ลานธรรมจักร
http://dhammajak.net/forums/

ทาน กับ จาคะ ต่างกันไหม?
http://dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=1&t=33028
หน้า 1 จากทั้งหมด 1

เจ้าของ:  รักสงบ [ 06 ก.ค. 2010, 10:53 ]
หัวข้อกระทู้:  ทาน กับ จาคะ ต่างกันไหม?

ทาน กับ จาคะ หลายท่านว่าอันเดียวกัน หลายท่านว่าต่างกัน เลยสงสัยว่าเป็นอย่างไรครับ :b8:

เจ้าของ:  เช่นนั้น [ 06 ก.ค. 2010, 11:39 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ทาน กับ จาคะ ต่างกันไหม?

ขอบคุณ google มากที่ช่วยให้ประหยัดเวลา
ลองอ่านดู คงจะเป็นประโยชน์

อ้างคำพูด:
จาคะ : สละอะไรถึงเรียกว่าจาคะ?
ธีรโชติ เกิดแก้ว

สภากาแฟเริ่มต้นอีกแล้วยามรุ่งเช้า สมาชิกของสภานี้ประกอบด้วยลุงโก่ง มหาเก่า ลุงเป็ด ทายกวัดนาดี นายเต่า พ่อค้าขายไข่ นายห่าน พ่อค้าขายไอศกรีม และนายหนู อาชีพทำนา คนทั้งหมดที่กล่าวมามักจะมาสนทนากันที่ร้านกาแฟของนายอั้มเป็นประจำ

ลุงโก่ง มหาเก่าผู้อาวุโสสูงสุดเริ่มประเด็นพาเข้าหาธรรมะแต่เช้าว่า “ข้าละเอือมระอาไอ้สีกับอีสาเหลือเกิน มันทะเลาะกันเป็นประจำ ผัวเมียกัน มันจะทะเลาะกันไปทำไม ที่ถูกต้องมันต้องมีธรรมะต่อกันถึงจะทำให้ชีวิตคู่ยั่งยืน” นายเป็ดถามทันทีว่า “แล้วไอ้ธรรมะที่ท่านมหาพูดเนี๊ยะมันมีอะไรบ้างล่ะ บอกให้ฉันฟังบ้างซิ” ลุงโก่งบอกว่า “มันมีอยู่หลายข้อนะ แต่ที่จำได้แม่น ๆ เลยก็คือจาคะ” นายเต่าชักสงสัย เพราะไม่เคยบวชจึงถามขึ้นมาบ้างว่า “แล้วไอ้จาคะที่ลุงมหาว่าเนี๊ยะ มันหมายถึงอะไรล่ะ” ลุงโก่งตอบว่า “มันหมายถึงการเสียสละสิ่งต่าง ๆ ให้กันและกันนะซิ” นายห่านถามขึ้นมาด้วยความสงสัยเต็มที่ว่า “แล้วไอ้ที่ชายหนุ่มหญิงสาวเขายอมเป็นของกันและกันเนี๊ยะ เขาเรียกว่าจาคะหรือเปล่าล่ะลุง” ท่านมหาเก่าชักงงเลยตอบไปว่า “คงงั้นมั้ง ไม่งั้นมันคงอยู่ด้วยกันไม่ได้หรอก”

สรุปแล้วเรื่องจาคะในวงสนทนาก็ไม่ได้เรื่องตามเคย เพื่อให้ท่านผู้อ่านเข้าใจเรื่องนี้อย่างถูกต้อง มหาเก่าอย่างผมก็ต้องยกหลักการมาอธิบายสักหน่อย จาคะในพระพุทธศาสนามีอยู่ ๒ ประการ คือ

๑. อามิสจาคะ หมายถึง การสละหรือการให้สิ่งของแก่กันและกัน เช่น ให้เสื้อผ้า เครื่องประดับ ดอกไม้ อาหาร เป็นต้น ซึ่งมีความหมายเหมือนกับอามิสทาน เป็นหลักการที่สามีภรรยาต้องหยิบยื่นให้แก่กัน ที่สำคัญสามีภรรยาต้องมีจิตใจที่คิดเสียสละ ยินดีในการให้เหมือนกัน (สมจาคา) แต่ต้องมีปัญญากำกับด้วยนะครับ

๒. กิเลสจาคะ หมายถึง การสละกิเลส หรือพฤติกรรมที่ไม่ดีไม่งามออกไปโดยไม่ต้องมีใครร้องขอ หรือเมื่อฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งร้องขอ เช่น ภรรยาขอร้องให้สามีเลิกกินเหล้า ถ้าสามีเลิกกินเหล้าตามคำขอของภรรยาได้แสดงว่า สามีมีจาคะให้แก่ภรรยา หรือสามีขอร้องภรรยาว่า อย่านินทาชาวบ้านเลย มันเป็นเรื่องที่ไม่ดี ถ้าภรรยาเลิกนินทาชาวบ้านตามที่สามีร้องขอได้ก็แสดงว่า ภรรยามีจาคะต่อสามี ประเด็นเรื่องกิเลสจาคะนี่เองที่จะทำให้ชีวิตคู่เป็นไปอย่างราบรื่น เนื่องจากเป็นการสละความไม่ดี ไม่งาม ไม่ถูกต้องอันจะเป็นสาเหตุทำลายความสุขของชีวิตคู่ให้พังทลายลง

ถึงตรงนี้ ผู้อ่านคงเข้าใจแล้วว่า ความหมายที่แท้จริงของจาคะคืออะไร ถ้าเข้าใจถูกต้องและปฏิบัติได้ถูกต้องจะเป็นประโยชน์อย่างมาก และโปรดเข้าใจเพิ่มเติมว่า จาคะมิใช่เป็นเรื่องที่ใช้เฉพาะชีวิตคู่เท่านั้น ทุกคนสามารถนำมาใช้ปฏิบัติต่อกันได้เป็นอย่างดี ดูเหมือนว่าโลกปัจจุบันยิ่งต้องการจาคะทั้ง ๒ ประการอย่างมาก

เจ้าของ:  ต้อยตีวิด [ 06 ก.ค. 2010, 12:57 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ทาน กับ จาคะ ต่างกันไหม?

ท่านว่านะค่ะ ไม่ใช่ตอยตีวิด
ทาน เป็นเราท่านปุถุชน ให้แก่กัน
จาคะ เป็นของพระอริยะเจ้าท่าน ให้

:b4: :b8:

เจ้าของ:  ศรีสมบัติ [ 06 ก.ค. 2010, 13:28 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ทาน กับ จาคะ ต่างกันไหม?

รักสงบ เขียน:
ทาน กับ จาคะ หลายท่านว่าอันเดียวกัน หลายท่านว่าต่างกัน เลยสงสัยว่าเป็นอย่างไรครับ :b8:

จาคะนี้เป็นการระบายออกของสิ่งที่ต้องทน, จาคะแปลว่า ให้ หรือ บริจาคออกไป.,ในที่นี้มันไม่ได้หมายถึง ให้สิ่งของ, คำว่า"จาคะ"หมายถึง ให้สิ่งของก็มี ให้อื่นๆอีกก็มี .,แต่ในที่นี้เราหมายถึง บริจาคสิ่งที่เราไม่ต้องการให้มีอยู่ในจิตใจของเรา.,
สละสิ่งซึ่งเป็นข้าศึกแก่ความดี หรือความสำเร็จ ออกไปจากจิตใจของเรา ก็เรียกว่า"จาคะ"ในที่นี้ นี่หมายความว่าเราจะต้องไม่ทน จนทนไม่ไหว หรือว่าจนตายเพราะทน.,ที่ชาวบ้านเขาเรียกว่า"ขันแตก" ขันติ คืออดทน แต่ทนไปทนมา อย่างไรก็ไม่ทราบ เกิดขันแตก คือล้มละลาย, ทีนี้เพื่อไม่ให้ขันแตก เราก็ต้องมีการระบาย....

(ย่อคัดบางตอนจาก "ฆราวาสธรรม"บรรยายโดยท่าน พุทธทาส)
ลองเปรียบเทียบดูกับคำว่า"ทาน"ครับ ว่าแตกต่างหรือมีส่วนคล้ายหรือเหมือนกัน
ขอเจริญในธรรม :b8:

เจ้าของ:  murano [ 06 ก.ค. 2010, 19:44 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ทาน กับ จาคะ ต่างกันไหม?

ข้าพเจ้าว่า... ทานคือการให้ จาคะคือการเสียสละ จาคะก็เป็นทานด้วยส่วนหนึ่ง

ช่วงหน้าหนาว บางคนเขาก็ไปแจกผ้าห่ม นั่นก็คือทาน... บางคนตั้งโรงอาหาร แจกจ่ายให้คนจน เขาก็เรียก โรงทาน
จาคะคือการสละ สละใช้เมื่อสิ่งนั้น "เป็นของเรา"
เราเอาผ้าห่มที่เรามีผืนเดียว ไปให้คนอื่นที่ต้องการ ก็คือจาคะ, อดข้าวหนึ่งมื้อ เพื่อเอาข้าวไปให้คนอื่น ก็เรียกว่าจาคะ

:b6: :b6: :b6: ว่าง่ายๆ คือ ทานคือการให้ ส่วนจาคะคือ การให้ที่เราต้องเสีย หรือขาดอะไรบางอย่าง

แต่ไม่ว่าจะเป็นทานหรือจาคะ ก็ควรจะมีขอบเขตอันนึง อย่าตะบี้ตะบันทำทาน ทำจาคะ

เจ้าของ:  วิริยะ [ 07 ก.ค. 2010, 15:03 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ทาน กับ จาคะ ต่างกันไหม?

รักสงบ เขียน:
ทาน กับ จาคะ หลายท่านว่าอันเดียวกัน หลายท่านว่าต่างกัน เลยสงสัยว่าเป็นอย่างไรครับ :b8:

ทาน คือ การให้ ให้ด้วยเจตนาปรารถนาให้ความสุขกับคนอื่น ทานนั้นเป็นเครื่องบำรุงน้ำใจระหว่างกัน จะให้มากให้น้อย เป็นของหยาบของละเอียด ท่านถือเจตนาเป็นสำคัญ ของน้อยก็เป็นมากเอง

จาคะ คือ เสียสละ สละออก ละ ละสิ่งที่ติดข้องอยู่กับใจ สิ่งที่ทำให้ใจไม่สงบ เช่น ติดยึดอยู่กับสิ่งใด ก็สละสิ่งนั้นไปเสีย ติดยึดอยู่กับสิ่งของเงินทอง ก็ให้ทานไปเสีย ให้ทานแบบสละออก ไม่ไปติดข้องอีก แม้แต่อารมณ์อันเกิดความรัก ความชัง ความเกลียด โลภ โกรธ หลงก็ละเสีย เพื่อความสงบของจิต

ทานนั้นปุถุชนเราท่านให้ อนิสงค์แค่สวรรค์
จาคะ นั้นเป็นของพระอริยะท่าน อานิสงค์ถึงนิพพาน

ฟังหูไว้หูนะครับ.. :b12:

เจ้าของ:  เอรากอน [ 07 ก.ค. 2010, 16:12 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ทาน กับ จาคะ ต่างกันไหม?

วิริยะ เขียน:
รักสงบ เขียน:
ทาน กับ จาคะ หลายท่านว่าอันเดียวกัน หลายท่านว่าต่างกัน เลยสงสัยว่าเป็นอย่างไรครับ :b8:

ทาน คือ การให้ ให้ด้วยเจตนาปรารถนาให้ความสุขกับคนอื่น ทานนั้นเป็นเครื่องบำรุงน้ำใจระหว่างกัน จะให้มากให้น้อย เป็นของหยาบของละเอียด ท่านถือเจตนาเป็นสำคัญ ของน้อยก็เป็นมากเอง

จาคะ คือ เสียสละ สละออก ละ ละสิ่งที่ติดข้องอยู่กับใจ สิ่งที่ทำให้ใจไม่สงบ เช่น ติดยึดอยู่กับสิ่งใด ก็สละสิ่งนั้นไปเสีย ติดยึดอยู่กับสิ่งของเงินทอง ก็ให้ทานไปเสีย ให้ทานแบบสละออก ไม่ไปติดข้องอีก แม้แต่อารมณ์อันเกิดความรัก ความชัง ความเกลียด โลภ โกรธ หลงก็ละเสีย เพื่อความสงบของจิต

ทานนั้นปุถุชนเราท่านให้ อนิสงค์แค่สวรรค์
จาคะ นั้นเป็นของพระอริยะท่าน อานิสงค์ถึงนิพพาน

ฟังหูไว้หูนะครับ.. :b12:


จาคะ แปลว่า ความเสียสละ, การแบ่งปัน, ความเอื้อเฟื้อ มีความหมายเช่นเดียวกับคำว่า ทาน และ บริจาค

จาคะ หมายถึงการสละสิ่งของและความสุขส่วนตัวเพื่อประโยชน์สุขแก่ผู้อื่น และหมายรวมถึงการสละละทิ้งกิเลส ละความโลภ ความเห็นแก่ตัว ความตระหนี่ ความใจแคบ และการเลิกละนิสัย ตลอดถึงความประพฤติที่ไม่ดี ที่ทำให้เกิดความเสียหาย ก่อความบาดหมางทะเลาะเบาะแว้ง เป็นต้นด้วย

จาคะ เป็นคุณธรรมที่เป็นเหตุให้ผู้ปฏิบัติมองเห็นและเอื้ออาทรต่อความทุกข์ยากและความต้องการของคนอื่น นำให้เป็นคนไม่คับแคบ ไม่เห็นแก่ตัวแล้วให้ความช่วยเหลือ เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ด้วยความเห็นอกเห็นใจ เป็นคนชอบให้ ชอบแบ่งปันคิดถึงคนอื่นมากกว่าตัวเอง

เป็นคำที่มีความหมายลึกซึ้งดีจัง :b1:

เจ้าของ:  วิริยะ [ 07 ก.ค. 2010, 16:29 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ทาน กับ จาคะ ต่างกันไหม?

หวัดดีจ้า ตุ๊กแก หายไปไหนมานะ หรือว่าไปเลี้ยงนกจนไม่มีเวลาว่าง อิอิ :b32: :b32:
พูดธรรมก็เป็นด้วย ขอโมทนาด้วยนะจ้ะ สาธุ... :b8: บายนะ กลับบ้านก่อน :b28:

เจ้าของ:  เอรากอน [ 07 ก.ค. 2010, 17:43 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ทาน กับ จาคะ ต่างกันไหม?

วิริยะ เขียน:
หวัดดีจ้า ตุ๊กแก หายไปไหนมานะ หรือว่าไปเลี้ยงนกจนไม่มีเวลาว่าง อิอิ :b32: :b32:
พูดธรรมก็เป็นด้วย ขอโมทนาด้วยนะจ้ะ สาธุ... :b8: บายนะ กลับบ้านก่อน :b28:


ป่าว ลอกเขามา wiki น่ะ
คนต่ำทรามอย่างเราจะเอาปัญญาที่ไหนมาสาธยายธรรม ... :b16:

เจ้าของ:  รักสงบ [ 08 ก.ค. 2010, 07:40 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ทาน กับ จาคะ ต่างกันไหม?

ทานพอจะเข้าใจ จาคะยังติดๆ ขัดๆ อยู่ขอคำอธิบายเจ๋งๆ ได้ป่าวขอรับทุกท่าน smiley :b8:

เจ้าของ:  นิดหนึ่ง [ 08 ก.ค. 2010, 09:19 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ทาน กับ จาคะ ต่างกันไหม?

ทานกับจาคะ นั้นต่างกัน

ทาน ของเรานั้น ยังแสวงหาอยู่ เช่น ทานทรัพย์สินเงินทอง เราก็ยังแสวงหาทรัพย์เงินทองนั้นอยู่ เพื่อบำรุงบำเรอขันธ์ห้า เรียกว่า ทานโลกีย์ทรัพย์และแสวงหาโลกีย์ทรัพย์

จาคะ นั้น สละออก เช่นให้ทรัพย์สินเงินทอง ให้แบบสละทิ้งไปไม่สนใจใยดี ไม่แสวงหาเข้ามาอีก
เรียกว่า ให้โลกียทรัพย์แต่แสวงหาโลกุตรทรัพย์ ซึ่งเป็นทรัพย์อันประเสริฐ ทรัพย์ของพระอริยะเจ้าทั้งหลาย

เหมือนท่านที่จะบวช ทรัพย์สินเงินทอง สิ่งอันเป็นที่รัก ท่านต้องสละทิ้งไป ไม่ไปเกี่ยวพันอีก นี่เรียกว่า จาคะ สละ ละออกจากใจ

มีผิดมีถูกเพราะเป็นความเห็นส่วนตัวคะ :b8:

เจ้าของ:  รักสงบ [ 08 ก.ค. 2010, 12:57 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ทาน กับ จาคะ ต่างกันไหม?

ขอบคุณหลายๆ เด้อ ขอรับทุกท่าน พอจะเข้าใจบ้างแล้ว :b4: :b8:

หน้า 1 จากทั้งหมด 1 เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group
http://www.phpbb.com/