วันเวลาปัจจุบัน 29 มี.ค. 2024, 12:04  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 39 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2, 3  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 เม.ย. 2010, 23:01 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 ม.ค. 2010, 04:38
โพสต์: 376

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


พระพุทธภาษิต...
ปเร จ น วิชานนฺติ มยเมตฺถ ยมามฺหเส
เย จ ตตฺถ วิชานนฺติ ตโต สมฺมนฺติ เมธคา


คนพวกอื่นไม่รู้ดอกว่า เราทั้งหลายย่อยยับอยู่ ( เพราะการทะเลาะวิวาทกัน )
ส่วนพวกใดรู้เห็นโทษของการทะเลาะวิวาท ความหมายมั่นซึ่งกันและกันก็ย่อมระงับลง**


อธิบายความ... การทะเลาะวิวาทนั้นมาจากเหตุ ๒ ประการ เป็นอย่างน้อย คือ..
๑.ผลประโยชน์ขัดกัน และ
๒.มีทิฎฐิมานะเข้าหากัน


สมดังที่พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า
"คฤหัสถ์.....ทะเลาะกันด้วย.....เรื่องกาม (ผลประโยชน์)
บรรพชิต.....ทะเลาะกันด้วย.....เรื่องทิฎฐิ คือ ความเห็นอันขัดแย้งกัน"


เมื่อการทะเลาะเกิดขึ้นย่อมต้องย่อยยับไปทั้ง ๒ ฝ่าย
พึงเห็นตัวอย่างคนเป็นความ ทั้งฝ่ายแพ้และฝ่ายชนะต้องเสียอย่างยุบยับ ได้ไม่คุ้มเสีย
นอกจากนี้การทะเลาะยังเป็นที่มาแห่งการดูหมิ่นจากผู้อื่น
พี่น้อง ผัวเมีย ทะเลาะกันก็เป็นที่ดูหมิ่นของชาวบ้าน
พระทะเลาะกันก็เป็นที่ดูหมิ่นของคฤหัสถ์ และเป็นเหตุให้ชาวบ้านแตกแยกกันด้วย
ดังเช่นการทะเลาะวิวาทของภิกษุชาวโกสัมพี

**จากหนังสือ..เรื่อง ความสำคัญแห่งใจ ของอาจารย์ วศิน อินทสระ

๐๑๐๑๐๑๐๑๐๑๐๑๐๑๐๑๐๑๐๑๐๑๐๑๐๑๐๑๐๑๐


ภิกษุก่ออธิกรณ์........
ภิกษุ ๒ รูป ชื่อปัณฑุกะ กับ โลหิตกะ ชอบก่อการทะเลาะวิวาท
ก่ออธิกรณ์ในสงฆ์ สนับสนุนภิกษุผู้ชอบก่อทะเลาะวิวาท มีผู้ติเตียน

พระผู้มีพระภาคจึงทรงเรียกประชุมสงฆ์ ทรงไต่สวนได้ความเป็นสัตย์
จึงทรงโปรดให้สงฆ์ลง "ดัชชนียกรรม" (การข่มขู่) แก่เธอทั้งสอง
โดยให้โจทอาบัติ ให้ระลึกว่าได้ทำผิดจริงหรือไม่ แล้วให้ยกอาบัติขึ้นเป็นเหตุ
สวดประกาศขอมติสงฆ์ลงดัชชนียกรรมแก่เธอ.
(สวดเสนอญัตติ ๑ ครั้ง สวดประกาศย้ำขอมติ ๓ ครั้ง).

ครั้นแล้วทรงแสดงลักษณะการทำดัชชียกรรม
ว่าอย่างไรไม่เป็นธรรม อย่างไรเป็นธรรม.

การทำที่ไม่เป็นธรรม เช่น
ไม่ทำต่อหน้า, ไม่ซักถาม (คือลงโทษโดยไม่ฟังคำให้การ),
ไม่ฟังปฏิญญา (คือการับผิดของจำเลย)

ส่วนที่เป็นธรรม คือ
ทำในที่ต่อหน้า มีการซักถาม มีการฟังปฏิญญาของจำเลย เป็นต้น.
http://www.larnbuddhism.com/tripitaka/prawinai/6.1.html

@Q@Q@Q@Q@Q@Q@Q@Q@Q@Q@Q


พระวินัยปิฎก
เล่ม ๖
จุลวรรค ภาค ๑
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
กัมมขันธกะ
ตัชชนียกรรมที่ ๑
เรื่องภิกษุพวกพระปัณฑุกะและพระโลหิตกะ
เริ่มก่ออธิกรณ์


http://www.84000.org/tipitaka/pitaka1/v ... agebreak=0
http://www.84000.org/tipitaka/pitaka1/v ... 674&Z=8774

อธิกรณ์ แปลว่า
ภารกิจที่พึงทำให้สงบให้เรียบร้อยเหมาะสม.


อธิกรณ์ ในคำวัดใช้ หมายถึง
สาเหตุ คดีเรื่องราว ปัญหา ความยุ่งยาก กิจกรรมที่เกิดขึ้นในหมู่สงฆ์ ...

http://www.kalyanamitra.org/daily/dhamm ... d=99999999

ขออนุโมทนา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 เม.ย. 2010, 23:15 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 เม.ย. 2010, 18:42
โพสต์: 26

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ใครทะเลาะ กับ ใคร หรือ ครับ ?


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 เม.ย. 2010, 23:49 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 07 เม.ย. 2009, 22:00
โพสต์: 406

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


สมานฉันท์ ???????????
สมานฉันท์ ???????????


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 เม.ย. 2010, 00:34 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 เม.ย. 2010, 18:42
โพสต์: 26

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เดี๋ยวนี้เขาบอกว่า

โจรขึ้นบ้าน อย่าไปบอกตำรวจนะ เดี๋ยวทะเลาะกัน ไม่ควรทะเลาะกัน

คนที่บริษัทยักยอกเงิน อย่าไปบอกตำรวจบอกเจ้านายนะ เดี๋ยวทะเลาะกัน ไม่ควรทะเลาะกัน

บริษัทหลอกลวงหลอกชาวบ้านมาลงทุน บอกลงทุนน้อยได้กำไรมาก พอมันได้เงินก็เชิดหนี อย่าบอกตำรวจ อย่าบอกชาวบ้าน นะ ว่าบริษัทพวกนี้ มันหลอกลวง เดี๋ยวทะเลาะกัน ไม่ควรทะเลาะกัน

โจรขึ้นข้างบ้าน เราเห็น อย่าบอกตำรวจนะ ให้สนใจแต่เรื่องตัวเอง เดี๋ยวทะเลาะกัน ไม่ควรทะเลาะกัน


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 เม.ย. 2010, 07:53 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 ม.ค. 2010, 04:38
โพสต์: 376

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว




.jpg
.jpg [ 23.07 KiB | เปิดดู 6679 ครั้ง ]
"โยนิโสมนสิการ"....คือ "มหากัลยาณมิตร"

"คิดดี ทำดี พูดดี" ....มันก็แค่บัญญัติ

ถ้าสิ่งมีชีวิตอื่นนอกจากมนุษย์พูดได้
แล้วมีปัญญาระดับหนึ่ง
เค้าก็คงจะพูดประโยคนี้เช่นกัน

พูดออกมา มันแค่วาทะ...
เพราะคำถามว่า..."ทำอย่างไร"...? ตามมาทันที

----------------------------------------------

อะไร.....เป็นสาระ หรือ ไม่เป็นสาระ ,
อะไร.....เหมาะ/ควร หรือ ไม่เหมาะ/ควร


"ปุถุชน"
..ผู้เจริญแล้ว หาก

"ใช้สติปัญญาแค่ระดับ....สามัญสำนึก"

......ก็สามารถรู้ได้แล้วว่าควรทำอย่างไร

ดังนั้น ผู้ถือตนว่าเป็น......."กัลยาณชน"
....ด้วยแสดงตนเสมอๆ ว่าเป็น.....

"ผู้ฝึกตน เป็นผู้ปฏิบัติ ....ฯลฯ...."


เรื่องแค่นี้หากไม่รู้ .........

ก็ไม่ควรออกความเห็นในทาง แนะนำ สอนสั่ง ติเตือนผู้อื่น

ในเมื่อตนยังไม่สามารถ สอนสั่ง แนะนำตนได้


แก้ไขล่าสุดโดย Eikewsang เมื่อ 02 เม.ย. 2010, 08:01, แก้ไขแล้ว 4 ครั้ง.
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 เม.ย. 2010, 08:14 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 07 เม.ย. 2009, 22:00
โพสต์: 406

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ท่าน Eikewsang
แล้วไม่ลองหาพระสูตรที่พระพุทธตำหนิพระสมัยนั้นที่แสดงธรรมผิดๆ มาแสดงบ้างละ
ในเมื่อธรรมที่แสดงไม่เหมือนกัน แล้วจะให้ทำยังไง
ไม่เชื่อเลย
เชื่อหมด
เอามาบวกกันหารสอง
ไม่มีความเห็นทางธรรม ดีขอตำหนิอย่างเดียว
อะลองบอกมาดิคับ ไม่ใช่ว่าตำหนิแล้วก็ไปสุดท้ายก็ไม่รู้จะให้ทำอย่างไร สาระทางธรรมก็ไม่ได้อะไร


แก้ไขล่าสุดโดย อายะ เมื่อ 02 เม.ย. 2010, 08:14, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 เม.ย. 2010, 09:29 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 ม.ค. 2010, 04:38
โพสต์: 376

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อายะ เขียน:
ท่าน Eikewsang
แล้วไม่ลองหาพระสูตรที่พระพุทธตำหนิพระสมัยนั้นที่แสดงธรรมผิดๆ มาแสดงบ้างละ


ขอขอบคุณมากๆ ครับ...ที่ตั้งคำถาม
(เพราะถามไม่ถามก็คงไม่กล้ายกขึ้นกล่าว
เกรงว่า จะมีคนตีความไปในทางว่า ต้องการวิวาทะ)

คุณอายะ ลองพิจารณาดูอย่างง่ายๆ เลยนะครับ

ในลานธรรมจักรนี้ มีสมาชิกหลายท่านที่ เป็นผู้ศึกษาพระสูตร

หากมีพระสูตรดังกล่าว....ถึงปานนี้...โพสต์กันครบหมดแล้วละครับ

----------------------------------------------------------

ในเมื่อได้มีโอกาสเสวนากัน ก็ขอทบทวนความเข้าใจกันสักเล็กน้อยครับ

คำว่า "แสดงธรรมผิดๆ" ข้างต้น , ผมไม่แน่ใจว่า กินความกว้างแค่ไหน

ผมของตีความว่า หมายถึง การสอนธรรมผิดๆ

ซึ่งการที่คุณอายะ เห็นว่า "ผิด" นั้น น่าจะเป็นความเห็นของคุณอายะ
(ซึ่งรวมทั้งท่านอื่นๆ อีกหลายท่าน)

แต่คุณอายะ ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า ยังมีอีกมากมายท่านเห็นว่า

ไม่ได้สอนผิด ก็แค่สอนต่างๆ , แต่ในทางกลับกัน อาจมีความเห็นยิ่งไปกว่านั้น

คือ เห็นว่า "สอนดี เข้าใจได้ง่าย"

นี่แหละครับ ปัญหาของ "ผู้ศึกษา ปฏิบัติธรรม" ทิฏฐิไม่ตรงกัน เป็นเรื่องธรรมดา

แต่ถ้าฝ่ายใดถือเอาทิฏฐิข้างตนเป็นใหญ่ ถือผู้อื่นเป็นมิจฉาทิฏฐิ

การไม่รับฟังความเห็น ไม่เคารพความเห็นคนอื่น
การมีมานะถือตนว่า ความเห็นตนเองถูกฝ่ายเดียว ย่อมเกิดขึ้น

และหากผู้นั้นปล่อยให้ อหิริก อโนตตัปปะ เข้าครอบงำจิตใจได้แล้ว
สิ่งที่ตามมาก็คงไม่พ้นการออกมาว่ากล่าว ติเตือน ตำหนิ ผู้อื่น

อายะ เขียน:
ในเมื่อธรรมที่แสดงไม่เหมือนกัน แล้วจะให้ทำยังไง
ไม่เชื่อเลย
เชื่อหมด
เอามาบวกกันหารสอง

พระพุทธองค์ .....กล้าประกาศตนว่า

เป็นผู้ตรัสรู้เญยยธรรม โดยชอบด้วยตนเองฯ
เป็นผู้แจ้งโลก.....
เป็นครูผู้สอนได้ทั้งเทวดา และมนุษย์.... ฯลฯ

แต่พระองค์ไม่เคยประกาศเลยว่า "ให้เชื่อในคำสอนของพระองค์"

เช่นนี้แล้ว..........

หากคุณอายะ ไม่มีหนทางเข้าถึงธรรมของพระพุทธองค์
ก็แสดงว่า ถ้าไม่ประมาท ก็มีกรรมไม่ดีมาบดบังซะแล้วละครับ

ธรรมของพระพุทธองค์ มีทั้งในหนังสือ ซีดี สามารถหาอ่าน หาฟังได้โดยไม่ยาก

คำสอนของพระพุทธองค์ คือ มหากัลยาณมิตร ครับ

การมี โยนิโมนสิการ ก็คือ มหากัลยาณมิตร คนที่ 2

อย่ามัวเสียเวลา เร่หาธรรมจาก ผู้ยังต้องศึกษาด้วยกันอยู่อีกต่อไปเลยครับ
แต่ก็คงคบหากันไว้ แลกเปลี่ยนความรู้กัน เห็นด้วยก็นำมาเสริม , เห็นต่างก็นำมาพิจารณา

การศึกษาทาง ปณ. ก็มี
ที่วัดมหาธาตุ วัดสามพระยา วัดโสมนัส ฯลฯ... เยอะแยะมากมาย

อายะ เขียน:
ไม่มีความเห็นทางธรรม ดีขอตำหนิอย่างเดียว
อะลองบอกมาดิคับ ไม่ใช่ว่าตำหนิแล้วก็ไปสุดท้ายก็ไม่รู้จะให้ทำอย่างไร สาระทางธรรมก็ไม่ได้อะไร


1....การที่คนอื่น หรือตัวคุณอายะ ไม่ทราบคำตอบ....ในปัญหาใด
นั่นไม่ได้หมายความว่า ปัญหานั้นไม่มีคำตอบ หรือไม่มีทางแก้ ไม่มีทางออก และ

2....การที่เราไม่สามารถหาคำตอบ ไขโจทก์หรือปัญหาได้ดังกล่าว
ก็ไม่ได้หมายความว่า ผู้ตั้งโจทก์หรือผู้เริ่มปัญหาดังกล่าว....กระทำผิด

พระพุทธองค์เองท่านก็เคยตรัสไว้ว่า ธรรมที่ท่านนำมาสอนเป็นเพียงเท่าใบไม้ในกำมือ

ธรรมทั้งหมดซึ่งพระองค์ตรัสรู้ มีเท่าใบไม้ทั่วทั้งผืนป่า

ใครกล้าออกมายืนยันว่า เป็นรู้ธรรมเท่าใบใบไม้ในกำมือนั้นทั้งหมด....

....................ผมเชื่อว่าไม่มี............................

แต่ผมยังมีศรัทธา และเชื่อว่า ชาวพุทธรู้ธรรมทางแนวทางที่ตนเรียน/ปฏิบัติ

และหาก ชาวพุทธทั้งหลายสมานสามัคคี เมื่อมารวมตัวกันแล้ว .... .....................

...................ผมเชื่อว่า............ ธรรมเท่าใบไม้ในกำมือนั้น ถูกรู้ทั้งหมด

..................ปัญหา.......อยู่ตรงที่

.............เมื่อมีผู้สอนธรรม....ที่เป็นใบไม้ในส่วนอื่น คือ

ส่วนที่เป็นใบไม้บริเวณที่ นิ้วชี้ หรือ นิ้วกลาง หรือ นิ้วนาง จับไว้

ผู้รู้ธรรมเท่าใบไม้ส่วนที่ "นิ้วก้อย" จับไว้ แต่มีมานะถือตน เห็นว่าตนรู้แจ้ง เห็นจริง

ปล่อยอนุสัยของตนเองออกมา ทางมโนกรรม ตำหนิว่า "ผู้อื่น"
สอนธรรมผิดๆ ตนเองสอนถูกฝ่ายเดียว

เมื่อเป็นเช่นนี้ ใบไม่ทั้งหลาย.....แม้อยู่ในกำมือ.....เดียวกัน
ก็เหมือน.........อยู่ห่างกัน............โดยราวป่าคั่น

หากมีกรรมดีคอยให้ผลอยู่ ก็คงได้พบธรรมที่คุณอายะ ค้นหาสักวันหนึ่งละครับ

ขอความสุขความเจริญในกุศลธรรมจงทวียิ่งๆขึ้นไปครับ

ขออนุโมทนา


แก้ไขล่าสุดโดย Eikewsang เมื่อ 02 เม.ย. 2010, 09:32, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 เม.ย. 2010, 09:59 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ค. 2008, 14:14
โพสต์: 3836

อายุ: 12
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


Oz(ob) เขียน:
เดี๋ยวนี้เขาบอกว่า

โจรขึ้นบ้าน อย่าไปบอกตำรวจนะ เดี๋ยวทะเลาะกัน ไม่ควรทะเลาะกัน

คนที่บริษัทยักยอกเงิน อย่าไปบอกตำรวจบอกเจ้านายนะ เดี๋ยวทะเลาะกัน ไม่ควรทะเลาะกัน

บริษัทหลอกลวงหลอกชาวบ้านมาลงทุน บอกลงทุนน้อยได้กำไรมาก พอมันได้เงินก็เชิดหนี อย่าบอกตำรวจ อย่าบอกชาวบ้าน นะ ว่าบริษัทพวกนี้ มันหลอกลวง เดี๋ยวทะเลาะกัน ไม่ควรทะเลาะกัน

โจรขึ้นข้างบ้าน เราเห็น อย่าบอกตำรวจนะ ให้สนใจแต่เรื่องตัวเอง เดี๋ยวทะเลาะกัน ไม่ควรทะเลาะกัน


ตลกน่ะ

เอางี้สิ ไหนลองตอบผมหน่อย

ที่คุณว่าคุณ"บอกตำรวจ"
ในที่นี้ใครคือตำรวจ? ...... internet นี่นะตำรวจ

แล้ว "ข้อมูลที่แจ้งตำรวจ" ในที่นี้คืออันไหน
กล่าวแต่ฝ่ายเดียวแล้วก้คิดว่านี่เป็นที่สุดของข้อเท้จจริง?
ผมภาวนาให้คุณมีคดีสักคดีหนึ่ง จะได้เปิดหูเปิดตาว่ากระบวนการยุติธรรมเขาทำกันยังไง

คุณลองตอบผมหน่อยสิ
ถ้าคิดว่าตัวเป้นอุบาสกแสนดี ปฏิบัติต้องตามพระะรรม พระวินัย
ไหนลองไปยกพระไตรปิฏกมาดูสิ หรือ พรบ คณะสงฆ์ไทย มาดูสิว่า
ที่คุณทำอย่างนี้ๆกัน มันตรงกับพระไำตรปิฏก หรือ พรบ ตรงไหน
แล้วอุบาสกอย่างคุณ เข้าไปเกี่ยวตอนไหน มากน้อยแค่ไหน

หาไม่เจอหรอก

มีอย่างที่ไหน กล่าวหาพระกลางตลาดแบบนี้ ด่าซะสาดเสียเทเสีย
สึกพระผ่านสื่อแบบนี้ เลวร้ายตกต่ำจริงๆ
แล้วภูมิใจหนักหนาว่าที่ตัวเองทำนี้เป็นสิทธิโดยชอบของตน

ตำรวจมีไม่กล้าแจ้ง เจ้าคณะฯมีไม่ไปถาม
ถ้าคุณแน่ใจหลักฐานจริง แจ้งความเลยดีกว่า
เพราะถ้าหลวงพ่อไม่ผิด คุณได้รับผิดชอบแน่นอน
แต่นี่อะไร ทำนิรนามลึกลับแล้วก็เที่ยวด่าชาวบ้าน
ด่าเขาเสียๆหายๆแล้วก็ทำตัวลอยนวล ยังมีหน้ามาพูดเรื่องสิทธิ

มีแต่เด็กๆทั้งนั้นเลยนะ พวกที่มาร้องแรกแหกกระเชิงแบบนี้
ไม่มีปัญญาจะเข้าใจเขา ก็ว่าเขาชั่ว


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 เม.ย. 2010, 12:14 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 07 เม.ย. 2009, 22:00
โพสต์: 406

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เรียน ท่าน Eikewsang
ถามใหม่ก็ได้ ระหว่างธรรมมะจากพระอาจารย์ปราโมทย์ กับพระอาจารย์สงบนั่นนะ
ท่านเชื่อใคร
ไม่เชื่อเลย
เชื่อหมด
เอามาบวกกันหารสอง

เอาแค่นี้ตอบมาให้ตรงคำถาม ไม่ต้องอธิบายเรื่องอื่น


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 เม.ย. 2010, 12:23 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 21 มี.ค. 2009, 20:48
โพสต์: 745


 ข้อมูลส่วนตัว


เรียน ท่าน Eikewsang

ผมบอกท่านแล้ว ว่าถ้าท่านไม่อยากมีปัญหา กรุณาอย่าสื่อโพสต์ ในทางอ้างอิง หลวงพ่อสงบ

ไม่งั้นเดี่ยวก็มาวิวาทกันอีก แนะนำนะงับ อย่าจุดชนวน

.....................................................
“เวลาทำสมาธิ ให้ระลึกลมหายใจเข้าออก ให้รู้ลมหายใจเข้าออก ไม่ต้องบังคับลมหายใจ ตามรู้ลมหายใจเข้าออก สงบก็รู้ ไม่สงบก็รู้ สงบก็ไม่ยินดี ไม่สงบก็ไม่ยินร้าย ไม่เอาทั้งสงบและไม่สงบ เอาแค่รู้ตามความเป็นจริงของสภาวธรรมปัจจุบันนั้น”

ธรรมเหล่านี้เป็นไปเพื่อคลายกำหนัด
เป็นไปเพื่อไม่ประกอบสัตว์ไว้
เป็นไปเพื่อไม่สั่งสมกิเลส
เป็นไปเพื่อความเป็นผู้มักน้อย
เป็นไปเพื่อสันโดษ
เป็นไปเพื่อความสงัดจากหมู่คณะ
เป็นไปเพื่อปรารภความเพียร
เป็นไปเพื่อความเป็นคนเลี้ยงง่าย


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 เม.ย. 2010, 14:02 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 เม.ย. 2010, 18:42
โพสต์: 26

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เขาว่าเรากล่าวหา

หลักฐานเยอะแยะ ใน CD หน่ะ ใน หนังสือ หน่ะ อวดอุตริ
บอกไม่ได้อวด ใช่มุสา รึเปล่า
หลักฐาน http://www.antiwimutti.net/Antiwimutti/peidpong_phra_pramothy_pramoch_cho_xwd_xutri1.html

พยากรณ์ บอก ไม่ได้ พยากรณ์ ใช่มุสา มั๊ย ?
หลักฐาน http://www.antiwimutti.net/Antiwimutti/peidpong_phra_pramothy_pramoch_cho_phyakrn_1.html


อวดความสนิทหลวงพ่อมนตรี แล้วท่านก็ออกมาแก้แล้ว ว่ามั่ว อ่านได้จากเมลล์ ๓ ฉบับ และผมก็ไปที่ป่าละอูมาในวันนั้นด้วย ท่านพูดเต็มปากเต็มคำเลย
หลักฐาน http://www.antiwimutti.net/Antiwimutti/xwd_xang_khwam_snith_hlwng_phx_mntri_doy_phra_pramothy_pramoch_cho.html

ยังมีอีกเยอะมีหลักฐานมายันทั้งนั้น ของจริงเสียงจริง ของเขาเองทั้งหมด กล่าวหาลอยๆงั้นหรือ? พูดเป็นเล่น ของอย่างนี้ถ้าไม่แน่ใจแล้ว ใครเขาจะกล้ากล่าวหา นรกนะครับ ใครจะกล้า ก็มันมีหลักฐานตำตาอยู่แบบนี้ ไม่ใช่เรียกว่า กล่าวหาหรอก เขาเรียก ความจริง

ตำรวจ ตำรวจ ใครเป็นตำรวจเหรอ ไม่มีหรอก ใครจะไปเป็นตำรวจ แค่พระพุทธเจ้าตรัสไว้

พระไตรปิฎกกับพุทธบริษัท 4


พระพุทธเจ้าเคยตรัสว่า พระองค์จะปรินิพพานต่อเมื่อพุทธบริษัท 4 คือ ภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา ทั้งหลายทั้งปวง คือ พระภิกษุทั้ง เถระ ทั้งมัชฌิมะ ทั้งนวกะ ภิกษุณีก็เช่นเดียวกัน พร้อมทั้งอุบาสก อุบาสิกา ทั้งที่ถือพรหมจรรย์ และที่เป็นผู้ครองเรืองทั้งหมด [color=#FF0000]ต้องเป็นผู้มีคุณสมบัติที่จะรักษาพระศาสนาได้คือ...



1. ต้องเป็นผู้มีความรู้ เข้าใจหลักธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้าได้ดี และประพฤติปฏิบัติได้ถูกต้องตามคำสอน


2. นอกจากรู้เข้าใจเอง และปฏิบัติได้ดีแล้ว ยังสามารถบอกกล่าวแนะนำ สั่งสอนผู้อื่นได้ด้วย


3. เมื่อมีปรับวาทเกิดขึ้นคือคำจ้วงจาบสอนคลาดเคลื่อนผิดเพี้ยนจากพระธรรมวินัย ก็สามารถชึ้แจงแก้ไขด้วย


ตอนที่พระองค์จะปรินิพพานนั้น มารก็มากราบทูลว่า เวลานี้พุทธบริษัท 4 มีคุณสมบัติพร้อมอย่างที่พระองค์ได้ตรัสเหมือนกับเป็นเงื่อนไขไว้แล้ว พระพุทธเจ้าทรงพิจารณาเห็นว่าเป็นอย่างนั้น จึงทรงรับที่จะปรินิพพาน โดยทรงปลงพระชนมายุสังขาร


[/color]

พระสงฆ์หลายๆองค์ออกมาแล้ว ท่านแก้ทางธรรม เพราะท่านเห็นว่าไม่ถูกต้อง

อุบาสก อุบาสิกา ออกมาแล้ว เพราะเห็นการกะรทำที่ไม่ถูกต้อง ทางโลก

ไม่มีใครเป็นตำรวจหรอก เขาแค่ทำตามหน้าที่ ที่พระพุทธองค์ฝากไว้แค่นั้น


แก้ไขล่าสุดโดย Oz(ob) เมื่อ 02 เม.ย. 2010, 14:04, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 เม.ย. 2010, 14:21 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ค. 2008, 14:14
โพสต์: 3836

อายุ: 12
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


Oz(ob) เขียน:
ตำรวจ ตำรวจ ใครเป็นตำรวจเหรอ ไม่มีหรอก ใครจะไปเป็นตำรวจ แค่พระพุทธเจ้าตรัสไว้
---
ไม่มีใครเป็นตำรวจหรอก เขาแค่ทำตามหน้าที่ ที่พระพุทธองค์ฝากไว้แค่นั้น


เหวงจริงๆ พวกคูณนี่จริงๆ ทำไมพวกต่อต้านหลวงพ่อ เป้นพวกสัญญาวิปริตกันหมด
ตัวเองเป้นคนเปรียบเทียบแท้ๆว่า

Oz(ob) เขียน:
เดี๋ยวนี้เขาบอกว่า
โจรขึ้นบ้าน อย่าไปบอกตำรวจนะ เดี๋ยวทะเลาะกัน ไม่ควรทะเลาะกัน

คนที่บริษัทยักยอกเงิน อย่าไปบอกตำรวจบอกเจ้านายนะ เดี๋ยวทะเลาะกัน ไม่ควรทะเลาะกัน

บริษัทหลอกลวงหลอกชาวบ้านมาลงทุน บอกลงทุนน้อยได้กำไรมาก พอมันได้เงินก็เชิดหนี อย่าบอกตำรวจ อย่าบอกชาวบ้าน นะ ว่าบริษัทพวกนี้ มันหลอกลวง เดี๋ยวทะเลาะกัน ไม่ควรทะเลาะกัน

โจรขึ้นข้างบ้าน เราเห็น อย่าบอกตำรวจนะ ให้สนใจแต่เรื่องตัวเอง เดี๋ยวทะเลาะกัน ไม่ควรทะเลาะกัน


ยังจะมาถามหาตำรวจอีก
พวกเด็กวัยรุ่น พูดจายังไม่รู้เรื่องเลย
ริจะมาคัดพระอรหันต์ ชำระอธิกรณ์พระบนอินเตอร์เน็ต

------------



แล้วที่ยกมานี้น่ะ พูดปาวอย่างกับนกแก้วนกขุนทอง
แต่ตัวเองทำไม่ได้สักข้อหนึ่ง

Oz(ob) เขียน:
1. ต้องเป็นผู้มีความรู้ เข้าใจหลักธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้าได้ดี และประพฤติปฏิบัติได้ถูกต้องตามคำสอน


2. นอกจากรู้เข้าใจเอง และปฏิบัติได้ดีแล้ว ยังสามารถบอกกล่าวแนะนำ สั่งสอนผู้อื่นได้ด้วย

3. เมื่อมีปรับวาทเกิดขึ้นคือคำจ้วงจาบสอนคลาดเคลื่อนผิดเพี้ยนจากพระธรรมวินัย ก็สามารถชึ้แจงแก้ไขด้วย




ปากว่าพุทธบริษัท พุทธบริษัท อ้างแต่หลักการๆ
สามารถจารไนยมาเป้นข้อๆได้
แต่เวลาลงมือปฏิบัติ ก็ด่าปาวๆบนอินเตอร์เน้ต
ยังมีหน้ามาบอกว่าพุทธบริษัท
ยังมีหน้ามาว่าตัวเอง" รู้จักคำสอนพระพุทธเจ้าดี"

พระวินัยมี ระบบปกคณะสงฆ์ก็มี มีมาก่อนบรรพบุรุษคุณเกิดอีก
พระสงฆ์เขาไม่อนาถาขนาดจะต้องมาพึ่งการพิพากษาของพวกคุณหรอกนะ
พระเขามีวิธีสงบเรียบร้อยสง่างามของเขา
ไม่ต้องมาใช้วิธีกองโจรซุ่มโจมตีไม่มีผู้พูดแบบนี้

ท้าให้ไปแจ้งความก็กลัวหัวหด ว่าตัวเองจะโดนแจ้งความกลับ
ท้าให้ไปฟ้องเจ้าคณะก็ไม่กล้าไป กลัวเขาจะรู้ว่าเป้นใคร
ทำตัวนิรนามแอบโจมตีชาวบ้านเสียๆหายๆ


พวกหิวบุญ ตันหาจัด
ใครจะเดือดร้อนเสียหายอะไรไม่สนใจ
ในใจจะเอาแต่บุญ
ถ้าไม่ทราบจะบอกให้ว่า หิวบุญอย่างนี้เรียกว่าเปรต


แก้ไขล่าสุดโดย ชาติสยาม เมื่อ 02 เม.ย. 2010, 14:21, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 เม.ย. 2010, 14:32 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 เม.ย. 2010, 18:42
โพสต์: 26

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อนาถจริงๆ คนเรา เอาหลักฐานมาให้ดู

ดูรึยัง?

แล้วมุสามั๊ย

ใคร เหวง กันแน่

ดูแล้วก็ บอกสิ ว่าไม่มุสา จะได้รู้ระดับของสติปัญญา

จะได้ปลงถูก เอะอะก็บอกเขากล่าวหา เอาหลักฐานมาให้ดูก็เงียบ

ประเด็นมันอยู่ตรง แค่คำว่าตำรวจเหรอ?

ประเด็นมันอยู่ที่ว่า พระอริยะ แต่ดันโกหก ต่างหาก !


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 เม.ย. 2010, 14:51 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 เม.ย. 2010, 18:42
โพสต์: 26

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


พวกหิวบุญ ตันหาจัด
ใครจะเดือดร้อนเสียหายอะไรไม่สนใจ
ในใจจะเอาแต่บุญ
ถ้าไม่ทราบจะบอกให้ว่า หิวบุญอย่างนี้เรียกว่าเปรต

แค่เห็นความคิดเห็นแบบนี้ ก็ปลงสังเวชแล้ว แสดงถึงสภาพจิตใจที่แท้จริงเลย
อย่าคิดว่าคนอื่นเขาหิวบุญเหมือนคุณสิ คนเขาแค่ออกมาบอกกล่าวกัน ไม่ได้นึกถึงบุญถึงคุณเลย ใครเชื่อก็ดีไป ใครไม่เชื่อก็เรื่องของเขา

แล้ว ผมมีด่าเขาหยาบคายเสียหายเหรอ ก็พูดตามหลักฐานเท่านั้น

อย่างนี้อย่าด่านะ พวกที่ทำศาสนาเสียหาย พวก พระเข้าทรง พระเสกขุนแผยรุ่นไคโยตี้ พระไปม๊อบ พระไถ่เงิน พระหลอกหลวง อย่าด่า อย่าเตือนกันนะ ว่าอย่าไปหลงกล อย่าเข้าใกล้มันอันตราย

อย่าทำนะ (โครตเห็นแก่ตัว)

เดี๋ยวเขาจะหาว่า ไม่กล้า แน่จริงก็ไปฟ้องคณะจังหวัด ไปฟ้องตำรวจสิ

อย่าบอกหล่าวกันนะ ในเน็ทหน่ะ ไปแจ้งความเอา

เจริญละ ความคิดอย่างนี้


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 เม.ย. 2010, 15:00 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ค. 2008, 14:14
โพสต์: 3836

อายุ: 12
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


Oz(ob) เขียน:
อนาถจริงๆ คนเรา เอาหลักฐานมาให้ดู

ดูรึยัง?

แล้วมุสามั๊ย

ใคร เหวง กันแน่

ดูแล้วก็ บอกสิ ว่าไม่มุสา จะได้รู้ระดับของสติปัญญา

จะได้ปลงถูก เอะอะก็บอกเขากล่าวหา เอาหลักฐานมาให้ดูก็เงียบ

ประเด็นมันอยู่ตรง แค่คำว่าตำรวจเหรอ?

ประเด็นมันอยู่ที่ว่า พระอริยะ แต่ดันโกหก ต่างหาก !


พวกคูณนี่มันมิจฉาทิฐิ
ตอบมาสิว่า สัญญาเที่ยงหรือไม่เที่ยง?
ตั้งแต่เกิดมา เคยจำอะไรสับสนผิดๆถูกๆบ้างไหม หรือไม่เคย
กล้าโกหกไหมล่ะ ว่าไม่เคยจำอะไรผิด

สมัยก่อนมีคนปากมอม ตั้งข้อสังเหตุหลวงตาว่า
บางทีหลวงตาเทศน์แล้วลืมเรื่องที่เทศน์อยู่ขึ้นมากลางอากาศ
เรื่องความทรงจำเป็นเรื่องอนิจจัง
อย่าดัดจริตว่าเป็นเรื่องผิดปกติ


แล้วก็เรื่องศีลข้อ 3 นี่นะ ขอทีเถอะ
ถ้าคุึณจะเอาศีลข้อนี้มาวัด ก็เอาไปวัดหลวงพ่อสงบด้วย
อย่าทำสองมาตรฐาน
ประเด้นคือศีลข้อ 3 มันไม่ใช่เครื่องมือวัด
มันไม่ใช่ดัชนีที่คุณจะเอาไปใช้สรุปการทดลองของคุณ
มันอาจจะฟ้องอะไรก้จริง แต่มันไม่ใช่สิ่งที่ชี้ผิดถูกจนสรุปผลการวิจัยได้

เอาเรื่องขี้หมุขี้หมามาคัดพระอริยะ
ดู"สารรูปคนคัด"สิ ว่า"เอาอะไรไปคัด"
มีแต่ข่าวลือข่าวเล่าอ้างทั้งนั้น

ให้พูดการปฏิบัติของตัวเอง พากันกลัวหัวหดเข้าไปในกระดอง
มันทนอายไม่ได้ ทนคนเขารู้ว่าโง่ไม่ได้ จึงไม่กล้าพูด
แล้วก้มาบอกว่าพุทธบริษัทต้องรู้จริงในธรรม

อายเขาไหม ที่ทำๆอยู่น่ะ


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 39 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2, 3  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: Google [Bot] และ บุคคลทั่วไป 27 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร