วันเวลาปัจจุบัน 25 เม.ย. 2024, 04:22  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 25 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 เม.ย. 2010, 23:41 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 10
สมาชิก ระดับ 10
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 เม.ย. 2010, 08:14
โพสต์: 829

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


คนดีที่โลกลืม เขียน:


2 มาตรฐานอะไร เพ้อเจ้อใหญ่แล้ว

ทุกอย่างต้องมีการเปรียบเทียบ มีสีขาวก็ต้องมีสีดำและสีอื่นๆเปรียบเทียบ เราจึงจะรู้ว่านั่นคือสีขาว

ก็เอ็งกับข้าและทุกจิตอยู่ในนิพพานเริ่มแรก มันเป็นสุขประเสริฐที่สุดแล้ว แต่เอ็งกับข้าและทุกจิตมันไม่พอใจ มันอยากรู้ว่าภพภูมิอื่นๆเปรียบเทียบแล้ว มันไม่ดีกว่านิพพานของเราจริงหรือ? พวกเราจึงต้องออกมาพิสูจน์ให้เห็นจริงด้วยตัวเอง พอออกจากนิพพานมาแล้ว เราก็หาทางกลับบ้านเก่า คือ นิพพาน ของเราไม่ได้ จึงต้องให้ตถาคตต่างๆนำทางกลับนิพพานให้


"""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""
ก็เอ็งกับข้าและทุกจิตอยู่ในนิพพานเริ่มแรก มันเป็นสุขประเสริฐที่สุดแล้ว แต่เอ็งกับข้าและทุกจิตมันไม่พอใจ

มีแต่ความไม่พอใจ นี่น่ะเหรอสุข อันประเสริฐ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 เม.ย. 2010, 13:49 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ก.พ. 2010, 13:35
โพสต์: 355

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


enlighted เขียน:
คนดีที่โลกลืม เขียน:


2 มาตรฐานอะไร เพ้อเจ้อใหญ่แล้ว

ทุกอย่างต้องมีการเปรียบเทียบ มีสีขาวก็ต้องมีสีดำและสีอื่นๆเปรียบเทียบ เราจึงจะรู้ว่านั่นคือสีขาว

ก็เอ็งกับข้าและทุกจิตอยู่ในนิพพานเริ่มแรก มันเป็นสุขประเสริฐที่สุดแล้ว แต่เอ็งกับข้าและทุกจิตมันไม่พอใจ มันอยากรู้ว่าภพภูมิอื่นๆเปรียบเทียบแล้ว มันไม่ดีกว่านิพพานของเราจริงหรือ? พวกเราจึงต้องออกมาพิสูจน์ให้เห็นจริงด้วยตัวเอง พอออกจากนิพพานมาแล้ว เราก็หาทางกลับบ้านเก่า คือ นิพพาน ของเราไม่ได้ จึงต้องให้ตถาคตต่างๆนำทางกลับนิพพานให้


"""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""
ก็เอ็งกับข้าและทุกจิตอยู่ในนิพพานเริ่มแรก มันเป็นสุขประเสริฐที่สุดแล้ว แต่เอ็งกับข้าและทุกจิตมันไม่พอใจ

มีแต่ความไม่พอใจ นี่น่ะเหรอสุข อันประเสริฐ


แล้วพวกเราจะรู้ได้อย่างไรล่ะครับว่า นิพพานเป็นสุขอันประเสริฐเหนือกว่าสุขใด เราก็ต้องมารับรู้ภพภูมิอื่นเอาเองเพื่อเปรียบเทียบ มันก็แค่นั้นเอง

อย่างเช่นข้อความโต้แย้งของคุณ และของอีกหลายคน บางคนก็แค่กวนตีนเฉยๆ ในอดีตผมจะตอบโต้ด้วยการกวนตีนกลับ แต่ตอนหลังผมรู้แล้วว่า การนำข้อความของคนที่กวนตีนมาคิดปรุงแต่งด้วยอารมณ์โกรธ กวนไปก็กวนกลับ มันไม่เห็นมีความสุขอะไรเลย ผมจึงพยายามไม่คิดปรุงแต่งข้อความของใครด้วยความโกรธ คิดว่ามันเป็นอย่างนั้นเอง เป็นกรรมของเราที่เคยกวนตีนใครต่อใครมาในชาติต่างๆ จึงต้องรับวิบากกรรมในชาตินี้

เมื่อตระหนักได้ดังนี้ ก็วางเฉย ใครจะกวนตีน ใครจะไม่เชื่อ และขัดแย้ง ก็เป็นสิทธิเสรีภาพของเขา เราก็แค่เปิดเผยความจริงในพุทธศาสนาเท่านั้น ส่วนเขาจะรับได้แค่ไหน มันเป็นเรื่องของบุญกรรมของเขาเอง


แก้ไขล่าสุดโดย คนดีที่โลกลืม เมื่อ 14 เม.ย. 2010, 14:01, แก้ไขแล้ว 2 ครั้ง.

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 เม.ย. 2010, 14:12 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 เม.ย. 2010, 15:07
โพสต์: 313

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


คนดีที่โลกลืม เขียน:

แล้วพวกเราจะรู้ได้อย่างไรล่ะครับว่า นิพพานเป็นสุขอันประเสริฐเหนือกว่าสุขใด เราก็ต้องมารับรู้ภพภูมิอื่นเอาเองเพื่อเปรียบเทียบ มันก็แค่นั้นเอง


ก็เพราะว่านิพพานBefore มันซื่อบื้อไงละจ้า

นอกจากจะซื่อบื้อแล้วมันยังไม่มีสติด้วยละจ้า

ถ้ามันมีสติรู้ตัวว่า


คนดีที่โลกลืม เขียน:
นิพพานเริ่มแรก มันเป็นสุขประเสริฐที่สุดแล้ว


ก็อยู่ในนิพพานต่อไปสิจ้า มันก็แค่นั้นเองแหละจ้า

ออกมาจากนิพพานทำไมละจ้า

แสดงให้เห็นชัดๆ เลยจ้าว่า นิพพานBefore มันไม่มีสติจ้า


อนุโมทนาสาธุจ้า :b4:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 เม.ย. 2010, 14:19 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 เม.ย. 2010, 15:07
โพสต์: 313

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


คนดีที่โลกลืม เขียน:

เมื่อตระหนักได้ดังนี้ ก็วางเฉย ใครจะกวนตีน ใครจะไม่เชื่อ และขัดแย้ง ก็เป็นสิทธิเสรีภาพของเขา เราก็แค่เปิดเผยความจริงในพุทธศาสนาเท่านั้น ส่วนเขาจะรับได้แค่ไหน มันเป็นเรื่องของบุญกรรมของเขาเอง


นิพพานไม่มีสติ ใครเชื่อก็เป็นไปตามกรรมแหละจ้า

อนุโมทนาสาธุจ้า :b4:

:b17: :b17: :b17:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 เม.ย. 2010, 14:27 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 เม.ย. 2010, 15:07
โพสต์: 313

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


คนดีที่โลกลืม เขียน:

อย่างเช่นข้อความโต้แย้งของคุณ และของอีกหลายคน บางคนก็แค่กวนตีนเฉยๆ ในอดีตผมจะตอบโต้ด้วยการกวนตีนกลับ แต่ตอนหลังผมรู้แล้วว่า การนำข้อความของคนที่กวนตีนมาคิดปรุงแต่งด้วยอารมณ์โกรธ กวนไปก็กวนกลับ มันไม่เห็นมีความสุขอะไรเลย ผมจึงพยายามไม่คิดปรุงแต่งข้อความของใครด้วยความโกรธ คิดว่ามันเป็นอย่างนั้นเอง เป็นกรรมของเราที่เคยกวนตีนใครต่อใครมาในชาติต่างๆ จึงต้องรับวิบากกรรมในชาตินี้


ปรุงแต่งตั้งแต่เห็นว่า กวนตีน แล้วละจ้า :b6:

แล้วก็ปรุงแต่งตาม กวนตีน ต่อไปอีกเรื่อยๆๆๆๆๆๆ

เพราะไม่มีสติไงละจ้า


อนุโมทนาสาธุจ้า :b17:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 เม.ย. 2010, 15:47 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 10
สมาชิก ระดับ 10
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 เม.ย. 2010, 08:14
โพสต์: 829

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


คนดีที่โลกลืม เขียน

แล้วพวกเราจะรู้ได้อย่างไรล่ะครับว่า นิพพานเป็นสุขอันประเสริฐเหนือกว่าสุขใด เราก็ต้องมารับรู้ภพภูมิอื่นเอาเองเพื่อเปรียบเทียบ มันก็แค่นั้นเอง ตอบ

นิพพานของคุณคนดีที่โลกลืม

ก็เป็นนิพพานที่เป็น ความไม่มีสติไง มีความกระหายอยาก


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 เม.ย. 2010, 15:32 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 เม.ย. 2010, 15:07
โพสต์: 313

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


:b15: อิอิ คุณคนดีฯ จ้ามีข่าวลือในบอร์ดนี้ว่าเราสองคนเป็นคนๆ เดียวกันแล้วละจ้า :b3:

noohmairu เขียน:
:b32: ประกาศรายชื่อ(USER) ผู้ที่ถูกคุณป้า walaiporn กล่าวหาว่าใช้ไอพีเดียวกันกะ noohmairu ละจ้า 555+ :b32:


001 enlighted

002 คนดีที่โลกลืม

003 เช่นนั้น

004 กบนอกกะลา


005 Bwitch

006 sirisuk



ขอเชิญทุกท่านติดตามชมการสำรอกความเพี้ยนของคุณป้านักดูสภาวะระดับหนึ่งได้เลยจ้า


:b10: :b23: :b10: :b23: :b10: :b23:


อิอิ

:b8: อนุโมทนาสาธุจ้า :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 เม.ย. 2010, 18:59 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ก.พ. 2010, 13:35
โพสต์: 355

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ผมก็เป็นผม ใครจะคิดว่าผมเป็นคนอื่นก็ตามใจเขา ไม่สนอยูแล้ว


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 เม.ย. 2010, 20:07 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 เม.ย. 2010, 09:39
โพสต์: 219

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ขออนุญาติครับ
พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า:


“ดูกรภิกษุทั้งหลาย ธรรมชาติที่ไม่มีจุดกำเนิด ไม่มีใครทำ ไม่มีอะไรปรุงแต่ง นั้นมีอยู่ ถ้าไม่มี ธรรมชาติที่ ไม่มีจุดกำเนิด ไม่มีใครทำ ไม่มีอะไรปรุงแต่ง ความเป็นไปของธรรมชาติที่เกิดที่เป็น ที่มีอะไรปรุงแต่ง ก็จะปรากฏไม่ได้ เพราะเหตุที่ มีธรรมชาติ ที่ไม่มีจุดเกิด ไม่มีใครทำ ไม่มีอะไรมาปรุงแต่ง ความเป็นไปของธรรมชาติ ที่เกิด ที่เป็น ที่มี ใครทำ ที่อะไร ปรุงแต่ง จึงเกิดขึ้นได้”

จากข้อความนี้

สิ่งสูงสุดซึ่งมีอยู่จริง มันเป็นครรภ์ หรือเป็นกำเนิด ซึ่งไม่มีใครทำให้เกิด และไม่อาจถูกทำลายได้เลย
ปราศจากขอบเขตสิ่งกีดขวางใดๆ ปราศจากมิติหรือกฏแห่งการกินเนื้อที่ มันเต็มบริบูรณ์แล้วในทุกแห่งหน
ไม่มีอะไรบรรจุอยู่สักปรมณูเดียว เป็นหนึ่งเดียวเท่านั้น

สิ่งสูงสุดซึ่งมีอยู่จริงนี้ มีอยู่แล้วในพระพุทธเจ้าอันเป็นที่สุดในเบื้องสูง ตลอดจนสัตว์ทั้งหลายที่มีจิตวิญญาณ และ เป็นเนื้อหาอันเดียวกับสิ่งสูงสุดสิ่งนั้นอยู่แล้วตลอดเวลา มันเต็มบริบูรณ์อยู่แล้วในทุกแห่ง

:b48: หากจะกล่าวว่า สิ่งสูงสุดซึ่งมีอยู่จริง มันรวมเอาทุกสรรพสิ่งเข้าไว้ในตัวมันทั้งหมด แต่กระนั้นแล้ว

แม้ในขณะที่มันทำหน้าที่สร้างสิ่งต่างๆขึ้นมาในฐานะที่สอบสนองต่อกฏแห่งความเป็นเหตุและผลต่อกันและกันนั้น มันเปลี่ยนรูปออกมาเป็นปรากฏการต่างๆ กระนั้น มันก้อยังไม่สามารถทำให้เรารู้สึกได้ทางอายตนะ มันจึงไม่อาจกล่าวได้ว่า มันเป็นพวกที่มีความเป็นอยู่ หรือ ไม่มีความเป็นอยู่

และถึงแม้เมื่อมันไม่ได้ทำปฏิกิริยาตอบสนองกับสิ่งแวดล้อมต่างๆนั้น หรือสร้างสิ่งต่างๆขึ้นมานั้น
มันก้อไม่อาจกล่าวได้ว่า มันเป็นความมีอยู่ หรือ ไม่ใช่ความมีอยู่

ดังนี้แม้มันจะทำปฏิกิริยา ตอบสนอง สร้างสิ่งต่างๆขึ้นมา แต่มันก้อไม่ได้เป็นฐานประกอบติดอยู่กับทุกสรรพสิ่ง ถึงกระนั้นแล้ว มันก้อไม่ได้แยกขาดออกต่างหากจากทุกสรรพสิ่งเลย

:b48: จักรวาลนี้ เต็มไปด้วยสิ่งมีชีวิต และสิ่งไม่มีชีวิต รวมแล้วมีแต่รูป กับนาม เท่านั้น
นามเดิมก้อคือ ความว่างของจักรวาล เข้าคู่กัน เป็นเหตุเกิดตัวอวิชชา เกิดเหตุก่อ
ที่ใดมีรูปที่นั่นต้องมีนาม ที่ใดมีนามที่นั่นต้องมีรูป รูปนามรวมกันเป็นเหตุเกิดปฏิกิริยา
ให้เปลี่ยนแปลงตลอดกาล และเกิดกาลเวลาขึ้น คือรูปย่อมมีความดึงดูดซึ่งกันและกัน
จึงเป็นเหตุให้รูปเคลื่อนไหวและหมุนรอบตัวเองตามปัจจัย รูปเคลื่อนไหวได้ต้องมีนาม
ความว่างคั่นระหว่างรูป รูปจึงเคลื่อนไหวได้ เมื่อสภาวะธรรมเป็นอย่างนี้
สรรพสิ่งของวัตถุสสาร มีชีวิตและไม่มีชีวิต จึงต้องเปลี่ยนแปลงเป็นไตรลักษณ์
เกิดดับสืบต่อทุกขณะจิต ไม่มีวันหยุดนิ่งให้คงทนเป็นปัจจุบันทุกยามได้
จิตวิญญาณ ก้อเกิดมาจากรูปนามของจักรวาล เพราะเป็นมายาหลอกลวงและเปลี่ยนแปลง
ให้คนหลง จากรูปนามไม่มีชีวิต เปลี่ยนมาเป็นรูปนามมีชีวิต จากรูปนามมีชีวิต มาเป็น
รูปนามมีชีวิตที่มีจิตวิญญาณ แล้วจิตวิญญาณ ก้อเปลี่ยนแปลงแยกออกจากกันไป
คงเหลือแต่นามว่าง ที่ปราศจากรูป นี้เป็นสุดยอดมายาของรูปนาม

.....................................................
.................................................ธ ทรงครองแผ่นดินโดยทศพิธราชธรรม
........................................................พระปฐมบรมราชโองการว่า
.......................“ เราจะครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขแห่งมหาชนชาวสยาม “

........................ขอพ่อเจ้าอยู่หัว ทรงพระเจริญ มีพระชนย์มายุ ยิ่งยืนนาน พระพุทธเจ้าข้า


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 เม.ย. 2010, 19:14 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ก.พ. 2010, 13:35
โพสต์: 355

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


คำสอนของหลวงปู่ดุลย์เรื่องจิตคือพุทธะ เป็นปริศนาธรรมที่ลุ่มลึกมาก ยากแก่การตีความ ถ้าเข่าไม่ถึงระดับโสดาบัน มีโอกาสตีความผิดได้สูงมาก

แม้แต่คำว่า ""จิตคือพุทธะ" ก็ยังความกันไม่ได้เลย เพราะจิตที่หลวงปู่ดุลย์พูดถึง ไม่ใช่คำว่า "จิต" ในปฏิจจสมุปบาท เพราะจิตในปฏิจจสมุปบาท คือ จิตสังขาร ที่ติดอวิชชา

ส่วนคำว่า "จิตคือพุทธะ" ที่หลวงปู่ดุลย์พูดถึงนี่คือ จิตบริสุทธิ์ที่ปราศจากอวิชชาครอบงำ พระพุทธเจ้าเรียกว่า "จิตหลุดพ้น" หรือ "จิตพ้นวิเศษ"


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 25 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 63 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร