วันเวลาปัจจุบัน 25 เม.ย. 2024, 23:29  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 เม.ย. 2010, 15:26 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 ม.ค. 2010, 04:38
โพสต์: 376

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


cool มีความเห็นของเพื่อนใหม่ท่านหนึ่ง

อยู่ในกระทู้ผม ผมเห็นว่าดี

จึงขอนำมาให้เพื่อนได้อ่านกัน
cool

คาร์เนชั่น เขียน:
นิทานเขาให้ชื่อเรื่องว่า
"ช่างไม่เมตตาเสียเลย"
อาตมา แปลออกมา ตามตัว ว่า "ช่างไม่เมตตาเสียเลย"

เขาเล่าว่า

ในประเทศจีน ในสมัยที่ นิกายเซ็น กำลังรุ่งเรืองมาก อีกเหมือนกัน
ใครๆ ก็นิยมนับถือภิกษุ ในนิกายเซ็นนี้

มียายแก่ คนหนึ่ง เป็นอุปัฎฐาก ของภิกษุองค์หนึ่ง
ซึ่งปฏิบัติเซ็น ด้วยความศรัทธา อย่างยิ่ง มาเป็นเวลาถึง ยี่สิบปี;

แกได้ สร้างกุฏิน้อยๆ ที่เหมาะสม อย่างยิ่งให้ และส่งอาหารทุกวัน
นับว่า พระภิกษุองค์นี้ ไม่ลำบาก ในการจะปฏิบัติ สมาธิภาวนาอะไรเลย

แต่ในที่สุด ล่วงมาถึง ๒๐ ปี ยายแก่ เกิดความสงสัย ขึ้นมาว่า

พระรูปนี้ จะได้อะไร เป็นผลสำเร็จ ของการปฏิบัติ บ้างไหม
ที่มัน จะคุ้มกันกับ ข้าวปลาอาหาร ของเรา ที่ส่งเสียมาถึง ๒๐ ปี

.....เพื่อให้รู้ความจริงข้อนี้ แกก็คิดหาหนทาง

ในที่สุด พบหนทางของแก คือ แกขอร้อง หญิงสาวคนหนึ่ง
ที่มีหน้าตาท่าทางอะไรๆ ยั่วยวน ไปหมด

ให้ไปหา พระองค์นั้น โดยบอกว่า ให้ไปที่นั่น
แล้วไปกอด พระองค์นั้น แล้วถามว่า เดี๋ยวนี้ เป็นอย่างไรบ้าง

ผู้หญิงคนนั้น ก็ทำอย่างนั้น

พระองค์นั้นตอบ ด้วยถ้อยคำเป็น กาพย์กลอน poetically;
ซึ่งค่อนข้างเป็น คำประพันธ์ ตามธรรมดา ของบุคคลบางคน ที่มีนิสัย ทางคำประพันธ์

ตรงนี้เขาเขียน เป็นคำประพันธ์ ซึ่งแปลเป็น ตัวหนังสือ ก็จะเท่ากับว่า

"ต้นไม้แก่ ใบโกร๋น บนยอดผา ฤดูหนาวทั้งคราวลม ระดมมา อย่ามัวหาไออุ่น แม่คุณเอย"

ว่าอย่างนี้ เท่านั้น แล้วไม่ว่าอะไรอีก ไม่มีอะไร ที่จะพูดกันรู้เรื่องอีก

หญิงสาว คนนั้น ก็กลับมาบอก ยายแก่ อย่างที่ว่านั้น

ยายแก่ก็ขึ้นเสียง ตะบึงขึ้นมาว่า

"คิดดูทีซิ ฉันเลี้ยงไอ้หมอนี่
(that fellow ซึ่งตรงกับ ภาษาไทยว่า อ้ายหมอนั่น)
มาตั้ง ๒๐ ปีเต็มๆ มันไม่มีอะไรเลย
แม้จะเพียง แสดงความเมตตา ออกมาสักนิดหนึ่ง ก็ไม่มี
ถึงแม้จะไม่สนอง ความต้องการ ทางกิเลส ของเขา
ก็ควรจะ เอ่ยปาก เป็นการแสดง ความเมตตา กรุณา หรือ
ขอบคุณ บ้าง นี่มันแสดงว่า เขาไม่มี คุณธรรม อะไรเลย"

ฉะนั้น ยายแก่ ก็ไปที่นั่น เอาไฟเผา กุฎิ นั้นเสีย และ ไม่ส่งอาหาร ต่อไป


แล้วนิทานของเขาก็จบ

นิทานนี้ สอนว่าอย่างไร จะเห็นว่าอย่างไร ก็ลองคิดดู

คนบางคน เขาย่อมต้องการอะไร
อย่างที่ตรงกันข้าม กับที่เราจะนึก จะฝันก็เป็นได้

นี่จงดูสติปัญญา ของคนแก่ ซิ
แกมี แบบแห่งความ ยึดมั่น ถือมั่น ของแกเอง

เป็นแบบหนึ่ง ยิ่งแก่ ยิ่งหนังเหนียว คือ หมายความว่า มันยิ่ง ยึดมั่นถือมั่นมาก

ฉะนั้น ถ้าเราจะไปโกรธ คนที่มีความคิด อย่างอื่น
มีหลักเกณฑ์ อย่างอื่น มีความเคยชิน เป็นนิสัย อย่างอื่น
นั้นไม่ได้ เราต้องให้อภัย

เราไม่โกรธใครเร็วเกินไป หรือเราไม่โกรธใครเลย นั่นแหละดีที่สุด


และจะเป็น ครูบาอาจารย์ ที่มีความสุขที่สุด
แล้วจะเป็น ครูบาอาจารย์ ที่ทำหน้าที่ ได้ดีที่สุดด้วย และสนุกที่สุดด้วย

ฉะนั้น ขอให้จำไว้ว่า คนเรานั้น มีอะไรที่ ไม่เหมือนกัน
มีอะไรที่ ไม่นึกไม่ฝัน กันมาก ถึงอย่างนี้

พุทธทาส ภิกขุ



เป็นเรื่องของความเมตตา หรือการให้อภัย

ซึ่งแต่ละคนจะแตกต่างกัน

เป็นเรื่องระหว่าง

"เมตตาอโทสะ" กับ "ตัณหาเปมะ"



แต่คุณคาเนชั่น เสนอมุมมองอีกด้านหนึ่งด้วย

คือ....."ไม่โกรธ"


ขออนุโมทนาครับ


แก้ไขล่าสุดโดย Eikewsang เมื่อ 08 เม.ย. 2010, 15:58, แก้ไขแล้ว 3 ครั้ง.

แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 137 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร