วันเวลาปัจจุบัน 26 เม.ย. 2024, 19:15  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กระทู้นี้ถูกล็อก คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความ หรือ ตอบกลับในกระทู้นี้  [ 276 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5, 6 ... 19  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 เม.ย. 2010, 21:57 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5977

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว



จ้ะ แล้วแต่จะว่าไปตามสมมุติ :b38:

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


แก้ไขล่าสุดโดย walaiporn เมื่อ 10 เม.ย. 2010, 21:58, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 เม.ย. 2010, 22:33 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 10
สมาชิก ระดับ 10
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 เม.ย. 2010, 08:14
โพสต์: 829

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


walaiporn เขียน:

จ้ะ แล้วแต่จะว่าไปตามสมมุติ :b38:



เรียกว่า ภูมิของจิต ยังติดแค่สมมุติ ยังเห็นแค่สมมุติ ไม่ก้าวไปสู่ปรมัตถธรรม


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 เม.ย. 2010, 22:42 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5977

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


enlighted เขียน:
walaiporn เขียน:

จ้ะ แล้วแต่จะว่าไปตามสมมุติ :b38:



เรียกว่า ภูมิของจิต ยังติดแค่สมมุติ ยังเห็นแค่สมมุติ ไม่ก้าวไปสู่ปรมัตถธรรม




จ้ะ จะเป็นอะไรก็แล้วแต่ว่าเธอนั้นจะไปให้ค่าให้ความหมายแก่มัน :b1:
แล้วเธอล่ะจ๊ะ เห็นกิเลสของตัวเองไหม หากเห็นได้ เธอจะไม่มาพูดจาแบบนี้เลย
สิ่งที่เธอพูดออกมา มันก็คือ กิเลสที่อยู่ในใจของเธอ

การสนทนาแบบนี้ ไม่ได้ก่อเกิดประโยชน์อันใดเลย
หากเธอยังติดใจที่อยากจะโพสอะไรต่อตามกิเลสของเธอนั้น ตามสบายนะจ๊ะ :b38:

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


แก้ไขล่าสุดโดย walaiporn เมื่อ 10 เม.ย. 2010, 22:45, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 เม.ย. 2010, 01:12 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 เม.ย. 2010, 15:07
โพสต์: 313

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


"คำสรรเสริญ เยินยอ คือ ยาพิษ หากเสพเข้าไปอย่างต่อเนื่อง"


คำเตือน : การชี้สภาวะ เป็นยาพิษชนิดร้ายแรง สามารถฆ่าตัวตนได้ หากเสพเข้าไปอย่างต่อเนื่อง


:b22: :b22: :b22: :b22: :b22: :b22: :b22: :b22:


แก้ไขล่าสุดโดย เว็บมาสเตอร์ เมื่อ 18 เม.ย. 2010, 10:49, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 เม.ย. 2010, 01:25 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


คำเตือน ห้าม เสพเกิน วันละ 3 รอบ

:b17: :b36: :b34: :b33: :b33: :b28:

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 เม.ย. 2010, 02:27 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 ม.ค. 2010, 04:38
โพสต์: 376

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว



สวัสดีครับ คุณ enlighted และ คุณKamonchanok

ขอขั้นจังหวะการสนทนาสักหน่อย
ที่ราบรื่นเป็นไปได้ดีมาตลอด

แต่เนื่องจาก ผมไม่เข้าใจถ้อยคำของ คุณenlighted ในหลายแห่ง
รวมทั้ง ความเข้าใจของคุณ Kamonchanok ด้วย

จึงต้องขออนุญาตสอบทาน เพื่อเพิ่มพูนความรู้

ที่สำคัญผมรู้สึกว่า มีบางประโยคซึ่งดูเหมือน
คุณ enlighted ก็ยังไม่รู้ความหมายที่แท้จริง
แต่คุณ Kamonchanok เข้าใจ จึงน่าสงสัย???????

เรื่องมันเริ่มต้นจาก


(1......)คุณKamonchanok ตั้งคำถามถึงกระทู้ของ คุณenlighted คือ
enlighted เขียน:
สติ...เกิด...ทำให้หยุดคิด(หลง)/อยาก(ตัณหา)
แล้วสติก็ดับลง

Kamonchanok เขียน:
ทำไมไม่มีใครนำคำกล่าวของคุณไปขยายความคะ
หรือว่าสิ่งที่คุณกล่าวมา มันไม่ได้สะท้อนให้เห็นถึง คุณค่าทั้งทางบัญญัติ
และทางสภาวะ
หรือว่า ทุกคนเมื่อปฏิบัติจนถึงจุดนี้แล้ว ไม่เห็นว่ามันดับลง


คุณ enlighted ตอบว่า

enlighted เขียน:
สติ เกิดพร้อมจิต ดับพร้อมจิต


คุณ Kamonchanok แสดงท่าทีว่า เกิดดวงตาเห็นธรรม
กับธรรมดังกล่าวเพียงไม่กี่ประโยค จึงเข้ามาขอบคุณ

Kamonchanok เขียน:
ค่ะ ...
พี่คะ พี่เข้ามาแนะบ่อย ๆ ได้รึเปล่าคะ
เพราะอ่านคำชี้แนะของพี่แล้ว เฉิ่มรู้สึกได้ถึงความหยุด ความนิ่งในภาษา
และจุดที่พี่ชี้นั้น มันชัดเจน ชัดเจน และสอดคล้องกับสิ่งที่สะท้อน อยู่ภายใน
ขอบคุณค่ะ ภาษาของพี่ทำให้ เฉิ่ม ได้กลิ่นความสงบนิ่งที่ซ่อนตัวอยู่ลึก ๆ
และมันกำลังเคลื่อนตัวแผ่กระจายออกมา แทรกซึมไปทุกอณู
เหมือนหมีที่จำศีลในฤดูหนาวมานาน มันกำลังจะตื่นเพราะมันเริ่มได้กลิ่นฤดูใบไม้ผลิโชยมา
ขอบคุณค่ะ


คำว่า ...."สติเกิดพร้อมจิต ดับพร้อมจิต".....

มันก็แค่ธรรมพื้นๆ ไม่เห็นมีความลึกซิ้งอะไร แฝงอยู่เลย

ขออภันนะครับที่ต้องว่ากล่าวกันตรงๆ


จึงขออนุญาตถามคุณ Kamonchanok ว่า
เข้าใจอะไรในประโยคดังกล่าว


มากกว่า เอกกุปปาทะ เอกนิโรธะ เอการัมมณะ

คือ การเกิดพร้อม ดับพร้อมกัน และมีอารมณ์เดียวกัน ของจิตกับเจตสิก

00000000000000000000000000000000000000000000000000000

(2.....)
ต่อมา คุณ enlighted คุณกับคุณ walaiporn

enlighted เขียน:
เมื่อไรจะเข้าถึงจิตได้
เมื่อยังติดอยู่แค่ เหตุและผล
อันเป็นเงาของจิต เท่านั้น


คุณ enlighted คงต้องเคยพบ
เทศนาธรรมนี้ นะครับ


"เย ธัมมา เหตุปปะภะวา เตสัง เหตุง ตะถาคะโต
เตสัญจะ โย นิโรโธจะ เอวัง วาที มะหาสะมะโณ"....

ธรรมทั้งหลายเกิดแต่เหตุ พระตถาคตเจ้าตรัสบอก
ถึงเหตุแห่งธรรมเหล่านั้น พร้อมทั้งความดับแห่งเหตุ
ของธรรมเหล่านั้น พระมหาสมณเจ้ามีปกติตรัสสอนอย่างนี้


ถ้าไม่ติดอยู่ที่ "เหตุ" แล้ว ย่อมแสดงว่า คุณ enlighted
ก็ต้องรู้แจ้งแทงตลอด แล้วซิครับ
ฉะนั้น จึงขออนุญาต


ถามคุณ enlighted
คำว่า......


"เมื่อยังติดอยู่ที่เหตุและผล อันเป็นเงาของจิต"


เหตุ หมายถึงอะไร

ผล หมายถึงอะไร

เงาของจิต หมายถึงอะไร


enlighted เขียน:
ชื่อว่า จิตเศร้าหมอง
เพราะยังมีเครื่องเศร้าหมองเป็นบัญญัติ นอนจมอยู่
มากำบังความรู้ที่เป็น ธาตุรู้
จึงไม่อยู่ปรมัตถ์เพียงฝ่ายเดียว
เหยียบเรือสองแคม บัญญัติ ปรมัตถ์
เป็นปกติ ของจิตเศร้าหมอง
รู้ ไม่แตกต่างใดๆ


ขอความกรุณาขยาย หรือ แปลความหมายของคำว่า

เพราะยังมีเครื่องเศร้าหมองเป็นบัญญัติ มากำบังความรู้ที่เป็น ธาตุรู้

เครื่องเศร้าหมองที่เป็น....."บัญญัติ".....มีด้วยหรือครับ

ขอความกรุณายกตัวอย่างสัก 2-3 ชนิดได้มั๊ยครับ


ขออนุโมทนาครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 เม.ย. 2010, 09:41 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 10
สมาชิก ระดับ 10
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 เม.ย. 2010, 08:14
โพสต์: 829

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Eikewsang เขียน

คำว่า ...."สติเกิดพร้อมจิต ดับพร้อมจิต".....

มันก็แค่ธรรมพื้นๆ ไม่เห็นมีความลึกซิ้งอะไร แฝงอยู่เลย

ขออภันนะครับที่ต้องว่ากล่าวกันตรงๆ


...................................................................................................
จากหัวข้อกระทู้

สติ...เกิด...ทำให้หยุดคิด(หลง)/อยาก(ตัณหา)


สำหรับคุณ คงต้องเริ่มอธิบาย ตั้งแต่ ก.เอ๋ย ก.ไก่
เพราะพื้นฐาน ความเข้าใจในธรรม สภาวะธรรมและภูมิธรรม ยังน้อย

สติเกิดดับ

ไม่ได้เป็นธรรมะพื้นๆ ไร้ความหมาย

จักเป็นสีลัพพัตตปรามาส อันเอกอุ


จึงประเมินธรรมะ ได้แค่พื้นๆ ตามสภาวธรรม และภูมิของจิต คุณเอง

แค่พื้นๆนี่แหละ เข้าใจได้ ตามสัญญา หรือ ตาม วิญญาณ ผู้รู้
หรือเข้าใจ ด้วยธาตุรู้ มันต่างกัน ลิบลับ

สภาวะคุณ ก็เลย ไม่อาจโยงใยไปถึงธรรมอันอื่นๆได้
ซึ่งธรรมะข้ออื่นๆ จัก เป็นธรรมหนึ่งเดียวกันทั้งหมด
โยงใยถึงกัน

คนที่มีสภาวธรรมสั่งสมมามาก
แค่ ประโยคเดียว ก็หลั่งไหลความเข้าใจ ออกมาจากสภาวธรรมทั้งหมดที่มี

คนที่มีธรรมะ 10 เปอร์เซ็นต์ ก็ เห็นธรรมะ 10 เปอร์เซ็นต์
การจะพูดจะจา ย่อม ไม่ออกไปเกินกว่า จุดที่ 10 เปอร์เซ็นต์ไปได้

คนที่มี 50 เปอร์เซ็นต์ ย่อม พูดและสนทนา และเข้าใจ
ในจุดที่ 50 เปอร์เซ็นต์

คนที่มีธรรมะและภูมิธรรม พื้นๆๆ ย่อมเห็น และเข้าใจ ไม่พ้นพื้นๆ


จะไล่เลียงปฎิจจสมุบาท มูลเหตุของวิญญาณ ก็ยังเป็นของที่ห่างไกล จากธาตุรู้ ไกลลิบ

จะเอาวิญญาณ มาประเมิน สภาวะของธาตุรู้ ไม่มีทางทำได้
จึงเห็นได้เพียงพื้นๆ ตามลักษณะภูมิแห่งจิตของคุณเอง


จากหัวข้อกระทู้

สติ...เกิด...ทำให้หยุดคิด(หลง)/อยาก(ตัณหา)

ก็ต้องมาอธิบาย ก.เอ๋ย ก.ไก่ เสียก่อน

เมื่อความคิดเกิด จิตเกิด สติเกิด ไหลตามความคิดหยุดไม่ได้
สติที่เกิดดับไหลล่องลอยตาม เรียกว่า ความไม่มีสติ
สัมปชัญญะอ่อนด้อย ล่องลอย ไหลตามความคิด
เป็นวิสัยปุถชนธรรมดาๆๆ


การตามรู้ความคิด จนเป็นเรื่องเป็นราว จนความคิดดับไป
เรียกว่าสติยังอ่อน สัมปชัญญะยังเยาว์
เป็นปุถุชน ที่พอจะมีการฝึกหัด

การเห็นความคิด และความคิดดับไปได้ จึงพอจะเรียกว่า มีสติ
การเห็นเช่นนั้นเริ่มเรียกว่า มหาสติ แต่ก็ เป็นเพียงมหาสติธรรมดา ๆ
เพียงเห็นสภาวธรรม ที่พอรู้ว่า เกิดขึ้นแล้ว ดับขึ้นแล้ว
แต่ยังไม่เรียกว่า เห็นอาการเกิด ดับ

เพราะ การเห็น ไม่มีปัญญาเกิด ไม่มีปัญญา ที่จะเข้าใจในสภาวธรรม
ในขณะที่เห็น รู้เพียงสัญญา ที่เห็นความเกิดดับ ในขณะเดียวกัน
เรียกว่า พอเป็นมหาสติธรรมดาๆๆ

การเห็นความคิดเกิดและดับลง แต่รู้สภาวธรรม ที่เกิดดับควบคู่ไปด้วย
เรียกว่า เป็นมหาสติ เริ่มเข้าสู่มหาสติปรมัตถ์
แต่ ขาดความเข้าใจ
ก็อธิบายเบื้องต้น ก.เอ๋ย ก.ไก่ เพียงเท่านี้ก่อน

เมื่ออ่าน ก. เอ๋ย ก. ไก่
และลองย้อนกลับแทงเข้าหาตนเอง
สิ่งที่ถามไถ่มานั้น เกิดมาจากไหน
จะเห็นได้เอง ว่าภูมิธรรมตนเองเป็นเพียงพื้นๆๆ จริงหรือไม่


ยังจะไม่อธิบาย ถึงและแยกแยะ กริยา และสังขาร
ยังจะไม่อธิบายถึงการแยกแยะ ระหว่างสติและจิต
ซึ่งมันยังแค่ปลายเหตุ เท่านั้น

และเรื่องที่ถาม เหตุ และผล
ก็คงอธิบายอีกนาน

กว่าจะถึง คำว่า เหตุต้องละ ผลต้องละเมื่อเจริญจิตจนปราศจากความคิดปรุงแต่งได้แล้ว
ก็ไม่ต้องอิงอาศัยกับกฎเกณฑ์แห่งความเป็นเหตุเป็นผลใด ๆ ของหลวงปู่ดูลย์


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 เม.ย. 2010, 11:49 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 10
สมาชิก ระดับ 10
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 เม.ย. 2010, 08:14
โพสต์: 829

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


walaiporn เขียน

จ้ะ จะเป็นอะไรก็แล้วแต่ว่าเธอนั้นจะไปให้ค่าให้ความหมายแก่มัน
แล้วเธอล่ะจ๊ะ เห็นกิเลสของตัวเองไหม หากเห็นได้ เธอจะไม่มาพูดจาแบบนี้เลย
สิ่งที่เธอพูดออกมา มันก็คือ กิเลสที่อยู่ในใจของเธอ การสนทนาแบบนี้ ไม่ได้ก่อเกิดประโยชน์อันใดเลย
หากเธอยังติดใจที่อยากจะโพสอะไรต่อตามกิเลสของเธอนั้น ตามสบายนะจ๊ะ



ถ้าเห็นเพียงว่า ธรรมะที่โพสต์ไป เป็นกิเลส
ก็แสดงสภาวธรรม และภูมิธรรมของเธอ
ยังน้อยนิด ยังไม่ได้เรื่อง

ยกตัวอย่างกิเลส ที่เธอไม่เห็น
ที่นอนเนื่องในในสันดานเธอ

การที่เธอกินเจ รับอนุตรธรรม เธอเคลื่อนจิต เกิดความคิดเกิดความรู้สึก
ไปดูถูกดูแคลน คนที่ไม่ได้กินเจ
เธอเคลื่อนความรู้สึก เหม็น รังเกียจ
และเธอยังไหลตาม ความคิด ความรู้สึกเช่นว่า
เป็นไป เพราะสติ และสัมปชัญญะเธอ ยังอ่อนมาก
และ เธอไม่ได้ มองย้อนมาดูตัวเธอเองว่า
ตัวเธอเอง ทั้งสกปรก โสโครก เหม็นเน่าไม่ต่างกัน
ภูมิวิปัสสนาของเธอ ยังอ่อนด้อยมาก

ถ้าเห็นเพียงว่า ธรรมะที่โพสต์ไป เป็นกิเลส
ก็แสดงสภาวธรรม และภูมิธรรมของเธอ
ยังน้อยนิด ยังไม่ได้เรื่อง

ถ้าจะกล่าวถึง สติ และ ความรู้สึกตัว
เธอก็ยังอ่อนด้อยจริงๆๆ

ไก่ ได้พลอยมัก ไม่รู้คุณค่าของพลอย
กิ้งก่า ได้ทอง มัก ไม่รู้คุณค่าของทอง

ฉันใดฉันนั้น
ความอ่อนด้อยของเธอ ทำให้เธอไม่รู้จัก แยกแยะได้ว่า ธรรมะ หรือกิเลส ที่โพสต์ไป
เธอจึงหาประโยชน์ไม่ได้

แต่คนอื่นๆ เก็บธรรมะ และประโยชน์ได้


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 เม.ย. 2010, 12:10 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 16:34
โพสต์: 1050

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ศรัทธาและนับถือ กับ ท่านผู้เสวนาธรรมในกระทู้นี้ครับ ได้อ่านได้ศึกษาได้รู้ธรรมต้องขอขอบพระคุณเว็บลานธรรมแห่งนี้อย่างสูง ถึงจะมีความคิดเห็นแตกต่างกันบ้างแต่ก็เป็นเรื่องธรรมดาอยู่แล้ว แต่ผลดี มีมากกว่า ทั้งเป็นบุญกุศลทั้งผู้โพสและผู้อ่านครับ เพราะจุดประสงค์เดียวกัน สิ่งเดียวกัน เป็นแนวทางปฏิบัติเพื่อดับทกข์เหมือนกันครับ.

"ภิกษุทั้งหลาย..หรหมจรรย์นี้ เราประพฤติมิใช่เพื่อหลอกลวงคนให้นับถือ มิใช่ประพฤติเพื่อเรียกคนมาเป็นบริวาร มิใช่เพื่ออานิสงส์เป็นลาภสัการะและเสียงสรรเสริญ มิใช่อานิสงส์จะได้เป็นเจ้าลัทธิหรือเพื่อคัดค้านลัทธิอื่นให้ล้มไปและมิใช่เพื่อให้มหาชนเข้าใจว่า เราได้เป็นผู้วิเศษอย่างนั้นอย่างนี้ก็หาไม่"
"ภิกษุทั้งหลาย..ที่แท้ พรหมจรรย์นี้เราประพฤติเพื่อสำรวม เพื่อละ เพื่อคลายกำหนัด เพื่อดับทุกข์สนิท"
(พุทธดำรัส จากหนังสือ...ครับ)

ขอให้ทุกท่านมีสติ อยู่กับสภาวะปรมัตธรรม ต่อเนื่องกันไป รู้และเห็นแค่ปรมัตอย่าปรุงแต่งเลยไปเป็นบัญญัติ เห็นปัจจัยความเปลี่ยนแปลง เห็นการเกิดขึ้น เห็นความเสื่อมไป เห็นความรู้สึกไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา ถอนจากความยึดถือเป็นตัวเป็นตน ตั้งอยู่ในสภาพเดิมไม่ได้ บังคับบัญชาไม่ได้
เห็นอยู่ รู้อยู่ บ่อยๆ เนืองๆ
เป็นทางเดิน เป็นข้อปฏิบัติ อันจะนำไปสู่หนทางดับทุกข์

ขอให้ทุกท่านเจริญในธรรมยิ่งๆขึ้นไป :b8: :b8: :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 เม.ย. 2010, 14:15 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 07 เม.ย. 2010, 21:37
โพสต์: 54

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Eikewsang เขียน:

สวัสดีครับ คุณ enlighted และ คุณKamonchanok

ขอขั้นจังหวะการสนทนาสักหน่อย
ที่ราบรื่นเป็นไปได้ดีมาตลอด

แต่เนื่องจาก ผมไม่เข้าใจถ้อยคำของ คุณenlighted ในหลายแห่ง
รวมทั้ง ความเข้าใจของคุณ Kamonchanok ด้วย

จึงต้องขออนุญาตสอบทาน เพื่อเพิ่มพูนความรู้

ที่สำคัญผมรู้สึกว่า มีบางประโยคซึ่งดูเหมือน
คุณ enlighted ก็ยังไม่รู้ความหมายที่แท้จริง
แต่คุณ Kamonchanok เข้าใจ จึงน่าสงสัย???????

เรื่องมันเริ่มต้นจาก


(1......)คุณKamonchanok ตั้งคำถามถึงกระทู้ของ คุณenlighted คือ
enlighted เขียน:
สติ...เกิด...ทำให้หยุดคิด(หลง)/อยาก(ตัณหา)
แล้วสติก็ดับลง

Kamonchanok เขียน:
ทำไมไม่มีใครนำคำกล่าวของคุณไปขยายความคะ
หรือว่าสิ่งที่คุณกล่าวมา มันไม่ได้สะท้อนให้เห็นถึง คุณค่าทั้งทางบัญญัติ
และทางสภาวะ
หรือว่า ทุกคนเมื่อปฏิบัติจนถึงจุดนี้แล้ว ไม่เห็นว่ามันดับลง


คุณ enlighted ตอบว่า

enlighted เขียน:
สติ เกิดพร้อมจิต ดับพร้อมจิต


คุณ Kamonchanok แสดงท่าทีว่า เกิดดวงตาเห็นธรรม
กับธรรมดังกล่าวเพียงไม่กี่ประโยค จึงเข้ามาขอบคุณ

Kamonchanok เขียน:
ค่ะ ...
พี่คะ พี่เข้ามาแนะบ่อย ๆ ได้รึเปล่าคะ
เพราะอ่านคำชี้แนะของพี่แล้ว เฉิ่มรู้สึกได้ถึงความหยุด ความนิ่งในภาษา
และจุดที่พี่ชี้นั้น มันชัดเจน ชัดเจน และสอดคล้องกับสิ่งที่สะท้อน อยู่ภายใน
ขอบคุณค่ะ ภาษาของพี่ทำให้ เฉิ่ม ได้กลิ่นความสงบนิ่งที่ซ่อนตัวอยู่ลึก ๆ
และมันกำลังเคลื่อนตัวแผ่กระจายออกมา แทรกซึมไปทุกอณู
เหมือนหมีที่จำศีลในฤดูหนาวมานาน มันกำลังจะตื่นเพราะมันเริ่มได้กลิ่นฤดูใบไม้ผลิโชยมา
ขอบคุณค่ะ


คำว่า ...."สติเกิดพร้อมจิต ดับพร้อมจิต".....

มันก็แค่ธรรมพื้นๆ ไม่เห็นมีความลึกซิ้งอะไร แฝงอยู่เลย

ขออภันนะครับที่ต้องว่ากล่าวกันตรงๆ


จึงขออนุญาตถามคุณ Kamonchanok ว่า
เข้าใจอะไรในประโยคดังกล่าว


มากกว่า เอกกุปปาทะ เอกนิโรธะ เอการัมมณะ

คือ การเกิดพร้อม ดับพร้อมกัน และมีอารมณ์เดียวกัน ของจิตกับเจตสิก

00000000000000000000000000000000000000000000000000000


:b1: ข้าพเจ้าจะตอบในแบบของข้าพเจ้า
ซึ่งข้าพเจ้าจะตอบอย่างไร เมื่อไรนั้น ข้าพเจ้าไม่ซี้ซั้วตอบแน่นอน
เพราะธรรมของพระพุทธองค์นั้น บริสุทธิ์หมดจดแล้ว ลึกซึ้งแล้วอันสัจจะ
ครบถ้วนกระบวนความ สมบูรณ์พร้อมแล้วทั้งอรรถ และความหมาย
เพราะผู้สอนนั้น ถึงพร้อมแล้ว เสมอแล้ว หมดจดแล้ว
ข้าพเจ้าเคารพแล้ว มิอาจล้วงล้ำธรรมอันใดของพระพุทธองค์ แม้แต่เพียงนิดก็ไม่อาจคิด
ถ้าข้าพเจ้าจะกล่าวสิ่งใด
ข้าพเจ้าจะสอบทานกับธรรมของพระพุทธองค์อย่างละเอียดถี่ถ้วนก่อน
และพึงกล่าวในสิ่งที่เหมาะ ที่ควรเท่านั้น

ซึ่งเป็นเรื่องที่ข้าพเจ้ากำลังจะเริ่มกระทำ
ซึ่งข้าพเจ้าจะไม่ข้ามบท ข้ามตอน จะค่อย ๆ ทำไปที่ละนิด ตั้งแต่เรื่องง่าย ๆ
และค่อย ๆ ไล่ไปทีละนิด

ซึ่งกว่าจะถึงคำตอบของท่าน ก็ไม่รู้ว่าจะเป็นวันใด

ท่านจะรอคำตอบของข้าพเจ้าเพื่อให้ตนหายสงสัย
หรือท่านจะยังกิจอันใด อันเป็นไปเพื่อให้ตนสิ้นสงสัยเอง ข้าพเจ้าไม่ว่ากระไร
ยิ่งแต่จะเป็นการดี :b12:

เพราะยังไงซะ การที่ข้าพเจ้าจะยังกิจอันใดเพื่อให้ท่านหายสงสัยในตอนนี้
ข้าพเจ้าไม่เห็น กุศลจะบังเกิดขึ้นกับผู้ใดเลย และแม้กับตัวข้าพเจ้าเอง

:b8:

ส่วนสิ่งที่ท่านห็นและคิดว่าเกิดนั้น

คุณ Kamonchanok แสดงท่าทีว่า เกิดดวงตาเห็นธรรม
กับธรรมดังกล่าวเพียงไม่กี่ประโยค จึงเข้ามาขอบคุณ


ถ้าท่านเป็นข้าพเจ้า ท่านจะรู้ว่า ไม่ใช่ไม่กี่ประโยค
ทุกอย่างมันสะสมมาตั้งแต่ ข้าพเจ้าเริ่มตระหนักถึง ลมหายใจ
มันคือวิถี ที่ข้าพเจ้าอยู่กับมันมานานแสนนาน
ท่านคิดว่า จะต้องใช้หน้ากระดาษเท่าไร จึงจะเพียงพอต่อการบอกเล่า

ซึ่งอย่างสั้นที่สุดที่ข้าพเจ้าจะกล่าวก็คือ ปฏิบัติตามคำสอนของพระพุทธองค์

เพราะคำสอนของพระพุทธองค์ ท่านได้วางแนวทางเอาไว้ให้เดิน
คือทางเดินอันเป็นไปในการหว่านเมล็ดพันธ์ (โอกาสในการเห็นธรรม) เอาไว้
ทุกอย่างดำเนินมาเรื่อย เมื่อจังหวะที่โครงสร้างทุกอย่างประชุมรวมกัน มันก็บังเกิดผล
ท่านระบุวันที่ได้หรือ ว่ามะมวงจะติดผลในวันใด เวลาใด
ท่านบอกได้แค่ว่า มันจะออกในฤดูร้อน แต่กระนั้นต้นมะม่วงที่ท่านปลูกต้องออกดอก
ต้องมีฝนชะลานในช่วงค่อน ๆ ฤดูหนาว
เมื่อท่านเห็นปัจจัยเพียงเท่านี้ ท่านพึงรู้ได้ว่า ท่านจะได้กินมะม่วง
แต่กระนั้นเมื่อมันติดผล ก็ต้องคอยระวังแมลง เราก็ยังต้องบำรุง
และยังต้องดูเรื่อง พายุฤดูร้อนอีก ซึ่งอาจจะทำให้ผลร่วงหล่น
แม้ผ่านพ้นพายุฤดูร้อน ก็ยังต้องระวังในเรื่องเด็กมาขโมยสอยไปเสียก่อน :b1:

ผลบางผล อยู่สูงจึงรอดมือเด็ก
แต่กระนั้น เราอาจจะต้องออกแรงปีนขึ้นไปเก็บ
หรือมีกัลยาณมิตรเดินผ่านมา เห็นส่งไม้สอยมาให้ :b1:
ประมาณ ถูกที่ ถูกเวลา :b1:

"ถ้าคำกล่าวของพระพุทธองค์ แก้ไขข้อสงสัยของท่านไม่ได้
แล้วใยท่านคิดว่า คำกล่าวของข้าพเจ้า แก้ไขข้อสงสัยของท่านได้
และใยข้าพเจ้าจะคิดว่าข้าพเจ้าควรกล่าวสิ่งใดให้ท่านหายสงสัย"


ถึงตอนนี้ หากท่าน หรือผู้ใดยังมีสิ่งใดขัดข้องใจอยู่
และคิดจะสืบสาวหาความต่อเนื่อง กับข้าพเจ้าต่อ
ได้โปรดอ่านข้อความสีนำเงินตัวหนา ๆ ด้านบนอีกรอบ

:b8:

ข้าพเจ้าขอยุติการสนทนาในกระทู้นี้แต่เพียงเท่านี้

:b8:


แก้ไขล่าสุดโดย Kamonchanok เมื่อ 11 เม.ย. 2010, 14:17, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 เม.ย. 2010, 15:57 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 เม.ย. 2010, 15:07
โพสต์: 313

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เช่นนั้น เขียน:
คำเตือน ห้าม เสพเกิน วันละ 3 รอบ

:b17: :b36: :b34: :b33: :b33: :b28:


ท่านมีสิทธิ์เสพได้เพียงเท่านี้ เพราะมีตัวตนขี้เหนียว เช่นนั้น :b13: :b13: :b13:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 เม.ย. 2010, 16:06 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกใหม่
สมาชิกใหม่
ลงทะเบียนเมื่อ: 04 เม.ย. 2010, 19:23
โพสต์: 8

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


260 ก้าวแรกในการปฏิบัติธรรม

ปัญหา ธรรมข้อไหนจำเป็นในการปฏิบัติธรรมเบื้องต้น ?

พุทธดำรัส ตอบ “.....ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เมื่อสติสัมปชัญญะมีอยู่ หิริและโอตตัปปะชื่อว่ามีเหตุสมบูรณ์.. เมื่อหิริและโอตตัปปะมีอยู่ อินทรีย์สังวรชื่อว่ามีเหตุสมบูรณ์ เมื่ออินทรีย์สังวรมีอยู่ ศีลชื่อว่ามีเหตุอันสมบูรณ์... เมื่อศีลมีอยู่ สัมมาสมาธิชื่อว่ามีเหตุอันสมบูรณ์ .... เมื่อสัมมาสมาธิมีอยู่ ยถาภูตญาณทัสสนะชื่อวามีเหตุสมบูรณ์.... เมื่อยถาภูตญาณทัสสนะมีอยู่ นิพพิทาวิราคะชื่อว่ามีเหตุสมบูรณ์.... เมื่อนิพพิทาวิราคะมีอยู่ วิมุติญาณทัสสนะชื่อว่ามีเหตุอันสมบูรณ์ เปรียบเหมือนต้นไม้ที่มีกิ่งและใบสมบูรณ์ แม้กะเทาะของต้นไม้นั้นก็ย่อมบริบูรณ์ แม้เปลือก แม้กระพี้ แม้แก่นของต้นไม้นั้นก็ย่อมบริบูรณ์ฉะนั้น ฯ”

สติสูตร อ. อํ. (๑๘๗)
ตบ. ๒๓ : ๒๔๘-๒๔๙ ตท. ๒๓ : ๓๐๙
G.S. IV : ๒๑๙-๒๒๐


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 เม.ย. 2010, 19:51 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 8
สมาชิก ระดับ 8
ลงทะเบียนเมื่อ: 19 ส.ค. 2009, 09:31
โพสต์: 639

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
สติ...เกิด... ทำให้หยุดคิด(หลง)/อยาก(ตัณหา)


ขอออกความเห็นตามหัวข้อนะคะ

สติเกิดยังไม่ทำให้ความคิดความหลงและความอยากหยุดได้ค่ะ ความคิดไม่ใช่ความหลง สติมีวงจำกัดอยู่แค่หยุดก่อนค่ะแค่หยุดไว้ก่อนยังไม่ต้องทำอะไร แล้วสัมปัชชัญญะก็ทำงานไปพร้อมกับสติคือพิจารณาสภาวะต่างๆ

ส่วนเรื่องสมถะและวิปัสสนาขอบอกว่าสมถะต้องมาก่อนวิปัสสนาค่ะ เพราะธรรมชาติของจิตบังคับให้มันต้องเป็นเช่นนั้น จิตมันไหวจึงต้องทำสมถะสร้างสมาธิก่อนแล้วจึงค่อยวิป้สสนา วิปัสสนาคือรู้ทันความคิดความรู้สึกและอารมณ์ในทุกๆขณะ สมถะก็แค่รู้สิ่งใดสิ่งหนึ่งในขณะที่ปฏิบัติ ผู้ปฏิบัติล่องไปตามกระแสของวิปัสสนาได้แต่สมถะล่องไม่ได้ค่ะ แต่...สมถะต้องมาก่อนวิปัสสนา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 เม.ย. 2010, 20:03 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


noohmairu เขียน:
ท่านมีสิทธิ์เสพได้เพียงเท่านี้ เพราะมีตัวตนขี้เหนียว เช่นนั้น :b13: :b13: :b13:


:b12: :b12: เสพอารมณ์ แต่พอเหมาะ เพราะข้าพเจ้ารู้จักเสพ จึงเสพแต่พอควร :b10: :b10: :b6:

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่


แก้ไขล่าสุดโดย เช่นนั้น เมื่อ 11 เม.ย. 2010, 20:04, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 เม.ย. 2010, 20:17 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 10
สมาชิก ระดับ 10
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 เม.ย. 2010, 08:14
โพสต์: 829

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Eikewsang เขียน

คุณ enlighted คงต้องเคยพบ
เทศนาธรรมนี้ นะครับ

"เย ธัมมา เหตุปปะภะวา เตสัง เหตุง ตะถาคะโต
เตสัญจะ โย นิโรโธจะ เอวัง วาที มะหาสะมะโณ"....

ธรรมทั้งหลายเกิดแต่เหตุ พระตถาคตเจ้าตรัสบอก
ถึงเหตุแห่งธรรมเหล่านั้น พร้อมทั้งความดับแห่งเหตุ
ของธรรมเหล่านั้น พระมหาสมณเจ้ามีปกติตรัสสอนอย่างนี้

ถ้าไม่ติดอยู่ที่ "เหตุ" แล้ว ย่อมแสดงว่า คุณ enlighted
ก็ต้องรู้แจ้งแทงตลอด แล้วซิครับ
ฉะนั้น จึงขออนุญาต

ถามคุณ enlighted
คำว่า......

"เมื่อยังติดอยู่ที่เหตุและผล อันเป็นเงาของจิต"

เหตุ หมายถึงอะไร

ผล หมายถึงอะไร

เงาของจิต หมายถึงอะไร


.........................................................................................................


สุเมธดาบสนั้น กระทำการตกลงใจว่า
“ เราจักเป็นพระพุทธเจ้าแน่นอน ”
เพื่อที่จะใคร่ครวญถึงธรรมที่กระทำให้เป็นพระพุทธเจ้า
เมื่อตรวจตราดูธรรมธาตุทั้งสิ้นโดยลำดับว่า
“ ธรรมที่กระทำให้เป็นพระพุทธเจ้ามีอยู่ ณ ที่ไหนหนอ
เบื้องสูงหรือเบื้องต่ำในทิศใหญ่หรือทิศหน้อย ” จึงได้เห็น


"เย ธัมมา เหตุปปะภะวา เตสัง เหตุง ตะถาคะโต
เตสัญจะ โย นิโรโธจะ เอวัง วาที มะหาสะมะโณ"....

ธรรมทั้งหลายเกิดแต่เหตุ พระตถาคตเจ้าตรัสบอก
ถึงเหตุแห่งธรรมเหล่านั้น พร้อมทั้งความดับแห่งเหตุ
ของธรรมเหล่านั้น พระมหาสมณเจ้ามีปกติตรัสสอนอย่างนี้


นี่คือ เหตุ และผล และเงาความเคลื่อนของจิต
ของสุเมธดาบส เมื่อสี่อสงไขยแสนกัปป์


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กระทู้นี้ถูกล็อก คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความ หรือ ตอบกลับในกระทู้นี้  [ 276 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5, 6 ... 19  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: Google [Bot] และ บุคคลทั่วไป 128 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร