ลานธรรมจักร http://dhammajak.net/forums/ |
|
ปริศนาธรรมจากพิธีกรรมในงานศพ http://dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=1&t=30348 |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 |
เจ้าของ: | วรานนท์ [ 26 มี.ค. 2010, 11:36 ] |
หัวข้อกระทู้: | ปริศนาธรรมจากพิธีกรรมในงานศพ |
![]() ![]() ![]() ปริศนาธรรมจากพิธีกรรมในงานศพ อุบายการสอนธรรมะอันแยบคาย ศาสนพิธี ประเพณี พิธีกรรมต่าง ๆ การกระทำแต่ละขั้นตอนนั้นโบราณท่านได้สอนธรรมะไว้ในพิธีกรรมเหล่านั้นไว้ด้วยอุบายอันแยบคาย เช่น ประเพณีพิธีกรรมในงานศพ การรดน้ำกันที่มือของผู้ตาย ซึ่งบางท่านเข้าใจว่าเป็นการขออโหสิกรรม ความจริงแล้วมุ่งเตือนสติผู้ที่มาร่วมงานว่าผู้ที่ตายทุกคนไปแต่มือเปล่าไม่ได้อะไรติดตัวไปเลย แม้แต่น้ำที่เทลงฝ่ามือก็ไหลร่วง เอาเงินเหรียญใส่ปาก ก็เพื่อจะเตือนให้รู้ว่า แม้แต่บาทเดียวก็เอาไปไม่ได้ เพราะสัปเหร่อบางคนเขายังควัก ออกมา" มัดตราสังข์สามเปราะ มัดที่คอ หมายถึงบ่วงรักลูก มัดที่มือ หมายถึงบ่วงรักสามี-ภรรยา มัดตรงข้อเท้า หมายถึงบ่วงรักทรัพย์สมบัติ ติดอยู่สามบ่วงนี้ ไปนิพพานไม่ได้ ต้องเวียนว่ายอยู่ในสังสารวัฏฏ์ไม่มีจบสิ้น เคาะโลงรับศีล ไม่ใช่ให้คนตายมารับศีล แต่เพื่อเป็นการบอกคนที่มาร่วมงานว่าเอาแต่มัวเมาประมาทขาดสติ ไม่สนใจในหลักธรรมคำสอน เมื่อตายไปหมดโอกาสทำความดี จะเคาะจนโลงแตกก็ลุกขึ้นมาไม่ได้ จุดตะเกียงหรือจุดเทียนไว้หน้าศพ เตือนให้รู้ว่าการเกิดของคนเราต้องการแสงสว่าง ต้องมีพระธรรมเป็นดวงประทีปช่วยส่องทาง เพื่อความเจริญรุ่งเรืองของชีวิต สวดอภิธรรม มักสวดเป็นภาษาบาลี คนเป็นฟังไม่รู้เรื่อง จึงนึกว่าสวดให้คนตาย แต่จริงๆแล้วเป็นการสวดเพื่อสอนคนที่ยังมีชีวิตอยู่เพื่อที่จะได้นำหลักธรรมไปปฏิบัติให้เกิดผลดีในชีวิตประจำวัน ดังนั้นแม้จะฟังไม่เข้าใจแต่เพื่อให้การฟังสวดอภิธรรมเกิดผล ควรสำรวมส่งจิตไปอยู่กับเสียงพระสวด ให้จิตสงบนิ่งอยู่กับเสียงพระสวดก็เกิดสมาธิจิตได้ บวชหน้าไฟ มักเข้าใจว่า เป็นการบวชจูงผู้ตายขึ้นสวรรค์ ความจริงนั้น ไม่ใช่ เพราะการบวชหน้าไฟเป็นการปลงธรรมสังเวช เบื่อหน่ายต่อชีวิตในโลกียวิสัย ไม่ประสงค์จะอยู่ในเพศฆราวาส มุ่งปฏิบัติธรรมเพื่อความหลุดพ้น เข้าสู่มรรคผลนิพพาน การนิมนต์พระจูงออกหน้าศพ เพื่อจะสอนคนที่ยังอยู่ให้ได้สำนึกว่า ตอนที่ยังอยู่ต้องเดินตามหลังพระ หมายความว่าได้เดินตามพระธรรมคำสอนของพระนั่นเอง จึงอยู่ดีมีสุข มีความเจริญก้าวหน้า การเวียนซ้าย 3 รอบ หมายถึง การเวียนว่ายตายเกิดอยู่ในภพทั้งสาม อันมี กามภพ รูปภพ อรูปภพ ด้วยอำนาจกิเลสตัณหาอุปทาน ก็จะเป็นทุกข์ไม่จบสิ้น ฉะนั้นต้องทวนกระแสกิเลส เป็นการสอนธรรมชั้นสูง จึงได้พาศพเวียนซ้าย การใช้น้ำมะพร้าวล้างหน้าศพ เพื่อชี้ให้เห็นว่า น้ำมะพร้าวเป็นน้ำสะอาด บริสุทธิ์ ผู้เข้าสู่มรรคผลนิพพาน ต้องชำระจิตให้สะอาดด้วยน้ำพระธรรม การแปรรูป หลังจากเผาแล้ว มีการเก็บอัฐิ และมีการเขี่ยขี้เถ้าผู้ตายให้เป็นรูปร่าง กลับไปกลับมาเพื่อจะบอกว่า ได้กลับชาติใหม่แล้ว ตามวิบากของกรรมต่อไป ![]() ![]() ![]() |
เจ้าของ: | Bwitch [ 26 มี.ค. 2010, 11:58 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ปริศนาธรรมจากพิธีกรรมในงานศพ |
![]() ![]() ![]() |
เจ้าของ: | ดุสิตธานี [ 26 มี.ค. 2010, 12:31 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ปริศนาธรรมจากพิธีกรรมในงานศพ |
![]() ขอบคุณมากๆเลยคุณวรานนท์...คนไทยน้อยคนจะเข้าใจในพิธีกรรมงานศพนะคะ (เพิ่งทราบเช่นกัน) พี่สใภ้อยู่ที่ ชลบุรี มีพี่สาวที่เคร่งมากๆ บอกว่า เทียนและธูปที่หน้ารูปผู้ตายจะต้องไม่ดับ ต้องจุดต่อเนื่องตลอดเวลาตั้งแต่วันที่เสียชีวิต จนครบ 100 วัน เพื่อบุญกุศลอันยิ่งใหญ่ต่อผู้เป็นพ่อที่เสียไปแล้ว เราเองก็พยายามหาเหตุหาผล ว่ามีประเด็นหรือจุดใหนบ้างที่จะเป็นการทำดีเป็นบุญกุศล...ก็คิดไม่ได้แต่ก็สรุปเองว่า ก็คงเป็นการแสดงออกที่ตั้งใจ มั่นคง อย่างแน่แท้เพื่อพ่อกระมัง (ที่จริงบุคคลที่เป็นลูกหลานหากได้รับหน้าที่นี้แล้ว ก็คงไปทำงานที่ใหนไม่ได้เพราะต้องคอยดูตลอดเรื่อยๆไม่ให้ธูปเทียนดับหรือหมด แบบนี้ ทำสมาธิ ภาวนาไปด้วยจะยิ่งได้กุศลมหาศาล ) ![]() ![]() |
เจ้าของ: | ภาวิตา-พหุลีกตา [ 26 มี.ค. 2010, 20:34 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ปริศนาธรรมจากพิธีกรรมในงานศพ |
พึ่งจะทราบก็วันนี้แหละครับ ไม่เคยรู้เลยว่าความหมายเป็นแบบนี้ ![]() ![]() ![]() |
เจ้าของ: | chulapinan [ 26 มี.ค. 2010, 20:59 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ปริศนาธรรมจากพิธีกรรมในงานศพ |
ขอบคุณที่เอามาบอกกันค่ะ |
เจ้าของ: | วรานนท์ [ 26 มี.ค. 2010, 21:30 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ปริศนาธรรมจากพิธีกรรมในงานศพ |
![]() ![]() ![]() โอ้กายไม่นานหนอ บังเกิดก่อแล้วกลับกลาย ดุจฟองแห่งน้ำหมาย แล้วแตกดับโดยฉับพลัน สิ้นลมแห่งหายใจ ชีพบรรลัย บ่ กลับหัน ห่อนมีสิ่งสำคัญ เพื่อประโยชน์สักนิดเดียว ทอดทิ้งดุจท่อนฟื้น กลิ้งเหนือพื้นสุธาเทียว พองช้ำเน่าดำเขียว กลิ้งเหนือพื้นสุธาเทียว ดูเถิดท่านทั้งหลาย บุรุษชาย คณานาง ควรปลงปัญญาทาง ปรมัตถ อรรถธรรม ปัญญาปรากฏแก่ จักษุแท้ บ่ ปิดงำ ควรคิดพินิจจำ หีบศพนั้น..อันแลเห็น ฯ ชีวิตความเป็นอยู่ ใครห่อนรู้กำหนดการ เพียงแต่จะประมาณ เร็วแลช้าก่อนหน้าหลัง ความตาย บ่ เลือกหน้า กษัตราพราหมาณัง มีจนชนทุพพลัง แลเรืองฤทธิ์อิสสโร หรือใครจะโกรธกริ้ว ชักหน้านิ่ว มุโมโห หรืออ่อนหย่อนกาโย น้อมคำนับอภิวันท์ หรือให้แก้วเงินทอง เป็นก่ายกองมากครามครัน หรืออ้อนวอนจำนรรจ์ ด้วยคำหวานสมานใจ มัจจุราชไป่ยำเยง ด้วยคำหวานสมานใจ มัจจุราชไป่ยำเยง แลบ่เกรงผู้ใด ๆ ไป่รับคำนับใคร แล บ่ เกื้อกรุณัง ถึงคราวแล้วเร่งรีบ เข้าคั้นบีบดวงชีวัง ดุจนายเพชฌฆาตฟัง คำบัญชาไม่รารอ ลงดาบโดยทันใด ฟันลงไปที่ตรงศอ เชือดซ้ำกระหน่ำคอ แห่งนักโทษก็ปานกัน สลักธรรม 3 เห็นความเปลี่ยนแปลง ไม่หยุดนิ่งแห่งสรรพสิ่ง ธรรมา อนัตตาติ ธรรมทั้งหลาย เป็นของไม่มีตัวตน แม้กระนั้น ก็ยากยิ่งต่อการเข้าใจ เพราะจริง ๆ แล้ว มันไม่มีของจริง มันเป็นแต่ของปลอม เราใช้ของปลอมสอนกันทั้งสิ้น ของปลอมอย่างไร... ซากศพนั่นไง เป็นของปลอม เน่าเปื่อย ผุพัง สูญสลาย กลายกับคืนสู่ ปฐมธาตุทั้งสี่ จะถือว่าเป็นของจริงไม่ได้ ถือเป็นของปลอม แต่เราก็ยังประโยชน์นั้น ๆ ได้ เพราะโน้มนำปัญญาเข้าไปสู่สภาพแห่งความไม่คงที่นั้น ๆ ความรู้ ปัญญา เหล่านี้ ไม่ได้เกิดขึ้นจำเพราะ ผู้รู้หรือผู้ศึกษาธรรม แต่ปัญญา เหล่านั้น เกิดขึ้นกับทุกผู้ทุกนาม ที่เห็น ผู้จากไป มอดไหม้ในกองเพลิง มันเป็นสภาพที่จิต เกิดความเบื่อหน่ายในชีวิต เห็นชีวิต เป็นของไม่แท้ ไม่เที่ยง ไม่คงที่ แม้เราเอง ก็เช่นกัน ดูบ่อย ๆ พิจารณาบ่อย ๆ ก็คลายความเห็นแก่ตัวลง มีผู้ยังประโยชน์ จากสิ่งเหล่า อันเกิดจากประเพณี วัฒนธรรมของไทย เป็นภูมิปัญญาอันลึกซึ้ง ที่สั่งสมมานาน เราไม่ได้บอกกับเด็กรุ่นใหม่ ๆ กันถึงสิ่งเหล่านี้ จึงมักไม่ค่อยเห็นวัยรุ่นไปมั่วสุมกันตามงานศพนัก แต่มีไม่น้อย ที่ไปนั่งเล่นไพ่ เล่นไฮโลกัน นั่นเป็นของสนุก จิตของเขาชอบแบบนั้น ก็เลยไปแบบนั้น แต่ก็นั่นแหละ เวลาตัวเองใกล้จะตายขึ้นมา ก็แทบเอาตัวเองไม่รอด เพราะเป็นผู้ประมาทมาตลอด ไม่พร้อมจะตาย เพราะยังห่วงบ้านห่วงช่อง ห่วงครอบครัว ห่วงสนุกสนาน ห่วง ฯลฯ แต่ผู้พิจารณาเห็นความตายเป็นเรื่องปกติ ธรรมชาติของจิต ผู้นั้น ก็วางจากอุปทานต่าง ๆ ได้แล้วเป็นส่วนมาก จึงเป็นผู้ได้ประโยชน์ จากการไปงานศพ เห็นไหมครับ .... ไม่ใช่เห็นศพครับ... แต่เห็นธรรม... ![]() ![]() ![]() |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 | เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง |
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group http://www.phpbb.com/ |