วันเวลาปัจจุบัน 25 เม.ย. 2024, 08:45  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 16 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 เม.ย. 2010, 14:53 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 มี.ค. 2010, 20:06
โพสต์: 46

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เรียนถามถึง ที่สุดหรือยอดของพระศาสนา เช่น :
ที่สุดของทาน ที่สุดของศีล ที่สุดของภาวนาและที่สุดของปัญญา คือสิ่งใด?
ขอบพระคุณครับ :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 เม.ย. 2010, 20:33 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 22 ก.พ. 2009, 01:02
โพสต์: 337


 ข้อมูลส่วนตัว




96.jpg
96.jpg [ 25.91 KiB | เปิดดู 4984 ครั้ง ]
:b41: :b41: :b41: :b41: :b41: :b42: :b42: :b42: :b41: :b41: :b41: :b41: :b41:
cool

สวัสดีครับ คุณดอกรัก ขอเข้ามาร่วมแสดงความเห็นครับ :b1: :b1:

เป้าหมายหรืออุดมคติของศาสนา ได้แสดงไว้หลายระดับ มีทั้งทางโลกและทางธรรม ซึ่งทุกเป้าหมายล้วนมีจริยธรรมและศีลธรรมเคียงคู่มาด้วยเสมอ สำหรับพุทธศาสนานั้น “นิพพาน” อันเป็นความพ้นทุกข์อย่างสมบูรณ์เด็ดขาด คือที่สุด ... ทาน ศีล ภาวนา หรือปัญญา ล้วนแต่เป็นหลัก เพื่อการเรียนรู้และฝึกอบรมตนให้มีคุณธรรม เพื่อให้สามารถทำลายกิเลสและความชั่วร้ายในใจตน เพื่อที่จะได้บรรลุถึงจุดหมายคือความดับทุกข์ได้ในที่สุด

พระพุทธศาสนาถือเอาปัญญาเป็นคุณธรรมสูงสุด ซึ่งจะนำไปสู่จุดมุ่งหมายสูงสุด คือความหลุดพ้น (วิมุติ/นิพพาน) ตัวปัญญาเองเป็นเหมือนเครื่องมือขั้นสุดท้าย โดยอาจเริ่มจาก ทาน ศีล เพื่อเป็นการควบคุม กาย วาจา ใจ ให้อยู่ในระเบียบวินัยที่ดี และต้องประคองตนด้วยความไม่ประมาท รักษาจิตด้วยสติ มีสมาธิ เพื่อไม่ให้จิตฟุ้งซ่าน วุ่นวาย เมื่อจิตบริสุทธิ์ สะอาด สงบ ตั้งมั่นดีแล้ว ย่อมใช้ปัญญาได้อย่างดี พระพุทธศาสนา ไม่ต้องการให้บุคคลเชื่อสิ่งใดโดยปราศจากปัญญาหรือไม่ได้ตรองให้เห็นด้วยปัญญาก่อน พุทธวิธีที่ใช้สอนนั้นล้วนก้าวไปสู่ปัญญาทั้งสิ้น เพื่อให้บุคคลประจักษ์แจ้งด้วยตนเอง จนสามารถเป็นที่พึ่งแก่ตนได้ โดยอาศัยพระธรรมเป็นแนวทาง ดังพุทธดำรัสว่า “ท่านทั้งหลายจงมีตนและธรรมเป็นที่พึ่ง อย่าได้มีสิ่งอื่นเป็นที่พึ่งเลย” ปัญญาจึงเป็นคุณธรรมสูงสุด พระพุทธองค์ทรงสอนธรรมเพื่อให้พุทธบริษัทมีปัญญาเป็นเครื่องรักษาตนและคุ้มครองตน และเพื่อจุดมุ่งหมายเพื่อความดับทุกข์ได้ในที่สุดครับ..... :b16: :b16:


:b44: :b44: :b44: :b44: :b44: :b44: :b44: :b44: :b44:

เจริญในธรรมครับ :b8: :b8: :b8: smiley


:b41: :b41: :b41: :b41: :b41: :b42: :b42: :b42: :b41: :b41: :b41: :b41: :b41:

.....................................................
ราตรีของผู้ตื่นอยู่นาน...โยชน์ของผู้ล้าแล้วไกล


แก้ไขล่าสุดโดย เว็บมาสเตอร์ เมื่อ 30 เม.ย. 2010, 11:27, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 เม.ย. 2010, 22:09 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 ก.ย. 2009, 22:56
โพสต์: 22

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี แห่งวัดหินหมากเป้ง อ. ศรีเชียงใหม่ จ. หนองคาย ได้แสดงพระธรรมเทศนา โอวาทหลังพระปาติโมกข์ ไว้ ณ วันที่ ๒๗ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๒๘ เรื่อง ที่สุดของพระพุทธศาสนา ความตอนหนึ่งว่า

“ที่สุดของ ปัญญา คือ พระไตรลักษณ์
ที่สุดของ สมาธิ คือ อัปปนา
ที่สุดของ ฌาน คือ อัปปนา
ที่สุดของ ศีล คือ เจตนา
ที่สุดของ ทาน คือ ศรัทธา

ติดตามอ่านเนื้อความเต็มได้ที่ http://www.thewayofdhamma.org/page3_1_2/41.html

:b8:

ผมมีความเห็นเพิ่มเติม ว่า

“ที่สุดของ (โลกิย) ปัญญา คือ พระไตรลักษณ์
ที่สุดของ (โลกุตร) ปัญญา คือ อริยสัจ ๔


แก้ไขล่าสุดโดย ภูพิงค์ เมื่อ 30 เม.ย. 2010, 12:49, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 เม.ย. 2010, 23:29 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 10
สมาชิก ระดับ 10
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 เม.ย. 2010, 08:14
โพสต์: 829

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ที่สุด

ก็มีอายุแค่ห้าพันปี ไง

เหอๆๆ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 เม.ย. 2010, 23:46 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ดอกรัก เขียน:
เรียนถามถึง ที่สุดหรือยอดของพระศาสนา เช่น :
ที่สุดของทาน ที่สุดของศีล ที่สุดของภาวนาและที่สุดของปัญญา คือสิ่งใด?
ขอบพระคุณครับ :b8:


วิมุตติสุข คือที่สุดของศีล ที่สุดของปัญญา ที่สุดของภาวนา

เสวยวิมุตติสุข ยามขันธ์ธาตุยังไม่แตกดับ
เสวยวิมุตติสุข ยามธาตุขันธ์ริบหรี่
เสวยวิมุตติสุข แม้ขณะจิตดวงสุดท้าย และไม่ปฏิสนธิอีกต่อไป

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 เม.ย. 2010, 00:00 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 เม.ย. 2010, 15:07
โพสต์: 313

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เช่นนั้น เขียน:
วิมุตติสุข คือที่สุดของศีล ที่สุดของปัญญา ที่สุดของภาวนา

เสวยวิมุตติสุข ยามขันธ์ธาตุยังไม่แตกดับ
เสวยวิมุตติสุข ยามธาตุขันธ์ริบหรี่
เสวยวิมุตติสุข แม้ขณะจิตดวงสุดท้าย และไม่ปฏิสนธิอีกต่อไป


อิอิ

ผู้เสวย คือที่สุดแห่ง อัตตา


อนุโมทนาสาธุจ้า
:b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 เม.ย. 2010, 00:09 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 10
สมาชิก ระดับ 10
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 เม.ย. 2010, 08:14
โพสต์: 829

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


โอ เวทนาเกิดขึ้นแล้ว

สุขกันเถอะเรา

เหอๆๆ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 เม.ย. 2010, 01:12 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ก.พ. 2010, 13:35
โพสต์: 355

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


คุณ"ดอกรัก"ครับ


ที่สุดของทาน คือ ให้ส่งที่ตนรักมากที่สุดแก่คนอื่นเพื่อช่วยเหลือเขา เช่น พระเวสสันดรยกเมียและลูกให้คนอื่น

ที่สุดของศีล คือ ยอมทำผิดศีลเพื่อช่วยคนอื่น เช่น พระเท่งตะโกนโกหกว่า "ตำรวจมา ตำรวจมา" เพื่อช่วยคนที่กำลังโดนรุมกระทืบ

ที่สุดของภาวนา คือ สามารถทำเจโตวิมุติที่ไม่กำเริบได้ โดยไม่ได้ทำวิปัสสนากรรมฐาน ทำแต่สมถะกรรมฐานหรือทำแต่สมาธิ เช่น พระพุทธเจ้า ซึ่งเป็นผู้ที่สามารถทำเจโตวิมุติที่ไม่กำเริบได้ โดยไม่ได้ทำวิปัสสนากรรมฐาน

ที่สุดของปัญญา คือ เห็นไตรลักษณ์จริงๆ รู้ว่าสรรพสิ่งในโลกและในจักรวาล รวมทั้งใน 3 ภพ ล้วนเป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา เมื่อเห็นไตรลักษณ์จริงๆแล้ว จึงปล่อยวางทุกอย่าง ไม่ยึดมั่นในสิ่งใด


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 เม.ย. 2010, 01:44 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


enlighted เขียน:
โอ เวทนาเกิดขึ้นแล้ว

สุขกันเถอะเรา

เหอๆๆ


เป็นอย่างนั้น เป็นอย่างนั้น วิมุตติสุข คือเวทนาอันเป็นที่สุด
สุขกันเถอะเรา

:b8:

Quote Tipitaka:
[๗๓๔] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุนั้นหนอ
พิจารณาเห็นนิพพานโดยความเป็นทุกข์อยู่
จักเป็นผู้ประกอบด้วยอนุโลมขันติ ข้อนี้ไม่เป็นฐานะที่จะมีได้


ผู้ไม่ประกอบด้วยอนุโลมขันติ จักย่างลงสู่สัมมัตตนิยาม ข้อนี้ไม่เป็นฐานะที่จะมีได้
เมื่อไม่ย่างลงสู่สัมมัตตนิยาม จักทำให้แจ้งซึ่งโสดาปัตติผล สกทาคามิผล
อนาคามิผล หรืออรหัตผล ข้อนี้ไม่เป็นฐานะที่จะมีได้


ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุนั้นหนอ
พิจารณาเห็นนิพพานโดยความเป็นสุขอยู่
จักเป็นผู้ประกอบด้วยอนุโลมขันติ ข้อนี้เป็นฐานะที่มีได้


ผู้ประกอบด้วยอนุโลมขันติ จักย่างลงสู่สัมมัตตนิยามข้อนี้เป็นฐานะที่มีได้
ผู้ย่างลงสู่สัมมัตตนิยาม จักทำให้แจ้งซึ่งโสดาปัตติผล
สกทาคามิผล อนาคามิผล หรืออรหัตผล ข้อนี้เป็นฐานะที่มีได้ ฯ

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่


แก้ไขล่าสุดโดย เช่นนั้น เมื่อ 30 เม.ย. 2010, 02:10, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 เม.ย. 2010, 01:49 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


noohmairu เขียน:
อิอิ

ผู้เสวย คือที่สุดแห่ง อัตตา



เป็นอย่างนั้น เป็นอย่างนั้น

วิมุตติสุข ผู้เสวย คือ ที่สุดแห่ง อัตตา :b8:

Quote Tipitaka:
[๗๓๓] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุนั้นหนอ
พิจารณาเห็นธรรมไรๆโดยความเป็นอัตตาอยู่
จักเป็นผู้ประกอบด้วยอนุโลมขันติ ข้อนี้ไม่เป็นฐานะที่จะมีได้

ผู้ไม่ประกอบด้วยอนุโลมขันติ จักย่างลงสู่สัมมัตตนิยาม ข้อนี้ไม่เป็นฐานะที่จะมีได้
เมื่อไม่ย่างลงสู่สัมมัตตนิยาม จักทำให้แจ้งซึ่งโสดาปัตติผลสกทาคามิผล อนาคามิผล หรืออรหัตผล ข้อนี้ไม่เป็นฐานะที่จะมีได้


ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุนั้นหนอ
พิจารณาเห็นธรรมไรๆ โดยความเป็นอนัตตาอยู่
จักเป็นผู้ประกอบด้วยอนุโลมขันติ ข้อนี้เป็นฐานะที่มีได้

ผู้ประกอบด้วยอนุโลมขันติจักย่างลงสู่สัมมัตตนิยาม ข้อนี้เป็นฐานะที่มีได้
ผู้ย่างลงสู่สัมมัตตนิยาม จักทำให้แจ้งซึ่งโสดาปัตติผล สกทาคามิผล อนาคามิผล หรืออรหัตผล ข้อนี้เป็นฐานะที่มีได้ ฯ

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่


แก้ไขล่าสุดโดย เช่นนั้น เมื่อ 30 เม.ย. 2010, 02:14, แก้ไขแล้ว 2 ครั้ง.

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 เม.ย. 2010, 08:26 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 10
สมาชิก ระดับ 10
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 เม.ย. 2010, 08:14
โพสต์: 829

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อนุโมทนาสาธุคร๊าบบ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 เม.ย. 2010, 10:40 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 เม.ย. 2010, 09:39
โพสต์: 219

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


:b20:
ที่สุดของทาน คือ การให้ธรรมเป็นทาน
ที่สุดของศีล คือ การไม่ทำบาปทั้งปวง
ที่สุดของภาวนา คือ อัปนาสมาธิ
ที่สุดของปัญญา คือ หมดความยึดมั่นถือมั่นทั้งปวง

.....................................................
.................................................ธ ทรงครองแผ่นดินโดยทศพิธราชธรรม
........................................................พระปฐมบรมราชโองการว่า
.......................“ เราจะครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขแห่งมหาชนชาวสยาม “

........................ขอพ่อเจ้าอยู่หัว ทรงพระเจริญ มีพระชนย์มายุ ยิ่งยืนนาน พระพุทธเจ้าข้า


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 เม.ย. 2010, 11:39 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 มี.ค. 2010, 20:06
โพสต์: 46

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ขออนุโมทนากับทุกท่านครับ สาธุ :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 เม.ย. 2010, 14:55 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 16:34
โพสต์: 1050

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


:b41: :b45: :b46: :b44: :b54: :b55:









ที่สุดแล้ว
(ความว่าง)

:b8: :b8: :b8:


แก้ไขล่าสุดโดย ศรีสมบัติ เมื่อ 30 เม.ย. 2010, 14:57, แก้ไขแล้ว 2 ครั้ง.

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 เม.ย. 2010, 18:42 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 พ.ค. 2009, 09:34
โพสต์: 1478

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เช่นนั้น เขียน:
noohmairu เขียน:
อิอิ

ผู้เสวย คือที่สุดแห่ง อัตตา



เป็นอย่างนั้น เป็นอย่างนั้น

วิมุตติสุข ผู้เสวย คือ ที่สุดแห่ง อัตตา :b8:

Quote Tipitaka:
[๗๓๓] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุนั้นหนอ
พิจารณาเห็นธรรมไรๆโดยความเป็นอัตตาอยู่
จักเป็นผู้ประกอบด้วยอนุโลมขันติ ข้อนี้ไม่เป็นฐานะที่จะมีได้

ผู้ไม่ประกอบด้วยอนุโลมขันติ จักย่างลงสู่สัมมัตตนิยาม ข้อนี้ไม่เป็นฐานะที่จะมีได้
เมื่อไม่ย่างลงสู่สัมมัตตนิยาม จักทำให้แจ้งซึ่งโสดาปัตติผลสกทาคามิผล อนาคามิผล หรืออรหัตผล ข้อนี้ไม่เป็นฐานะที่จะมีได้


ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุนั้นหนอ
พิจารณาเห็นธรรมไรๆ โดยความเป็นอนัตตาอยู่
จักเป็นผู้ประกอบด้วยอนุโลมขันติ ข้อนี้เป็นฐานะที่มีได้

ผู้ประกอบด้วยอนุโลมขันติจักย่างลงสู่สัมมัตตนิยาม ข้อนี้เป็นฐานะที่มีได้
ผู้ย่างลงสู่สัมมัตตนิยาม จักทำให้แจ้งซึ่งโสดาปัตติผล สกทาคามิผล อนาคามิผล หรืออรหัตผล ข้อนี้เป็นฐานะที่มีได้ ฯ


:b12: ท่านเช่นนั้นรู้ใช่มั๊ยคะ ว่าเอกอนอยากจะบอกอะไรท่าน... :b1:

:b8: :b1: :b8: :b1:


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 16 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 135 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร