วันเวลาปัจจุบัน 25 เม.ย. 2024, 18:08  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กระทู้นี้ถูกล็อก คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความ หรือ ตอบกลับในกระทู้นี้  [ 3 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 มี.ค. 2010, 09:46 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 21 มี.ค. 2009, 20:48
โพสต์: 744


 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
เราจะพูดคำว่าพระป่าพระบ้าน ความเข้าใจผิดนะ พวกเราไปแบ่งกันเองว่าพระป่าหรือพระบ้าน
ความจริงพระก็คือพระ เวลาพระบวชมาน่ะ อุปัชฌาอาจารย์สอนเห็นมั๊ย เวลาบวชพระน่ะ
มันก็ได้กรรมฐานเหมือนกัน เกสา โลมา นขา ทันตา ตะโจ เหมือนกัน

ทีนี่คำสอนว่าพระบ้านพระป่าเนี่ย มันอยู่ที่คำสอนถูกหรือผิด ถ้าคำสอนถูกนะ
พระบ้านก็สอนถูกคือถูกก็ดีงาม ถ้าพระบ้านสอนผิดเราก็หลงทางผิดไปใช่มั๊ย
พระป่าก็เหมือนกันพระป่าสอนถูก สอนถูกคือตรงสู่ธรรม ตรงสู่หัวใจ ตรงสู่การปฏิบัติ มันก็ถูกต้อง
แต่ถ้าพระป่าสอนผิด มันก็ไม่ใช่

ไม่ใช่พระป่า พระบ้านหรอก มันเป็นพระป่าหรือพระโกหกต่างหาก
ถ้าพระป่ามันต้องสอนตามความเป็นจริง ถ้าพระโกหกมันก็สอนไปตามโกหกไปเรื่อยเฉื่อยอย่างงั้นหละ

เพราะรู้จริง แล้วรู้จริงสอนไม่มีผิดเลย แต่ถ้ารู้ปลอมนะ มันโกหกสอนผิดหมดเลย
ถ้าการปฏิบัติมันเป็นความจริง ไม่ใช่วัดป่าสอนแบบวัดป่า วัดป่าคือทำสมาธิ
ผู้ที่อยากมีสมาธิจงมาวัดป่า ไม่ใช่ ถ้าวัดป่ามีสมาธิ หลวงปู่หลุย หลวงปู่ดุลย์
ท่านทำยังไงล่ะ ท่านสอนยังไง ก็เอาข้อเท็จจริง อย่าอ้างว่าสอนแบบวัดป่า ไม่ใช่

ถ้าจิตไม่สงบความคิดก็คิดอยู่อย่างงี้
พระโกหกสอนกันอยู่อย่างเงี้ย ว่างๆๆ ใช้ดูไป เข้าใจไป รู้ไป ปล่อยวางไป
จับปล่อยๆไป มันหุ่นยนต์ทั้งนั้นน่ะ มันเป็นเรื่องของวิทยาศาสตร์ มันไม่ใช่เรื่องของธรรมะ ไม่ใช่เลย ไม่ใช่..

แหม..บอกว่าสอนแบบพระป่าๆ ถ้ามันสอนแบบพระป่า พระป่ามันต้องรู้จักสัมมาสมาธิ
แล้วสัมมาสมาธิมันเกิดบนผู้รู้ ผู้รู้เนี่ยจึงจะเป็นสัมมาสมาธิ แล้วถ้ามันไม่ต้องรักษาผู้รู้
แล้วทำลายผู้รู้ แล้วกำหนดขี้หมามันจะเป็นสัมมาสมาธิได้ยังไง ถ้ามันไม่ใช่สมาธิเนี่ย
มันไม่ใช่พระป่าหรือพระบ้าน มันเป็นพระโกหก ถ้าพระโกหกมันก็สอนโกหกนี่ไง
แต่ถ้าเป็นพระความจริง มันจะมีชั้นตอนเข้ามา

สมาธิไม่ใช่ขาดสติพั๊บสมาธิมันจะมาเอง แล้วถ้าจงใจตั้งใจผิดหมด ถ้าจงใจตั้งใจผิดหมด
แล้วความเพียรชอบมีไว้ทำไม คนจะล่วงพ้นทุกข์ด้วยความเพียร ไม่ใช่ความเพียรขี้ลอยน้ำ
ความเพียรแบบเลื่อนลอยแบบนั้นมันเป็นความเพียรขี้ลอยน้ำเพราะมันตัดรากถอนโคน ตัดรากถอนโคนจิตของตัว

ถ้าสัมผัสธรรมได้จริงไม่พูดโกหกมดเท็จอย่างงั้น โกหกมดเท็จมาตลอด สังโยชน์ขาด
ขาดแล้วก็กลับมาอีก แล้วแว๊บก็เห็นนิพพาน ก็เป็นโสดาบัน พระอรหันต์ไม่มีอะไรเลย
พระอรหันต์เวลาจะนอนนะ ก็ตกภวังค์ไปเลย พระอรหันต์ยังมีภวังค์อีกเหรอ
พระอรหันต์มีภวังค์ที่ไหน ภวังค์ไม่มี ภวังค์ไม่มีหรอก

ถึงบอกว่ามันไม่ใช่พระป่า พระบ้าน มันไม่ใช่ว่าการปฏิบัติมันมีหลากหลาย มันมีถูกมีผิด
เราถึงบอกว่ามันมีพูดจริงกับพูดโกหกไง มันมีพระป่ากับพระโกหกไง ตอนนี้ ....
มันไม่ได้บอกว่าสอนแบบพระป่าหรอก มันสอนแบบพระโกหก จะจบนะ มันพระโกหกน่ะ.....เอวัง

สาธุ

.....................................................
“เวลาทำสมาธิ ให้ระลึกลมหายใจเข้าออก ให้รู้ลมหายใจเข้าออก ไม่ต้องบังคับลมหายใจ ตามรู้ลมหายใจเข้าออก สงบก็รู้ ไม่สงบก็รู้ สงบก็ไม่ยินดี ไม่สงบก็ไม่ยินร้าย ไม่เอาทั้งสงบและไม่สงบ เอาแค่รู้ตามความเป็นจริงของสภาวธรรมปัจจุบันนั้น”

ธรรมเหล่านี้เป็นไปเพื่อคลายกำหนัด
เป็นไปเพื่อไม่ประกอบสัตว์ไว้
เป็นไปเพื่อไม่สั่งสมกิเลส
เป็นไปเพื่อความเป็นผู้มักน้อย
เป็นไปเพื่อสันโดษ
เป็นไปเพื่อความสงัดจากหมู่คณะ
เป็นไปเพื่อปรารภความเพียร
เป็นไปเพื่อความเป็นคนเลี้ยงง่าย


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 มี.ค. 2010, 14:04 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 ก.พ. 2009, 20:49
โพสต์: 3979

แนวปฏิบัติ: พอง-ยุบ
งานอดิเรก: อ่านหนังสือ
ชื่อเล่น: นนท์
อายุ: 42
ที่อยู่: นครสวรรค์

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8: :b8: :b8:

สาธุด้วยอีกคนครับ

:b8: :b8: :b8:

.....................................................
แม้มิได้เป็นสุระแสงอันแรงกล้า ส่องนภาให้สกาวพราวสดใส
ขอเป็นเพียงแสงแห่งดวงไฟ ส่องทางให้มวลชนบนแผ่นดิน


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 มี.ค. 2010, 18:49 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5977

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว



อุบายในการอนุโมทนา

หากแม้นเป็นข้อความที่กล่าวพาดพิงให้ร้ายต่อผู้อื่น
ไม่ว่าจะเป็นความจริงหรือไม่เป็นความจริงก็ตาม
เราไม่ควรให้การอนุโมทนา

เพราะการที่เราอนุโมทนา นั่นคือ เราได้สร้างเหตุใหม่ให้เกิดขึ้น
ที่เป็นวิบากกรรมกับบุคลที่เป็นผู้กล่าวและผู้ที่ถูกกล่าวหา
แต่หากว่า ยินดีที่จะรับผลวิบากตรงนี้ นั่นคือ คนๆนั้น เคยสร้างเหตุร่วมมากับบุคคลเหล่านี้

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กระทู้นี้ถูกล็อก คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความ หรือ ตอบกลับในกระทู้นี้  [ 3 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 145 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร