วันเวลาปัจจุบัน 28 เม.ย. 2024, 02:23  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 62 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 31 มี.ค. 2010, 21:34 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ก.พ. 2010, 13:35
โพสต์: 355

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


พระพุทธเจ้าให้นิยามคำว่า "อัตตา"ไว้ในอนัตตลักขณะสูตร และจากนิยามนั้น ไม่มีสิ่งที่เป็นิตตาอยู่ใน 3 ภพ มีแต่อนัตตา

จริงๆ...คุณอนัตตาธรรมและท่านอื่นก็เข้าใจแล้วว่า อัตตา ที่มีอยู่ใน 3 ภพเป็น อุปทาน เป็นมิจฉาทิฏฐิ แต่ยังไม่เข้าใจว่า "อัตตา" ที่แปลว่า เที่ยง ไม่ทุกข์ ไม่แปรปรวนเป็นธรรมดา คือ ธรรม = ธรรมกาย

เหล่าพุทธพจน์ในพระไตรปิฎกที่ยืนยันว่า: นิพพานเป็นอัตตา


1. (บาลี มหา.ที. ๑๐/๑๑๘ /๙๓) (บาลี มหาวาร สํ. ๑๙/๒๐๕/ ๗๑๒-๓) ว่า

"อานนท์ ภิกษุในธรรมวินัยนี้ เป็นผู้ตามเห็นซึ่ง กายในกาย มีความเพียร มีสัมปชัญญะ... มีสติ....
เป็นผู้ตามเห็นซึ่งธรรมในธรรม ฯลฯ

อานนท์ อย่างนี้แล ภิกษุชื่อว่า มี อัตตา เป็นเกาะ มี อัตตา เป็นสรณะ (ที่พึ่ง) ไม่มีสิ่งอื่นเป็นที่พึ่ง"


กายในกาย มีความเพียร มีสัมปชัญญะ... มีสติ.... เป็นผู้ตามเห็นซึ่งธรรมในธรรม = กายที่อยู่ภายในกาย เมื่อเรามีสัมปชัญญะ...มีสติ นั่นแหละ "อัตตา"


2. จากพรหมชาลสูตร

" ดูกรภิกษุทั้งหลาย กายของตถาคต มีตัณหาอันจะนำไปสู่ภพขาดแล้ว ยังดำรงอยู่ เทวดา และมนุษย์ทั้งหลาย จักเห็นตถาคตชั่วเวลาที่กายของตถาคตยังดำรงอยู่ "

แล้วตรัสต่ออีกว่า

"เมื่อกายแตกสิ้นชีพแล้ว เทวดาและมนุษย์ทั้งหลายจักไม่เห็นตถาคต."
.......................................

กายของตถาคต ยังดำรงอยู่ = กายที่ยังดำรงอยู่ นี่แหละ "อัตตา"


3. ข้อ 3 นี่ชัดเจนที่สุดแล้ว ไม่มีอะไรชัดกว่านี้ พระผู้มีพระภาคเจ้าได้มีพุทธพจน์ปรากฏในพระไตรปิฎกบาลี ที.ปา.๑๓/๔๙/๘๕ ว่า

"ภิกษุทั้งหลาย เธอจงเป็นผู้มีอัตตา (ตน) เป็นที่พึ่ง มีอัตตาเป็นสรณะ จงเป็นผู้มีธรรมเป็นที่พึ่ง มีธรรมเป็นสรณะไม่มีสิ่งอื่นเป็นสรณะอยู่เถิด"

(อตฺตทีปา ภิกฺขเว วิหรถ อตฺตสรณา อนญฺญสรณา ธมฺมทีปา ธมฺมสรณา อนญฺญสรณา)"


อัตตา(ตน)นั้นแท้จริงก็คือธรรม


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 31 มี.ค. 2010, 21:39 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 พ.ย. 2009, 10:41
โพสต์: 4463

อายุ: 0
ที่อยู่: วัฏสงสาร

 ข้อมูลส่วนตัว


ธรรม กับธรรมกาย ก็ไม่เหมือนกันนะ :b4:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 31 มี.ค. 2010, 22:40 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เอ
ถัง เต็ม หรือยัง ครับเนี่ย :b17: :b17:

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 31 มี.ค. 2010, 23:44 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ก.พ. 2010, 13:35
โพสต์: 355

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


หลับอยุ่ เขียน:
ธรรม กับธรรมกาย ก็ไม่เหมือนกันนะ :b4:


สังขารธรรรม หรือสังขตธรรม ก็มีธาตุ หรือมีกาย หรือมีขันธ์ รองรับอยู่(ขันธ์ 5)
วิสังขารธรรม หรืออสังขตธรรม ก็มีธาตุ หรือมีกาย หรือมีขันธ์ รองรับอยู่ (ธรรมขันธ์ ธรรมกาย) เช่นกัน ไม่เช่นนั้นพระพุทธองค์จะเรียกธรรมกายว่าอายตนะนิพพานได้อย่างไร


จากตำรา ปราบมาร2 (9)

พระพุทธองค์นิพพานกายธรรมมีกายมนุษย์

เป็นผลพวงมาจากพระพุทธองค์ทรงตรัสรู้ใหม่ แล้วทรงมีธรรมกายโตขึ้น ตามที่กล่าวแล้ว

ต่อมางานเดินวิชาปราบมารทำติดต่อกันมาไม่ขาดระยะ คือ วิชาซ้อนสับทับทวีของหลวงพ่อ และวิชาต่อแว่น ต่อกล้อง ส่องญาณทัสสนะ ทำไปรบไป ตามเนื้อของวิชา นิพพานเป็นมีเท่าไร นิพพานธรรมกายมีเท่าไร นำมารวมกันหมด แล้วเดินวิชาซ้อนสับทับทวี นี่คือ วิชาอย่างย่อ ทำอยู่เป็นปี

ผลที่ได้ คือ นิพพานกายธรรมมีกายมนุษย์ แต่นิพพานเป็นมีพระวรกายใสยิ่งขึ้น


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 เม.ย. 2010, 00:17 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 พ.ย. 2009, 10:41
โพสต์: 4463

อายุ: 0
ที่อยู่: วัฏสงสาร

 ข้อมูลส่วนตัว


อายตนะ ก็ส่วนอายตนะ ธรรมกายก็ส่วนธรรมกาย ขันธ์ก็คือขันธ์ ธาตุก็คือธาตุ ธรรมก็ธรรมสิ ๆลๆ ไม่ต้องมาใส่เครื่องหมาย = ผมไม่เชื่อคุณหรอกครับ Onion_L :b4:

พระพุทธเจ้า พระอรหันต์ หลวงพ่อสด ท่านไม่เรียกธรรมกายว่าอายตนะนิพพานหรอกครับ


แก้ไขล่าสุดโดย หลับอยุ่ เมื่อ 01 เม.ย. 2010, 00:22, แก้ไขแล้ว 2 ครั้ง.

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 เม.ย. 2010, 00:31 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 พ.ย. 2009, 10:41
โพสต์: 4463

อายุ: 0
ที่อยู่: วัฏสงสาร

 ข้อมูลส่วนตัว


ไอ้พวกแนวคิดปริพาชกแอบแฝงที่ถือพระไตรปิฏก(จบเปรียญสูงบ้างไม่สูงบ้าง)ที่ไม่มีฌาณสูงๆก็แบบหนึ่ง (ปฐมฌาณมีหรือเปล่าก็ไม่รู้)
แบบคุณพลศักดิ์ก็แบบหนึ่ง
มิน่า เดี๋ยวนี้คนถึงรังเกียจการฝึกสมาธิ กลัวติด ฌาณๆลๆ
:b32: :b6: :b30:


แก้ไขล่าสุดโดย หลับอยุ่ เมื่อ 01 เม.ย. 2010, 00:34, แก้ไขแล้ว 2 ครั้ง.

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 เม.ย. 2010, 00:36 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 พ.ย. 2009, 10:41
โพสต์: 4463

อายุ: 0
ที่อยู่: วัฏสงสาร

 ข้อมูลส่วนตัว


เช่นนั้น เขียน:
เอ
ถัง เต็ม หรือยัง ครับเนี่ย :b17: :b17:



ยังครับ อีก หลายอสงไขย :b13: cool


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 เม.ย. 2010, 09:52 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 7
สมาชิก ระดับ 7
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 ม.ค. 2010, 11:43
โพสต์: 523

แนวปฏิบัติ: ดูปัจจุบันอารมณ์ เจริญมรรค ๘
งานอดิเรก: ปฏิบัติธรรม
สิ่งที่ชื่นชอบ: ประทีปแห่งเอเซีย
ชื่อเล่น: อโศกะ
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www




_resize.jpg
_resize.jpg [ 102.42 KiB | เปิดดู 3123 ครั้ง ]
tongue
พระพุทธเจ้าให้นิยามคำว่า "อัตตา"ไว้ในอนัตตลักขณะสูตร และจากนิยามนั้น ไม่มีสิ่งที่เป็นอัตตาอยู่ใน 3 ภพ มีแต่อนัตตา

คนดีที่โลกลืม เขียน

จริงๆ...คุณอนัตตาธรรมและท่านอื่นก็เข้าใจแล้วว่า อัตตา ที่มีอยู่ใน 3 ภพเป็น อุปทาน เป็นมิจฉาทิฏฐิ

แต่ยังไม่เข้าใจว่า "อัตตา" ที่แปลว่า เที่ยง ไม่ทุกข์ ไม่แปรปรวนเป็นธรรมดา คือ ธรรม = ธรรมกาย

เหล่าพุทธพจน์ในพระไตรปิฎกที่ยืนยันว่า: นิพพานเป็นอัตตา

อนัตตาธรรม เขียน

เห็นความพยายามอธิบายซ้ำแล้วซ้ำอีกของคุณคนดีที่โลกลืม ผมพอจะเข้าใจเจตนาที่เป็นกุศลของคุณคนดีที่โลกลืม ที่อยากจะให้เข้าใจ เรื่อง อัตตา จนพยายามไปคัดลอกพระไตรปิฎกมาอ้างพุทธวัจจนะเป็นบางตอน

เรื่องอย่างนี้สำคัญมากทั้งผู้แสดง และผู้รับฟัง เราจะต้องไม่ทิ้งหลักกลาง ประเด็นสำคัญ และเป้าหมายการสอนของพระพุทธเจ้า ซึ่งคือความพ้นทุกข์และความเวียนว่ายตายเกิดโดยสิ้นเชิง

การกล่าวว่านิพพานเป็นอัตตานั้น น่าจะเป็นการใช้บัญญัติผิด

ถ้าจะยืนยันว่าเที่ยง ไม่ทุกข์ ไม่แปรปรวนเป็นธรรมดา คือ ธรรม = ธรรมกาย นั้น ควรจะกล่าวว่า

"นิพพาน เป้น อมตะธรรม" หรือสัจจะธรรม หรือ ปรมัตถธรรม จะดีกว่า ไม่ทำให้ผู้ฟัง หลงและเข้าใจผิด

ความเป็นสัจจะ อมตะ ปรมัตถะ อนัตตา นิพพาน นั้น ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงได้อีก เป็นธรรมธาตุ อยู่นอกเหนือกฏเกณฑ์และบัญญัติของโลก แต่ไม่ใช่ "อัตตา" เป็นคนละอันกันนะครับ แก้ไขบัญญัติสักหน่อยน่าจะดีนะครับ


ส่วนเรื่อง เพราะอาศัยอัตตา อันเป็นอุปาทาน ความเห็นผิด ยึดผิดอันมีอยู่ในจิตปุถุชนทั้งหลาย หรือแม้แต่ในจิตของพระอริยบุคคลชั้นต้น ซึ่งเป็นอัตตาละเอียดใช้สมมุติเรียกว่า มานะทิฐินั้น มาเป็นเครื่องส่ง มาเป็นตัวทำงาน เพื่อพาจิตพาใจ ให้เข้าถึงสภาวะ อนัตตา นั้น คุณคนดีที่โลกลืม เข้าใจถูกอยู่ ใช้ได้

อาศัยอัตตา ความเห็นผิดนั่นแหละ พาไปสู่ อนัตตา ความเห็นถูกต้อง

ละอัตตา ก็ถึง อนัตตา

ละบัญญัติ ก็ถึง ปรมัตถ์

ละความยึดถือ ก็ถึง ความปล่อยวาง

จะละทุกสิ่งได้จะต้องเริ่มจาก เห็นอนิจจัง เห็นทุกข์ชัด เกิดนิพพิทา เบื่อหน่าย ได้ธรรมสังเวชในธาตุขันธ์ จึงจะเกิดการปล่อยวาง เข้าถึง อนัตตา

ทั้งหมดทั้งปวงล้วนอัตตาพาทำทั้งสิ้น ดังที่คุณคนดีที่โลกลืมเข้าใจ แต่กรุณาอย่าพาใครต่อใคร เเดินออกไปนอกทางแห่งพุทธธรรม ด้วยความเห็นเฉพาะตัวของเอกบุคคลเทอญ


:b8: :b8: :b8: :b12: :b12: :b12:
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 เม.ย. 2010, 23:14 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ก.พ. 2010, 13:35
โพสต์: 355

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


หลับอยุ่ เขียน:
อายตนะ ก็ส่วนอายตนะ ธรรมกายก็ส่วนธรรมกาย ขันธ์ก็คือขันธ์ ธาตุก็คือธาตุ ธรรมก็ธรรมสิ ๆลๆ ไม่ต้องมาใส่เครื่องหมาย = ผมไม่เชื่อคุณหรอกครับ Onion_L :b4:

พระพุทธเจ้า พระอรหันต์ หลวงพ่อสด ท่านไม่เรียกธรรมกายว่าอายตนะนิพพานหรอกครับ


1. อายตนะคืออะไรครับ?

ขึ้นชื่อว่า อายตนะ จะต้องมีสิ่งนี้

อายตนะภายใน 6 ได้แก่ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ = ขันธ์ 5
อายตนะภายนอก 6 บ้างเรียกว่า อารมณ์ 6 มี 6 คือ รูป เสียง กลิ่น รส (สัมผัสทางกาย สิ่งที่ถูกต้องกาย)=โผฏฐัพพะ และ อารมณ์ที่เกิดกับใจ สิ่งที่ใจนึกคิด = ธรรมารมณ์

อายตนะนิพพาน ก็ต้องมีตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ = ขันธ์ เหมือนกัน แต่พระพุทธองค์เรียกขันธ์ที่เป็นแก่นว่า ธรรมขันธ์ หรือธรรมกาย แทนที่จะเรียก เบญจขันธ์ และกายเหมือนมนุษย์และสัตว์

2. พระเดชพระคุณหลวงพ่อวัดปากน้ำ (พระมงคลเทพมุนี สด จนฺทสโร)

ได้แสดงธรรมเทศนาเรื่อง*ติลักขณาทิคาถา*เมื่อวัน
ที่ ๑ สิงหาคม ๒๔๙๗ ในหนังสือชีวะประวัติผลงาน
รวมพระธรรมเทศนา ๖๓ กัณฑ์ หน้า ๔๐๗ ว่า

"ส่วนกายพระอรหัตถ้าถึงพระอรหัตละก็เป็นนิจจัง สุขัง
อัตตาแท้ๆ กายธรรมก็มีขันธ์เหมือนกัน แต่เป็นธรรมขันธ์
ท่านไม่เรียกเบญจขันธ์ เป็นธรรมขันธ์เสีย มีธาตุเหมือน
กัน เป็นวิราคธาตุ เป็นวิราคธรรม"


หลวงพ่อสดเทศน์ค่อว่า:

"....อายตนะของโลก อายตนะมี ๒ อย่าง อายตนะของธรรม "ธรรมายตนะ" ธรรมายตนะน่ะ ไม่ใช่อื่นทีเดียว นิพพานทีเดียว.....

"....นิพพานนั่นแหล่ะได้ชื่อว่า เป็นอายตนะอยู่อันหนึ่งเรียกว่า นิพพานเฉยๆ ไม่เรียกว่า พระนิพพาน ธรรมกายของพระสีธาตุราชกุมารเข้าไปอยู่ในนิพพานนั้น เรียกว่า พระนิพพานธรรมกาย นั้นเรียกว่า พระนิพพาน แต่ว่านิพพานที่ยังเป็นเครื่องรับรองนั้นเรียกว่าอายตนะนิพพาน หรือ เรียกว่านิพพานเฉยๆ พระนิพพานคือ พระเข้านิพพานให้รู้จักหลักอย่างนี้นะ"


แก้ไขล่าสุดโดย คนดีที่โลกลืม เมื่อ 01 เม.ย. 2010, 23:15, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 เม.ย. 2010, 23:37 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ก.พ. 2010, 13:35
โพสต์: 355

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


คุณอนัตตาธรรมครับ


"นิพพาน เป้น อมตะธรรม" หรือสัจจะธรรม หรือ ปรมัตถธรรม จะดีกว่า ไม่ทำให้ผู้ฟัง หลงและเข้าใจผิด"[/

ก็พระพุทธองค์ให้นิยามอมตะธรรม ที่เที่ยง ไม่ทุกข์ เป็นอมตะว่า "อัตตา" แล้วคุณจะให้ผมเปลี่ยนได้อย่างไร คุณและพวกพระปริยัติล้วนทำลายล้างผลาญพุทธศาสนามานานแล้วครับ

"การกล่าวว่านิพพานเป็นอัตตานั้น น่าจะเป็นการใช้บัญญัติผิด"

บอกมารในใจของคุณเลิกตอแหลได้แล้วครับ ในอนัตตลัขณะสูตร พระพุทธเจ้าตรัสว่า "ก็สิ่งใดไม่เที่ยง เป็นทุกข์ มีความแปรปรวนเป็นธรรมดา ควรหรือจะตามเห็นสิ่งนั้นว่า นั่นของเรา นั่นเป็นเรา นั่นเป็นตัวตน (อัตตา)ของเรา"

ถ้าสิ่งนั้นเที่ยง ไม่เป็นทุกข์ ไม่มีความแปรปรวนเป็นธรรมดา มันก็คือ อัตตา หรือตัวตนของเรา

ในอนัตตลักขณสูตร พระพุทธองค์ให้นิยามคำว่า "อัตตา" ไว้ชัดเจน

" ดูกรภิกษุทั้งหลาย....

ถ้ารูป (เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ) นี้จักได้เป็นอัตตาแล้ว รูป (เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ) นี้ไม่พึงเป็นไปเพื่ออาพาธ และบุคคลพึงได้ในรูป (เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ)ว่า รูป (เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ) รูป (เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ) ของเราจงเป็นอย่างนี้เถิด รูปของเราอย่าได้เป็นอย่างนั้นเลย "

สรุป

ถ้ามีรูป (เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ) ใด ที่ไม่พึงเป็นไปเพื่ออาพาธ และบุคคลพึงได้ในสิ่งนั้นว่า ขอให้มันเป็นอย่างนั้นเถิด อย่าเป็นอย่างนี้เลย สิ่งนั้นก็เป็น "อัตตา"


แก้ไขล่าสุดโดย คนดีที่โลกลืม เมื่อ 01 เม.ย. 2010, 23:39, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 เม.ย. 2010, 23:45 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ก.พ. 2010, 13:35
โพสต์: 355

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ละอัตตานุทิฏฐิ ก็จะเห็นอนัตตา เมื่อปฏิบัติจนรู้จริง 100% ว่าขันธ์ 5 เป็นอนัตตา เขาคนนั้นก็จะได้กายที่เป็นอัตตา ยืนอยู่เป็นอมตะชั่วนิรันดร


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 เม.ย. 2010, 15:17 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 7
สมาชิก ระดับ 7
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 ม.ค. 2010, 11:43
โพสต์: 523

แนวปฏิบัติ: ดูปัจจุบันอารมณ์ เจริญมรรค ๘
งานอดิเรก: ปฏิบัติธรรม
สิ่งที่ชื่นชอบ: ประทีปแห่งเอเซีย
ชื่อเล่น: อโศกะ
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www




dd146.jpg
dd146.jpg [ 65.35 KiB | เปิดดู 3095 ครั้ง ]
tongue
อืม ??????? ดู ๆ ไปแล้ว คงต้องปล่อยให้คุณคนดีที่โลกลืม ถูกโลกลืมต่อไป จนกว่าสัมมาทิฐิจริงๆ จะเกิดขึ้นโดยธรรม

สำหรับผู้อ่านทั้งหลายคงต้องใช้วิจารณาญาณให้ดี เหมือนที่เขาขึ้นหน้าจอทีวีนะครับ

ขออำนวยอวยพรให้คุณคน(ดี) ทีโลกลืม จงเจริญในทางที่ตนชอบ ต่อไป ๆ นะครับ สาธุ


:b8: :b8: :b8: Onion_no Onion_no Onion_no onion onion Kiss Kiss
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 เม.ย. 2010, 15:25 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว




signgif24.gif
signgif24.gif [ 13.4 KiB | เปิดดู 3094 ครั้ง ]
ท่านเทวฤทธิ์หายไปไหน ท่านคนดีที่โลก(สมควร)ลืม ยึดบ้านได้ง่ายๆ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 เม.ย. 2010, 11:46 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ก.พ. 2010, 13:35
โพสต์: 355

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อนัตตาธรรม เขียน:
tongue
อืม ??????? ดู ๆ ไปแล้ว คงต้องปล่อยให้คุณคนดีที่โลกลืม ถูกโลกลืมต่อไป จนกว่าสัมมาทิฐิจริงๆ จะเกิดขึ้นโดยธรรม

สำหรับผู้อ่านทั้งหลายคงต้องใช้วิจารณาญาณให้ดี เหมือนที่เขาขึ้นหน้าจอทีวีนะครับ

ขออำนวยอวยพรให้คุณคน(ดี) ทีโลกลืม จงเจริญในทางที่ตนชอบ ต่อไป ๆ นะครับ สาธุ


:b8: :b8: :b8: Onion_no Onion_no Onion_no onion onion Kiss Kiss


เช่นเดียวกันครับ คงต้องปล่อยให้คุณอนัตตาธรรมไป จนกว่าสัมมาทิฐิจริงๆ จะเกิดขึ้นโดยธรรม

อ้อ! อีก 500 ปีผมจะมาเกิดใหม่บนโลกเพื่อพยุงพุทธศาสนาไม่ให้สิ้นสูญไป สามารถยืนได้นานครบ 5000 ปีตามพุทธทำนาย เวลานั้น ...คุณค่อยมาศึกษาธรรมของจริงกับผมใหม่ก็ได้นะครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 เม.ย. 2010, 12:08 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 7
สมาชิก ระดับ 7
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 ม.ค. 2010, 11:43
โพสต์: 523

แนวปฏิบัติ: ดูปัจจุบันอารมณ์ เจริญมรรค ๘
งานอดิเรก: ปฏิบัติธรรม
สิ่งที่ชื่นชอบ: ประทีปแห่งเอเซีย
ชื่อเล่น: อโศกะ
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www




100_5602_resize_resize.JPG
100_5602_resize_resize.JPG [ 81.08 KiB | เปิดดู 3079 ครั้ง ]
cool
อ้างคำพูด:
อ้อ! อีก 500 ปีผมจะมาเกิดใหม่บนโลกเพื่อพยุงพุทธศาสนาไม่ให้สิ้นสูญไป สามารถยืนได้นานครบ 5000 ปีตามพุทธทำนาย เวลานั้น ...คุณค่อยมาศึกษาธรรมของจริงกับผมใหม่ก็ได้นะครับ


แน่ใจหรือครับว่าอีก 500 ปีคุณคน(ดี)ทีโลกลืม จะได้กลับมาเกิดเป็นคนอีก

ผู้ประกอบกรรมด้วย โลภะอยู่เป็นนิจ ตายไป จะได้เสวยวิบากเกิดเป็น เปรต

ผู้ประกอบกรรมด้วย โทสะ อยู่เป็นนิจ ตายไป จะได้เสวยวิบากเกิดเป็น สัตว์นรก


ผู้ประกอบกรรมด้วย โมหะ อยู่เป็นนิจ ตายไป จะได้เสวยวิบากเกิดเป็น อสุรกายและสัตว์เดรัจฉาน

ผู้ประกอบกรรมด้วย ทาน ศีล สมาธิ อยู่เป็นนิจ ตายไป จะได้เสวยวิบากเกิดเป็น มนุษย์ หรือ เทวดา 6 ชั้น

ผู้ประกอบกรรมด้วย รูปกุศล อยู่เป็นนิจ ตายไป จะได้เสวยวิบากเกิดเป็น รูปพรหม

ผู้ประกอบกรรมด้วย อรูปกุศล อยู่เป็นนิจ ตายไป จะได้เสวยวิบากเกิดเป็น อรูปพรหม


ผู้ประกอบกรรมด้วย โลกุตรกุศล คือเจริญมรรค 8 หรือ วิปัสสนาภาวนา อยู่เป็นนิจ ตายไป จะได้เสวยวิบาก
เกิดเป็น เทวดาบ้าง พรหมบ้าง หากยังไม่บรรลุถึง อรหัตผล แต่จะมีชาติภพที่คงเหลือไม่เกิน 7 ชาติ 3 ชาติ หรือชาติเดียว


:b1: :b1: :b16: :b16: :b16: :b12: :b12: :b12:
แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 62 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: Google [Bot] และ บุคคลทั่วไป 198 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร


cron