วันเวลาปัจจุบัน 28 เม.ย. 2024, 00:58  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 เม.ย. 2010, 11:36 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 มี.ค. 2009, 10:48
โพสต์: 5091


 ข้อมูลส่วนตัว


มีเรื่อง:- โลกธาตุหนึ่งมีพระพุทธเจ้าเพียงองค์เดียว - -การ
ปรากฏของพระตถาคตมีได้ยาก -- โลกที่กำลังมัวเมา ก็ยังสนใจ
ในธรรมของพระตถาคต -- การมีธรรมของพระตถาคตอยู่ในโลกคือ
ความสุขของโลก -- พระตถาคตเกิดขึ้นเพื่อความสุขของโลก
-- พระตถาคตเกิดขึ้นในโลก เพื่อแสดงแบบแห่งการครองชีวิต
อันประเสริฐแก่โลก - - พระตถาคตเกิดขึ้นแสดงธรรมเพื่อความรำงับ
ดับ, รู้ -- ผู้เชื่อฟังพระตถาคตจะได้รับประโยชน์สุขสิ้นกาลนาน
-- ทรงขนานนามพระองค์เองว่า “พุทธะ” --เรื่องย่อ ๆ ที่ควร
ทราบก่อน - - เรื่องสั้น ๆ ที่ควรทราบก่อน.

อานนท์! ภิกษุผู้ฉลาดในฐานะและอฐานะนั้น ย่อมรู้ว่า ข้อนี้มิใช่
ฐานะ ข้อนี้มิใช่โอกาสที่จะมี คือข้อที่ในโลกธาตุอันเดียว จะมีพระตถาคต
ผู้อรหันตสัมมาสัมพุทธะ สององค์ เกิดขึ้นพร้อมกัน ไม่ก่อน ไม่หลังกัน.
นั่นมิใช่ฐานะที่จะมีได้.
ส่วนฐานะ อันมีได้นั้น คือใน โลกธาตุอันเดียว มีพระตถาคต
ผู้อรหันตสัมมาสัมพุทธะองค์เดียว เกิดขึ้น. นั่นเป็นฐานะที่จะมีได้.

การปรากฏของพระตถาคต มีได้ยากในโลก๑
ภิกษุ ท.! การมาปรากฏของ บุคคลเอก (ไม่มีใครซ้ำสอง)
มีได้ยากในโลก. ใครเล่า เป็นบุคคลเอก? ตถาคต ผู้เป็นพระอรหันต์ตรัสรู้
ชอบเอง เป็นบุคคลเอก (ไม่มีใครซ้ำสอง). การปรากฏของบุคคลเอกนี้แล
มีได้ยากในโลก.
โลกที่กำลังมัวเมา ก็ยังสนใจในธรรมของพระตถาคต๒
ภิกษุ ท.! เพราะเหตุที่ตถาคต ผู้อรหันตสัมมาสัมพุทธะเกิดขึ้น
จึงเกิดมีของ น่าอัศจรรย์ไม่เคยมี สี่อย่างนี้ปรากฏขึ้น. สี่อย่างอะไรเล่า?
๑. ภิกษุ ท.! ประชาชนทั้งหลาย พอใจในกามคุณ ยินดีในกามคุณ
บันเทิงอยู่ในกามคุณ, ครั้นตถาคตแสดง ธรรมที่ไม่เกี่ยวข้องกับกามคุณ
ประชาชนเหล่านั้นก็ฟัง เงี่ยหูฟัง ตั้งใจฟัง เพื่อให้เข้าใจทั่วถึง. ภิกษุ ท.! นี่คือ
ของน่าอัศจรรย์ ไม่เคยมี อย่างที่หนึ่ง, มีขึ้นมา เพราะการบังเกิดของตถาคต
ผู้อรหันตสัมมาสัมพุทธะ.
๒. ภิกษุ ท.! ประชาชนทั้งหลาย พอใจในการถือตัว ยินดีในการ
ถือตัว บันเทิงอยู่ในการถือตัว, ครั้นตถาคตแสดง ธรรมที่กำจัดการถือตัว
ประชาชนเหล่านั้นก็ฟัง เงี่ยหูฟัง ตั้งใจฟัง เพื่อให้เข้าใจทั่วถึง. ภิกษุ ท.!
นี่คือของน่าอัศจรรย์ ไม่เคยมี อย่างที่สอง, มีขึ้นมา เพราะการบังเกิดของ
ตถาคต ผู้อรหันตสัมมาสัมพุทธะ.

๓. ภิกษุ ท.! ประชาชนทั้งหลาย พอใจในความวุ่นวายไม่สงบ
ยินดีในความวุ่นวายไม่สงบ บันเทิงอยู่ในความวุ่นวายไม่สงบ, ครั้นตถาคตแสดง
ธรรมที่เป็นไปเพื่อความสงบ ประชาชนเหล่านั้นก็ฟัง เงี่ยหูฟัง ตั้งใจฟัง
เพื่อให้เข้าใจทั่วถึง. ภิกษุ ท.! นี่คือของน่าอัศจรรย์ ไม่เคยมี อย่างที่สาม,
มีขึ้นมา เพราะการบังเกิดของตถาคต ผู้อรหันตสัมมาสัมพุทธะ.
๔. ภิกษุ ท.! ประชาชนทั้งหลาย ประกอบอยู่ด้วยอวิชชา เป็น
คนบอด ถูกความมืดครอบงำเอาแล้ว, ครั้นตถาคตแสดง ธรรมที่กำจัดอวิชชา
ประชาชนเหล่านั้นก็ฟัง เงี่ยหูฟัง ตั้งใจฟัง เพื่อให้เข้าใจทั่วถึง. ภิกษุ ท.!
นี่คือของน่าอัศจรรย์ ไม่เคยมี อย่างที่สี่, มีขึ้นมา เพราะการบังเกิดของตถาคต
ผู้อรหันตสัมมาสัมพุทธะ.
การมีธรรมของพระตถาคตอยู่ในโลก คือความสุขของโลก๑
ภิกษุ ท.! เมื่อพระสุคตก็ดี ระเบียบวินัยของพระสุคตก็ดี ยังคงมีอยู่
ในโลกเพียงใด อันนั้นก็ยังเป็นไปเพื่อความเกื้อกูลแก่ชนเป็นอันมาก เพื่อความสุข
ของชนเป็นอันมาก เพื่ออนุเคราะห์แก่โลก, เพื่อประโยชน์ เพื่อความเกื้อกูล
เพื่อความสุข แก่เทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย, อยู่เพียงนั้น.
ภิกษุ ท.! พระสุคตนั้นคือใครเล่า? คือตถาคต บังเกิดขึ้นในโลกนี้
เป็นพระอรหันต์ผู้ตรัสรู้ชอบเอง ถึงพร้อมด้วยวิชชาและจรณะ เป็นผู้ไปดี รู้แจ้งโลก
เป็นสารถีฝึกคนควรฝึกไม่มีใครยิ่งกว่า เป็นครูของเทวดาและมนุษย์ เป็นผู้
เบิกบานแล้ว จำแนกธรรมออกสอนสัตว์. นี้คือ พระสุคต.
ภิกษุ ท.! ระเบียบวินัยของพระสุคตนั้นคืออะไรเล่า? คือตถาคตนั้น
แสดงธรรมไพเราะในเบื้องต้น ท่ามกลาง และที่สุด, ประกาศพรหมจรรย์

พร้อมทั้งอรรถะ พร้อมทั้งพยัญชนะ บริสุทธิ์บริบูรณ์สิ้นเชิง. ธรรมที่ตถาคต
แสดง พรหมจรรย์ที่ตถาคตประกาศ นี้แล คือ ระเบียบวินัยของพระสุคต.
ภิกษุ ท.! เมื่อพระสุคตก็ดี ระเบียบวินัยของพระสุคตก็ดี ยังคงมีอยู่
ในโลกเพียงใด อันนั้น ก็ยังเป็นไปเพื่อความเกื้อกูลแก่ชนเป็นอันมาก เพื่อ
ความสุขของชนเป็นอันมาก เพื่ออนุเคราะห์แก่โลก, เพื่อประโยชน์ เพื่อความ
เกื้อกูล เพื่อความสุข แก่เทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย, อยู่เพียงนั้น.
พระตถาคตเกิดขึ้นเพื่อความสุขของโลก๑
พราหมณ์เอย! มีสมณพราหมณ์พวกหนึ่ง กลางคืนแท้ ๆ ก็เข้าใจ
ไปว่ากลางวัน๒ กลางวันแท้ ๆ ก็เข้าใจไปว่ากลางคืน. ข้อนี้ เรากล่าวว่า
เป็นเพราะสมณพราหมณ์เหล่านั้น เป็น ผู้อยู่ด้วยความหลง.
พราหมณ์เอย! ส่วนเราตถาคต ย่อมเข้าใจกลางคืนเป็นกลางคืน
กลางวันเป็นกลางวัน.
พราหมณ์เอย! เมื่อใครจะเรียกผู้ใดให้เป็นการถูกต้องว่า เป็นสัตว์ผู้
มีความไม่หลงอยู่เป็นปรกติ และเกิดขึ้นเพื่อความเกื้อกูลแก่ชนเป็นอันมาก
เพื่อความสุขแก่ชนเป็นอันมาก เพื่ออนุเคราะห์โลก, เพื่อประโยชน์ เพื่อความ
เกื้อกูล เพื่อความสุข ของเทวดาและมนุษย์ทั้งหลายแล้ว; เขาเมื่อจะเรียก
ให้ถูกต้องเช่นนั้น พึงเรียกเราตถาคตนี้แล ว่าเป็นสัตว์ผู้มีความไม่หลงอยู่เป็น
ปรกติ เกิดขึ้นเพื่อความเกื้อกูลแก่ชนเป็นอันมาก เพื่อความสุขแก่ชนเป็นอันมาก
เพื่ออนุเคราะห์โลก. เพื่อประโยชน์ เพื่อความเกื้อกูล เพื่อความสุข ของเทวดา
และมนุษย์ทั้งหลาย.

พระตถาคตเกิดขึ้นในโลก
เพื่อแสดงแบบแห่งการครองชีวิตอันประเสริฐแก่โลก๑
ภิกษุ ท.! ตถาคตเกิดขึ้นในโลก นี้ เป็นพระอรหันต์ ผู้ตรัสรู้ชอบ
ด้วยตนเอง สมบูรณ์ด้วยวิชชาและจรณะ ดำเนินไปดี รู้แจ้งโลก เป็นสารถี
ฝึกคนควรฝึกไม่มีใครยิ่งกว่า เป็นครูของเทวดาและมนุษย์ เป็นผู้เบิกบานแล้ว
จำแนกธรรมออกสั่งสอนสัตว์.
ภิกษุ ท.! ตถาคตนั้น ได้ทำให้แจ้งซึ่งโลกนี้ กับทั้งเทวดา มาร พรหม
ซึ่งหมู่สัตว์กับทั้งสมณพราหมณ์ พร้อมทั้งเทวดาและมนุษย์ ด้วยปัญญาอันยิ่ง
เองแล้ว ประกาศให้ผู้อื่นรู้แจ้งตาม.
ตถาคตนั้น แสดงธรรมไพเราะในเบื้องต้น ท่ามกลาง และที่สุด
ประกาศพรหมจรรย์พร้อมทั้งอรรถะ พร้อมทั้งพยัญชนะ บริสุทธิ์บริบูรณ์สิ้นเชิง.
คฤหบดี หรือลูกคฤหบดี หรือคนที่เกิดในตระกูลอื่นใดในภายหลัง
ย่อมฟังธรรมนั้น. ครั้นฟังแล้ว ย่อมเกิดศรัทธาในตถาคต. กุลบุตรนั้น
ผู้ประกอบอยู่ด้วยศรัทธา ย่อมพิจารณาเห็นว่า เพศฆราวาสนี้ เป็นทางมา
แห่งธุลี; ส่วน การบรรพชา เป็นโอกาสว่าง. มันไม่เป็นไปได้โดยง่ายที่เรา
ผู้อยู่ครองเรือนเช่นนี้ จะประพฤติพรรหมจรรย์นั้น ให้บริสุทธิ์บริบูรณ์โดย
ส่วนเดียว เหมือนสังข์ที่เขาขัดสะอาดดีแล้ว. ถ้ากระไร เราพึงปลงผมและหนวด
ครองผ้าย้อมฝาด ออกจากเรือนไป, บวชเป็นผู้ไม่มีเรือนเถิด....

พระตถาคตเกิดขึ้น แสดงธรรมเพื่อความรำงับ, ดับ, รู้.๑
ภิกษุ ท.! ตถาคต เกิดขึ้นแล้ว ในโลกนี้ เป็นพระอรหันต์ ผู้ตรัสรู้
ชอบด้วยตนเอง สมบูรณ์ด้วยวิชชาและจรณะ ดำเนินไปดี รู้แจ้งโลก เป็นสารถี
ฝึกคนควรฝึก ไม่มีใครยิ่งกว่า เป็นครูของเทวดาและมนุษย์ เป็นผู้เบิกบานแล้ว
จำแนกธรรมออกสั่งสอนสัตว์.
ธรรมที่ตถาคตแสดง นั้น เป็นธรรมที่เป็นไปเพื่อความสงบ รำงับ,
เป็นธรรมที่เป็นไปเพื่อความดับเย็นสนิท, เป็นธรรมที่เป็นไปเพื่อความรู้ครบถ้วน,
เป็นธรรมที่ประกาศไว้โดยพระสุคต.
ผู้เชื่อฟังพระตถาคต จะได้รับประโยชน์สุขสิ้นกาลนาน๒
ภิกษุ ท.! เราแล เป็นผู้ฉลาดในเรื่องโลกนี้ ฉลาดในเรื่อง โลกอื่น,
เป็นผู้ฉลาดต่อ วัฏฏะอันเป็นที่อยู่ของมาร ฉลาดต่อ วิวัฏฏะอันไม่เป็นที่อยู่
ของมาร,เป็นผู้ฉลาดต่อ วัฏฏะอันเป็นที่อยู่ของมฤตยู ฉลาดต่อ วิวัฏฏะ
อันไม่เป็นที่อยู่ของมฤตยู. ชนเหล่าใดถือว่าเรื่องนี้ควรฟังควรเชื่อ ข้อนั้น
จักเป็นไปเพื่อประโยชน์เกื้อกูล เพื่อความสุข แก่ชนทั้งหลายเหล่านั้นสิ้นกาลนาน.
(ครั้นพระผู้มีพระภาคได้ตรัสคำนี้แล้ว พระสุคตได้ตรัสคำอื่นอีกดังนี้ว่า :-)
ทั้งโลกนี้แลโลกอื่น ตถาคตผู้ทราบดีอยู่ ได้ประกาศไว้
ชัดแจ้งแล้ว. ทั้งที่ที่มารไปไม่ถึง และที่ที่มฤตยู
ไปไม่ถึง ตถาคตผู้รู้ชัดเข้าใจชัด ได้ประกาศไว้ชัดแจ้ง

แล้ว เพราะความรู้โลกทั้งปวง. ประตูนครแห่งความ
ไม่ตาย ตถาคตเปิดโล่งไว้แล้ว เพื่อสัตว์ทั้งหลาย
เข้าถึงถิ่นอันเกษม. กระแสแห่งมารผู้มีบาป ตถาคต
ปิดกั้นเสียแล้ว กำ จัดเสียแล้ว ทำ ให้หมดพิษสงแล้ว.
ภิกษุ ท.! เธอทั้งหลายจงเป็นผู้มากมูนด้วยปราโมทย์
ปรารถนาธรรมอันเกษมจากโยคะเถิด.
ทรงขนานนามพระองค์เองว่า “พุทธะ”๑
(การสนทนาดับโทณพ ร าหมณ์, เ ริ่มในที่นี้ด้วยพราหม ณ์ทูลถา ม )
“ท่านผู้เจริญของเรา ! ท่านเป็นเทวดาหรือ ?”
“พราหมณ์เอย ! เราไม่ได้เป็นเทวดาดอก”.
“ท่านผู้เจริญของเรา ! ท่านเป็นคนธรรพ์หรือ ?”
“พราหมณ์เอย ! เราไม่ได้เป็นคนธรรพ์ดอก”.
“ท่านผู้เจริญของเรา ! ท่านเป็นยักษ์หรือ ?”
“พราหมณ์เอย ! เราไม่ได้เป็นยักษ์ดอก”.
“ท่านผู้เจริญของเรา ! ท่านเป็นมนุษย์หรือ ?”
“พราหมณ์เอย ! เราไม่ได้เป็นมนุษย์ดอก”.
“ท่านผู้เจริญของเรา ! เราถามอย่างไร ๆ ท่านก็ตอบว่ามิได้เป็นอย่างนั้น ,ถ้าเช่นนั้น
ท่านเป็นอะไรเล่า?”
“พราหมณ์เอย ! อาสวะ เหล่าใด ที่จะทำให้เราเป็น เทวดา
เพราะยังละมันไม่ได้, อาสวะเหล่านั้นเราละได้ขาด ถอนขึ้นทั้งรากแล้ว
ทำให้เหมือนตาลยอดด้วน ไม่ให้มี ไม่ให้เกิดขึ้น อีกต่อไปแล้ว, พราหมณ์เอย

อาสวะเหล่าใดที่จะทำให้เราเป็น คนธรรพ์ เป็น ยักษ์ เป็น มนุษย์ เพราะยัง
ละมันไม่ได้, อาสวะเหล่านั้น เราละได้ขาด ถอนขึ้นทั้งรากแล้ว ทำให้เหมือน
ตาลยอดด้วน ไม่ให้มีไม่ให้เกิดขึ้น อีกต่อไปแล้ว.
พราหมณ์ ! เปรียบเหมือนดอกบัวเขียว บัวหลวง หรือบัวขาว,
มันเกิดในน้ำเจริญในน้ำโผล่ขึ้นพ้นน้ำตั้งอยู่ น้ำไม่เปียกติดมันได้ ฉันใดก็ฉันนั้น
นะพราหมณ์ ! เรานี้เกิดในโลก เจริญในโลก ก็จริง แต่เราครอบงำโลกเสีย
ได้แล้ว และอยู่ในโลก โลกไม่ฉาบทาแปดเปื้อน เราได้.
พราหมณ์ ! ท่านจงจำเราไว้ว่า เป็น “พุทธะ” ดังนี้เถิด.
เรื่องย่อ ที่ควรทราบก่อน๑
“บัดนี้ เราผู้ โคตมโคตร เจริญแล้วใน สากยตระกูล เคยตั้งความ
เพียรไว้ได้บรรลุสัมมาสัมโพธิญาณอันสูงสุด เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ....
นครของเราชื่อ กบิลพัสดุ์, บิดาของเราเป็นราชาชื่อ สุทโธทนะ,
มารดาผู้ให้กำเนิดเราชื่อ มายาเทวี, เราอยู่ครองเรือน ๒๙ ปี มี ปราสาท
สูงสุด ๓ หลัง ชื่อ สุจันทะ โกกนุทะ และโกญจะ มีหญิงประดับดีแล้ว
สี่หมื่นนาง, นารีผู้เป็นชายาชื่อ ยโสธรา, ลูกเราชื่อ ราหุล.
เพราะได้เห็น นิมิตทั้งสี่ เราจึงออกด้วยม้าเป็นพาหนะ ทำ ความ
เพียรถึงหกปี, เราได้ทำสิ่งที่ใคร ๆ ทำได้โดยยาก. เราเป็น ชินะ (ผู้ชนะ)
ประกาศ ธรรมจักร ที่ป่า อิสิปตนะ เมือง พาราณสี, เป็นสัมมาสัมพุทธเจ้า
ชื่อ โคตมะเป็นที่พึ่งของสัตว์ทั้งหลาย.

เอาบุญมาฝากได้ถวายสังฆทานกับแม่และหลาน
อนุโมทนาบุญกับผู้ใส่บาตรตามวัด กรวดน้ำอุทิศบุญ
เจริญวิปัสสนา ให้ธรรมะเป็นทาน ให้อภัยทาน
รักษาศีล อาราธนาศีล เจริญวิปัสสนา ได้ปฏิบัติธรรม
ได้ถวายข้าวพระพุทธรูป สักการะพระธาตุ
ทำงานบ้านช่วยพ่อแม่ทุกวัน
และจะเจริญอาโปกสิน
รักษาอาการป่วยของแม่ทุกวัน
มีงานบวชที่วัดซึ่งจะบวชพระ 1 องค์
ซึ่งมีคนมาร่วมเยอะมาก
ไปอีกวัดก็มีงานบวชพระอีกรูป เป็น 2 รูป 2 งาน
และที่ผ่านมาได้ไปทำบุญังสกุลให้บรรพบุรุษ
และได้สรงน้ำผู้ใหญ่ในวันสงกรานต์
และสร้างบารมีครบทั้ง 10 อย่าง ขอให้อนุโมทนาบุญด้วย

ขอเชิญสร้างสมเด็จองค์ปฐมหน้าตัก 4 ศอก องค์ที่ 2
085-657-8676

ขอให้สรรพสัตว์ทั้ง 31 ภพภูมิจงบรรลุมรรคผลนิพพานเทอญ


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 204 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร