วันเวลาปัจจุบัน 24 เม.ย. 2024, 01:05  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กระทู้นี้ถูกล็อก คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความ หรือ ตอบกลับในกระทู้นี้  [ 276 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 8, 9, 10, 11, 12, 13, 14 ... 19  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 เม.ย. 2010, 11:47 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 8
สมาชิก ระดับ 8
ลงทะเบียนเมื่อ: 07 เม.ย. 2007, 15:22
โพสต์: 603

อายุ: 0
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


อิอิ ดีใจคะที่กระทู้นี้จะดังขึ้น

เพราะมีคนสติแตกเพียงคนเดียวที่สร้างตัวละครขึ้นมาหลายตัว
เพื่อมารุมเด็กคนเดียวเท่านั้น

เลวได้ใจค้า~


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 เม.ย. 2010, 12:05 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 8
สมาชิก ระดับ 8
ลงทะเบียนเมื่อ: 07 เม.ย. 2007, 15:22
โพสต์: 603

อายุ: 0
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


enlighted เขียน:
สำรอกออกมาอีกนะจ๊ะสาวๆๆ
กะทู้พุ่งกระฉูด เรตติ้งดี

กระทู้นี้ดีมากๆๆ

แสดงการกระฉูดของสภาวะธรรม ให้เห็นชัดเจน
ให้ดูในทุกๆ คอมเมนท์
อันใดธรรมเป็นเครื่องเศร้าหมอง เกิดจากความหื่น ความอาฆาต ความพยาบาท
ธรรมใดเป็นเครื่องหลุดจากการจองจำ
อันใดเป้นธรรมอันเป้นเครื่องหลุดพ้น


นี่คุณป้ามดดำ เอ้ย!!!

คุณป้า enlighted ยังไม่เลิกอาฆาตตามราวีเราอีกหรอคะ
หุหุหุ

คุณป้าไปนั่งสวดมนต์อย่างเดิมเถอะ อย่ามาตามอาฆาตราวีเราเลย เดี๊ยวรอยตีนกาขึ้น
ความดันขึ้น ไม่รุ้นะคะ

แล้วถ้าคุณป้าสติแตกขึ้นมาอีกละก็

คราวนี้หมอๆทั้งหลายจะพากันส่ายหัวนะค้าคุณป้า

หุหุหุหุ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 เม.ย. 2010, 12:07 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 8
สมาชิก ระดับ 8
ลงทะเบียนเมื่อ: 07 เม.ย. 2007, 15:22
โพสต์: 603

อายุ: 0
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


noohmairu เขียน:
แฉพฤติกรรมของ Bwitch ที่ต้องการแฉ
viewtopic.php?f=1&t=29616
ได้เวลาประจานคนเลว(+โง่) พฤติกรรมติดผู้ชาย
ให้สังคมทั่วโลกได้รับรู้



อิอิ ไปดูมาแล้วละจ้า กระทู้

แฉพฤติกรรมผูกพยาบาทของ kanalove

ได้เวลาประจานตัวตน ให้แสนล้านโกฏโลกธาตุได้รับรู้



อนุโมทนาสาธุจ้า :b8:

:b32: :b32: :b32:


คุณป้ามดดำ .. เอ้ย คุณป้า noohmairu คะ

ภาพพจน์ของ Bwitch ที่สละเวลาทำบุญของตัวเองมานั่งไล่บี้เด็กคนนี้ด้วยความอาฆาตแค้นนั้นไม่เหลือแล้วล่ะคะ

หุหุหุ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 เม.ย. 2010, 12:09 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 8
สมาชิก ระดับ 8
ลงทะเบียนเมื่อ: 07 เม.ย. 2007, 15:22
โพสต์: 603

อายุ: 0
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


noohmairu เขียน:
kanalove เขียน:

ความรู้ท่วมหัว เอาตัวไม่รอดค้า~~~~


ความรู้ ไม่เที่ยง เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป

ความรู้ ไม่ใช่ตัวเรา ไม่ใช่ของเรา บังคับบัญชาไม่ได้

เพราะมีตัวตน จึงไปข้องกับสิ่งที่เคลื่อนไหว


อนุโมทนาสาูธุจ้า :b8:

:b17: :b17: :b17:


ถ้าคุณป้าละได้ขนาดนั้น

ทำไมคุณป้าต้องมาต่อล้อต่อเถียงกะเด็กอย่างเราด้วยละคะ

แหม.. คุณป้าก็

ความรู้ที่คุณป้ามีไม่ได้ถูกนำมาใช้ประโยชน์เลยนะคะเนี่ย หุหุหุ

ถ้าคุณป้าปล่อยวางได้ขนาดนั้นแล้วคุณป้าก็น่าจะปล่อยวางเด็กอย่างเราได้นะคะ

แล้วนี่มันคืออะไรกันคะเนี่ย นู๊อยากรู้จังเลยยยย

คุณป้าที่แสนโง่งม มีแต่ปริยัติเต็มสมอง

555555555555555+


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 เม.ย. 2010, 14:09 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 เม.ย. 2010, 15:07
โพสต์: 313

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


enlighted เขียน:
สำรอกออกมาอีกนะจ๊ะสาวๆๆ
กะทู้พุ่งกระฉูด เรตติ้งดี

กระทู้นี้ดีมากๆๆ

แสดงการกระฉูดของสภาวะธรรม ให้เห็นชัดเจน
ให้ดูในทุกๆ คอมเมนท์
อันใดธรรมเป็นเครื่องเศร้าหมอง เกิดจากความหื่น ความอาฆาต ความพยาบาท
ธรรมใดเป็นเครื่องหลุดจากการจองจำ
อันใดเป้นธรรมอันเป้นเครื่องหลุดพ้น


"ใครเล่าจักชนะแผ่นดินนี้ และยมโลก กับทั้งเทวโลก ? ใครเล่าจักเลือกเฟ้นบทแห่งธรรม ที่ตถาคตแสดงดีแล้ว เหมือนหนึ่งช่างดอกไม้ ที่ฉลาด เลือกเฟ้นดอกไม้ฉะนั้น."


อนุโมทนาสาธุจ้า :b8:

:b4: :b4: :b4:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 เม.ย. 2010, 14:20 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 เม.ย. 2010, 15:07
โพสต์: 313

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
พฤติกรรมของ Bwitch ที่ต้องการแฉ
viewtopic.php?f=1&t=29616
ได้เวลาประจานคนเลว(+โง่) พฤติกรรมติดผู้ชาย
ให้สังคมทั่วโลกได้รับรู้


กระทู้แฉ สันดานหยาบคายของ Bwitch ภาค 2
viewtopic.php?f=1&t=30713&st=0&sk=t&sd=a&start=90
(หน้าด้าน ไม่อาย ให้มันรู้ไป)



อิอิ กระทู้มิจฉาทิฏฐิภาค 2 สำรอกออกมาละจ้า :b16:

แฉสันดานอาฆาต พยาบาท จองเวร ของ kanalove :b32:

(ไม่มีหิริ โอตัปปะ ให้มันรู้ไป)



อนุโมทนาสาธุจ้า
:b17:

:b32: :b32: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 เม.ย. 2010, 16:17 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


noohmairu เขียน:
* การชี้สภาวะ เป็นยาพิษชนิดร้ายแรง สามารถฆ่าตัวตนได้ หากเสพเข้าไปอย่างต่อเนื่อง

คำเตือน ควรเสพอย่างมีสติ


ขอบคุณครับ ...

ความดันขี้น ... ต้องพิจารณาเสพ จริงด้วยครับ

ชี้กัน... ตามสบาย :b9: :b9:

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 เม.ย. 2010, 16:29 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 8
สมาชิก ระดับ 8
ลงทะเบียนเมื่อ: 07 เม.ย. 2007, 15:22
โพสต์: 603

อายุ: 0
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


noohmairu เขียน:
อ้างคำพูด:
พฤติกรรมของ Bwitch ที่ต้องการแฉ
viewtopic.php?f=1&t=29616
ได้เวลาประจานคนเลว(+โง่) พฤติกรรมติดผู้ชาย
ให้สังคมทั่วโลกได้รับรู้


กระทู้แฉ สันดานหยาบคายของ Bwitch ภาค 2
viewtopic.php?f=1&t=30713&st=0&sk=t&sd=a&start=90
(หน้าด้าน ไม่อาย ให้มันรู้ไป)



อิอิ กระทู้มิจฉาทิฏฐิภาค 2 สำรอกออกมาละจ้า :b16:

แฉสันดานอาฆาต พยาบาท จองเวร ของ kanalove :b32:

(ไม่มีหิริ โอตัปปะ ให้มันรู้ไป)



อนุโมทนาสาธุจ้า
:b17:

:b32: :b32: :b32:


ไหนบอกว่า ความคิดดับ แล้วไงคะ

ใครกันแน่ที่อาฆาต

555555555555555555555+

หัวเราะให้กับความโง่ของคุณ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 เม.ย. 2010, 19:06 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5977

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


เรามักจะบอกกับทุกคนเสมอๆว่า บอร์ดนี้ เป็นบอร์ดที่ดีนะ ทุกคนสามารถแสดงมุมมองได้เต็มที่
และอยู่ที่หิริโอตตัปปะ ของแต่ละคนด้วยว่า จะมีสติ สัมปชัญญะ ยับยั้งตัวเองได้มากแค่ไหน

นี่ก็อีกไม่กี่เดือนที่จะถึงเวลาที่บอร์ดจะต้องมีค่าใช้จ่ายก้อนใหญ่
คนไหนที่พอจะร่วมสร้างกุศล สมทบทุนกับบอร์ดนี้ ก็เตรียมทรัพย์ไว้ได้แล้วนะคะ

ส่วนคนไหน ทรัพย์น้อย ก็หยอดกระปุก วันละ 1 บาท 1 ปีจะได้ 365 บาท
ก็นำมาแบ่งสักส่วนหนึ่ง ในการสมทบทุนสร้างกุศลกับบอร์ด จะให้มากหรือน้อยก็ตามกำลัง ตามสะดวก

ปที่แล้ว ตัวเองก็พลาดไปเหมือนกัน คือ ยังเป็นมนุษย์เงินเดือนอยู่
ช่วงนั้นเดือน พฤษจิกายน ก็ตั้งใจว่า จะสมทบร่วมกับบอร์ด 1 พัน บาท
แต่สุดท้ายไม่ได้สมทบ เพราะเงินเดือนของเรานั้น ไปได้รับในเดือนกุมภาพันธ์
คือ 3 เดือนถึงได้รับ ก็เลยไม่ได้ร่วมสมทบทุนกับบอร์ด แต่ตอนนี้ไม่พลาดแล้วค่ะ หยอดวันละบาท
คือเผื่อเอาไว้ก่อน กลัวจะเสียคำพูดอีก ไม่อยากเสียคำพูด :b15:

.................................................................................



ขอเข้าสู่เนื้อหาของกระทู้นี้นะคะ ต้องบอกว่าเป็นกระทู้ที่แสดงสภาวะได้ดีจริงๆ
เราเป็นเพียงนักอ่านสภาวะ ฉะนั้น ท่านใดก็ตามที่ได้มาสนทนาธรรมกับเรานั้น
เราต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย ที่ได้ดูสภาวะที่คุณนำมาสนทนากับเรา :b8:

ที่บอกว่า กระทู้นี้ แสดงสภาวะได้ดีจริงๆ คือ บางคนอาจจะมีมุมมองว่า คนสองคนทะเลาะกัน
แต่สำหรับเรานั้น เรามองในแง่ของนักดูสภาวะ ซึ่งได้ติดตามอ่านกระทู้นี้มาตลอด
ถ้าเป็นไปได้ อยากจะขอให้แอดมินนำกระทู้นี้ปักหมุดเสียด้วยซ้ำ
เพราะสภาวะที่แสดงออกมานั้น ชัดเจนมากๆ

ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง สักกายทิฏฐิ วิจิกิจฉา สีลัพพตปรามาส มีครบหมดเลย
เราได้ติดตามอ่านสภาวะของคนๆหนึ่งมานานแล้ว น่าจะเป็นปีได้แล้ว ถ้าจำไม่ผิด

แรกๆการเข้ามาบอร์ดของคนๆนี้นั้น ก็ดูไม่แตกต่างจากหลายๆคนที่เข้ามาในบอร์ดนี้
แต่พอนานวันเข้า สภาวะต่างๆของตัวเขา ที่นำลงมาโพสนั้น เริ่มแสดงเจตจำนงค์ชัดเจนว่า
เข้ามาเพื่ออะไร แล้ว เหตุที่เขาสร้างยูสเซอร์หลายๆตัวขึ้นมาในบอร์ดนี้ เพราะอะไร

เรายังคงรักษากฏกติกาของเราอยู่ คือ จะไม่เปิดเผยว่า คนๆนั้นคือใคร
เพราะนั่นคือ โอกาสของเขาที่ได้ปลดปล่อยกิเลสของตัวเขาเอง คือ สภาวะ " ตัวผู้รู้ "
ซึ่งสภาวะตรงนี้ ผู้ปฏิบัติจะต้องเจอทุกคน เพียงแต่จะมากหรือน้อยก็ตามเหตุที่กระทำมา
แต่จะมีการก๊อปข้อความสภาวะที่เขาโพสลงมาอ้างอิง และจะลบชื่ออื่นๆและชื่อตัวเขาเองออก

ส่วนใครต้องการรู้ว่า ข้อความที่นำมาอ้างอิงหรือมาแปะนั้น มาจากกระทู้ไหน ชื่อไหนโพส
อันนี้คงต้องหาตามกระทู้ต่างๆกันเอง เพราะยูสเซอร์ที่เขาใช้นั้น เขาสามารถแสดงให้เห็นว่า
ยูสเซอร์นั้นๆ ไม่ถูกกัน เป็นคนละคนกัน แต่แท้จริงแล้ว คือ คนๆเดียวกันนั่นเอง
ต้องบอกว่า ยูสเซอร์ที่เขานำมาใช้นั้น เยอะมากๆ

เหตุที่เรารู้ว่าเป็นคนๆนั้น เพราะกิเลสของคนๆนั้นดูง่าย
เขาจะเข้าหาในสิ่งที่เขาชอบ อีกอย่าง คนๆนั้น ชอบดันกระทู้ให้กับตัวเอง
และคนที่เขานั้นรู้สึกสนิทด้วย เรียกว่าดันกระฉูดเลย

เขาเป็นคนที่เรียกว่า มีความรู้เยอะ น่าจะพูดได้หลายภาษา อย่างน้อยที่เห็นๆชัดๆคือ
ภาษาเยอรมันและภาษาอังกฤษที่เขานำมาใช้ และเป็นนักท่องอินเตอร์เน็ต
ไม่ก็นั่งอ่านพระไตรปิฎกตัวยง เพราะข้อความส่วนมาก ที่เขานำมาแปะนั้น มาจากพระไตรปิฎก
แม้แต่สภาวะบางสภาวะ เช่นเรื่อง ฌาน คิดว่าน่าจะอ่านเจอแล้วนำมาโพสมากกว่า
เพราะพอให้อธิบายสภาวะของฌาน อธิบายไม่ได้ แต่นำตำรามาอ้างไปข้างๆคูๆ
แต่นับถือเขานะ ในความใฝ่เรียนของเขา ในการหาข้อมูลแปลกๆมาโพส

จริงๆแล้วด้านสว่างเขามีนะ คำว่า ด้านสว่าง เราไม่ได้หมายถึงดี แต่มองในแง่ของกุศลจิต
ด้านมืด เราไม่ได้มองว่าเลวหรือชั่ว แต่เราใช้เปรียบเทียบกับการกระทำที่เป็นอกุศลจิต

สภาวะกิเลสคุยกันนี่ เราเห็นเขาติดมาเป็นปีแล้ว นับวันรุนแรงมากขึ้น
เขาเริ่มสร้างยูสเซอร์มาหลายตัวมากขึ้น นำมาใช้ทั้งทางด้านมืดและด้านสว่าง

เรื่องไอพี นโยบายทางบอร์ด ไม่มีการแบนไอพี เท่าๆที่อ่านๆมานะ
แต่ทางบอร์ดจะเปิดโอกาสให้กับทุกคนเสมอๆกัน สุดแต่ว่าคนไหนหมดความอดทนแล้วร้องเรียน

อีกอย่าง ไอพี สามารถเปลี่ยนได้ สารถใช้ทั้งเครื่องที่บ้าน เครื่องที่ทำงาน เครื่องตามร้าน
ที่สำคัญตอนนี้คือ มีมือถือที่สารถเล่นทางเน็ตได้ ไอพีคนๆนั้น ย่อมเปลี่ยนแปลงได้ตลอด
อาจจะมีซ้ำกันบ้าง แตกต่างกันบ้าง โดยเฉพาะบุคคลิกของยูสเซอร์ที่สร้างขึ้นมาตบตา

นี่แหละผลของการเจริญสติปัฏฐาน ทำให้เราสามารถอ่านสภาวะของกิเลสได้ในระดับหนึ่ง
หากแม้นเรารู้จักหรือเห็นกายในกายเราได้ เราย่อมรู้จักหรือเห็นกายภายนอกได้
กายภายนอกคือคนอื่นๆนั่นเอง ทั้งเวทนา จิต ธรรม ก็ไม่มีความแตกต่างกันเลย

ที่แตกต่างกันคือ กิเลส และ สติ สัมปชัญญะ ที่แต่ละคนมีมากน้อยแตกต่างกันไป
ตามเหตุที่แต่ละคนกระทำมา และเหตุที่ได้ร่วมกระทำกันมา จึงได้มีเหตุอันเป็นกุศลร่วมกันบ้าง
อกุศลร่วมกันบ้าง เพราะเหตุเหล่านี้นี่เอง ไม่ใช่เรื่องบังเอิญใดๆเลย



สภาวะกิเลส ที่หลายๆคนจะต้องเจอคือ สภาวะจิตคุยกัน
ระหว่าง ด้านมืด กับ ด้านสว่าง ใครที่ไม่ค่อยสนใจเรื่องชาวบ้าน สภาวะนี้จะจบลงได้เร็ว
ส่วนใครที่ชอบสนใจเรื่องชาวบ้าน สภาวะนี้จะเนิ่นนานออกไป หากยังมี สติ สัมปชัญญะยังไม่มากพอ
สภาวะนี้ ส่วนมากเกิดขณะที่ทำสมาธิ น้อยนักที่จะแสดงออกมาทางการกระทำ
นับว่ากระทู้นี้ เป็นตัวอย่างที่ดี ในการนำสภาวะจิตคุยกัน ที่เป็นการแสดงออกมาทางการกระทำ
คือ แสดงออกมาทางตัวหนังสือ ทั้งด้านมืด และด้านสว่างของคนๆนี้
คนๆนี้กำลังเล่นกับกิเลส โดยที่ไม่รู้เลยว่า ตัวสภาวงะของเขา ยิ่งแสดงออกมามากเท่าไหร่
ยิ่งเป็นตัวชี้สภาวะเขาได้แบบชัดเจนมากๆ คือ หลงติดกับบัญญัติหรือปริยัติที่เขาได้อ่านๆมา
อ่านแล้วก็จำ แล้วนำมาเทียบกับสภาวะที่ตัวเองได้พบเจอมา ทำให้หลงสภาวะ
คิดว่า ตัวเองได้อะไร และ เป็นอะไร แต่มองไม่เห็นกิเลสที่บดบังสภาวะที่ตัวเองนั้นติดอยู่



ขอเขียนสั้นๆนะ ทีละกระทู้ เป็นคนเขียนอะไรที่ยาวๆไม่เป็น แต่ก็มีบางครั้งที่เขียนยาวๆได้
อ่านไปเรื่อยๆนะคะ แล้วถ้าเจอกระทู้ที่สอดแทรกเข้ามา อาจจะมาว่ากล่าว ( ในมุมมองของแต่ละคน )
ดูจิตตัวเองไปนะคะ ยามที่ตากระทบรูป คือ ยามที่ตาของแต่คนกระทบกับตัวหนังสือที่อีกฝ่ายโพสมา
ดูว่า จิตเรานั้น ปรุงแต่งไปทางไหน ทางมืดหรือทางสว่าง หรือ ไม่มีการปรุงแต่งใดๆเลย

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


แก้ไขล่าสุดโดย walaiporn เมื่อ 15 เม.ย. 2010, 19:09, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 เม.ย. 2010, 20:15 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5977

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


ข้อความที่นำมาอ้างอิงทั้งหมดนี้ เป็นคนๆเดียวกันโพส แต่ใช้หลายยูสเซอร์


00 เขียน:
การชี้สภาวะ เป็นยาพิษชนิดร้ายแรง สามารถฆ่าตัวตนได้ หากเสพเข้าไปอย่างต่อเนื่อง
ควรเสพอย่างมีสติ



นี่คือ สภาวะที่บ่งบอกถึง คนที่ไม่เข้าใจสภาวะที่แท้จริง


คำว่า การชี้สภาวะ คืออะไร?

การชี้สภาวะคือ ชี้ลงไปว่า คนนี้อยู่ในสภาวะของญาณไหน ( ญาณ ๑๖ )
นี่คือ สิ่งที่ไม่ควรทำอย่างยิ่งของผู้สอบอารมณ์ เพราะจะเป็นอันตรายแก่สภาวะของผู้ปฏิบัติ
ในเรื่องการเกิดการปรุงแต่งขึ้นมา แล้วสภาวะจะผิดเพี้ยนไปจากความจริง ทำให้ผู้ปฏิบัติหลงสภาวะได้

โดยเฉพาะ ผู้ที่สอบอารมณ์นั้น สอบอารมณ์ด้วยการกางตำราสอบ อันตรายอย่างยิ่ง
ผู้ที่จะสอบอารมณ์ได้นั้น จะต้องอ่านสภาวะของกิเลส และ สภาวะของ สติ สัมปชัญญะได้

เพราะตัวสภาวะของกิเลสและสติ สัมปชัญญะนั้น จะบ่งบอกว่า สภาวะของผู้ปฏิบัตินั้น อยู่ตรงไหน
และควรแนะนำให้ผู้ปฏิบัติ ปรับเปลี่ยนสภาวะตามอินทรีย์ได้หรือยัง



สภาวะที่ผู้สอบอารมณ์ไม่ควรนำมาใช้กับผู้สอบอารมณ์คือ

1. ปฏิบัติถูกทางแล้ว
คำว่า ถูกทาง คือ ถูกในรูปแบบของผู้สอบอารมณ์

2. ปฏิบัติถูกต้องแล้ว
ถูกต้องคือ เป็นเรื่องของความเห็นว่าถูกหรือผิด ในความคิดของผู้สอบอารมณ์

3. ภาวนาดีแล้ว
ดีหรือไม่ดี เป็นเรื่องของความคิดผู้สอบอารมณ์

4. ทำดีแล้วนะ ก้าวหน้ามากๆเลยนะ
คำสรรเสริญ เยินยอ ไม่ควรนำมาใช้กับผู้ปฏิบัติ เพราะเท่ากับไปเพิ่มกิเลสต่างๆ
เพิ่มมานะกิเลสให้กับผู้ปฏิบัติ ทำให้ยิ่งปฏิบัติ สภาวะยิ่งแย่ลง เพราะไปยึดติดกับคำชม

5. มีที่พึ่งแล้วนะ
ตรงนี้สำคัญมากๆเลย มีหลายๆคน นำสภาวะ " มีที่พึ่งแล้วนะ เพราะมีพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่งแล้วนะ "
นี่เป็นการนำสภาวะไปใช้แบบผิดๆ

สิ่งเหล่านี้ที่นำมากล่าว ล้วนก่อให้เกิดความทะยานอยากให้แก่ผู้ปฏิบัติมากกว่าเดิม
ทำให้บดบังปัญญา ไม่สามารถเห็นสภาวะที่แท้จริงได้
คือ มีแต่เป็นเหตุไปเพิ่มกิเลส แทนที่จะปฏิบัติแล้ว ลด ละ กิเลสได้

ผิดอย่างไร

คำว่า " มีที่พึ่งแห่งตน " มาจากคำว่า คำเต็มๆว่า

อตฺตา หิ อตฺตโน นาโถ โก หิ นาโถ ปโร สิยา
อตฺตนา หิ สุทนฺเตน นาถํ ลภติ ทุลฺลภํ.
ขุ. ธ. ๒๕/๓๖.

ตนแล เป็นที่พึ่งของตน คนอื่น ใครเล่าจะเป็นที่พึ่งได้
ก็บุคคลมีตนฝึกฝนดีแล้ว ย่อมได้ที่พึ่งที่ได้ยาก.



ทีนี้ ครูบาฯรุ่นเก่าๆ ท่านได้ขุดหลุมพรางดักกิเลสผู้ปฏิบัติเอาไว้
ท่านเลยใช้คำว่า ผู้ที่มีพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่งนั้น คือ เป็นคนที่มีที่พึ่งแล้วนะ

นี่คือ หลุมพรางกับดักกิเลสชั้นยอด สำหรับผู้ที่อยากเป็นโสดาบัน
ท่านไว้ใช้ในการสอบอารมณ์ เวลาใครนำไปสนทนา ท่านจะจับได้ทันที
เพียงแต่ ท่านจะบอกหรือไม่บอกแก่คนนั้นเท่านั้นเอง

มีพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่ง ตรงนี้หมายถึง แม้ตกตายไป ย่อมได้สวรรค์สมบัติและมนุษย์สมบัติอย่างแน่นอน
พระรัตนตรัย เรามีไว้เป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของเรา เพื่อมุ่งมั่นกระทำแต่ความความดี
ตัวอย่างที่ดีมีให้เห็น ยิ่งทำให้มุ่งมั่นทำความเพียรต่อเนื่อง ไม่ท้อถอยแต่อย่างใด

ส่วนที่กล่าวว่า ตนแล เป็นที่พึ่งแห่งตนนั้น หมายถึง ผู้นั้นได้มี สติ สัมปชัญญะ เป็นที่พึ่งแล้ว
สติ สัมปชัญญะที่นำมากล่าวนี้ เกิดจากการเจริญสติ และเป็น สัมมาสติ
คือ มีทั้ง สติ และสัมปชัญญะ ประกอบอยู่ด้วยกัน จะขาดตัวใดตัวหนึ่งไม่ได้


แนวทางการปฏิบัติ เหตุไฉนแนวสติปัฏฐานหรือการเจริญสติ จึงเป็นทางสายกลาง
เพราะเหตุว่า ไม่ว่าผู้ปฏิบัติ จะมีพื้นฐานของสมาธิหรือไม่มีเลยก็ตาม สามรถปฏิบัติได้
และไม่มีรูปแบบที่ตายตัว แต่ผู้ปฏิบัติสามารถเลือกปฏิบัติได้ ตามความถนัดของแต่ละคน
คือตามแต่เหตุที่แต่ละคนกระทำมา

ส่วนด้านกรรมฐาน ๔๐ กองนั้น อันนั้นก็เกิดจากเหตุที่แต่ละคนกระทำมา
บางคนเคยทำกรรมฐานกองไหนมา ไม่ต้องมีครูบาฯสอน ก็สามารถอ่านหนังสือและทำตามเองได้
แล้วเมื่อผลบุญกุศลหนุนนำ สามารถเจริญสติหรือยกสมถะขึ้นสู่วิปัสสนาได้


ตรงนี้นำมาแบ่งปันกัน แต่ถ้าใครคิดเพ่งโทษว่าเรานั้นอวดอุตริ เราอภัยให้
เพราะ ความคิดของแต่ละคนนั้น เราไปห้ามใครๆเขาไม่ได้ ที่ห้ามได้คือตัวเราเอง
ห้ามได้อย่างไร วิธีห้ามคือ ให้มีสติ สัมปชัญญะ รู้เท่าทันจิตที่กำลังจะปรุงแต่งตามผัสสะที่เกิดขึ้น

เราเองเคยทำกสิณได้เองมาตั้งแต่อายุ 11 ปี
ตอนนั้นหลวงพ่อสมชาย วัดเขาสุกิมท่านยังมีชีวิตอยู่ ท่านโยนหนังสือให้เล่มเล็กๆ
หน้าปกเขียนว่า วิธีการทำกสิณต่างๆ ท่านบอกว่าให้เราอ่านแล้วเลือกทำเอาเอง

ส่วนพวกอาๆป้าๆ หรือผู้ใหญ่ในนั้น มีคนจะขอให้ท่านมอบให้ ท่านกลับบอกว่า หยิบเอาเองเลย
แล้วชวนผู้ใหญ่ให้ไปปฏิบัติที่วัดเขาสุกิม เราเองตอนนั้นยังเด็กมากๆ ยังไม่ค่อยรู้เรื่องอะไร

ฉะนั้น ใครที่เข้าไปอ่านบล็อกของเราที่เขียนบันทึกสภาวะเอาไว้ หรือแม้แต่ในกระทู้ของ วารินเน่
ที่เป็นการนำสภาวะเก่ามาลงร่วมกับน้องเขา อาจจะมีสภาวะที่ดูแปลกๆ จงอย่าได้แปลกใจ
พวกสมถะแรงหรือพวกที่ได้ฌาน จะมีเรื่องราวโลดโผนแปลกประหลาดแบบนั้นแหละ

สภาวะของผู้ที่ผ่านฌานมาแล้ว จะดูง่าย ดูจากสภาวะที่เขาอธิบายมาแบบภาษาง่ายๆ
ผิดกับคนที่ท่องจำตำรามา ได้แต่เอาข้อความจากรพไตรปิฎกมาตัดแปะ
และไปท่องจำสภาวะฌาน ที่คนๆนั้นเคยอ่านเจอมา ดูง่ายนะคนเหล่านี้
เพราะเขาจะไม่สามารถอธิบายสภาวะของฌานที่แท้จริงไม่ได้เลย

และไม่สามารถแยกได้ว่า ฌาน ที่เป็นสัมมาสมาธิ กับ ฌาน ที่เป็นมิจฉาสมาธินั้น
ดูจากตรงไหน เอาอะไรเป็นตัววัด แล้วสภาวะที่รู้นั้น เป็นอย่างไร คนเหล่านี้จะแยกแยะไม่ได้
ได้แต่บรรยายสิ่งที่ท่องจำมายาวยืด แต่สรุปสั้นๆของตัวสภาวะไม่ได้

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


แก้ไขล่าสุดโดย walaiporn เมื่อ 15 เม.ย. 2010, 21:00, แก้ไขแล้ว 2 ครั้ง.

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 เม.ย. 2010, 20:33 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 8
สมาชิก ระดับ 8
ลงทะเบียนเมื่อ: 07 เม.ย. 2007, 15:22
โพสต์: 603

อายุ: 0
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


ความจริงในใจของเราก็คือ

เราไม่ได้อยากจะด่าหรือพูดจาอะไรไม่ดีหรอก

แต่ที่เราทำลงไปน่ะ เป็นเพราะต้องการจะขุดกิเลสที่หยาบคายของบุคคลที่เราถกเถียงอยู่ด้วย

บัดนี้อาจจะถึงบทสรุปแล้วก็ได้

เราเองก็เหนื่อยกะคนๆนี้นะ บางทีเราอาจจะได้พักก็ได้... มั้ง

ไม่แน่นะ ใครจะรู้ละ

อิอิ~


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 เม.ย. 2010, 21:30 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 10
สมาชิก ระดับ 10
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 เม.ย. 2010, 08:14
โพสต์: 829

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


walaiporn เขียน:
เรามักจะบอกกับทุกคนเสมอๆว่า บอร์ดนี้ เป็นบอร์ดที่ดีนะ ทุกคนสามารถแสดงมุมมองได้เต็มที่
และอยู่ที่หิริโอตตัปปะ ของแต่ละคนด้วยว่า จะมีสติ สัมปชัญญะ ยับยั้งตัวเองได้มากแค่ไหน

นี่ก็อีกไม่กี่เดือนที่จะถึงเวลาที่บอร์ดจะต้องมีค่าใช้จ่ายก้อนใหญ่
คนไหนที่พอจะร่วมสร้างกุศล สมทบทุนกับบอร์ดนี้ ก็เตรียมทรัพย์ไว้ได้แล้วนะคะ

ส่วนคนไหน ทรัพย์น้อย ก็หยอดกระปุก วันละ 1 บาท 1 ปีจะได้ 365 บาท
ก็นำมาแบ่งสักส่วนหนึ่ง ในการสมทบทุนสร้างกุศลกับบอร์ด จะให้มากหรือน้อยก็ตามกำลัง ตามสะดวก

ปที่แล้ว ตัวเองก็พลาดไปเหมือนกัน คือ ยังเป็นมนุษย์เงินเดือนอยู่
ช่วงนั้นเดือน พฤษจิกายน ก็ตั้งใจว่า จะสมทบร่วมกับบอร์ด 1 พัน บาท
แต่สุดท้ายไม่ได้สมทบ เพราะเงินเดือนของเรานั้น ไปได้รับในเดือนกุมภาพันธ์
คือ 3 เดือนถึงได้รับ ก็เลยไม่ได้ร่วมสมทบทุนกับบอร์ด แต่ตอนนี้ไม่พลาดแล้วค่ะ หยอดวันละบาท
คือเผื่อเอาไว้ก่อน กลัวจะเสียคำพูดอีก ไม่อยากเสียคำพูด :b15:

.................................................................................



ขอเข้าสู่เนื้อหาของกระทู้นี้นะคะ ต้องบอกว่าเป็นกระทู้ที่แสดงสภาวะได้ดีจริงๆ
เราเป็นเพียงนักอ่านสภาวะ ฉะนั้น ท่านใดก็ตามที่ได้มาสนทนาธรรมกับเรานั้น
เราต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย ที่ได้ดูสภาวะที่คุณนำมาสนทนากับเรา :b8:

ที่บอกว่า กระทู้นี้ แสดงสภาวะได้ดีจริงๆ คือ บางคนอาจจะมีมุมมองว่า คนสองคนทะเลาะกัน
แต่สำหรับเรานั้น เรามองในแง่ของนักดูสภาวะ ซึ่งได้ติดตามอ่านกระทู้นี้มาตลอด
ถ้าเป็นไปได้ อยากจะขอให้แอดมินนำกระทู้นี้ปักหมุดเสียด้วยซ้ำ
เพราะสภาวะที่แสดงออกมานั้น ชัดเจนมากๆ

ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง สักกายทิฏฐิ วิจิกิจฉา สีลัพพตปรามาส มีครบหมดเลย
เราได้ติดตามอ่านสภาวะของคนๆหนึ่งมานานแล้ว น่าจะเป็นปีได้แล้ว ถ้าจำไม่ผิด

แรกๆการเข้ามาบอร์ดของคนๆนี้นั้น ก็ดูไม่แตกต่างจากหลายๆคนที่เข้ามาในบอร์ดนี้
แต่พอนานวันเข้า สภาวะต่างๆของตัวเขา ที่นำลงมาโพสนั้น เริ่มแสดงเจตจำนงค์ชัดเจนว่า
เข้ามาเพื่ออะไร แล้ว เหตุที่เขาสร้างยูสเซอร์หลายๆตัวขึ้นมาในบอร์ดนี้ เพราะอะไร

เรายังคงรักษากฏกติกาของเราอยู่ คือ จะไม่เปิดเผยว่า คนๆนั้นคือใคร
เพราะนั่นคือ โอกาสของเขาที่ได้ปลดปล่อยกิเลสของตัวเขาเอง คือ สภาวะ " ตัวผู้รู้ "
ซึ่งสภาวะตรงนี้ ผู้ปฏิบัติจะต้องเจอทุกคน เพียงแต่จะมากหรือน้อยก็ตามเหตุที่กระทำมา
แต่จะมีการก๊อปข้อความสภาวะที่เขาโพสลงมาอ้างอิง และจะลบชื่ออื่นๆและชื่อตัวเขาเองออก

ส่วนใครต้องการรู้ว่า ข้อความที่นำมาอ้างอิงหรือมาแปะนั้น มาจากกระทู้ไหน ชื่อไหนโพส
อันนี้คงต้องหาตามกระทู้ต่างๆกันเอง เพราะยูสเซอร์ที่เขาใช้นั้น เขาสามารถแสดงให้เห็นว่า
ยูสเซอร์นั้นๆ ไม่ถูกกัน เป็นคนละคนกัน แต่แท้จริงแล้ว คือ คนๆเดียวกันนั่นเอง
ต้องบอกว่า ยูสเซอร์ที่เขานำมาใช้นั้น เยอะมากๆ

เหตุที่เรารู้ว่าเป็นคนๆนั้น เพราะกิเลสของคนๆนั้นดูง่าย
เขาจะเข้าหาในสิ่งที่เขาชอบ อีกอย่าง คนๆนั้น ชอบดันกระทู้ให้กับตัวเอง
และคนที่เขานั้นรู้สึกสนิทด้วย เรียกว่าดันกระฉูดเลย

เขาเป็นคนที่เรียกว่า มีความรู้เยอะ น่าจะพูดได้หลายภาษา อย่างน้อยที่เห็นๆชัดๆคือ
ภาษาเยอรมันและภาษาอังกฤษที่เขานำมาใช้ และเป็นนักท่องอินเตอร์เน็ต
ไม่ก็นั่งอ่านพระไตรปิฎกตัวยง เพราะข้อความส่วนมาก ที่เขานำมาแปะนั้น มาจากพระไตรปิฎก
แม้แต่สภาวะบางสภาวะ เช่นเรื่อง ฌาน คิดว่าน่าจะอ่านเจอแล้วนำมาโพสมากกว่า
เพราะพอให้อธิบายสภาวะของฌาน อธิบายไม่ได้ แต่นำตำรามาอ้างไปข้างๆคูๆ
แต่นับถือเขานะ ในความใฝ่เรียนของเขา ในการหาข้อมูลแปลกๆมาโพส

จริงๆแล้วด้านสว่างเขามีนะ คำว่า ด้านสว่าง เราไม่ได้หมายถึงดี แต่มองในแง่ของกุศลจิต
ด้านมืด เราไม่ได้มองว่าเลวหรือชั่ว แต่เราใช้เปรียบเทียบกับการกระทำที่เป็นอกุศลจิต

สภาวะกิเลสคุยกันนี่ เราเห็นเขาติดมาเป็นปีแล้ว นับวันรุนแรงมากขึ้น
เขาเริ่มสร้างยูสเซอร์มาหลายตัวมากขึ้น นำมาใช้ทั้งทางด้านมืดและด้านสว่าง

เรื่องไอพี นโยบายทางบอร์ด ไม่มีการแบนไอพี เท่าๆที่อ่านๆมานะ
แต่ทางบอร์ดจะเปิดโอกาสให้กับทุกคนเสมอๆกัน สุดแต่ว่าคนไหนหมดความอดทนแล้วร้องเรียน

อีกอย่าง ไอพี สามารถเปลี่ยนได้ สารถใช้ทั้งเครื่องที่บ้าน เครื่องที่ทำงาน เครื่องตามร้าน
ที่สำคัญตอนนี้คือ มีมือถือที่สารถเล่นทางเน็ตได้ ไอพีคนๆนั้น ย่อมเปลี่ยนแปลงได้ตลอด
อาจจะมีซ้ำกันบ้าง แตกต่างกันบ้าง โดยเฉพาะบุคคลิกของยูสเซอร์ที่สร้างขึ้นมาตบตา

นี่แหละผลของการเจริญสติปัฏฐาน ทำให้เราสามารถอ่านสภาวะของกิเลสได้ในระดับหนึ่ง
หากแม้นเรารู้จักหรือเห็นกายในกายเราได้ เราย่อมรู้จักหรือเห็นกายภายนอกได้
กายภายนอกคือคนอื่นๆนั่นเอง ทั้งเวทนา จิต ธรรม ก็ไม่มีความแตกต่างกันเลย

ที่แตกต่างกันคือ กิเลส และ สติ สัมปชัญญะ ที่แต่ละคนมีมากน้อยแตกต่างกันไป
ตามเหตุที่แต่ละคนกระทำมา และเหตุที่ได้ร่วมกระทำกันมา จึงได้มีเหตุอันเป็นกุศลร่วมกันบ้าง
อกุศลร่วมกันบ้าง เพราะเหตุเหล่านี้นี่เอง ไม่ใช่เรื่องบังเอิญใดๆเลย



สภาวะกิเลส ที่หลายๆคนจะต้องเจอคือ สภาวะจิตคุยกัน
ระหว่าง ด้านมืด กับ ด้านสว่าง ใครที่ไม่ค่อยสนใจเรื่องชาวบ้าน สภาวะนี้จะจบลงได้เร็ว
ส่วนใครที่ชอบสนใจเรื่องชาวบ้าน สภาวะนี้จะเนิ่นนานออกไป หากยังมี สติ สัมปชัญญะยังไม่มากพอ
สภาวะนี้ ส่วนมากเกิดขณะที่ทำสมาธิ น้อยนักที่จะแสดงออกมาทางการกระทำ
นับว่ากระทู้นี้ เป็นตัวอย่างที่ดี ในการนำสภาวะจิตคุยกัน ที่เป็นการแสดงออกมาทางการกระทำ
คือ แสดงออกมาทางตัวหนังสือ ทั้งด้านมืด และด้านสว่างของคนๆนี้
คนๆนี้กำลังเล่นกับกิเลส โดยที่ไม่รู้เลยว่า ตัวสภาวงะของเขา ยิ่งแสดงออกมามากเท่าไหร่
ยิ่งเป็นตัวชี้สภาวะเขาได้แบบชัดเจนมากๆ คือ หลงติดกับบัญญัติหรือปริยัติที่เขาได้อ่านๆมา
อ่านแล้วก็จำ แล้วนำมาเทียบกับสภาวะที่ตัวเองได้พบเจอมา ทำให้หลงสภาวะ
คิดว่า ตัวเองได้อะไร และ เป็นอะไร แต่มองไม่เห็นกิเลสที่บดบังสภาวะที่ตัวเองนั้นติดอยู่



ขอเขียนสั้นๆนะ ทีละกระทู้ เป็นคนเขียนอะไรที่ยาวๆไม่เป็น แต่ก็มีบางครั้งที่เขียนยาวๆได้
อ่านไปเรื่อยๆนะคะ แล้วถ้าเจอกระทู้ที่สอดแทรกเข้ามา อาจจะมาว่ากล่าว ( ในมุมมองของแต่ละคน )
ดูจิตตัวเองไปนะคะ ยามที่ตากระทบรูป คือ ยามที่ตาของแต่คนกระทบกับตัวหนังสือที่อีกฝ่ายโพสมา
ดูว่า จิตเรานั้น ปรุงแต่งไปทางไหน ทางมืดหรือทางสว่าง หรือ ไม่มีการปรุงแต่งใดๆเลย


แม่นักดูสภาวะ ระดับหนึ่ง
มโน ยังใช้ไม่ได้

เสียใจด้วย มันเป็นเพียงคำคุยอันยืดยาดของเธอเท่านั้น
คิดยืดยาดเป็นเรื่องเป็นราว เรื่อยเปื่อยไป
สติไหลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลล

สติอ่อนปัญญาอ่อนสัมปชัญะต่ำต้อย จริงๆๆ
อ้างโน่นอ้างนี้
สภาวะเธอ เดินตุปัตตุเป๋ ไม่เป็นท่า

การประเมินของเธอ ผิดหมด
ไม่มีอะไรที่ตรงเลยแม้แต่นิดเดียว

ที่เขียนมา สั้นมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ เลยแม่คุณ

จุ๊ปส์ๆๆ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 เม.ย. 2010, 21:37 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 10
สมาชิก ระดับ 10
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 เม.ย. 2010, 08:14
โพสต์: 829

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


walaiporn เขียน:
ข้อความที่นำมาอ้างอิงทั้งหมดนี้ เป็นคนๆเดียวกันโพส แต่ใช้หลายยูสเซอร์


00 เขียน:
การชี้สภาวะ เป็นยาพิษชนิดร้ายแรง สามารถฆ่าตัวตนได้ หากเสพเข้าไปอย่างต่อเนื่อง
ควรเสพอย่างมีสติ



นี่คือ สภาวะที่บ่งบอกถึง คนที่ไม่เข้าใจสภาวะที่แท้จริง


คำว่า การชี้สภาวะ คืออะไร?

การชี้สภาวะคือ ชี้ลงไปว่า คนนี้อยู่ในสภาวะของญาณไหน ( ญาณ ๑๖ )
นี่คือ สิ่งที่ไม่ควรทำอย่างยิ่งของผู้สอบอารมณ์ เพราะจะเป็นอันตรายแก่สภาวะของผู้ปฏิบัติ
ในเรื่องการเกิดการปรุงแต่งขึ้นมา แล้วสภาวะจะผิดเพี้ยนไปจากความจริง ทำให้ผู้ปฏิบัติหลงสภาวะได้

โดยเฉพาะ ผู้ที่สอบอารมณ์นั้น สอบอารมณ์ด้วยการกางตำราสอบ อันตรายอย่างยิ่ง
ผู้ที่จะสอบอารมณ์ได้นั้น จะต้องอ่านสภาวะของกิเลส และ สภาวะของ สติ สัมปชัญญะได้

เพราะตัวสภาวะของกิเลสและสติ สัมปชัญญะนั้น จะบ่งบอกว่า สภาวะของผู้ปฏิบัตินั้น อยู่ตรงไหน
และควรแนะนำให้ผู้ปฏิบัติ ปรับเปลี่ยนสภาวะตามอินทรีย์ได้หรือยัง



สภาวะที่ผู้สอบอารมณ์ไม่ควรนำมาใช้กับผู้สอบอารมณ์คือ

1. ปฏิบัติถูกทางแล้ว
คำว่า ถูกทาง คือ ถูกในรูปแบบของผู้สอบอารมณ์

2. ปฏิบัติถูกต้องแล้ว
ถูกต้องคือ เป็นเรื่องของความเห็นว่าถูกหรือผิด ในความคิดของผู้สอบอารมณ์

3. ภาวนาดีแล้ว
ดีหรือไม่ดี เป็นเรื่องของความคิดผู้สอบอารมณ์

4. ทำดีแล้วนะ ก้าวหน้ามากๆเลยนะ
คำสรรเสริญ เยินยอ ไม่ควรนำมาใช้กับผู้ปฏิบัติ เพราะเท่ากับไปเพิ่มกิเลสต่างๆ
เพิ่มมานะกิเลสให้กับผู้ปฏิบัติ ทำให้ยิ่งปฏิบัติ สภาวะยิ่งแย่ลง เพราะไปยึดติดกับคำชม

5. มีที่พึ่งแล้วนะ
ตรงนี้สำคัญมากๆเลย มีหลายๆคน นำสภาวะ " มีที่พึ่งแล้วนะ เพราะมีพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่งแล้วนะ "
นี่เป็นการนำสภาวะไปใช้แบบผิดๆ

สิ่งเหล่านี้ที่นำมากล่าว ล้วนก่อให้เกิดความทะยานอยากให้แก่ผู้ปฏิบัติมากกว่าเดิม
ทำให้บดบังปัญญา ไม่สามารถเห็นสภาวะที่แท้จริงได้
คือ มีแต่เป็นเหตุไปเพิ่มกิเลส แทนที่จะปฏิบัติแล้ว ลด ละ กิเลสได้

ผิดอย่างไร

คำว่า " มีที่พึ่งแห่งตน " มาจากคำว่า คำเต็มๆว่า

อตฺตา หิ อตฺตโน นาโถ โก หิ นาโถ ปโร สิยา
อตฺตนา หิ สุทนฺเตน นาถํ ลภติ ทุลฺลภํ.
ขุ. ธ. ๒๕/๓๖.

ตนแล เป็นที่พึ่งของตน คนอื่น ใครเล่าจะเป็นที่พึ่งได้
ก็บุคคลมีตนฝึกฝนดีแล้ว ย่อมได้ที่พึ่งที่ได้ยาก.



ทีนี้ ครูบาฯรุ่นเก่าๆ ท่านได้ขุดหลุมพรางดักกิเลสผู้ปฏิบัติเอาไว้
ท่านเลยใช้คำว่า ผู้ที่มีพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่งนั้น คือ เป็นคนที่มีที่พึ่งแล้วนะ

นี่คือ หลุมพรางกับดักกิเลสชั้นยอด สำหรับผู้ที่อยากเป็นโสดาบัน
ท่านไว้ใช้ในการสอบอารมณ์ เวลาใครนำไปสนทนา ท่านจะจับได้ทันที
เพียงแต่ ท่านจะบอกหรือไม่บอกแก่คนนั้นเท่านั้นเอง

มีพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่ง ตรงนี้หมายถึง แม้ตกตายไป ย่อมได้สวรรค์สมบัติและมนุษย์สมบัติอย่างแน่นอน
พระรัตนตรัย เรามีไว้เป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของเรา เพื่อมุ่งมั่นกระทำแต่ความความดี
ตัวอย่างที่ดีมีให้เห็น ยิ่งทำให้มุ่งมั่นทำความเพียรต่อเนื่อง ไม่ท้อถอยแต่อย่างใด

ส่วนที่กล่าวว่า ตนแล เป็นที่พึ่งแห่งตนนั้น หมายถึง ผู้นั้นได้มี สติ สัมปชัญญะ เป็นที่พึ่งแล้ว
สติ สัมปชัญญะที่นำมากล่าวนี้ เกิดจากการเจริญสติ และเป็น สัมมาสติ
คือ มีทั้ง สติ และสัมปชัญญะ ประกอบอยู่ด้วยกัน จะขาดตัวใดตัวหนึ่งไม่ได้


แนวทางการปฏิบัติ เหตุไฉนแนวสติปัฏฐานหรือการเจริญสติ จึงเป็นทางสายกลาง
เพราะเหตุว่า ไม่ว่าผู้ปฏิบัติ จะมีพื้นฐานของสมาธิหรือไม่มีเลยก็ตาม สามรถปฏิบัติได้
และไม่มีรูปแบบที่ตายตัว แต่ผู้ปฏิบัติสามารถเลือกปฏิบัติได้ ตามความถนัดของแต่ละคน
คือตามแต่เหตุที่แต่ละคนกระทำมา

ส่วนด้านกรรมฐาน ๔๐ กองนั้น อันนั้นก็เกิดจากเหตุที่แต่ละคนกระทำมา
บางคนเคยทำกรรมฐานกองไหนมา ไม่ต้องมีครูบาฯสอน ก็สามารถอ่านหนังสือและทำตามเองได้
แล้วเมื่อผลบุญกุศลหนุนนำ สามารถเจริญสติหรือยกสมถะขึ้นสู่วิปัสสนาได้


ตรงนี้นำมาแบ่งปันกัน แต่ถ้าใครคิดเพ่งโทษว่าเรานั้นอวดอุตริ เราอภัยให้
เพราะ ความคิดของแต่ละคนนั้น เราไปห้ามใครๆเขาไม่ได้ ที่ห้ามได้คือตัวเราเอง
ห้ามได้อย่างไร วิธีห้ามคือ ให้มีสติ สัมปชัญญะ รู้เท่าทันจิตที่กำลังจะปรุงแต่งตามผัสสะที่เกิดขึ้น

เราเองเคยทำกสิณได้เองมาตั้งแต่อายุ 11 ปี
ตอนนั้นหลวงพ่อสมชาย วัดเขาสุกิมท่านยังมีชีวิตอยู่ ท่านโยนหนังสือให้เล่มเล็กๆ
หน้าปกเขียนว่า วิธีการทำกสิณต่างๆ ท่านบอกว่าให้เราอ่านแล้วเลือกทำเอาเอง

ส่วนพวกอาๆป้าๆ หรือผู้ใหญ่ในนั้น มีคนจะขอให้ท่านมอบให้ ท่านกลับบอกว่า หยิบเอาเองเลย
แล้วชวนผู้ใหญ่ให้ไปปฏิบัติที่วัดเขาสุกิม เราเองตอนนั้นยังเด็กมากๆ ยังไม่ค่อยรู้เรื่องอะไร

ฉะนั้น ใครที่เข้าไปอ่านบล็อกของเราที่เขียนบันทึกสภาวะเอาไว้ หรือแม้แต่ในกระทู้ของ วารินเน่
ที่เป็นการนำสภาวะเก่ามาลงร่วมกับน้องเขา อาจจะมีสภาวะที่ดูแปลกๆ จงอย่าได้แปลกใจ
พวกสมถะแรงหรือพวกที่ได้ฌาน จะมีเรื่องราวโลดโผนแปลกประหลาดแบบนั้นแหละ

สภาวะของผู้ที่ผ่านฌานมาแล้ว จะดูง่าย ดูจากสภาวะที่เขาอธิบายมาแบบภาษาง่ายๆ
ผิดกับคนที่ท่องจำตำรามา ได้แต่เอาข้อความจากรพไตรปิฎกมาตัดแปะ
และไปท่องจำสภาวะฌาน ที่คนๆนั้นเคยอ่านเจอมา ดูง่ายนะคนเหล่านี้
เพราะเขาจะไม่สามารถอธิบายสภาวะของฌานที่แท้จริงไม่ได้เลย

และไม่สามารถแยกได้ว่า ฌาน ที่เป็นสัมมาสมาธิ กับ ฌาน ที่เป็นมิจฉาสมาธินั้น
ดูจากตรงไหน เอาอะไรเป็นตัววัด แล้วสภาวะที่รู้นั้น เป็นอย่างไร คนเหล่านี้จะแยกแยะไม่ได้
ได้แต่บรรยายสิ่งที่ท่องจำมายาวยืด แต่สรุปสั้นๆของตัวสภาวะไม่ได้


แม่นักดูสภาวะ ระดับหนึ่งเอ๋ย
เอาหลวงพ่อวัดเขาสุกิมมาอ้าง น่าอับอายจริงๆ
ไม่รู้หรือว่า นั่นเรียกว่า หลวงพ่อยัดเยียดให้
เพราะรู้ว่า ปทปรมะ ไม่อาจหยิบได้เอง
บุญฯกุศลไม่มี หยิบฉวย จับ ต้อง ธรรมะเองไม่ได้
แต่คนอื่นๆ สามารถหยิบเองได้
นั่นก็แสดงอุปทาน ที่เป้นปทปรมะจริงๆ
และไม่รู้จัก หลวงพ่อวัดเขาสุกิมเอาเสียเลย


นั่นเมื่ออายุ 11
ก็ยังยึดถือมาคุย จนนป่านนี้ ไม่รู้กี่กระทู้ต่อกี่กระทู้ วางไม่ลง ลืมเลือนไม่ลง
แล้ว อดีตรักฝังใจ จะลืมได้หรือ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 เม.ย. 2010, 21:41 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 10
สมาชิก ระดับ 10
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 เม.ย. 2010, 08:14
โพสต์: 829

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


kanalove เขียน:
ความจริงในใจของเราก็คือ

เราไม่ได้อยากจะด่าหรือพูดจาอะไรไม่ดีหรอก

แต่ที่เราทำลงไปน่ะ เป็นเพราะต้องการจะขุดกิเลสที่หยาบคายของบุคคลที่เราถกเถียงอยู่ด้วย

บัดนี้อาจจะถึงบทสรุปแล้วก็ได้

เราเองก็เหนื่อยกะคนๆนี้นะ บางทีเราอาจจะได้พักก็ได้... มั้ง

ไม่แน่นะ ใครจะรู้ละ

อิอิ~


วัยทองจอมพยาบาทที่ถูกทอดทิ้ง จ๊ะ
แบบนี้ เรียกว่า
ขาดสติ หลุดลุ่ย ยังไงล่ะจ๊ะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 เม.ย. 2010, 22:14 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 เม.ย. 2010, 15:07
โพสต์: 313

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


walaiporn เขียน:

นี่คือ สภาวะที่บ่งบอกถึง คนที่ไม่เข้าใจสภาวะที่แท้จริง



walaiporn เขียน:

ขอเข้าสู่เนื้อหาของกระทู้นี้นะคะ ต้องบอกว่าเป็นกระทู้ที่แสดงสภาวะได้ดีจริงๆ
เราเป็นเพียงนักอ่านสภาวะ ฉะนั้น ท่านใดก็ตามที่ได้มาสนทนาธรรมกับเรานั้น
เราต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย ที่ได้ดูสภาวะที่คุณนำมาสนทนากับเรา :b8:

ที่บอกว่า กระทู้นี้ แสดงสภาวะได้ดีจริงๆ คือ บางคนอาจจะมีมุมมองว่า คนสองคนทะเลาะกัน
แต่สำหรับเรานั้น เรามองในแง่ของนักดูสภาวะ ซึ่งได้ติดตามอ่านกระทู้นี้มาตลอด
ถ้าเป็นไปได้ อยากจะขอให้แอดมินนำกระทู้นี้ปักหมุดเสียด้วยซ้ำ
เพราะสภาวะที่แสดงออกมานั้น ชัดเจนมากๆ

ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง สักกายทิฏฐิ วิจิกิจฉา สีลัพพตปรามาส มีครบหมดเลย
เราได้ติดตามอ่านสภาวะของคนๆหนึ่งมานานแล้ว น่าจะเป็นปีได้แล้ว ถ้าจำไม่ผิด

แรกๆการเข้ามาบอร์ดของคนๆนี้นั้น ก็ดูไม่แตกต่างจากหลายๆคนที่เข้ามาในบอร์ดนี้
แต่พอนานวันเข้า สภาวะต่างๆของตัวเขา ที่นำลงมาโพสนั้น เริ่มแสดงเจตจำนงค์ชัดเจนว่า
เข้ามาเพื่ออะไร แล้ว เหตุที่เขาสร้างยูสเซอร์หลายๆตัวขึ้นมาในบอร์ดนี้ เพราะอะไร

เรายังคงรักษากฏกติกาของเราอยู่ คือ จะไม่เปิดเผยว่า คนๆนั้นคือใคร
เพราะนั่นคือ โอกาสของเขาที่ได้ปลดปล่อยกิเลสของตัวเขาเอง คือ สภาวะ " ตัวผู้รู้ "
ซึ่งสภาวะตรงนี้ ผู้ปฏิบัติจะต้องเจอทุกคน เพียงแต่จะมากหรือน้อยก็ตามเหตุที่กระทำมา
แต่จะมีการก๊อปข้อความสภาวะที่เขาโพสลงมาอ้างอิง และจะลบชื่ออื่นๆและชื่อตัวเขาเองออก

ส่วนใครต้องการรู้ว่า ข้อความที่นำมาอ้างอิงหรือมาแปะนั้น มาจากกระทู้ไหน ชื่อไหนโพส
อันนี้คงต้องหาตามกระทู้ต่างๆกันเอง เพราะยูสเซอร์ที่เขาใช้นั้น เขาสามารถแสดงให้เห็นว่า
ยูสเซอร์นั้นๆ ไม่ถูกกัน เป็นคนละคนกัน แต่แท้จริงแล้ว คือ คนๆเดียวกันนั่นเอง
ต้องบอกว่า ยูสเซอร์ที่เขานำมาใช้นั้น เยอะมากๆ

เหตุที่เรารู้ว่าเป็นคนๆนั้น เพราะกิเลสของคนๆนั้นดูง่าย
เขาจะเข้าหาในสิ่งที่เขาชอบ อีกอย่าง คนๆนั้น ชอบดันกระทู้ให้กับตัวเอง
และคนที่เขานั้นรู้สึกสนิทด้วย เรียกว่าดันกระฉูดเลย

เขาเป็นคนที่เรียกว่า มีความรู้เยอะ น่าจะพูดได้หลายภาษา อย่างน้อยที่เห็นๆชัดๆคือ
ภาษาเยอรมันและภาษาอังกฤษที่เขานำมาใช้ และเป็นนักท่องอินเตอร์เน็ต
ไม่ก็นั่งอ่านพระไตรปิฎกตัวยง เพราะข้อความส่วนมาก ที่เขานำมาแปะนั้น มาจากพระไตรปิฎก
แม้แต่สภาวะบางสภาวะ เช่นเรื่อง ฌาน คิดว่าน่าจะอ่านเจอแล้วนำมาโพสมากกว่า
เพราะพอให้อธิบายสภาวะของฌาน อธิบายไม่ได้ แต่นำตำรามาอ้างไปข้างๆคูๆ
แต่นับถือเขานะ ในความใฝ่เรียนของเขา ในการหาข้อมูลแปลกๆมาโพส

จริงๆแล้วด้านสว่างเขามีนะ คำว่า ด้านสว่าง เราไม่ได้หมายถึงดี แต่มองในแง่ของกุศลจิต
ด้านมืด เราไม่ได้มองว่าเลวหรือชั่ว แต่เราใช้เปรียบเทียบกับการกระทำที่เป็นอกุศลจิต

สภาวะกิเลสคุยกันนี่ เราเห็นเขาติดมาเป็นปีแล้ว นับวันรุนแรงมากขึ้น
เขาเริ่มสร้างยูสเซอร์มาหลายตัวมากขึ้น นำมาใช้ทั้งทางด้านมืดและด้านสว่าง

เรื่องไอพี นโยบายทางบอร์ด ไม่มีการแบนไอพี เท่าๆที่อ่านๆมานะ
แต่ทางบอร์ดจะเปิดโอกาสให้กับทุกคนเสมอๆกัน สุดแต่ว่าคนไหนหมดความอดทนแล้วร้องเรียน

อีกอย่าง ไอพี สามารถเปลี่ยนได้ สารถใช้ทั้งเครื่องที่บ้าน เครื่องที่ทำงาน เครื่องตามร้าน
ที่สำคัญตอนนี้คือ มีมือถือที่สารถเล่นทางเน็ตได้ ไอพีคนๆนั้น ย่อมเปลี่ยนแปลงได้ตลอด
อาจจะมีซ้ำกันบ้าง แตกต่างกันบ้าง โดยเฉพาะบุคคลิกของยูสเซอร์ที่สร้างขึ้นมาตบตา

นี่แหละผลของการเจริญสติปัฏฐาน ทำให้เราสามารถอ่านสภาวะของกิเลสได้ในระดับหนึ่ง
หากแม้นเรารู้จักหรือเห็นกายในกายเราได้ เราย่อมรู้จักหรือเห็นกายภายนอกได้
กายภายนอกคือคนอื่นๆนั่นเอง ทั้งเวทนา จิต ธรรม ก็ไม่มีความแตกต่างกันเลย

ที่แตกต่างกันคือ กิเลส และ สติ สัมปชัญญะ ที่แต่ละคนมีมากน้อยแตกต่างกันไป
ตามเหตุที่แต่ละคนกระทำมา และเหตุที่ได้ร่วมกระทำกันมา จึงได้มีเหตุอันเป็นกุศลร่วมกันบ้าง
อกุศลร่วมกันบ้าง เพราะเหตุเหล่านี้นี่เอง ไม่ใช่เรื่องบังเอิญใดๆเลย



สภาวะกิเลส ที่หลายๆคนจะต้องเจอคือ สภาวะจิตคุยกัน
ระหว่าง ด้านมืด กับ ด้านสว่าง ใครที่ไม่ค่อยสนใจเรื่องชาวบ้าน สภาวะนี้จะจบลงได้เร็ว
ส่วนใครที่ชอบสนใจเรื่องชาวบ้าน สภาวะนี้จะเนิ่นนานออกไป หากยังมี สติ สัมปชัญญะยังไม่มากพอ
สภาวะนี้ ส่วนมากเกิดขณะที่ทำสมาธิ น้อยนักที่จะแสดงออกมาทางการกระทำ
นับว่ากระทู้นี้ เป็นตัวอย่างที่ดี ในการนำสภาวะจิตคุยกัน ที่เป็นการแสดงออกมาทางการกระทำ
คือ แสดงออกมาทางตัวหนังสือ ทั้งด้านมืด และด้านสว่างของคนๆนี้
คนๆนี้กำลังเล่นกับกิเลส โดยที่ไม่รู้เลยว่า ตัวสภาวงะของเขา ยิ่งแสดงออกมามากเท่าไหร่
ยิ่งเป็นตัวชี้สภาวะเขาได้แบบชัดเจนมากๆ คือ หลงติดกับบัญญัติหรือปริยัติที่เขาได้อ่านๆมา
อ่านแล้วก็จำ แล้วนำมาเทียบกับสภาวะที่ตัวเองได้พบเจอมา ทำให้หลงสภาวะ
คิดว่า ตัวเองได้อะไร และ เป็นอะไร แต่มองไม่เห็นกิเลสที่บดบังสภาวะที่ตัวเองนั้นติดอยู่



ขอเขียนสั้นๆนะ ทีละกระทู้ เป็นคนเขียนอะไรที่ยาวๆไม่เป็น แต่ก็มีบางครั้งที่เขียนยาวๆได้
อ่านไปเรื่อยๆนะคะ แล้วถ้าเจอกระทู้ที่สอดแทรกเข้ามา อาจจะมาว่ากล่าว ( ในมุมมองของแต่ละคน )
ดูจิตตัวเองไปนะคะ ยามที่ตากระทบรูป คือ ยามที่ตาของแต่คนกระทบกับตัวหนังสือที่อีกฝ่ายโพสมา
ดูว่า จิตเรานั้น ปรุงแต่งไปทางไหน ทางมืดหรือทางสว่าง หรือ ไม่มีการปรุงแต่งใดๆเลย


อิอิ สภาวะไหลตามความคิดๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

ปรุงแต่งออกมาเป็นตุเป็นตะเลยละจ้าคุณป้าขา :b32:



อนุโมทนาสาธุจ้า
:b8:

:b16: :b17: :b16:


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กระทู้นี้ถูกล็อก คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความ หรือ ตอบกลับในกระทู้นี้  [ 276 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 8, 9, 10, 11, 12, 13, 14 ... 19  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 82 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร