ลานธรรมจักร http://dhammajak.net/forums/ |
|
ทำไมจึงมีผู้กล่าว่า? http://dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=1&t=32217 |
หน้า 1 จากทั้งหมด 3 |
เจ้าของ: | mes [ 31 พ.ค. 2010, 09:42 ] |
หัวข้อกระทู้: | ทำไมจึงมีผู้กล่าว่า? |
ผมขออนุญาตแปลงมาใช้ครับว่า จะให้คนรวยบรรลุอรหันต์นั้น ยากกว่าเข็นอูฐรอดรูเข็ม |
เจ้าของ: | กรัชกาย [ 31 พ.ค. 2010, 12:41 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ทำไมจึงมีผู้กล่าว่า? |
mes เขียน: ผมขออนุญาตแปลงมาใช้ครับว่า จะให้คนรวยบรรลุอรหันต์นั้น ยากกว่าเข็นอูฐรอดรูเข็ม คำพูดนั้นพึงย้อนอดีตดู ครั้งพุทธกาลกุลบุตร เช่น พระสารีบุตร พระโมคคัลลานะ ซึ่งเป็นอัครสาวกซ้ายขวา ก็เป็นลูกคหบดีมั่งมีทรัพย์ กุลบุตรที่เป็นลูกกษัตริย์ก็มี ต่างเข้ามาบวชในพระพุทธศาสนา สุดท้ายก็บรรลุอรหันตผล นั่นแสดงว่า รวย- จน ไม่ใช่อุปสรรคในการเข้าถึงโลกุตรธรรม |
เจ้าของ: | mes [ 31 พ.ค. 2010, 13:13 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ทำไมจึงมีผู้กล่าว่า? |
กรัชกาย เขียน: คำพูดนั้นพึงย้อนอดีตดู ครั้งพุทธกาลกุลบุตร เช่น พระสารีบุตร พระโมคคัลลานะ ซึ่งเป็นอัครสาวกซ้ายขวา ก็เป็นลูกคหบดีมั่งมีทรัพย์ กุลบุตรที่เป็นลูกกษัตริย์ก็มี ต่างเข้ามาบวชในพระพุทธศาสนา สุดท้ายก็บรรลุอรหันตผล นั่นแสดงว่า รวย- จน ไม่ใช่อุปสรรคในการเข้าถึงโลกุตรธรรม ผมขอมีความเห็นอย่างนี้ครับ ถึงแม้จะไม่ตรงสักเท่าไรนัก พระสารีบุตรและพระโมคคัลลานะท่านได้สละละทิ้งเรือนและทรัพย์สมบัติแล้วจึงออกแสวงหาโมกขธรรม ฉนั้นจึงเท่ากับว่าตอนที่ท่านบรรลุอรหันต์เท่ากับว่าท่านไม่ครองทรัพย์แล้วครับ ![]() ![]() ![]() |
เจ้าของ: | กรัชกาย [ 31 พ.ค. 2010, 13:27 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ทำไมจึงมีผู้กล่าว่า? |
mes เขียน: กรัชกาย เขียน: คำพูดนั้นพึงย้อนอดีตดู ครั้งพุทธกาลกุลบุตร เช่น พระสารีบุตร พระโมคคัลลานะ ซึ่งเป็นอัครสาวกซ้ายขวา ก็เป็นลูกคหบดีมั่งมีทรัพย์ กุลบุตรที่เป็นลูกกษัตริย์ก็มี ต่างเข้ามาบวชในพระพุทธศาสนา สุดท้ายก็บรรลุอรหันตผล นั่นแสดงว่า รวย- จน ไม่ใช่อุปสรรคในการเข้าถึงโลกุตรธรรม ผมขอมีความเห็นอย่างนี้ครับ ถึงแม้จะไม่ตรงสักเท่าไรนัก พระสารีบุตรและพระโมคคัลลานะท่านได้สละละทิ้งเรือนและทรัพย์สมบัติแล้วจึงออกแสวงหาโมกขธรรม ฉนั้นจึงเท่ากับว่าตอนที่ท่านบรรลุอรหันต์เท่ากับว่าท่านไม่ครองทรัพย์แล้วครับ ไม่เป็นไร เปิดโลกทัศน์แง่คิดมุมมองกันครับ บางทีเราคิดอยู่คนเดียวอาจผิดหรือถูกก็ได้ ทรัพย์สมบัติบ้านช่อง เป็นเหมือนเครื่องอำนวยความสะดวกให้ชีวิต มีดีกว่าไม่มี แต่มีแล้วไม่เมาในทรัพย์ กินใช้เพียงเป็นเครื่องอำนวยความสะดวกสบายให้ชีวิตในขอบเขตของมัน เมื่อมองเข้าใจทรัพย์ภายนอกอย่างนี้แล้ว ทรัพย์นั้นก็ไม่ใช่ศัตรูภายในที่จะพึงกำจัด |
เจ้าของ: | mes [ 31 พ.ค. 2010, 13:47 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ทำไมจึงมีผู้กล่าว่า? |
กรัชกาย เขียน: ไม่เป็นไร เปิดโลกทัศน์แง่คิดมุมมองกันครับ บางทีเราคิดอยู่คนเดียวอาจผิดหรือถูกก็ได้ ทรัพย์สมบัติบ้านช่อง เป็นเหมือนเครื่องอำนวยความสะดวกให้ชีวิต มีดีกว่าไม่มี แต่มีแล้วไม่เมาในทรัพย์ กินใช้เพียงเป็นเครื่องอำนวยความสะดวกสบายให้ชีวิตในขอบเขตของมัน เมื่อมองเข้าใจทรัพย์ภายนอกอย่างนี้แล้ว ทรัพย์นั้นก็ไม่ใช่ศัตรูภายในที่จะพึงกำจัด ทรัพย์สมบัติเป็นเรื่องสมมุติ ความร่ำรวย ยากจนเป็นอุปทาน หากจักใช้ทรัพย์เป็นแค่เครืองอำนวยความสะดวก ความร่ำรวยและยากจนก็ไม่เกิด หรือไม่เมาทรัพย์ จึงไม่เป็นสังโยช หรือเป็นศัตรูสู่นิพพาน |
เจ้าของ: | กรัชกาย [ 31 พ.ค. 2010, 13:55 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ทำไมจึงมีผู้กล่าว่า? |
mes เขียน: กรัชกาย เขียน: ไม่เป็นไร เปิดโลกทัศน์แง่คิดมุมมองกันครับ บางทีเราคิดอยู่คนเดียวอาจผิดหรือถูกก็ได้ ทรัพย์สมบัติบ้านช่อง เป็นเหมือนเครื่องอำนวยความสะดวกให้ชีวิต มีดีกว่าไม่มี แต่มีแล้วไม่เมาในทรัพย์ กินใช้เพียงเป็นเครื่องอำนวยความสะดวกสบายให้ชีวิตในขอบเขตของมัน เมื่อมองเข้าใจทรัพย์ภายนอกอย่างนี้แล้ว ทรัพย์นั้นก็ไม่ใช่ศัตรูภายในที่จะพึงกำจัด ทรัพย์สมบัติเป็นเรื่องสมมุติ ความร่ำรวย ยากจนเป็นอุปทาน หากจักใช้ทรัพย์เป็นแค่เครืองอำนวยความสะดวก ความร่ำรวยและยากจนก็ไม่เกิด หรือไม่เมาทรัพย์ จึงไม่เป็นสังโยช หรือเป็นศัตรูสู่นิพพาน ชวนมองมุมกลับ หากยากจนข้นแค้น ไม่มีไม่เอาอะไรเลย มีแต่ตัวล้อนจ้อน เหมือนนักบวชนิกาย นุ่งลมห่มฟ้า เดินเปลือยกายโท่งๆ อยู่กลางป่าเขา ท่าน mes คิดว่า พอมีเหตุปัจจัยสู่นิพพานได้ไหม |
เจ้าของ: | Rosarin [ 31 พ.ค. 2010, 14:13 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ทำไมจึงมีผู้กล่าว่า? |
![]() ![]() ...การบรรลุอรหันต์...เป็นไปเพื่อกระทำสิ่งที่ทำได้ยาก... ...คือสละการครองเรือน...ประพฤติพรหมจรรย์... ...ประหยัดที่อยู่...อาหาร...เครื่องนุ่งห่ม... ...การดำรงชีพเป็นไปเพื่อยังอัตภาพอยู่... ...เพื่ออำนวยประโยชน์แก่สรรพสัตว์... ...และทำความเพียรเพื่อโปรดเวไนย... ![]() ![]() ![]() |
เจ้าของ: | กรัชกาย [ 31 พ.ค. 2010, 14:17 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ทำไมจึงมีผู้กล่าว่า? |
![]() รูปปั้นศาสดาศาสนาเชน เคยดูสาระคดีตามรอยพระพุทธเจ้า เห็นรูปสาวกศาสนานี้ด้วย เขาถ่ายให้ดูเดินโท่งๆ ไม่สรวมใส่อาภรณ์ใดๆ เลย เห็นแกว่งไปแกว่งมา ![]() ศาสนาเชน เรียกอีกอย่างว่า ไชนะ หรือ ชินะ แปลว่า ผู้ชนะ ศาสนานี้เกิดขึ้นในประเทศอินเดีย อนุมานกาล ราวยุคเดียวกับสมัยพุทธกาล ซึ่งมีหลักฐานว่า เจ้าชายสิทธัตถะขณะออกผนวชแสวงหาสำนักลัทธิต่าง ๆ ก่อน ตรัสรู้ก็ได้เคยเสด็จไปศึกษาในสำนักเชนด้วย ศาสนาเชนไม่นับถือพระเจ้าคล้ายกับศาสนาพุทธ มีศาสดาคือพระมหาวีระ หรือ นิครนถนาฏบุตร จุดมุ่งหมาย สูงสุดของศาสนานี้คือการบำเพ็ญตนให้หลุดพ้นจากกิเลส โดยนักบวชในศาสนานี้ใช้วิธีการตัดกิเลสโดยไม่นุ่งผ้า เรียกว่า นิครนถ์ แปลว่า ไม่มีกิเลสผูกรัด http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%A8% ... A%E0%B8%99 |
เจ้าของ: | Rosarin [ 31 พ.ค. 2010, 14:31 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ทำไมจึงมีผู้กล่าว่า? |
![]() ![]() ...ท่านกรัชกาย...ถ้ามีหญิงนุ่งห่มสั้นๆมาเดินผ่านหน้า... ...ท่านกรัชกายคิดว่าช่วยท่านตัดกิเลสได้หรือไม่... ![]() ![]() |
เจ้าของ: | กรัชกาย [ 31 พ.ค. 2010, 14:42 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ทำไมจึงมีผู้กล่าว่า? |
Rosarin เขียน: tongue ![]() ...ท่านกรัชกาย...ถ้ามีหญิงนุ่งห่มสั้นๆมาเดินผ่านหน้า... ...ท่านกรัชกายคิดว่าช่วยท่านตัดกิเลสได้หรือไม่... ![]() ![]() ไม่ได้ครับ |
เจ้าของ: | Rosarin [ 31 พ.ค. 2010, 14:50 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ทำไมจึงมีผู้กล่าว่า? |
![]() อ้างคำพูด: การตัดกิเลสโดยไม่นุ่งผ้า เรียกว่า นิครนถ์ แปลว่า ไม่มีกิเลสผูกรัด ![]() ...ดังนั้นหลักคำสอนของการตัดกิเลสโดยไม่นุ่งผ้า... ...จึงน่าจะขัดแย้งกับหลักธรรมชาติไปหน่อยอ่ะค่ะ... ![]() ![]() ![]() |
เจ้าของ: | กรัชกาย [ 31 พ.ค. 2010, 15:18 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ทำไมจึงมีผู้กล่าว่า? |
Rosarin เขียน: อ้างคำพูด: การตัดกิเลสโดยไม่นุ่งผ้า เรียกว่า นิครนถ์ แปลว่า ไม่มีกิเลสผูกรัด ![]() ...ดังนั้นหลักคำสอนของการตัดกิเลสโดยไม่นุ่งผ้า... ...จึงน่าจะขัดแย้งกับหลักธรรมชาติไปหน่อยอ่ะค่ะ... ตามประวัติว่า พระพุทธเจ้าก่อนตรัสรู้ก็ไปที่สำนักนี้ แต่ไม่มีบอกเหตุผลว่า เพราะเหตุไรพระพุทธเจ้าจึงปลีกตัว ออกมา ![]() แต่ที่เกี่ยวกับการใช้สอยปัจจัย 4 คือ อาหาร เครื่องนุ่งห่ม ที่อยู่อาศัย ยารักษาโรค มีสอนให้พิจารณาถึงประโยชน์ในการใช้สอย เช่น เครื่องนุ่งห่ม ให้พิจารณาว่า เพื่อปกปิดความละอาย เพื่อบำบัดความหนาวร้อน สัมผัสจากเหลียบยุ่งริ้น และสัตว์เลี้อยคลาน ฯลฯ |
เจ้าของ: | mes [ 31 พ.ค. 2010, 16:31 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ทำไมจึงมีผู้กล่าว่า? |
กรัชกาย เขียน: ชวนมองมุมกลับ หากยากจนข้นแค้น ไม่มีไม่เอาอะไรเลย มีแต่ตัวล้อนจ้อน เหมือนนักบวชนิกาย นุ่งลมห่มฟ้า เดินเปลือยกายโท่งๆ อยู่กลางป่าเขา ท่าน mes คิดว่า พอมีเหตุปัจจัยสู่นิพพานได้ไหม การจงใจเจตนากระทำเช่นนั้นถือเป็นอัตตกิลมถานุโยโค เป็นทางสุดโตงอีกข้างหนึ่ง ไม่เป็นปัจจัยสู่นิพพาน แต่หากเป็นความขาดแคลนโดยธรรมดา คือเป็นไปตามสถานการณ์ การดำเนินสัมมาปฏิปทายังคงอยู่ อย่างนี้ถือว่ายังมีแนวทางสู่นิพพานครับ |
เจ้าของ: | กรัชกาย [ 31 พ.ค. 2010, 16:36 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ทำไมจึงมีผู้กล่าว่า? |
อ้างคำพูด: จุดมุ่งหมาย สูงสุดของศาสนานี้คือการบำเพ็ญตนให้หลุดพ้นจากกิเลส โดยนักบวชในศาสนานี้ ใช้วิธีการตัดกิเลสโดยไม่นุ่งผ้า เรียกว่า นิครนถ์ แปลว่า ไม่มีกิเลสผูกรัด เขาตัดกิเลสได้แล้ว หลุดพ้นจากกิเลสแล้ว ไม่มีกิเลสรัดรึงแล้ว แก้ผ้าเดินในที่สาธารณะได้ไม่อายคน อย่างนี้สำเร็จไหมครับ แล้วเป็นนิพพานไหม แล้วนิพพานที่ท่าน mes ต้องการทำไงครับ |
เจ้าของ: | mes [ 31 พ.ค. 2010, 17:12 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ทำไมจึงมีผู้กล่าว่า? |
กรัชกาย เขียน: เขาตัดกิเลสได้แล้ว หลุดพ้นจากกิเลสแล้ว ไม่มีกิเลสรัดรึงแล้ว แก้ผ้าเดินในที่สาธารณะได้ไม่อายคน อย่างนี้สำเร็จไหมครับ แล้วเป็นนิพพานไหม แล้วนิพพานที่ท่าน mes ต้องการทำไงครับ อย่างนั้นเป็นแค่อุปาทานครับ ความไม่อายกับกิเลสเป็นตนละเรื่องกัน คนไม่อาย(หน้าด้าน)ไม่ได้หมายความว่าไม่มีกิเลส ไม่เชื่อจะพาไปแถวบาร์เบียร์ถนนพัฒน์พงษ์เอาแมะ รับรองผู้หลุดพ้นตรึม นิพพานตามความเข้าใจของผมคือ รู้จักทุกข์ เห็นทุกข์ และพ้นทุกข์ครับ |
หน้า 1 จากทั้งหมด 3 | เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง |
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group http://www.phpbb.com/ |