หรือ พรหมภูมิ 19 (เว้นอสัญญสัตตาภูมิ)
(อสัญญา + "สัตว์" + ภูมิ)
และก็ยังคงมี "กิเลส" แบบ พระอนาคามี
เพียงแต่ของท่านนั้น เหลือ....น้อยนิด ไม่มีโทสะโดยสิ้นเชิง

เหลือแต่ โลภชนิดหยาบๆ เช่น อยากเป็นพระอรหันต์ และโมหะชนิด อุทธัจจสัมปยุตตจิตเท่านั้น

คำว่า ...."สัตว์" โลกย่อมเป็นไปตามกรรม...
ในกระทู้ของ คุณwalaiporn
ผมย่อมเข้าใจว่า หมายถึง "สัตว์ใน 31" ภูมิดังกล่าว


"สัตว์" ทั้งหลายเหล่านั้น หากไม่ถูกปิดกั้นย่อมสามารถมารับรู้
"ธรรมเทศนา" ที่.... คุณแสดง....ลงในลานแห่งนี้ได้ เท่าถึงกันทุกสัตว์



สิ่งหนึ่งที่ต้องทำความเข้าใน คือ
การสนทนาธรรมนั้น ภาษาที่ใช้ย่อมต้องเป็นตาม

"บัญญัติ"

ที่เรียนใช้กันในแวดวงศาสนา


ตัวอย่างเช่น

หากมีผู้อื่นกล่าวในหน้าสนทนาธรรม ถึงผมว่า เป็นคมมี "มานะ"
ผมก็ต้องเข้าใจว่า ถูก........"ตำหนิ"

เพราะ "มานะ" นั้น เป็นกิเลสชนิดหนึ่ง ที่หมายถึง
การเย่อหยิ่ง ทะนง หลงตนเอง
(ซึ่งภาษาทางโลกมักเรียกว่า "อัตตา")

แต่ถ้าคำว่า "มานะ" ไปใช้ในทางโลก
กลับกลายเป็นคำชมว่า โดยมีความหมายว่า เป็นผู้มีพยายาม มีความเพียร
(ทางธรรมเรียกว่า "วิริยะ)

-------------------------------------------------------------

จากคำอธิบายข้างต้น ...........

ผมเห็นว่า "ภาษา" ซึ่งเป็น "บัญญัติ"
(คือ คำที่มนุษย์กำหนดขึ้นเพื่อสื่อสารกัน)

ก็เป็นเพียงภาษาที่ "ผู้ศึกษาธรรม"
ย่อมต้องเข้าใจโดยความหมายเดียวกัน

โดยเฉพาะผมใช้ภาษาดังกล่าวในหน้า "สนทนาธรรม"
และเป็นคำที่ใช้ต่อเนื่องมาจาก ประโยคอื่นที่กล่าวถึงอยู่ก่อนแล้ว
จึงไม่มีความหมายโดยตรงใดๆ อันเป็นการด่าว่า ผู้อื่น


ผมจึงคงต้องขอยื่นยันคำกล่าวเดิม......ครับ

ส่วน ธรรมเทศนา อื่นๆ ที่คุณ walaiporn ได้แสดง....ต่อจาก...ถ้อยคำตำหนิผมนั้น
หวังอย่างยิ่งว่า ธรรมทั้งหลายเหล่านั้นเป็นสภาวะที่....เกิดจากการปฏิบัติของ ....คุณwalaiporn

นั่นหมายถึงว่า คุณwalaiporn ได้นำธรรมนั้นกล่อมเกลาตนเอง
จนเข้าถึงสภาวะดังกล่าวได้เนืองๆ แล้ว.....จึงเห็นว่าดี และนำมาโปรด สัตว์อื่น

สำหรับผมก็เป็นผู้ฝึกตนคนหนึ่งเช่นกัน ทั้งได้มีโอกาสร่ำเรียน ธรรมมาบ้าง
จึงพอเข้าใจ และพอรับรู้สภาวะดังกล่าวมาไม่น้อย

และ......เห็นด้วย ธรรมเทศนาดังกล่าว

-------------------------------------------

อย่างไรก็ดี .... เหตุที่ผมตอบกระทู้ของคุณwalaiporn

เนื่องจาก ผมเป็น จขกท. เมื่อมีบุคคลเข้ามาในกระทู้ที่ตนเองเขียน

และผมเห็นว่า มี "อัธยาศัย....ในกระทู้นั้นๆ" คล้อยตามกัน
ก็เพียงออกมา แสดงมารยาท ซึ่งผมเห็นว่า ในสังคมออนไลน์ ควรกระทำ

สุดท้ายนี้ก็ยังคงต้อง....ขอแสดงอนุโมทนา ใน "ธรรมเทศนากุศล" โปรดสัตว์ ที่อ้างถึงข้างต้น

อันจะยังให้เป็น ปัตตานุโมทนามหากุศล ยิ่งๆ ขึ้นไป


ขออนุโมทนาครับ


แก้ไขล่าสุดโดย Eikewsang เมื่อ 15 มี.ค. 2010, 09:50, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 มี.ค. 2010, 14:28 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 21 มี.ค. 2009, 20:48
โพสต์: 744


 ข้อมูลส่วนตัว


walaiporn เขียน:
ขงเบ้งเทพแห่งกลยุทธ์ เขียน:

พระอริยอะไรด่า พระอริย ไม่มี มันเป็นอฐานะ

มาบอกว่า อฐานะ เป็น ฐานะ

พระโกหก มาบอกพระนี่ดีใช้ได้

ก็โกหกจริงๆ แล้วอ้างอะไร

ไม่มีหรอกของเก่า ของใหม่ มาพูดแล้วไม่ตรงกัน อันนี้ ถ้าธรรมตรงแล้ว ของเก่า ของใหม่ ตรงกัน ไม่ตรงกัน ไม่มี

ธรรมะ ถ้าสำเร็จแล้ว ตรงกันหมด ไม่เพี้ยน ไม่ล้มล้างครูอาจารย์ ไอ้ที่ล้มล้างครูอาจารย์ มันผิด

ไปอ้างอะไร มันผิดอยู่แล้ว

ไปอ้างวิบากกรรมมันเป็นเช่นนั้น ก็ไอ้ของปลอมมันเป็นเช่นนั้นไงละ






นี่แหละดีแต่คุยไปวันๆ แต่ไม่รู้จัก " ธรรมะ " :b1:
ถ้ารู้จัก " ธรรมะ " ก็ต้องรู้จัก " สภาวะ " รู้ว่า รู้แค่ไหน พูดได้แค่นั้น
จะมาพูดเกินสิ่งที่รู้ไปไม่ได้หรอก :b1:

พูดเรื่อยเจื้อยไปนะ พูดได้ยังไงว่า " ไม่มีของเก่า ไม่มีของใหม่ "
สภาวะแปรเปลี่ยนตลอดเวลา อดีต ปัจจุบัน อนาคต มันชี้ให้เห็นๆอยู่แล้ว
จ้องเพ่งโทษผู้อื่น ไม่รู้จักเพ่งโทษตัวเอง เลยเป็นแบบนี้แหละ :b48:



ท่าน walaiporn ธรรมะอันไหน เก่า อันไหน ใหม่ ธรรมะมันเป็นปัจจุบันเสมอ

ท่านไม่มีสติปัญญา พอจะรู้ จักธรรมะ ได้แต่พูดเรื่อยเจื้อยไป วันหนึ่งวันหนึ่ง

นี่เค้าไม่เรียกเพ่งโทษ เพ่งอะไรโทษ คนตาบอดมันมองไม่เห็นไง

พอจุดไฟขึ้นมา ไอ้คนจะไปดับไฟ มันบอกว่ามาชวนทะเลาะ

สติปัญญา ง่ายๆ แค่นี้ยังดูไม่ออกเลย มาดับ ไฟ มันบอกเพ่งโทษ ไปเพ่งอะไร

ท่าน walaiporn หัดใช้สติปัญญา มองสภาวะธรรมบ้าง

แยกให้มันออก ใครจุดไฟ ใครดับไฟ

ธรรมะมันเป็น ปัจจัตตัง แล้ว ท่าน walaiporn ไปรู้ภูมิธรรม ภูมิ สติปัญญา ของ คนอื่นหรือไง

สภาวะธรรมมันชี้ว่าท่านไม่มีภูมิปัญญา ลุ่มๆเดาๆ ว่าท่านนั้น เป็นแบบนี้แบบนั้น

ตาบอดจนกระทั่งว่า ไอ้คนดับไฟ เป็นคนจุดไฟ ไอ้ตัวที่จุดไฟ กลับบอก ธรรมะพูดเวลาไหน มันไม่ตรงกัน

ธรรมะพระพุทธเจ้า เป็นอันเดียว กัน หมด เป็นไปเพื่อ มรรค ผล พระนิพพาน

ธรรมะ มันอยู่กับปัจจุบัน ใบลานมองไม่เห็นหรอก เอาอันนั้น อันนี้มาอ้าง

จะไปอ้างอะไร ตาบอดอยู่แล้ว ธรรมะพระพุทธเจ้า เป็นอันหนึ่งอันเดียว

ธรรมะจะแสดงในอดีต ปัจจุบัน อนาคต ถ้ารู้จริงแล้ว ตรงกันหมด ไม่อ้อม ไปอ้างแบบนั้นแบบนี้

ของมันจริงอยู่แล้ว อย่าไปอ้างเลย คนมืดบอด ไม่รู้จัก หน้าว่าง หลังว่าง ปัจจุบันนธรรม เป็นอารมณ์ไปทุกขณะ

ไปติดสัญญาภาพ มืดบอด อวิชชา

ไม่ได้ตรงการมาทะเลาะกับผู้ใด แต่แจง เหตุ แจงผล แจง สภาวะธรรม

ให้ใบลานมืดบอดจะได้ตาดีบ้าง

.....................................................
“เวลาทำสมาธิ ให้ระลึกลมหายใจเข้าออก ให้รู้ลมหายใจเข้าออก ไม่ต้องบังคับลมหายใจ ตามรู้ลมหายใจเข้าออก สงบก็รู้ ไม่สงบก็รู้ สงบก็ไม่ยินดี ไม่สงบก็ไม่ยินร้าย ไม่เอาทั้งสงบและไม่สงบ เอาแค่รู้ตามความเป็นจริงของสภาวธรรมปัจจุบันนั้น”

ธรรมเหล่านี้เป็นไปเพื่อคลายกำหนัด
เป็นไปเพื่อไม่ประกอบสัตว์ไว้
เป็นไปเพื่อไม่สั่งสมกิเลส
เป็นไปเพื่อความเป็นผู้มักน้อย
เป็นไปเพื่อสันโดษ
เป็นไปเพื่อความสงัดจากหมู่คณะ
เป็นไปเพื่อปรารภความเพียร
เป็นไปเพื่อความเป็นคนเลี้ยงง่าย


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 มี.ค. 2010, 14:32 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 21 มี.ค. 2009, 20:48
โพสต์: 744


 ข้อมูลส่วนตัว


รักพงศ์ เขียน:
ขออนุโมทนากับคุณขงเบ้งฯและคุณ fakemonk ทุกประการในเจตนาดีของท่านครับ ส่วนคนที่เขายังไม่เห็นความจริง ผมก็ว่า ปล่อยเขาไปเถอะครับ สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตอนนี้เขาถูกเบ็ดเกี่ยวแค่ปาก เพราะเห็นแก่อาหารมาล่อ ต่อไปมันคงตกลึกถึงไส้ถึงพุง มีแต่ตายสถานเดียว ใช่ไหมครับ



อิอิ พี่พงค์ อิอิ

.....................................................
“เวลาทำสมาธิ ให้ระลึกลมหายใจเข้าออก ให้รู้ลมหายใจเข้าออก ไม่ต้องบังคับลมหายใจ ตามรู้ลมหายใจเข้าออก สงบก็รู้ ไม่สงบก็รู้ สงบก็ไม่ยินดี ไม่สงบก็ไม่ยินร้าย ไม่เอาทั้งสงบและไม่สงบ เอาแค่รู้ตามความเป็นจริงของสภาวธรรมปัจจุบันนั้น”

ธรรมเหล่านี้เป็นไปเพื่อคลายกำหนัด
เป็นไปเพื่อไม่ประกอบสัตว์ไว้
เป็นไปเพื่อไม่สั่งสมกิเลส
เป็นไปเพื่อความเป็นผู้มักน้อย
เป็นไปเพื่อสันโดษ
เป็นไปเพื่อความสงัดจากหมู่คณะ
เป็นไปเพื่อปรารภความเพียร
เป็นไปเพื่อความเป็นคนเลี้ยงง่าย


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 มี.ค. 2010, 14:51 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 ม.ค. 2010, 04:38
โพสต์: 376

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


สงฆ์ตำหนิสงฆ์

ก็เรื่องของสงฆ์

viewtopic.php?f=1&t=30012


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 มี.ค. 2010, 14:56 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ค. 2008, 14:14
โพสต์: 3835

อายุ: 12
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


ขอประนามคุณรักพงศ์และคุณ fakemonk

มีอย่างที่ไหน พระเขาบวชต้องตามพระธรรมวินัย
ไปด่าเขาว่าพระปลอม
ปฏิเสธสังฆกรรมของพระอุปปัชฌาย์จารย์ และคณะสงฆ์ที่ญัตติบวช
เท่ากับปฏิเสธพระธรรมวินัย

จะเอาเขาออกจากพระก็ต้องทำตามพระธรรมวินัย
เขาไม่ถูกไม่ควร หรืออะไรก้ต้องชำระอธิกรณ์ ตามสังฆประเพณี

นี่ทำตัวสกปรก โจมตีอย่างน่ารังเกียจ
ไปด่าเขาว่าเขาล้างครู
ตัวเองนั่นแหละเรียนจากเขา ตอนนี้ก็ล้างเขา
น่าละอาย


แก้ไขล่าสุดโดย ชาติสยาม เมื่อ 15 มี.ค. 2010, 14:57, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 มี.ค. 2010, 16:22 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7502

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


tongue
:b1:
...ถือศีล 5 หนึ่งร้อยวันเท่ากับถือศีล 8 หนึ่งวัน...
...ถือศีล 8 หนึ่งร้อยวันเท่ากับถือศีล 10 หนึ่งวัน...
...ถือศีล 10 หนึ่งร้อยวันเท่ากับถือศีล 227 หนึ่งวัน...
...อย่าประมาทด้วยการคอยตำหนิติเตียนอยู่เลย...
...อันเป็นการทำลายศีลประจำตนให้บกพร่อง...
...เพราะเมื่อกายและวาจาไม่ทำผิดศีลก็ไม่ขาด...
...ทุกท่านล้วนมีใจใฝ่ธรรมะ...ขอจงระมัดระวังในการแสดงธรรม...
:b20:
...คติธรรมหลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืด...
...พูดมากเสียมาก พูดน้อยเสียน้อย ไม่พูดไม่เสีย นิ่งเสียโพธิสัตว์...
...คาถาบูชาหลวงปู่ทวดฯ (ตั้งนะโม 3 จบ)...
...นะโมโพธิสัตโต อาคันติมายะ อิติภะคะวา (ว่า3 จบ)
:b8: :b12:
:b42: :b42: :b42: :b42: :b42:


แก้ไขล่าสุดโดย Rosarin เมื่อ 15 มี.ค. 2010, 16:23, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 มี.ค. 2010, 18:55 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5975

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว



คุณ Eikewsang cool
นี่แหละการพูดคุยผ่านตัวหนังสือ ปกติเราเป้นคนไม่ชอบอธิบายอะไรมากมายหรอกนะ
พูดตรงๆนะว่า บางครั้งมันน่าเบื่อ เบื่ออันนี้ไม่ได้เจาะจงว่าใครนะคะ
เดี๋ยวจะมาตีความให้เพี้ยนๆกันไปอีก

ส่วนมากชอบเอานิสัยของตนเองมาตัดสินผู้อื่นว่าจะต้องมีการกระทำเหมือนตัวเอง
พอสพช่องโอกาสก็ทำตัวเป็นคลื่นแทรกทันที


เรื่องที่คุณ Eikewsang พูดมานั้น เรื่องสัตว์โลกเป็นไปตามกรรมอะไรนั่น เข้าใจผิดกันใหญ่โต
ถึงขนาดต้องยกตำรับตำรามาอธิบายกัน

เราหมายถึงคำพูดนี้ ที่ว่าเราไม่ขอรับหรือรับไม่ได้
คำว่า " ธรรมเทศนา - โปรด "
เรามองว่า เรายังเป็นผู้ฝึกตนอยู่ เราไม่ใช่พระ คำเหล่านี้ รู้อยู่ว่าป็นบัญญัติ
แต่อย่าลืมว่า บัญญัติก็สามารถกลายเป็นยาพิษให้กับคนอื่นๆได้
ถ้าไม่รู้จักใช้ เท่ากับเราไปสร้างเหตุใหม่ที่เป็นอกุศลด้วยความไม่รู้

เราเองหมั่นระวังตัวเองตลอดเวลา เพราะคน เข้าใจคำว่า " คน " ใช่ไหมคะ?
" คน " ส่วนมาก ชอบการยกยอปอปั้น หรือคำสรรเสริญเยินยอ
แรกๆดูเหมือนจะไม่มีอะไร พอเสพเข้าไปบ่อยๆ จิตเลยลำพอง
จากของดี เลยกลับกลายเป็นยาพิษไป

หวังว่าคุณ Eikewsang คงเข้าใจในสิ่งที่เราต้องการสื่อไปนะคะ
ไม่ใช่แบบที่คุณพูดมา

แล้วก็ขอชี้แจง ที่บอกว่า ในการที่จะไม่ไปเพ่งโทษผู้อื่น
ตรงนี้มันชัดเจนมากๆ คือ ไม่ใช่แค่คำตำหนิติติง แต่เป็นการเพ่งโทษเต็มตัว
ขออภัยนะคะ ไม่ก๊อป เพราะขี้เกียจนั่งลบเอาแค่ข้อความที่ต้องการ



" เห็นด้วยอีกละ...."สัตว์โลก"....บางตัวโดนฉมวกแห่งกิเลสปักหลังอยู่ แต่ไม่รู้ตัว

เพราะไม่เข้าใจว่า "ความจริง" ที่รู้เป็น "อธรรม" ของคนพาล

จึงไปแบกฉมวกแห่งโทสะ ผสมโมหะ เที่ยวตะเวนดูทุกข์ภายนอก

แต่เบาปัญญา ไม่เฉลียวพอที่จะ พิจารณาทุกข์ภายใน "



ตรงนี้แหละค่ะ ที่เราบอกว่า อย่าไปเบียดเบียนกันด้วยคำพูด
เพราะเราเจอสิ่งเหล่านี้มาด้วยตัวเองหมดแล้ว

คำพูดทุกคำพูดที่พูดออกไปนั้น มันจะย้อนกลับมาหาเราหมด คือ ส่งผลให้กับเรา
แม้เป็นเพียงตัวหนังสือก็ตาม แต่นี่คือความคิดของคนๆนั้น
แล้วกระทำออกมาด้วยการพิมพ์ข้อความที่คิดลงมา
ไม่ได้บอกว่าให้เชื่อในสิ่งที่เราพูดมาทั้งหมดนะคะ
เพียงแต่ชี้ให้เห็นว่า เราผ่านสิ่งเหล่านี้มาหมดแล้ว
และไม่อยากให้ผู้ปฏิบัติอื่นๆที่คิดว่า แค่ตัวหนังสือ ไม่น่าจะส่งผลอะไรนั้น
มันมีการส่งผลให้แก่ผู้โพสจริงๆ เพียงแต่ว่า จะช้าหรือเร้วตามวาระกรรมของคนๆนั้นเท่านั้นเองค่ะ
ขึ้นชื่อว่า อกุศลกรรม อย่าไปแตะต้องจะดีกว่าค่ะ
จะเชื่อหรือไม่เชื่อก็ไม่เป็นไรนะคะ เพียงแต่ว่า เห็นว่าคุณยินดีรับฟังความคิดเห็นกัน
เราถึงได้พูดมายืดยาวขนาดนี้


ส่วนคำพูดนี้ ของคุณรักพงศ์



" ส่วนคนที่เขายังไม่เห็นความจริง ผมก็ว่า ปล่อยเขาไปเถอะครับ สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม
ตอนนี้เขาถูกเบ็ดเกี่ยวแค่ปาก เพราะเห็นแก่อาหารมาล่อ ต่อไปมันคงตกลึกถึงไส้ถึงพุง
มีแต่ตายสถานเดียว ใช่ไหมครับ "



เห็นเขาพูดมาแบบนี้ เราถึงถามกลับไปว่า ไปแช่งตัวเองทำไม

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 มี.ค. 2010, 19:02 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5975

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


ขงเบ้งเทพแห่งกลยุทธ์ เขียน:


ท่าน walaiporn ธรรมะอันไหน เก่า อันไหน ใหม่ ธรรมะมันเป็นปัจจุบันเสมอ
ท่านไม่มีสติปัญญา พอจะรู้ จักธรรมะ ได้แต่พูดเรื่อยเจื้อยไป วันหนึ่งวันหนึ่ง
นี่เค้าไม่เรียกเพ่งโทษ เพ่งอะไรโทษ คนตาบอดมันมองไม่เห็นไง
พอจุดไฟขึ้นมา ไอ้คนจะไปดับไฟ มันบอกว่ามาชวนทะเลาะ
สติปัญญา ง่ายๆ แค่นี้ยังดูไม่ออกเลย มาดับ ไฟ มันบอกเพ่งโทษ ไปเพ่งอะไร

ท่าน walaiporn หัดใช้สติปัญญา มองสภาวะธรรมบ้าง
แยกให้มันออก ใครจุดไฟ ใครดับไฟ
ธรรมะมันเป็น ปัจจัตตัง แล้ว ท่าน walaiporn ไปรู้ภูมิธรรม ภูมิ สติปัญญา ของ คนอื่นหรือไง
สภาวะธรรมมันชี้ว่าท่านไม่มีภูมิปัญญา ลุ่มๆเดาๆ ว่าท่านนั้น เป็นแบบนี้แบบนั้น
ตาบอดจนกระทั่งว่า ไอ้คนดับไฟ เป็นคนจุดไฟ ไอ้ตัวที่จุดไฟ กลับบอก ธรรมะพูดเวลาไหน มันไม่ตรงกัน ธรรมะพระพุทธเจ้า เป็นอันเดียว กัน หมด เป็นไปเพื่อ มรรค ผล พระนิพพาน
ธรรมะ มันอยู่กับปัจจุบัน ใบลานมองไม่เห็นหรอก เอาอันนั้น อันนี้มาอ้าง
จะไปอ้างอะไร ตาบอดอยู่แล้ว ธรรมะพระพุทธเจ้า เป็นอันหนึ่งอันเดียว
ธรรมะจะแสดงในอดีต ปัจจุบัน อนาคต ถ้ารู้จริงแล้ว ตรงกันหมด ไม่อ้อม ไปอ้างแบบนั้นแบบนี้
ของมันจริงอยู่แล้ว อย่าไปอ้างเลย คนมืดบอด ไม่รู้จัก หน้าว่าง หลังว่าง ปัจจุบันนธรรม เป็นอารมณ์ไปทุกขณะ ไปติดสัญญาภาพ มืดบอด อวิชชา
ไม่ได้ตรงการมาทะเลาะกับผู้ใด แต่แจง เหตุ แจงผล แจง สภาวะธรรม
ให้ใบลานมืดบอดจะได้ตาดีบ้าง







คุณขงเบ้ง มาเล่าเรื่องของคุณให้ฟังทำไม ไม่ได้คิดอยากจะรู้สักนิดว่าคุณเป็นยังไง
แหมมมม .. บรรยายมาสะยืดยาว ขอบคุณล่ะที่มาเล่าเรื่องการปฏิบัติให้ฟัง :b1:

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


แก้ไขล่าสุดโดย walaiporn เมื่อ 15 มี.ค. 2010, 19:06, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 34 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 56 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร