ลานธรรมจักร http://dhammajak.net/forums/ |
|
จักรวาลและโลกนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร http://dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=1&t=30578 |
หน้า 1 จากทั้งหมด 2 |
เจ้าของ: | wirat [ 03 เม.ย. 2010, 04:57 ] |
หัวข้อกระทู้: | จักรวาลและโลกนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร |
.....จักรวาลและโลกนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร..... ................................... ...ผมตั้งคำถามนี้ในใจมาตลอดที่เกิดจำความเป็นมนุษย์มาได้ สงสัยโคตะระ สงสัยหาใน Google ก็ได้คำตอบแบบ ยังต้องสงสัยต่อไปเรื่อยๆบทสรุปก็คือ...ไม่มีใครรู้ แน่นอน แต่แล้วใน วันหนึ่ง...ขณะที่ผมกำลังขี่มอเตอร์ไซค์เพื่อไปทานอาหารเจ ฉับพลันหัวสมองของผมก็ตั้งคำถามเดิมๆมาอีกว่าสิ่งต่างๆที่เราเห็นและสัมผัส ความเจ็บปวด ความจน ความทรมาน ความรู้สึก อารมณ์ต่างๆ เมียลูก พ่อแม่ พี่น้อง ปู่ย่า ตายาย เจ้าป่า เจ้าเขา เจ้าที่ เจ้าทาง พระพรหม... จนถึงโลกนี้จักรวาลนี้มันเกิดขึ้นมาได้ยังไง ถามย้ำๆกับสมองตัวเอง ช่วงหลังๆไม่รู้เป็นอะไร สมองของผมนั้น จะหาคำถาม และหา คำตอบเองแบบว่า ส่วนมากจะเกี่ยวกับธรรมมะครับ ถามเองแล้วก็ตอบเองไม่ต้องคิดเข้าข้างตัวเองถามแล้ว ก็รอคำตอบไม่ต้องคิดให้สมองเค้าตอบมาเองซึ่งก็ได้คำตอบที่น่าพอใจหลายๆครั้งครับ ขณะที่ผมตั้งคำถามกับตัวเองว่า...โลกนี้จักรวาลนี้เกิดขึ้นได้ยังไง เหมือนกับว่าหัวสมองมันอึ้งไปเลยคล้ายกับว่าคำถามนี้มันยากเหลือเกิน สมองมันคิดของมันเองตอนแรกมันจะอื้อๆครับผมเองไม่ได้คิดช่วยครับผมก็ทำใจสบายๆ ถามมันไปเรื่อยๆคิดเล่นๆว่าคงจะไม่ได้คำตอบหรอกครับ เพราะตัวผมเองก็ไม่รู้คำตอบครับ แล้วก็คิดว่าไม่มีใครรู้แน่ชัดอยู่แล้ว ผมคิดอย่างงี้ แต่แล้วเหมือนมีเสียงมาจากไหนไม่รู้พรวดใสแจ๋วเข้ามาในสมองผม ปัง เสียงดังฟังชัด พอได้ฟังคำตอบ ปั๊บ ขนทั้งตัวผมลุกไปหมดครับ มันเป็นคำตอบ ที่ถูกใจ ถูกต้อง ที่สุด เท่าที่ผมหามาตลอดชีวิตผมเลยครับ .....เสียงฟังดังใสชัดแจ๋วในสมองว่า..... ...................................................... ( ก็มึ-งตื่นไง ไ-อ้ค-วาย มันถึงมีโลกมีจักรวาลนี้ ขึ้นมา ถ้ามึ-งหลับ..หลับในที่นี้หมายถึงตายนะครับ.. โลกนี้จักรวาลนี้ มันก็ไม่มีหรอก ไ-อ้ค-วายคำถามง่ายๆ รู้หรือยังหล่ะทีนี้) ...................................................... โล่งครับ พอผมได้คำตอบขนหัวลุกโล่งเบาทันทีครับมันเหมือนผมตอบโจทย์ถูกต้องเถียงไม่ออกเลยครับ พอผมได้คำตอบอย่างนี้ก็ถึงร้านอาหารเจ พอดีครับจอดรถลงไปหาข้าวกิน ผมนั่งกินอาหารเจ อย่างมีความสุขที่สุดครับเหมือนยกภูเขาออกจากอก มันใช่เลย นี่แหละคือคำตอบที่ถูกใจถูกต้องที่สุดในโลกครับ ใช่เลยๆๆๆๆ สมองผมว่าอย่างนี้โล่งครับโล่ง จริงๆ คำว่าตื่นแล้วถึงมีโลกนี้จักรวาลนี้ ขึ้นมา มันก็มาคิดต่ออีกว่า เราก็ไม่ใช่คนที่ตื่นมาคนแรกของโลกนี่หว่า .....แล้วใครหล่ะ??? (ความคิดของผม การตื่นคือ...การตื่นขึ้นมารับรู้สรรพสิ่งรอบตัวรับรู้ดินน้ำลมไฟหนาวร้อนอ้างว้าง) ทุกๆคนที่ตื่นขึ้นมาในโลกนี้ขณะนี้ไม่ใช่คนแรกที่ตื่นขึ้นมารับรู้ โลกนี้ จักรวาลนี้ ใช่ไหมครับ แล้วถามว่าถ้ายังงั้นจะต้องมีคนที่ตื่นเป็นคนแรกของจักรวาลของโลกนี้ ตื่นขึ้นมารับรู้สิ่งรอบตัว...พรวดปิ๊ง...ใครปลุกก็ไม่รู้ ตื่น... เป็นคนแรกของโลก แล้วใครหล่ะที่ตื่นเป็นคนแรกของโลกนี้เป็นสัตว์หรือเป็นคน มีร่างกายหรือไม่มีร่างกาย หรือเป็นพลังงานที่ตื่น มีชีวิตหรือไม่มีชีวิต ตัวนี้หล่ะคือคำตอบ ว่าโลกนี้จักรวาลนี้ และจักรวาลอื่นๆกาแล็คซี่อื่นๆเกิดขึ้นได้อย่างไร คำตอบต้องถาม เจ้าคนที่ตื่นเป็นคนแรกของโลกนี้ นี่แหละตื่นเพราะอะไรใครปลุกมา คนที่ตื่นขึ้นมาเห็นรับรู้คนแรกของโลกของจักรวาลนี้ ต้องมีแน่นอน ต้องมีคนตื่นก่อนเราแน่นอน ไม่ว่าจะเป็นอะไรสิ่งนี้เป็นตัวสร้างสรรพสิ่งอย่างแน่นอนที่สุด ชัวร์ป๊าด สมมุติว่า...ตัวของเราไม่รู้ว่ามีตัวเรานี้อยู่ อยู่ๆก็ตื่นขึ้นมาโพ๊ะเป็นคนแรกของโลกของจักรวาลนี้ มัวเงียๆ หลังจากหลับไหลหรือนิ่งเงียบมานานเท่าไรไม่รู้อะไรก็แล้วแต่ ด้วยเหตุปัจจัยอะไรก็แล้วแต่ ที่หลับอยู่ พอ ใส่กุญแจ Start เครื่องตื่นปุ๊บก็ต้องมารับรู้สัมผัสรู้เราก็จะสัมผัสได้ถึงความอ้างว้างโดดเดี่ยว มืดสุดกู่ สุดลูกหูลูกตามีแต่เราคนเดียวนี่หว่าพอตื่นมาแล้วก็ไม่อยากหลับ แต่ว่าเรามีพลังนะมีมากเสียด้วยซิ ถ้าเราไม่มีแรงคงตื่นขึ้นมาไม่ได้หรอกใช่ไหมครับตอนตื่นมา ต้องมีพลัง ไม่มีพลังก็ตาย แม้แต่รูปร่างยังไม่รู้เป็นยังไงมองก็มองไม่เห็นได้แต่ว่ารับรู้ อะไร อะไรและอะไรและอะไร งง งง สักพักก็ต้งหลักได้สบาย ก็เกิดความอยากขึ้นมา ไอ้ความอยากนี่หล่ะจะสร้างสรรพสิ่งต่อๆไป ไม่ยังงั้นมนุษย์คงไม่เจริญมาถึงขนาดนี้หรอกครับ มีรถมีเครื่องบิน แล้วจะมีแปลกๆมาอีกเรื่อยๆครับผมว่า ความอยากของผมนั้นสมองของผมแปลบอกว่ามันก็คือ...วิวัฒนาการ...นี่เองพออยากปุ๊บ วิวัฒนาการมันก็เกิดของมันไปเรื่อยๆซับซ้อนขึ้นเรื่อยๆยากขึ้นเรื่อยๆ แม้แต่ภูเขาไฟมันยังอยากมีรูเลยครับ ตั้งแต่เจ้าตัวที่ตื่นคนแรกเค้าอยากวิวัฒน์มันก็ต้องสร้างใช่ไหมครับ เจ้าคนที่ตื่นคนแรกนี้มันคงจะมีพลังมากจริงๆครับสร้างดาวโน้นดาวนี้ใหญ่บ้างเล็กบ้าง ร้อนบ้างเย็นบ้างแล้วก็ไม่ไปอยู่ซักทีสร้างดวงอาทิตย์ดวงจันทร์ก็ไม่ไปอยู่ ไอ้ความร้อนความเย็นเค้าคงไม่กลัวหรอกครับเพราะเค้ายังไม่มีกายเนื้อ เผลอๆจักรวาลนี้ทั้งหมดคือตัวเค้าเองด้วยซ้ำ ก็เลยสร้างดวงดาวต่างๆมากมายสร้างมันไปเรื่อยๆก็ยังไม่ชอบใจในที่สุดเอาก็เอาว่ะโลกใบนี้หล่ะว่ะ ดีที่สุดแล้วมีร้อนอุ่นมีมืดมีสว่างกำลังดีเป็นความอยากแห่งวิวัฒนาการของคนที่ตื่นคนแรกของจักรวาลและของโลกนี้ พออยู่มาไม่ชอบตรงนี้ก็ทำตรงนั้นไม่ชอบตรงนั้นก็ทำตรงนี้ ทุกวันนี้เจ้าตัวหรือคนหรือพลังงานอะไร ก็แล้วแต่ที่ตื่นขึ้นมาเป็นคนแรกของโลกเค้าก็ยังไม่พอใจครับเค้าก็ยังวิวัฒน์ของเค้าไปเรื่อยๆซักวันหนึ่ง เค้าวิวัฒน์จนเค้าคิดว่ามันไม่ดีนี่หว่าเอาใหม่ดีกว่าเมื่อนั้นก็จะถึงวันสิ้นสุดของมนุษย์โลกครับ เค้าจะลบทำลายแล้วสร้างใหม่อย่างนี้เค้าเรียกว่า หนึ่งกัลป์ ครับเพราะเค้าคิดว่ามันไม่ดี ทำใหม่ดีกว่าแป๊บเดียวเอง ก็เพราะพวกเรานี่แหละทำเกินกว่าที่เค้ากำหนดเค้าก็จะหันมาทำลายเราเราต้องปรับปรุงตัวเพื่อให้เค้าเห็นว่า เค้าทำดีแล้วสุขแล้วเรากับเค้าก็จะอยู่ร่วมกันได้อีกนานอย่าให้เค้าต้องสร้าง กัลป์ ใหม่ๆเลยเราต้องปรับปรุงตัวนะ ทุกวันนี้มนุษย์เราพยายามจะเอาชนะธรรมชาติผู้ซึ่งเป็นคนสร้างเรามาและสรรพสิ่งต่างๆขึ้นมา สิ่งที่มนุษย์เราต้องการเอาชนะมากที่สุดที่สุดก็คือการเอาชนะความตายอยู่เป็นอมตะ นิรันดร ไม่แก่ไม่ตาย แต่เจ้าคนที่ตื่นคนแรกเค้าคงไม่ยอมหรอกครับเมื่อไหร่ถ้าเราเอาชนะความตายได้ เมื่อนั้นหล่ะเจ้าคนที่ตื่นคนแรกเค้าจะยอมแพ้เราเอง เราก็จะรู้เองว่าเจ้าคนนี้มันเป็นใครกันแน่ การจะเอาชนะความตายได้มีอยู่หนทางเดียวเท่านั้นก็คือจิตที่หลุดพ้นจากพันธนาการจากเจ้าคนที่ตื่นเป็นคนแรก เค้าสร้างให้อะไรเรามามากมายเราก็ไม่เอาทั้งนั้น ไม่ยึดไม่หมายไม่เอาเค้าก็ทำอะไรเราไม่ได้มาบังคับเราก็ไม่ได้ เค้าจะไม่ใช่เจ้านายเราอีกต่อไปเมื่อนั้นเราก็ไม่ต้องกลับมาให้เค้ามาวิวัฒนาการเราอีกต่อไป ตายแล้วเกิดเกิดแล้วตายนี่คือสิ่งหนึ่งในวิวัฒนาการของเค้าครับไม่รู้จบสิ้นเป็นลูกน้องเค้าไปตลอดไม่รู้กี่ชาติแล้ว เพราะความอยากนี่แหละครับทำให้พวกเราต้องวิวัฒนาการกันไม่รู้จักจบจักสิ้น อาจจะหลายกัลป์แล้วนะ แต่ถ้าเมื่อใดที่เค้าคนที่ตื่นคนแรกของโลกนี้หมดความอยากไม่มีวิวัฒน์เมื่อนั้นไม่มีโลกนี้ไม่มีจักรวาลนี้ กลับไปเหมือนตอนที่คนตื่นคนแรกของโลกคนนี้เค้ายังไม่ตื่นขึ้นมา นั่นล่ะจบ หมดโลก หมดคำถาม ถ้าพวกเราทิ้งความอยากได้เราก็จะหลุดพ้นจากห้วงเหวแห่งวิวัฒนาการของเค้าผมคิดว่าเค้าคงอยาก ให้พวกเราทั้งหมดในโลกนี้หลุดพ้นจากพันธนาการของเค้าจนไม่เหลือในโลกนี้แม้แต่คนเดียว เมื่อนั้นแหละเค้าก็จะได้หลับไปตลอดกาลเค้าคงจะเริ่มเบื่อหน่ายในสิ่งที่เค้าตื่นแล้วอยากคือวิวัฒนาการ แล้วหล่ะ สังเกตุในสิ่งที่เค้าทำซิ ภัยภิบัติต่างๆในโลกนี้ มันเริ่มรุนแรงขึ้นเรื่อยๆแล้วนะ เค้าอยากให้พวกเรากลับบ้านเก่ากลับไปอยู่กับเค้าอยู่ด้วยกันกับเค้าแล้วเค้ากับเราจะหลับไปด้วยกันชั่วนิรันดร์.. ................................................ ......โอม..ถึง..นิพพานัง เถิด...พวกเรา...... ................................ ป.ล.หากสิ่งที่ผมเขียนนี้พอจะยังมีประโยชน์บ้าง ขอให้เป็นปัจจัยส่งผลให้ตัวผมหลุดพ้นจากวังวนแห่งวิวัฒนาการนี้ด้วยเถิด...สาธุ หากผมใช้คำพูดใดไม่เหมาะสมหรือไม่ถูกใจใครได้โปรดอภัยให้ผมด้วยนะครับ ข้าพเจ้านาย วิรัติ สีหะนาม ผู้เขียน .โอ...ระยอง.... .................................................. |
เจ้าของ: | คนดีที่โลกลืม [ 03 เม.ย. 2010, 11:14 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: จักรวาลและโลกนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร |
ข้าอ่านคำตอบ.....ก็รู้ว่าเอ็งใกล้ตื่นแล้ว แต่ยังไม่ตื่นเต็มตัว ยังอยากหลับต่อ ความจริง ก็คือ เอ็งกำลังหลับ และกำลังฝันไป แล้วเอ็งก็ฝันไปว่า..... เอ็งมาอยู่ในภพภูมิที่เรียกว่า "โลก" ถ้าเอ็งตื่นเมื่อไร เอ็งจะรู้ว่า โลกและจักรวาล แม่งเป็นสถานที่ในความฝัน ที่ตัวเอ็งและไอ้พวกที่นอนขี้เซา ร่วมกันใช้จินตนาการขึ้นมา แล้วพวกเอ็งก็จินตนาการ ฝันไปว่าตัวเองสนุกและเล่นเกมอยู่ในโลกนี้ พระพุทธองค์บอกเตือนพวกเอ็งตลอดเวลาว่า "พุทโธ" แปลว่าตื่นเถิด รู้สึกตัวสักทีเถอะ เบิกบานแจ่มใสได้แล้ว นอนขี้เซาอยู่ได้ |
เจ้าของ: | คนดีที่โลกลืม [ 03 เม.ย. 2010, 11:27 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: จักรวาลและโลกนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร |
จิตที่หลุดพ้นจากพันธนาการจากเจ้าคนที่ตื่นเป็นคนแรก เค้าสร้างให้อะไรเรามามากมายเราก็ไม่เอาทั้งนั้น....... คนที่ตื่นคนแรก เขาเรียกว่า พระพุทธเจ้าองค์ปฐม แล้วไอ้คนที่เค้าสร้างให้อะไรเรามามากมาย เรียกว่า "อาทิพุทธเจ้า" พวกเราทั้งหมดล้วนเป็นพุทธะ เป็นอณูหนึ่งของ "อาทิพุทธเจ้า" เมื่อเราตื่นขึ้นมา รู้ตัวเองว่า เราเป็นพุทธะเมื่อไร เราจะรู้ว่าพวกเราเป็นหนึ่งเดียวกัน ที่เรียกว่า "ธรรมธาตุ" |
เจ้าของ: | sirisuk [ 03 เม.ย. 2010, 12:22 ] | ||
หัวข้อกระทู้: | Re: จักรวาลและโลกนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร | ||
![]() ![]() ![]() ก็มีคนตอบคำถามให้น่ะ แต่ว่าเขาคนที่ตอบถูกแบน คำตอบก็ถูกลบ อิอิ... ข้าพเจ้าจึงออกตามหาความหมายความสำคัญของจิตแท้(ที่ท่านเรียก)... หาอยู่นาน...จนเจอคนที่สามารถเขี่ยเส้นผมที่บังตาตาออกให้ได้... ตอนนี้ไม่สงสัยแล้ว... เหลือแต่หาความรู้ความเข้าใจให้กระจ่างชัด... คิดว่าที่นี่ก็น่าจะหาความรู้ให้กระจ่างได้ไม่มากก็น้อย... ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]()
|
เจ้าของ: | หลับอยุ่ [ 03 เม.ย. 2010, 12:53 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: จักรวาลและโลกนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร |
อืมมมมม..ใช้ได้ๆ ![]() ![]() เจ้าของกระทู้ ระวังอย่าไปฆ่าตัวตายนะ ![]() |
เจ้าของ: | หลับอยุ่ [ 03 เม.ย. 2010, 12:55 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: จักรวาลและโลกนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร |
sirisuk เขียน: tongue เหลือแต่หาความรู้ความเข้าใจให้กระจ่างชัด... ต้องบอกว่า เหลือแต่ ทำให้บรรลุให้ได้ ดีกว่า... ทำ ให้ รู้ยิ่ง เป็น มุนี ![]() |
เจ้าของ: | wirat [ 06 เม.ย. 2010, 03:58 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: จักรวาลและโลกนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร |
จงถามตัวเองทุกๆวันว่า ...เกิดมาเพื่ออะไร ตายไปแล้วจะไปไหน ที่มาอยู่ที่นี่ต้องการอะไร ตายไปแล้วจะเอาอะไรไปบ้าง ขณะนี้ที่อยู่อยู่แล้วมีความทุกข์หรือสุข ถ้าสุข สุขจริงๆไหม ถ้าทุกข์ ทุกข์จริงๆไหม เราจะสุขเพื่ออะไร ใครจะรู้บ้าง เราจะทุกข์ เพื่ออะไร ใครจะรู้บ้าง (ความทุกข์ตามธรรมดานั้นมันมีอยู่เต็มเปี่ยมแล้ว ตามธรรมชาติแต่ความสุขนั้นมันมาแทรกเรื่อยๆดันทุกข์ไว้ จึงมองไม่เห็นทุกข์ในขณะนั้น แต่จงรู้ไว้นั่นมันปนทุกข์เมื่อความสุขนั้นเข้ามามันอยู่ไม่ทนมันไม่เที่ยงความสุขมันจะค่อยๆหาย จนในที่สุดความทุกข์มันก็เข้ามาแทนที่ ของมันเองตราบใดที่เรายังหลง ความทุกข์นั้น เป็นของเที่ยงแท้แน่นอน เราไม่อยากได้แต่มันยังอยู่ ส่วนเจ้าตัวความสุขนั้น เราต้องแสวงและค้นอย่างไม่มีที่สิ้นสุดถึงจะได้มา ส่วนความทุกข์เราไม่ต้องการ มันดันอยู่ของมันเต็มเปี่ยมไม่หนีไปไหนไม่ต้องแสวงมันอยู่ของมันอยู่แล้วรออยู่ ทุกข์เป็นของเที่ยงสำหรับมนุษย์ทุกคนตราบใดที่ยังหลง หลง หลง อยู่) |
เจ้าของ: | หลับอยุ่ [ 06 เม.ย. 2010, 08:09 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: จักรวาลและโลกนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร |
อย่าไปฆ่าตัวตาย ล่ะกัน นะครับ พูดดักไว้ก่อน ![]() ![]() |
เจ้าของ: | sirisuk [ 06 เม.ย. 2010, 08:53 ] | ||
หัวข้อกระทู้: | Re: จักรวาลและโลกนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร | ||
หลับอยุ่ เขียน: อย่าไปฆ่าตัวตาย ล่ะกัน นะครับ พูดดักไว้ก่อน ![]() ![]() ![]() เอ่ออ...จริงด้วย...คนที่จะรู้สึกแบบนั้นได้..น่าจะเป็นคนที่กำลังเบื่อโลกเพราะผิดหวังจากโลก กับ คนที่กำลังปฏิบัติธรรมมาจนถึงสภาวตรงนี้ แต่ประเภทแรกน่าจะเยอะกว่า ก็ต้องขอบคุณความทุกข์ที่ทำให้ได้เจอพระธรรม ![]() ![]()
|
เจ้าของ: | keaksim [ 06 เม.ย. 2010, 11:37 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: จักรวาลและโลกนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร |
อจินไตย ...คือ ไม่ควรคิด.. ![]() |
เจ้าของ: | หลับอยุ่ [ 06 เม.ย. 2010, 21:56 ] | ||
หัวข้อกระทู้: | Re: จักรวาลและโลกนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร | ||
อย่าไปนับถือพระเจ้าด้วย ให้นับถือพระรัตนตรัยไว้ เอาเป็นว่า... ![]() ดีใจเสียใจมากๆเข้า เต็มขีดเต็มส่วนละก็... กินยาตาย โดดน้ำตาย ๆลๆ ฆ่าตัวตายได้ ![]()
|
เจ้าของ: | natdanai [ 07 เม.ย. 2010, 11:09 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: จักรวาลและโลกนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร |
เกิดขึ้นเพราะมี อวิชา |
เจ้าของ: | หลับอยุ่ [ 07 เม.ย. 2010, 12:10 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: จักรวาลและโลกนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร |
แล้วอวิชชาเกิดได้อย่างไร ![]() |
เจ้าของ: | ผงธุลีดิน [ 07 เม.ย. 2010, 12:24 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: จักรวาลและโลกนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร |
ครับ ลองนับ 1 2 3.....ไปเรื่อยๆดูครับ นับจนถึงที่สุด เมื่อไร คำตอบจึงอยู่ในนั้น |
เจ้าของ: | คนเกือบหลงทาง [ 07 เม.ย. 2010, 13:26 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: จักรวาลและโลกนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร |
ลองอ่านดูนะ อจินไตย 4 สิ่งที่มนุษย์ไม่ควรคิด เพราะทำให้เครียดและเป็นบ้า อจินไตย แปลว่าสิ่งที่ไม่พึงคิด คือไม่อาจรู้ได้ด้วยการคิด แลถ้าขืนคิดให้รู้ให้ได้ ก็จะกลายเป็นผู้มีส่วนแห่งความเครียดเป็นบ้าเสียสติไป แต่ที่ว่านี้ไม่ได้หมายความว่าพระพุทธเจ้าห้ามหรอกนะ ท่านเพียงแต่บอกความจริงว่ามันเป็นอย่างนั้น ตามหลักของพระพุทธศาสนานี้ไม่ใช่พระพุทธเจ้าไปห้ามใคร เป็นแต่เพียงบอกว่า ไม่ควรคิด ถ้าคิดแล้วมันจะทำให้ มี ส่วนแห่งความวิปริตของจิตเกิดขึ้น คือเมื่อคิดไม่ออก ก็เลยฟุ้งเพ้อไปเลย ฉะนั้นท่านจึงบอกว่าเป็นเรื่องที่ไม่ควรคิด คือ ไม่ อาจรู้เข้าใจได้ด้วยการคิด ต้องรู้ประจักษ์ด้วยประสบการณ์ของตนเอง โดยพัฒนาปัญญาให้เกิดขึ้น อจินไตยมี 4 อย่างคือ (องฺ.จตกฺก.21/76/104) 1. พุทธวิสัยคือ เรื่องปัญญาความสามารถของพระพุทธเจ้าว่าเป็นอย่างไร รู้ได้อย่างไร ทำได้อย่างไร เรื่องนี้ก็เป็นธรรมดา อยู่แล้ว ปัญญาของเราไม่ถึงใคร แล้วให้หยั่งรู้ถึงทันเท่าคนนั้น ย่อมคิดไม่ได้ คิดไม่ออก เป็นที่เรื่องที่เห็นๆ กันอยู่เพราะ ฉะนั้น ปุถุชนจะเข้าใจสิ่งที่พระพุทธเจ้ารู้ หรือ คิดเรื่องการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้าออกได้อย่างไร ก็ต้องพัฒนาตัวไปจน กว่าจะมีปัญญาอย่างนั้น 2. ฌานวิสัย คือ วิสัยของฌาน จิตนั้นมนุษย์ก็มีอยู่ด้วยกันทุกๆ คน แต่มนุษย์ปุถุชนก็ไม่เคยรู้จัก ไม่เคยเข้าใจธรรมชาติของ จิต และการทำงานของจิตของตนเองเลย แม้แต่ความฝัน ตัวเองก็ฝันอยู่ แต่ก็ไม่เข้าใจความฝันนั้น ความรู้เรื่องจิตที่มีอยู่ ในตัวเองหรือที่เป็นตัวเองนี้ มีน้อยอย่างยิ่ง ทีนี้ สภาพจิตที่เป็นฌานนั้น เกิดจากสมาธิที่แน่วแน่ถึงขั้นที่เรียกว่า อัปปนา เป็น ประสบการณ์ที่เกิดจากการฝึกฝนพัฒนาจิต ยิ่งรู้เข้าใจยากกว่าสภาพจิตสามัญ คนทั่วไปจึงไม่อาจคิดให้รู้เข้าใจได้ เป็น เรื่องที่ต้องฝึกฝนพัฒนาขึ้นมา แต่ก็เป็นสิ่งที่ทุกคนอาจรู้เข้าใจได้ มิใช่ด้วยการคิด แต่ด้วยการทำเอา 3. เรื่องการให้ผลของกรรม เรื่องนี้มนุษย์ปุถุชนคิดอย่างไร ก็ไม่สามารถมองเห็นชัดเจนจนถึงที่สุด เราก็รู้เข้าใจในแง่หลัก ของความเป็นไป ตามเหตุปัจจัยแล้วก็คิดไปได้ระดับหนึ่ง แต่จะให้คิดมองเห็นโล่งตลอดไปก็ไม่ไหว 4. เรื่องโลกจินตา คือ ความคิดเกี่ยวกับเรื่องของโลกจักรวาล จักรภพ ว่าเกิดขึ้นอย่างไร จะมีการสิ้นสุดหรือไม่ มีขอบเขต ถึงไหน เรื่องนี้ philosophers คือ นักปรัชญาทั้งหลายชอบคิด แต่ให้คิดไปเถิด ก็ข้องอยู่นั้นจะคิดให้ออก ก็ไม่ออกหรอก จากพระสูตร อจินติตสูตร [๗๗] ดูกรภิกษุทั้งหลาย อจินไตย ๔ ประการนี้ อันบุคคลไม่ควรคิด เมื่อบุคคลคิด พึงเป็นผู้มีส่วนแห่งความเป็นบ้า เดือดร้อน อจินไตย ๔ ประการ เป็นไฉน ดูกรภิกษุทั้งหลาย พุทธวิสัยของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย ๑ ฌานวิสัย ของผู้ได้ฌาน ๑ วิบากแห่งกรรม ๑ ความคิดเรื่องโลก ๑ ดูกรภิกษุทั้งหลาย อจินไตย ๔ ประการนี้แล ไม่ควรคิด เมื่อบุคคลคิด พึงเป็นผู้มีส่วนแห่งความ เป็นบ้า เดือดร้อน ฯ ที่มา:http://board.palungjit.com/f10/%E0%B8%AD%E0%B8%88%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B9%84%E0%B8%95%E0%B8%A2-4-%E0%B8%AA%E0%B8%B4%E0%B9%88%E0%B8%87%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%A1%E0%B8%99%E0%B8%B8%E0%B8%A9%E0%B8%A2%E0%B9%8C%E0%B9%84%E0%B8%A1%E0%B9%88%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%A3%E0%B8%84%E0%B8%B4%E0%B8%94-%E0%B9%80%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%B0%E0%B8%97%E0%B8%B3%E0%B9%83%E0%B8%AB%E0%B9%89%E0%B9%80%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%94%E0%B9%81%E0%B8%A5%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%9B%E0%B9%87%E0%B8%99%E0%B8%9A%E0%B9%89%E0%B8%B2-3772.html |
หน้า 1 จากทั้งหมด 2 | เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง |
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group http://www.phpbb.com/ |