วันเวลาปัจจุบัน 23 เม.ย. 2024, 14:52  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กระทู้นี้ถูกล็อก คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความ หรือ ตอบกลับในกระทู้นี้  [ 52 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 พ.ค. 2010, 22:27 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 10
สมาชิก ระดับ 10
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 เม.ย. 2010, 08:14
โพสต์: 829

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


หลับอยุ่ เขียน:
คนดีที่โลกลืม เขียน:



สัพเพ ธรรมา อนัตตา หมายถึง สรรพสิ่งและสรรพสัตว์ที่อยู่ใน 3 ภพ เพราะมันไม่เที่ยง และยังเป็นทุกข์อยู่ แต่นิพพานนั้นเที่ยงและไม่มีทุกข์ จึงพ้นจากกฎแห่งไตรลักษณ์


น่าสนๆ :b1: แต่ธรรมทั้งหลายก็ไม่ใช่ตัวนะคุณพลศักดิ์ :b1:

พระไตรปิฎก เล่มที่ ๔ พระวินัยปิฎก เล่มที่ ๔
มหาวรรค ภาค ๑



ทรงแสดงอนัตตลักขณสูตร


เนื้อความพระไตรปิฎก เล่มที่ ๔ บรรทัดที่ ๔๗๙ - ๕๗๕. หน้าที่ ๒๐ - ๒๔.
http://www.84000.org/tipitaka/attha/v.p ... agebreak=0


ฮ่วย

ไม่รู้จะยกมาทำไม

น่าเบื่อหน่ายแท้จริงหนอ

ทิ้งๆไป ก็จะยินดี

อิอิ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 พ.ค. 2010, 22:30 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 พ.ย. 2009, 10:41
โพสต์: 4463

อายุ: 0
ที่อยู่: วัฏสงสาร

 ข้อมูลส่วนตัว


ถ้าถือความไม่มีตัวตนใดๆเลย ก็ มีอยู่ในทิฐิหกอย่างเหมือนกันเน้อ เอนไลท์ :b6:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 พ.ค. 2010, 22:41 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 10
สมาชิก ระดับ 10
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 เม.ย. 2010, 08:14
โพสต์: 829

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


หลับอยุ่ เขียน:
ถ้าถือความไม่มีตัวตนใดๆเลย ก็ มีอยู่ในทิฐิหกอย่างเหมือนกันเน้อ เอนไลท์ :b6:


[๒๓] ดูกรภิกษุทั้งหลาย อริยสาวกผู้ได้ฟังแล้ว เห็นอยู่อย่างนี้ ย่อมเบื่อหน่ายแม้
ในรูป ย่อมเบื่อหน่ายแม้ในเวทนา ย่อมเบื่อหน่ายแม้ในสัญญา ย่อมเบื่อหน่ายแม้ในสังขาร
ทั้งหลาย ย่อมเบื่อหน่ายแม้ในวิญญาณ เมื่อเบื่อหน่าย ย่อมสิ้นกำหนัด เพราะสิ้นกำหนัด จิตก็พ้น
เมื่อจิตพ้นแล้ว ก็รู้ว่าพ้นแล้ว อริยสาวกนั้นทราบชัดว่า ชาติสิ้นแล้ว พรหมจรรย์ได้อยู่จบแล้ว
กิจที่ควรทำได้ทำเสร็จแล้ว กิจอื่นอีกเพื่อความเป็นอย่างนี้มิได้มี.
[๒๔] พระผู้มีพระภาคได้ตรัสพระสูตรนี้แล้ว พระปัญจวัคคีย์มีใจยินดี เพลิดเพลิน
ภาษิตของผู้มีพระภาค. ก็แลเมื่อพระผู้มีพระภาคตรัสไวยากรณภาษิตนี้อยู่ จิตของพระปัญจวัคคีย์
พ้นแล้วจากอาสวะทั้งหลาย เพราะไม่ถือมั่น.
อนัตตลักขณสูตร จบ
ครั้งนั้น มีพระอรหันต์เกิดขึ้นในโลก ๖ องค์.
ปฐมภาณวาร จบ
-----------------------------------------------------
เนื้อความพระไตรปิฎก เล่มที่ ๔ บรรทัดที่ ๔๗๙ - ๕๗๕. หน้าที่ ๒๐ - ๒๔.
http://www.84000.org/tipitaka/attha/v.p ... agebreak=0



ฮ่วย

ท่านเหล่านี้ ก็สุดแสนจะเบื่อหน่ายๆๆๆ

อิอิ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 พ.ค. 2010, 22:44 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ก.พ. 2010, 13:35
โพสต์: 355

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
tongue
...หากข้าพเจ้าจักอธิบายความหมายของพุทธพจน์ตามความคิดเห็น...
...ที่ว่าก็ภิกษุผู้มีตนเป็นเกาะ มีตนเป็นที่พึ่ง ไม่มีสิ่งอื่นเป็นที่พึ่ง...
...มีธรรมเป็นเกาะ มีธรรมเป็นที่พึ่ง ไม่มีสิ่งอื่นเป็นที่พึ่ง เป็นไฉน...
อ้างคำพูด:
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็ภิกษุผู้มีตนเป็นเกาะ มีตนเป็นที่พึ่ง ไม่มีสิ่งอื่นเป็นที่พึ่ง
มีธรรมเป็นเกาะ มีธรรมเป็นที่พึ่ง ไม่มีสิ่งอื่นเป็นที่พึ่ง เป็นไฉน
๑. ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุในพระธรรมวินัยนี้ พิจารณาเห็นกายในกาย อยู่ มีความเพียร มีสัมปชัญญะ มีสติกำจัดอภิชฌาและโทมนัสในโลกเสียได้ ฯ
๒. ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุในพระธรรมวินัยนี้ พิจารณาเห็นเวทนา
ในเวทนาทั้งหลายอยู่ มีความเพียร มีสัมปชัญญะ มีสติ กำจัด
อภิชฌาและโทมนัสในโลกเสียได้ ฯ
๓. ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุในพระธรรมวินัยนี้ พิจารณาเห็นจิตในจิต อยู่ มีความเพียร มีสัมปชัญญะ มีสติกำจัดอภิชฌาและโทมนัสในโลก
เสียได้ ฯ
๔. ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุในพระธรรมวินัยนี้ พิจารณาเห็นธรรมในธรรมทั้งหลายอยู่ มีความเพียร มีสัมปชัญญะ มีสติ กำจัดอภิชฌาและโทมนัสในโลกเสียได้ ฯ
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุมีตนเป็นเกาะ มีตนเป็นที่พึ่ง ไม่มีสิ่งอื่นเป็นที่พึ่ง
มีธรรมเป็นเกาะ มีธรรมเป็นที่พึ่ง ไม่มีสิ่งอื่นเป็นที่พึ่งอยู่ อย่างนี้แล

:b1:
...ข้าพเจ้าแปลความดังนี้ว่า...ภิกษุที่พึ่งตนเองคือผู้ไม่อาลัยในกาย เวทนา จิต ธรรมคือ...
...1.ภิกษุที่มีสติคือกำหนดรู้ในกายตนว่ามีแต่ของไม่สะอาดจนเกิดปัญญา...
...2.ภิกษุที่มีสติคือกำหนดรู้ในเวทนาจนรับรู้สุข-ทุกข์-เฉยๆจนเกิดปัญญา...
...3.ภิกษุที่มีสติคือกำหนดรู้ในจิตคือความรู้สึกนึกคิดของตนเองจนเกิดปัญญา...
...4.ภิกษุที่มีสติคือกำหนดรู้ในธรรมทั้งหลายคือธรรมชาติของการเกิด-ดับจนเกิดปัญญา...
...การพิจารณาเห็นอยู่เนืองอย่างนี้(ทำให้เกิดปัญญาฆ่ากิเลส)...ภิกษุที่พิจารณาอย่างนี้จึงชื่อว่าพึ่งตนเองได้...
:b27:
...ข้าพเจ้าเข้าใจตามนี้อ่ะคะ...ท่านทั้งหลายเข้าใจอย่างไรเจ้าคะ...
:b12:
:b44: :b44: :b44: :b44: :b44:


กายที่มีแต่ของไม่สะอาด, เวทนาที่รับรู้สุข-ทุกข์-เฉยๆ, จิตที่ได้ความรู้นึกคิดมาจากสมองของตนเอง, ธรรมชาติของการเกิด-ดับ = กาย เวทนา จิต ธรรม ที่เป็นข้างนอก

เมื่อมีสติเห็นในกาย เวทนา จิต ธรรม ที่เป็นข้างนอก = เห็นอนัตตา

ถ้าปฏิบัติจนรับรู้อย่างแท้จริงว่า กาย เวทนา จิต ธรรม เป็นอนัตตา จะปรากฏกายใน เวทนาใน จิตใน และธรรมในออกมารองรับ

กาย เวทนา จิต ธรรม ที่เป็นข้างนอก เป็นอนัตตา เป็นสิ่งที่ไม่เที่ยงและทุกข์ เกิดขึ้นจาก/กับ จิตไม่บริสุทธิ์ หรือจิตติดอวิชชา
กาย เวทนา จิต ธรรม ที่เป็นข้างใน เป็นอัตตา เป็นสิ่งที่เที่ยงและไม่ทุกข์ เกิดขึ้นจาก/กับ จิตบริสุทธิ์ หรือจิตไม่ติดอวิชชา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 พ.ค. 2010, 22:50 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 10
สมาชิก ระดับ 10
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 เม.ย. 2010, 08:14
โพสต์: 829

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


คนดีที่โลกลืม เขียน:
Rosarin เขียน:
tongue
...หากข้าพเจ้าจักอธิบายความหมายของพุทธพจน์ตามความคิดเห็น...
...ที่ว่าก็ภิกษุผู้มีตนเป็นเกาะ มีตนเป็นที่พึ่ง ไม่มีสิ่งอื่นเป็นที่พึ่ง...
...มีธรรมเป็นเกาะ มีธรรมเป็นที่พึ่ง ไม่มีสิ่งอื่นเป็นที่พึ่ง เป็นไฉน...
อ้างคำพูด:
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็ภิกษุผู้มีตนเป็นเกาะ มีตนเป็นที่พึ่ง ไม่มีสิ่งอื่นเป็นที่พึ่ง
มีธรรมเป็นเกาะ มีธรรมเป็นที่พึ่ง ไม่มีสิ่งอื่นเป็นที่พึ่ง เป็นไฉน
๑. ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุในพระธรรมวินัยนี้ พิจารณาเห็นกายในกาย อยู่ มีความเพียร มีสัมปชัญญะ มีสติกำจัดอภิชฌาและโทมนัสในโลกเสียได้ ฯ
๒. ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุในพระธรรมวินัยนี้ พิจารณาเห็นเวทนา
ในเวทนาทั้งหลายอยู่ มีความเพียร มีสัมปชัญญะ มีสติ กำจัด
อภิชฌาและโทมนัสในโลกเสียได้ ฯ
๓. ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุในพระธรรมวินัยนี้ พิจารณาเห็นจิตในจิต อยู่ มีความเพียร มีสัมปชัญญะ มีสติกำจัดอภิชฌาและโทมนัสในโลก
เสียได้ ฯ
๔. ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุในพระธรรมวินัยนี้ พิจารณาเห็นธรรมในธรรมทั้งหลายอยู่ มีความเพียร มีสัมปชัญญะ มีสติ กำจัดอภิชฌาและโทมนัสในโลกเสียได้ ฯ
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุมีตนเป็นเกาะ มีตนเป็นที่พึ่ง ไม่มีสิ่งอื่นเป็นที่พึ่ง
มีธรรมเป็นเกาะ มีธรรมเป็นที่พึ่ง ไม่มีสิ่งอื่นเป็นที่พึ่งอยู่ อย่างนี้แล

:b1:
...ข้าพเจ้าแปลความดังนี้ว่า...ภิกษุที่พึ่งตนเองคือผู้ไม่อาลัยในกาย เวทนา จิต ธรรมคือ...
...1.ภิกษุที่มีสติคือกำหนดรู้ในกายตนว่ามีแต่ของไม่สะอาดจนเกิดปัญญา...
...2.ภิกษุที่มีสติคือกำหนดรู้ในเวทนาจนรับรู้สุข-ทุกข์-เฉยๆจนเกิดปัญญา...
...3.ภิกษุที่มีสติคือกำหนดรู้ในจิตคือความรู้สึกนึกคิดของตนเองจนเกิดปัญญา...
...4.ภิกษุที่มีสติคือกำหนดรู้ในธรรมทั้งหลายคือธรรมชาติของการเกิด-ดับจนเกิดปัญญา...
...การพิจารณาเห็นอยู่เนืองอย่างนี้(ทำให้เกิดปัญญาฆ่ากิเลส)...ภิกษุที่พิจารณาอย่างนี้จึงชื่อว่าพึ่งตนเองได้...
:b27:
...ข้าพเจ้าเข้าใจตามนี้อ่ะคะ...ท่านทั้งหลายเข้าใจอย่างไรเจ้าคะ...
:b12:
:b44: :b44: :b44: :b44: :b44:


กายที่มีแต่ของไม่สะอาด, เวทนาที่รับรู้สุข-ทุกข์-เฉยๆ, จิตที่ได้ความรู้นึกคิดมาจากสมองของตนเอง, ธรรมชาติของการเกิด-ดับ = กาย เวทนา จิต ธรรม ที่เป็นข้างนอก

เมื่อมีสติเห็นในกาย เวทนา จิต ธรรม ที่เป็นข้างนอก = เห็นอนัตตา

ถ้าปฏิบัติจนรับรู้อย่างแท้จริงว่า กาย เวทนา จิต ธรรม เป็นอนัตตา จะปรากฏกายใน เวทนาใน จิตใน และธรรมในออกมารองรับ

กาย เวทนา จิต ธรรม ที่เป็นข้างนอก เป็นอนัตตา เป็นสิ่งที่ไม่เที่ยงและทุกข์ เกิดขึ้นจาก/กับ จิตไม่บริสุทธิ์ หรือจิตติดอวิชชา
กาย เวทนา จิต ธรรม ที่เป็นข้างใน เป็นอัตตา เป็นสิ่งที่เที่ยงและไม่ทุกข์ เกิดขึ้นจาก/กับ จิตบริสุทธิ์ หรือจิตไม่ติดอวิชชา


กาย เวทนา จิต ธรรม ที่เป็นข้างนอก เป็นอนัตตา เป็นสิ่งที่ไม่เที่ยงและทุกข์ เกิดขึ้นจาก/กับ จิตไม่บริสุทธิ์ หรือจิตติดอวิชชา
กาย เวทนา จิต ธรรม ที่เป็นข้างใน เป็นอัตตา เป็นสิ่งที่เที่ยงและไม่ทุกข์ เกิดขึ้นจาก/กับ จิตบริสุทธิ์ หรือจิตไม่ติดอวิชชา[/quote]

อิอิ

มีเลนนอก และก็มีเลนใน

แล้วเมื่อไร จะเข้าเลนกลาง มัชฌิมา

โย่


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 พ.ค. 2010, 22:55 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ก.พ. 2010, 13:35
โพสต์: 355

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


คุณ"enlighted"ครับ


ถ้าไม่เบื่อหน่ายแม้ในรูป ไม่เบื่อหน่ายแม้ในเวทนา ไม่เบื่อหน่ายแม้ในสัญญา ไม่เบื่อหน่ายแม้ในสังขารทั้งหลาย ไม่เบื่อหน่ายแม้ในวิญญาณ อายตนะนิพพานย่อมไม่เกิดขึ้น เพราะอายตนะนิพพานเกิดขึ้นได้เมื่อเบื่อหน่าย เมื่อสิ้นกำหนัดเท่านั้น

เพราะสิ้นกำหนัด จิตก็พ้นจากจิตสังขาร เมื่อจิตพ้นจากจิตสังขารแล้ว ก็รู้ว่าพ้นแล้ว อริยสาวกนั้นทราบชัดว่า ชาติสิ้นแล้ว พรหมจรรย์ได้อยู่จบแล้ว กิจที่ควรทำได้ทำเสร็จแล้ว กิจอื่นอีกเพื่อความเป็นอย่างนี้มิได้มี.

ฮ่วย

ก็สุดแสนจะเบื่อหน่ายพวกมารเลย เบื่อมากๆ

อิอิ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 พ.ค. 2010, 23:00 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 10
สมาชิก ระดับ 10
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 เม.ย. 2010, 08:14
โพสต์: 829

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


คนดีที่โลกลืม เขียน:
คุณ"enlighted"ครับ


ถ้าไม่เบื่อหน่ายแม้ในรูป ไม่เบื่อหน่ายแม้ในเวทนา ไม่เบื่อหน่ายแม้ในสัญญา ไม่เบื่อหน่ายแม้ในสังขารทั้งหลาย ไม่เบื่อหน่ายแม้ในวิญญาณ อายตนะนิพพานย่อมไม่เกิดขึ้น เพราะอายตนะนิพพานเกิดขึ้นได้เมื่อเบื่อหน่าย เมื่อสิ้นกำหนัดเท่านั้น

เพราะสิ้นกำหนัด จิตก็พ้นจากจิตสังขาร เมื่อจิตพ้นจากจิตสังขารแล้ว ก็รู้ว่าพ้นแล้ว อริยสาวกนั้นทราบชัดว่า ชาติสิ้นแล้ว พรหมจรรย์ได้อยู่จบแล้ว กิจที่ควรทำได้ทำเสร็จแล้ว กิจอื่นอีกเพื่อความเป็นอย่างนี้มิได้มี.

ฮ่วย

ก็สุดแสนจะเบื่อหน่ายพวกมารเลย เบื่อมากๆ

อิอิ


อิอิ

อันนี้ก็น่าเบื่อ
อายตนะนิพพาน ย่อมเกิดขึ้น
ดังนั้น อายตนะนิพพาน ย่อมดับไป เป็นธรรมดาๆๆๆ

โย่


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 พ.ค. 2010, 23:05 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 พ.ย. 2009, 10:41
โพสต์: 4463

อายุ: 0
ที่อยู่: วัฏสงสาร

 ข้อมูลส่วนตัว


อายตนะนั้นมีอยู่ มีอยู่ก็คือมีอยู่


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 พ.ค. 2010, 23:07 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 10
สมาชิก ระดับ 10
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 เม.ย. 2010, 08:14
โพสต์: 829

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


หลับอยุ่ เขียน:
อายตนะนั้นมีอยู่ มีอยู่ก็คือมีอยู่


มีอยู่ ไม่มีก็หลบอยู่

เย่


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 พ.ค. 2010, 23:12 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 พ.ย. 2009, 10:41
โพสต์: 4463

อายุ: 0
ที่อยู่: วัฏสงสาร

 ข้อมูลส่วนตัว


พระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๕ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๗
ขุททกนิกาย ขุททกปาฐะ-ธรรมบท-อุทาน-อิติวุตตกะ-สุตตนิบาต



๓. นิพพานสูตรที่ ๓
[๑๖๐] ข้าพเจ้าได้สดับมาแล้วอย่างนี้
สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ พระวิหารเชตวันอารามของ
ท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี ใกล้พระนครสาวัตถี ก็สมัยนั้นแล พระผู้มีพระภาค
ทรงชี้แจงให้ภิกษุทั้งหลายเห็นแจ้ง ... เงี่ยโสตลงสดับธรรม ลำดับนั้นแล
พระผู้มีพระภาคทรงทราบเนื้อความนี้แล้ว ทรงเปล่งอุทานนี้ในเวลานั้นว่า


ดูกรภิกษุทั้งหลาย ธรรมชาติไม่เกิดแล้ว ไม่เป็นแล้ว อันปัจจัยกระทำไม่ได้แล้ว ปรุง
แต่งไม่ได้แล้ว มีอยู่
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ถ้าธรรมชาติอันไม่เกิดแล้ว ไม่เป็นแล้ว
อันปัจจัยกระทำไม่ได้แล้ว ปรุงแต่งไม่ได้แล้ว จักไม่ได้มีแล้วไซร้
การสลัดออก
ซึ่งธรรมชาติที่เกิดแล้ว เป็นแล้ว อันปัจจัยกระทำแล้ว ปรุงแต่งแล้ว จะไม่พึง
ปรากฏในโลกนี้เลย
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็เพราะธรรมชาติอันไม่เกิดแล้ว ไม่เป็น
แล้ว อันปัจจัยกระทำไม่ได้แล้ว ปรุงแต่งไม่ได้แล้ว มีอยู่
ฉะนั้น การสลัด
ออกซึ่งธรรมชาติที่เกิดแล้ว เป็นแล้ว อันปัจจัยกระทำแล้ว ปรุงแต่งแล้ว
จึงปรากฏ ฯ
จบสูตรที่ ๓
เนื้อความพระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๕ บรรทัดที่ ๔๐๐๗ - ๔๐๒๑. หน้าที่ ๑๗๖.
http://www.84000.org/tipitaka/attha/v.p ... agebreak=0

:b42: :b42: :b42:
:b8: :b8: :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 พ.ค. 2010, 23:22 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 เม.ย. 2010, 15:07
โพสต์: 313

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


หลับอยุ่ เขียน:
พระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๕ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๗
ขุททกนิกาย ขุททกปาฐะ-ธรรมบท-อุทาน-อิติวุตตกะ-สุตตนิบาต



๓. นิพพานสูตรที่ ๓
[๑๖๐] ข้าพเจ้าได้สดับมาแล้วอย่างนี้
สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ พระวิหารเชตวันอารามของ
ท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี ใกล้พระนครสาวัตถี ก็สมัยนั้นแล พระผู้มีพระภาค
ทรงชี้แจงให้ภิกษุทั้งหลายเห็นแจ้ง ... เงี่ยโสตลงสดับธรรม ลำดับนั้นแล
พระผู้มีพระภาคทรงทราบเนื้อความนี้แล้ว ทรงเปล่งอุทานนี้ในเวลานั้นว่า


ดูกรภิกษุทั้งหลาย ธรรมชาติไม่เกิดแล้ว ไม่เป็นแล้ว อันปัจจัยกระทำไม่ได้แล้ว ปรุง
แต่งไม่ได้แล้ว มีอยู่
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ถ้าธรรมชาติอันไม่เกิดแล้ว ไม่เป็นแล้ว
อันปัจจัยกระทำไม่ได้แล้ว ปรุงแต่งไม่ได้แล้ว จักไม่ได้มีแล้วไซร้
การสลัดออก
ซึ่งธรรมชาติที่เกิดแล้ว เป็นแล้ว อันปัจจัยกระทำแล้ว ปรุงแต่งแล้ว จะไม่พึง
ปรากฏในโลกนี้เลย
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็เพราะธรรมชาติอันไม่เกิดแล้ว ไม่เป็น
แล้ว อันปัจจัยกระทำไม่ได้แล้ว ปรุงแต่งไม่ได้แล้ว มีอยู่
ฉะนั้น การสลัด
ออกซึ่งธรรมชาติที่เกิดแล้ว เป็นแล้ว อันปัจจัยกระทำแล้ว ปรุงแต่งแล้ว
จึงปรากฏ ฯ
จบสูตรที่ ๓
เนื้อความพระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๕ บรรทัดที่ ๔๐๐๗ - ๔๐๒๑. หน้าที่ ๑๗๖.
http://www.84000.org/tipitaka/attha/v.p ... agebreak=0

:b42: :b42: :b42:
:b8: :b8: :b8:


อิอิ

มีอยู่ ไม่มีอยู่

เดี๋ยวมืด เดี๋ยวสว่าง

ความว่างยังเหมือนเดิม


อนุโมทนาสาธุจ้า
:b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 พ.ค. 2010, 23:30 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 พ.ย. 2009, 10:41
โพสต์: 4463

อายุ: 0
ที่อยู่: วัฏสงสาร

 ข้อมูลส่วนตัว


enlighted เขียน:
อิอิ

อันนี้ก็น่าเบื่อ
อายตนะนิพพาน ย่อมเกิดขึ้น
ดังนั้น อายตนะนิพพาน ย่อมดับไป เป็นธรรมดาๆๆๆ

โย่


นิพพานของเอนไลท์มีเกิด ดับ :b14:

อืม มีคนเอาปฏิสมุทปบาทธรรมมาปนซะแล้ว :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 พ.ค. 2010, 23:33 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 เม.ย. 2010, 15:07
โพสต์: 313

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


หลับอยุ่ เขียน:
enlighted เขียน:
คนดีที่โลกลืม เขียน:
คุณ"enlighted"ครับ


ถ้าไม่เบื่อหน่ายแม้ในรูป ไม่เบื่อหน่ายแม้ในเวทนา ไม่เบื่อหน่ายแม้ในสัญญา ไม่เบื่อหน่ายแม้ในสังขารทั้งหลาย ไม่เบื่อหน่ายแม้ในวิญญาณ อายตนะนิพพานย่อมไม่เกิดขึ้น เพราะอายตนะนิพพานเกิดขึ้นได้เมื่อเบื่อหน่าย เมื่อสิ้นกำหนัดเท่านั้น

เพราะสิ้นกำหนัด จิตก็พ้นจากจิตสังขาร เมื่อจิตพ้นจากจิตสังขารแล้ว ก็รู้ว่าพ้นแล้ว อริยสาวกนั้นทราบชัดว่า ชาติสิ้นแล้ว พรหมจรรย์ได้อยู่จบแล้ว กิจที่ควรทำได้ทำเสร็จแล้ว กิจอื่นอีกเพื่อความเป็นอย่างนี้มิได้มี.

ฮ่วย

ก็สุดแสนจะเบื่อหน่ายพวกมารเลย เบื่อมากๆ

อิอิ


อิอิ

อันนี้ก็น่าเบื่อ
อายตนะนิพพาน ย่อมเกิดขึ้น
ดังนั้น อายตนะนิพพาน ย่อมดับไป เป็นธรรมดาๆๆๆ

โย่



นิพพานของเอนไลท์มีเกิด ดับ :b14:

อืม มีคนเอาปฏิสมุทปบาทธรรมมาปนซะแล้ว :b32:


:b32: อิอิ

หลับไม่ตื่นฟื้นไม่มี ยกมาแต่ละทีไม่ดูตาม้าตาเรือ จริงๆๆ ละจ้าๆ


อนุโมทนาสาธุจ้า


แก้ไขล่าสุดโดย noohmairu เมื่อ 11 พ.ค. 2010, 23:37, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 พ.ค. 2010, 23:42 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 10
สมาชิก ระดับ 10
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 เม.ย. 2010, 08:14
โพสต์: 829

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


หลับอยุ่ เขียน:
enlighted เขียน:
อิอิ

อันนี้ก็น่าเบื่อ
อายตนะนิพพาน ย่อมเกิดขึ้น
ดังนั้น อายตนะนิพพาน ย่อมดับไป เป็นธรรมดาๆๆๆ

โย่


นิพพานของเอนไลท์มีเกิด ดับ :b14:

อืม มีคนเอาปฏิสมุทปบาทธรรมมาปนซะแล้ว :b32:


ฮ่วย

ไปยกพระไตรปิฎก ไม่ดูตาม้าตาเรือ มาอีกสิ

อ่านก็ยังไม่เข้าใจน๊อ นายหลับไม่ตื่น ฟื้นไม่มี
ยังจะมาสำแดงแบบข้างๆคูๆ

ฮ่วย


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 พ.ค. 2010, 06:15 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 28 พ.ย. 2009, 18:14
โพสต์: 435

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว




45.gif
45.gif [ 47.54 KiB | เปิดดู 3340 ครั้ง ]
enlighted เขียน:
คนดีที่โลกลืม เขียน:
กาย เวทนา จิต ธรรม ที่เป็นข้างนอก เป็นอนัตตา เป็นสิ่งที่ไม่เที่ยงและทุกข์ เกิดขึ้นจาก/กับ จิตไม่บริสุทธิ์ หรือจิตติดอวิชชา
กาย เวทนา จิต ธรรม ที่เป็นข้างใน เป็นอัตตา เป็นสิ่งที่เที่ยงและไม่ทุกข์ เกิดขึ้นจาก/กับ จิตบริสุทธิ์ หรือจิตไม่ติดอวิชชา


อิอิ

มีเลนนอก และก็มีเลนใน
แล้วเมื่อไร จะเข้าเลนกลาง มัชฌิมา

โย่


enlighted เขียน:
หลับอยุ่ เขียน:
อายตนะนั้นมีอยู่ มีอยู่ก็คือมีอยู่

มีอยู่ ไม่มีก็หลบอยู่

เย่


:b6: :b12: คริ คริ

เลนกลาง และ มีอยู่ ไม่มีก็หลบอยู่

…..แอน....แอ๊นนนน…....

พระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๔ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๖ มัชฌิมนิกาย อุปริปัณณาสก์
สุญญตวรรค ๑. จูฬสุญญตสูตร (๑๒๑)
เนื้อความพระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๔ บรรทัดที่ ๔๗๑๔ - ๔๘๔๕. หน้าที่ ๒๐๐ - ๒๐๕.
http://www.84000.org/tipitaka/attha/v.p ... agebreak=0

แหม่นบ่อ……อาจารย์ enlighted….โปรดชี้แนะ

ข้าน้อยยอมเป็นศิษย์ท่าน เพราะ…เลนกลาง และ ทางหลบหรือหลบอยู่…นี่แหละจร๊าาาา…

.....................................................
สรุปคำสอนของสมเด็จองค์ปฐม
"ท่านทั้งหลาย การหลบหลีกไม่ต้องตกอบายภูมิ มีนรกเป็นต้น เป็นของ ไม่ยาก
1. ขอทุกท่านจงอย่าลืมความตาย จงคิดว่าความตาย อาจจะมีกับเราเดี๋ยวนี้ไว้เสมอๆ
2. เคารพพระพุทธเจ้า พระธรรม พระอริยสงฆ์ ด้วยศรัทธาแท้ (ด้วยความจริงใจ)
3. มีศีลบริสุทธิ์เป็นปกติ และ
4. เป็นกรณีพิเศษ ปฏิเสธการเกิดเป็นมนุษย์ เทวดา นางฟ้า และพรหม ในชาติต่อไป ทุกท่านเห็นนิพพาน แล้วตั้งใจไปพระนิพพานได้ในที่สุด"
แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กระทู้นี้ถูกล็อก คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความ หรือ ตอบกลับในกระทู้นี้  [ 52 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 66 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร