สำหรับคนที่จะไปนิพพาน ตัดกิเลศ ก็ผ่านกระทู้นี้ไปได้ครับ

แต่สำหรับคนที่หลงโลกอย่างผม พอดีมีประสบการณ์แปลก ๆ หลายอย่างมาเล่าสู่ฟัง
ฟังเล่น ๆ สบาย ๆ สำหรับคนที่ไม่รังเกียจเงินนะครับ

เข้าเรื่อง ๆ ผมนับถือหลวงพ่อท่านหนึ่ง ไปกราบท่านบ่อย ท่านสอนว่า คนเราเป็นที่พึ่งตัวเอง นะถูกต้อง
แต่ ถ้าเรารู้จักพึ่งเทวดา ผู้มีฤทธิ์ (หมายถึง อยากรวยนะครับ) ให้ท่านช่วย จะง่ายกว่าเยอะ

ผมไปหลายครั้ง คนที่ผมสังเกตุเห็น

คนแรก เป็นพี่ของเพื่อน (ขออนุญาตไม่บอกชื่อ รายละเอียดมาก)ตอนนี้ได้รับประมูลเหมืองแร่ทองแดงทั่วประเทศลาว เป็นลูกศิษย์ ที่ทำตาม เคารพ หลวงพ่อมาก

คนที่สอง เพื่อนของเพื่อนสนิท ส่งออกสินค้าอาหารทะเล เมื่อซักประมาณ ๗ - ๘ เดือนก่อน
ขายได้ เดือนละ ๒ คอนเทนเนอร์ ทุกข์ใจมาก ตอนนี้ บอกไม่ไหว มันเยอะเกิน
เดือนละประมาณเกือบ ๑๕๐ คอนเทนเนอร์ เริ่มบ่นว่ามากเกินไปแล้ว

ผมเคยร่วมก่อตั้ง บริษัทหนึ่ง มีสี่คนช่วยกัน ตายไปหนึ่ง เหลือสาม ผมมีเหตุแยกตัวออกจากบริษัทด้วยเหตุผลส่วนตัว โอนผลประโยชน์ให้อดีตภริยาไว้ เมื่อปีที่แล้ว ยอดขายได้ประมาณ ๑,๘๐๐ ล้าน ก็ใช้ในแนวนี้

เมื่อตอนต้นเดือนนี้ น้องสาวผม มาพักอยู่ด้วย อยากหาอะไรทำ ช่วยกัน ว่าง ๆ ก็ไปขอเจ้าที่ และเทวดา
เป็นที่น่าอัศจรรย์ ร้านขายเสื้อผ้า ที่บางคน รอ ๓ ปี กว่าจะได้ ผมได้ชั่วข้ามวัน นี่อัศจรรย์ข้อที่ ๑
การขายผ้า เหมือนสิ่งที่มองไม่เห็นมาช่วยขาย คนอื่น ขายได้ หลักพันต้น ๆ ขายไม่กี่ชั่วโมง ที่ร้านเราขายได้หลักหมื่นต่อวัน บางวัน เกินหมื่นมาก

เป็นที่น่าอัศจรรย์อยู่

ทีนี้นึกถึงบาลีตามหลักพระพุทธศาสนา ท่านก็ว่าเอาไว้ เอามาเล่าสู่ฟัง ฟังเล่น ๆ ไป สำหรับคนที่ยังท่องเที่ยวอยู่ในวัฎฎะ เงินทองของไม่น่ารังเกียจ ไม่ควรปฏิเสธโดยประการทั้งปวง

ลองมาพิจารณากัน มีบาลีใน เทวตาทิสสทักขิณานุโมทนาคาถา ว่าไว้ว่า

ยัสมึง ปะเทเส กัปเปติ วาสัง
ปัณฑิตชาติโย ........คนฉลาด ใช้ชีวิตอยู่ในที่ใด
สีลวันเตตถะ โภเชตวา สัญญเต พรัหมจาริโน ...
ทำบุญเลี้ยงดูผู้มีศีล ผู้ประพฤติพรหมจรรย์ ผู้สำรวมตนในที่นั้น
ยา ตัตถะ เทวะตา อาสุง.....เทพเทวดาเหล่าใดมีในที่นั้น
ตาสัง ทักขิณะมาทิเส.....ควรอุทิศส่วนบุญให้เทพเทวดาเหล่านั้นด้วย
ตา ปูชิตา ปูชะยันติ.....เทพเทวดาที่ได้บูชาแล้ว (เทพดานั้น)ย่อมบูชาตอบแทนเขา
มานิตา มานะยันติ นัง.....เทพเทวดาที่ได้นับถือแล้ว ย่อมนับถือตอบแทนเขา
ตะโต นัง อะนุกัมปันติ.....เพราะเหตุนั้น ท่านย่อมอนุเคราะห์เขาคนนั้น
มาตา ปุตตังวะ โอระสัง.....ประหนึ่งมารดาอนุเคราะห์บุตรผู้เป็นโอรส
เทวะตานุกัมปิโต โปโส.....บุรุษได้อาศัยเทพเทวดาอนุเคราะห์ช่วยเหลือแล้ว
สะทา ภัทรานิ ปัสสะติ.....ย่อมประสบแต่กิจการอันเจริญรุ่งเรืองตลอดไป

พิจารณาดูนะครับ
มีอีก ๆ ในเทวตาภิสัมมันตนคาถา มีความตอนหนึ่งว่า

ตัสมา หิ ภูตานิ สะเมนตุ สัพเพ.....เหตุนั้นหมู่ภูต(ท่านที่มองไม่เห็น)ทั้งปวงจงฟังเถิด
เมตตัง กะโรถะ มานุสิยา ปะชายะ.....ท่านทั้งหลายจงกระทำไมตรีจิตในหมู่สัตว์มนุษยชาติ
ภูเตสุ พาฬหัง กะตะภัตติกายะ.....ผู้มีทำความภักดีอย่างมั่นคงในหมู่ภูต
ทิวา จะรัตโต จะ หะรันติ เย พะลิง.....มนุษย์ทั้งหลายเหล่าใด ย่อมกระทำพลีกรรม(การอุทิศบุญ)
ในกลางวันหรือกลางคืน
ปัจโจปะการัง อะภิกังขะมานา.....มุ่งหวังอยู่ซึ่งความอุดหนุนตอบแทน
เต โข มนุสสา ตะนุกานุภาวา.....มนุษย์ทั้งหลายเหล่านั้นแลเป็นผู้มีอานุภาพน้อย
ภูตา วิเสเสนะ มะหิทธิกา จะ.....ส่วนภูตทั้งหลายเป็นผู้มีฤทธิ์มาก หลากหลายอย่าง
อทิสสะมานา มะนุเชหิ ญาตา.....เป็นพวกอทิสสมานกายที่มองไม่เห็น ที่มนุษย์ทั้งหลายรู้จัก
ตัสมา หิ เน รักขะถะ อัปปะมัตตา.....เหตุนั้นแล ท่านทั้งหลายจงเป็นผู้ไม่ประมาท ช่วยรักษามนุษย์เหล่านั้นเถิด

คือ เทวดา เจ้าที่ เจ้าทาง สิ่งที่มองไม่เห็น อย่าไล่ ให้ทำบุญให้ท่านด้วย บ่อย ๆ ครับ บุญเราด้วย บุญท่านด้วย ช่วยอีกแรง ทำมาหากินง่ายครับ



ไวโรจนะมุเนนทระ

สำหรับคนที่จะไปนิพพาน ตัดกิเลส...ก็พึ่งท่านได้ให้ท่านอนุโมทนา ป้องกันมาร

แล้วก็ไม่ต้องไล่ท่านไปไหนหรอกค่ะ...ก็พาท่านไปนิพพานด้วยกันเลยสิ

จะพาไปได้หรือครับ

แม้แต่พระตถาคตยังเป็นได้เพียงผู้บอก ผู้ชี้แนะแนวทาง...ส่วนการทำตนให้ถึงความบริสุทธิ์หมดจดนั้น แต่ละคนต้องทำกันเอาเองทั้งสิ้น

เคล็ดลับนี้ ถึงไม่เปิดเผยว่าเป็นหลวงปู่ท่านใดสอน แต่ก็พอจะทราบได้ว่าวิธีนี้ มาจากวัดป่าสามแยกใช่ป่ะ

จ๊ะ...ท่าน natdanai จะให้หมายความอย่างที่ท่านพูดนี่แหละ...แต่พูดไม่ถูกค่ะ..

ไม่ใช่เคล็ดลับ ที่จริงเป็นเคล็ดไม่ลับ เรียนเลยไปหน่อย ผมเองก็ศึกษาเลยไป
เชื่อมั่นแต่คำว่า "ทุกอย่างขึ้นอยู่กับกรรมการกระทำของตนเอง" ที่จริงมันถูกต้อง
ก็เลยเหนื่อยมากหน่อย ไม่มีเส้นสายทำงาน

แต่ ถ้าอาศัยกรรมตัวเองด้วย รู้จักอาศัยท่านผู้มีบารมีอื่นด้วย ช่วยได้เยอะ

ผมไม่เคยศึกษาวัดป่าสามแยก ไม่รู้ท่านสอนว่ายังไง

ผมใช้วิธีแบบชาวพุทธเรา คือ ทำบุญก่อน เรามีบุญแล้ว ก็อุทิศให้ท่าน เมื่อท่านรับแล้ว
ขอให้ท่านช่วยเหลือ เกื้อกูลในสิ่งที่ไม่เหลือวิสัยแห่งบุญ เงินทองได้มาส่วนหนึ่ง เราก็ไปทำบุญ
อุทิศให้ท่านที่มีส่วนเกี่ยวข้อง ช่วยเหลือ

แต่ ไม่แนะนำให้ใช้วิธี "อ้อนวอน หรือ ขอ" อย่างเดียว ไม่ถูกหลักครับ

คิกๆ

...อุ่ย!!

สิ่งหนึ่งที่ไม่ควรลืมคือหลักของเหตุปัจจัยทั้งไกลและใกล้ที่มีบทบาทในการนี้...

หากแม้นเป็นผู้มิได้เคยให้ทานมาก่อนแล้วไซร้ แม้เทวดาทั้งหลายก็ไม่อาจมาเสกเป่าให้ได้ร่ำรวยหรือแม้แต่จะเก็บทรัพย์ที่เขาทำตกไว้สักว่า๑มาสกได้เลย...

หรือเมื่อบาปกรรมอันตนทำไว้หนักหนาทั้งในอดีตแลปัจจุบันมีกำลังกล้าส่งผลอยู่ต่อเนื่อง แม้เทวดาผู้มีฤทธิ์ทั้งหลายก็ไม่อาจปัดเป่าความขัดข้องวิบัติไปได้..อย่าว่าแต่จะทำเขาให้ร่ำรวยขึ้นได้เลย แลแม้เขาผู้นั้น..พร้อมเพรียงด้วยกำลังปัญญาทั้งวิริยะอุตสาหะในการประกอบกิจแล้วอย่างยอดเยี่ยมอยู่ก็ยังไม่ประสบความสำเร็จได้ เพราะอุปสรรคที่มาจากเหตุเสียในกาลก่อนอันตนทำไว้มีอยู่ นั่นแหละจัดแจงมา..

การที่เราจะทำบุญด้วยจุดประสงค์เพื่อการสละละออก นี้ย่อมเป็นกุศลยิ่งยวดที่ไม่มีกิเลสล้อมหน้าหลัง..ผลานิสงค์ย่อมไพบูลย์ยิ่งแล้ว เมื่อจะเพิ่มบุญนี้พึงแผ่ไปยังผู้อื่นย่อมชื่อว่าประเสริฐ ..หากเข้าใจและถือปฏิบัติว่าข้าพเจ้าจะทำบุญอุทิศเทวดาเพื่อขออะไรๆที่ปรารถนา นี้ย่อมไม่ต่างจากลัทธิภายนอกที่มีการอ้อนวอนเทพเจ้าให้มาช่วยด้วยอามิสทั้งหลาย เหมือนการติดสินบนฉะนั้น จึงผู้กระทำการเยี่ยงนี้ ได้ตกไปสู่ความเป็นผู้มีมิจฉาทิฏฐิครอบงำถึงพร้อม ด้วยว่าเขาย่อมไม่สำคัญว่ากรรมมีผล อาศัยเพียงฤทธิ์วิเศษแห่งเทวดานั่นเทียวตนจึงได้ทุกอย่างมาดังใจ..

บุคคลทั้งหลายจึงพึงทำกุศลทั้งหลายให้ถึงพร้อมด้วยปัญญา เพราะรู้ว่า กรรมดีนั้นย่อมจัดแจงผลดีมาให้ แม้นมิต้องขอร้องไหว้วอนอะไรๆเลย..

อนุโมทนาจ้า

แต่ก่อนสมัยยังหนุ่มยังแน่น ได้ศึกษาธรรมะ ปฏิบัติธรรม ถือพระรัตนตรัยเป้นที่พึ่งอย่างเดียว
ไม่ค่อยนอบน้อมให้สิ่งที่มองไม่เห็นอย่างอื่น ไม่นอบน้อมยังไม่เท่าไร เจอไม่ได้ เป็นแบบประเภทขัดตา
ชอบไปเกะกะระรานเขา ด่าเขา เป็นอยู่หลายปี นับสิบปี เพื่อน ๆ เอือมระอา ประมาณว่าจัญไร

เห็นทรงเจ้าเข้าทรงที่ไหน ไม่เคารพไม่ว่า มีชี้หน้าด่าท้าทายไปเรื่อย สถานที่ดัง ๆ เจ้าพ่อ เจ้าแม่
โดนมาเยอะ หลงตัวเองว่าแน่ ถึงพระรัตนตรัยเป้นที่พึ่งแล้ว ไม่มีอะไรทำได้

คราวหนึ่ง ที่ชุมพร จำได้ มีวิญญาณตนหนึ่ง ชอบเข้าคนโน้น คนนี้ ไม่มีพิษสงอะไร ตอนแรกก็ดูดี
เคยบอกหวย ๒ ตัวถูกครั้งหนึ่ง ก็เลยคบค้าสมาคม เรียกแกว่า ยายตั๊กกี้
พอหลัง ๆ เริ่มจับได้ว่า มีจริง มีเท็จ มีโกหก เลยด่าเปิด ท้าทาย บอกว่า "แน่จริงให้ปรากฏตัวออกมา ถ้ากลัว ไม่ออกมาตอนนี้ ให้ไปหาตอนกลางคืน"

ท้าเต็มที่ 555 ไม่ผิดหวังละทีนี้ ท้าเสร็จ ก็ลืม เพราะปกติ ไม่เคยมีไปหา ท้าบ่อย ๆ
บอกก่อน สภาพบ้านที่อยู่ตอนนั้น เป็นทาวน์เฮ้าส์ ๒ ชั้น ติดประตูเหล็ก
แล้วก็ติดกระจกอีกชั้นหนึ่ง ห้องบนมี ๒ ห้อง ผมนอนอีกห้องหนึ่ง เพื่อนอีกห้องหนึ่งกะแฟนเขา ทีนี้
จำได้ว่า วันนั้น ประมาณ ๔ - ๕ ทุ่มได้ กลับเข้าบ้านทีหลังเค๊า เข้ามาก็ล็อกบ้าน ประตูเหล็ก กระจก
ขึ้นชั้น ๒ เปิดประตูแบบลูกบิด เปิดไฟนีออน ปิดประตู ทิ้งตัวนอนหงายอ้าซ่าบนเตียง เอามือก่ายหน้าผาก กะว่าจะนอนพักให้สบายก่อน แล้วจะไปอาบน้ำ
..ยังไม่ถึง ครึ่งนาที ก็มีคนบิดลูกบิดตามเข้ามา จำได้ติดตา วันนั้น เป็นผู้หญิง อายุประมาณ ๕๐ กว่า ๆ รูปร่าง ค่อนข้างผอม ดำนิด ๆ แต่งตัวบ้านนอก ๆ ใส่เสื้อคอกระเช้า ผ้าถุงเก่า ๆ เดินมายืนที่ท้ายเตียง
เอามือสองข้างเท้าสะเอว ผงกศรีษะ ยิ้มให้ ยิ้มแบบแบะ ๆ ปาก แบบประมาณว่า มีอะไรปะ เจ๋งมะ
ประมาณนั้น สักพักก็เดินออกไป ยังไม่ได้ถาม ได้คุยอะไร นึกไม่ทัน ไอ้เราก็มัวนึก "ใครหว่า พอนึกได้ ก็เดินตามออกไป" ไปเคาะห้องเพื่อน ว่า พาแม่มาปะ เพื่อนก็ งง เอ แล้วใคร ประตูบ้านก็ปิด ก็เลยงง ๆ ตัวเอง กลับมานอนที่เตียง นึกไปนึกมา เอ สงสัยยายตั๊กกี้ มาหาเรา
ก็ไม่มีอะไรอีก คืนนั้น แต่หลังจากนั้น ยายตั๊กกี้ ก็ไม่ค่อยปรากฏ จำได้ว่าทำบุญให้ไป

.......
ครั้งหนึ่ง เคยไปยุบสำนักทรงที่ข้างวัดสังเวศวิศยาราม ไว้ว่าง ๆจะมาโม้ให้ฟัง ฟังเล่น ๆ ไปนะครับ
สมัยที่ผมเอง ไม่สนใจสิ่งที่มองไม่เห็น

พอแล้วคับ เมื่อยมือ วันนี้

เอกอนมางานตัวแล้วค่ะ
เพราะมีฉากที่เอกอนร่วมแสดงอยู่ด้วย

บู๊ซะขนาดนั้น แล้วเจ้าสำนักเขาไม่โกรธเอาหรือคะ

ขอบคุณครับ

ผมเชื่อนะ เพราะในประวัติครุบาอาจารยืท่านก็เล่าทำนองว่า
เทวดาทั้งหลายนั้นมีอยู่ทั่วไป ในบางครั้งก้มาอนุเคราะห์พระภิกษุที่ออกธุดงค์ในป่า
บางทีแปลงเป้นเสือมาเฝ้าท่านไว้ ไม่ให้สัตว์อื่นมารบกวน
บางทีก้มาใส่บาตร บางทีก็มาขอฟังเทศน์ บางทีก็มาสอนธรรมะ

ถ้าเทวดาไม่มีจริง ทำไมในพระไตรปิฏกมีเรื่องเทวดาดาษดื่นไปหมด

คูณเล่ามาอย่างนี้ ผมปิ๊งไอเดียเลยนะเนียะครับ
ผมคิด(เล่นๆ)นะว่า จะเปิดเทปพระธรรมเทศนาจากทั่วสารทิศทิ้งเอาไว้ในบ้าน
เปิด loop ทั้งวันทั้งคืนไว้ให้ผู้ที่เขาฟังได้ ให้เขาได้ฟัง
บ้านผมคงจะมีแขกเหรื่อเยอะแน่ๆเลย

ถ้าเขานึกขอบใจคนเปิด
เขาคงไม่ฟังเฉยๆหรอกน่า