ลานธรรมจักร http://dhammajak.net/forums/ |
|
ชาวพุทธ http://dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=1&t=33119 |
หน้า 1 จากทั้งหมด 7 |
เจ้าของ: | Rosarin [ 12 ก.ค. 2010, 09:50 ] |
หัวข้อกระทู้: | ชาวพุทธ |
![]() ![]() ...ขอเชิญร่วมแสดงความคิดเห็นในฐานะชาวพุทธว่าจะเข้าใจคำสอนที่เป็นความจริงได้อย่างไร... ![]() ...สำหรับทัศนะของข้าพเจ้าเห็นว่า...ชาวพุทธในยุคปัจจุบันปี๒๕๕๓...ส่วนใหญ่ไม่รู้ตัวว่าทุกข์... ...โดยเฉพาะในความเป็นคนไทยที่เกิดมาก็ได้รับเครดิตว่านับถือศาสนาพุทธแต่ไม่เข้าใจทุกข์... ...เพราะเกิดมาแล้วไม่ได้ให้ความสำคัญว่าศาสนาพุทธที่ตนเองนับถือนั้นช่วยแก้ทุกข์ได้จริงๆ... ...การนำหลักพระธรรมคำสอนในพระพุทธศาสนามาใช้มีน้อยมากเพราะไม่เข้าใจความจริง... ...จึงจำเป็นที่ชาวพุทธทุกคนต้องศึกษาความจริงที่ทรงแสดงให้เข้าใจสะสมปัญญาเพิ่มขึ้น... ...ด้วยความจำต่างกับความจริงของพระธรรมที่ทรงมีพระเมตตาแสดงแก่เทวดาและมนุษย์แล้วนั้น... ...ความเป็นอนัตตาคือความจริง จริงจริง เที่ยงตรง แม่นยำ เกิด-ดับไม่เหลืออะไรที่ย้อนกลับมาได้เลย... ![]() ![]() ![]() |
เจ้าของ: | JJD [ 12 ก.ค. 2010, 10:06 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ชาวพุทธ |
อ่านแล้วจับประเด็นไม่ถูกว่าเรื่องอะไร ไม่เข้าใจคำสอน? ไม่รู้จักทุกข์? อนัตตา? เอาแคบๆ หน่อยคร้าบ กว้างไปสรุปไม่ได้ ![]() |
เจ้าของ: | Rosarin [ 12 ก.ค. 2010, 10:28 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ชาวพุทธ |
![]() ...แท้จริงแล้วการรู้ความจริงในพระธรรมที่ทรงแสดงในพระไตรปิฎก... ...มีพระวินัยปิฎก พระอภิธรรมปิฎก พระสูตตันตปิฎก... ...การเข้าใจความจริงประเสริฐกว่าอะไรทั้งหมด... ...เพราะความจริงที่ทรงแสดงนั้นไม่เปลี่ยนไป... ...จะแสดงด้วยพระโอษฐ์ของพระพุทธเจ้า... ...หรือแสดงด้วยผู้อื่นแสดงก็จริงทั้งสิ้น... ...แต่ต้องแสดงอย่างถูกต้องเท่านั้น... ...คือแสดงความจริงไม่ใช่ความจำ... ![]() ...เพราะพระธรรมที่ทรงแสดงเป็นความจริงของทุกๆสิ่ง... ...เกิดแล้ว....ดับแล้ว..เป็นอนัตตา...ไม่มีตัวตน...ไม่มีบุคคล... ...ไม่มีสิ่งของ...ไม่มีเรา...ไม่มีเขา...ไม่มีของใคร...ใดๆทั้งสิ้น... ...เป็นสภาพธรรมที่เกิดดับนับไม่ถ้วนของจิตคิดปรุงแต่งตามความพอใจ... ...ที่จิตแต่ละดวงสร้างต่างๆกัน...แม้ขณะที่จิตหลายๆดวงจะเห็นสิ่งเดียวกัน... ...แต่การปรุงแต่งสร้างมโนภาพในความคิดก็มีหลากหลายตามกิเลสที่สะสมมาแล้ว... ...โดยเฉพาะสะสมโมหะ...ความหลงในตัวตนมีทุกรูปทุกนามของทุกดวงจิต... ![]() ...เมื่อใดที่มองด้วยตายังเห็นตัวเราในกระจกแล้วเพลิดเพลินว่าสวย หล่อ เลิศ... ...ก็คือกิเลสความไม่รู้ความจริงของธรรมะที่พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงว่า... ...ธรรมะ เป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา เพราะไม่รู้ว่าขณะเห็นไม่ใช่ความจริงที่ปรากฎ... ...เพราะความจริงก็คือมีความเกิดดับนับไม่ถ้วนเกิดขึ้นไปแล้วดับแล้วไม่เหลืออะไรเลย... ...เช่นกระพริบตา1ครั้งภาพอันเก่าเกิดแล้ว-ดับแล้ว-ไม่เหลือของเก่าเกิดภาพใหม่สืบต่อแล้ว... ...และเกิดแต่ละทางคนละอย่างคือตามองเห็น หูได้ยินเสียง จมูกได้กลิ่น กายสัมผัส เป็นต้น... ![]() ...สภาพที่เกิดเสมือนเกิดพร้อมกันทุกอย่างแล้วนั้น...จริงๆก็คือเกิดและดับทีละอย่างไม่พร้อมกัน... ...คือขณะเห็นไม่ใช่ขณะที่ได้ยิน...ขณะที่ได้ยินไม่ใช่ขณะที่ได้กลิ่น...ขณะที่สัมผัสก็ไม่ใช่ขณะเห็น... ...ความจริงจิตที่รวดเร็วนั้นก็คือเกิดสิ่งหนึ่งสิ่งใดหมดไปแล้วไม่เหลือสิ่งนั้นแล้วจึงเกิดอีกสิ่งหนึ่งต่อ... ...เพราะปุถุชนที่หนาแน่นด้วยกิเลสอันมีโลภะ โทสะ โมหะ ครอบงำแล้วด้วยการไม่รู้จึงถูกครอบงำแล้ว... ![]() ![]() ![]() |
เจ้าของ: | ศรีสมบัติ [ 12 ก.ค. 2010, 10:41 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ชาวพุทธ |
Rosarin เขียน: ...ขอเชิญร่วมแสดงความคิดเห็นในฐานะชาวพุทธว่าจะเข้าใจคำสอนที่เป็นความจริงได้อย่างไร... พวกเรามนุษย์ทั้งหลายหรือสัตว์ทั้งหลายเกิดมา...ก็อยู่กับทุกข์ๆ ๆ ๆ ทั้งนั้น ....แต่ไม่รู้จักทุกข์...จึงพ้นทุกข์ไม่ได้.... ความรู้..ความเข้าใจ ในคำสอนอย่างเดียวลำพังนั้นอาจจะยังไม่พอ ไม่เห็นจริง ต้องมีการปฏิบัติ ครั้นปฏิบัติแล้ว ผลของการปฏิบัตินั้นย่อมรู้ย่อมเห็น...เป็นมาเองโดยอัตโนมัติ... ที่สำคัญเราต้องมีศรัทธา..มาก่อน....มีศรัทธาในพระรัตนตรัย คือ.. ..........๑ ศรัทธาในพระพุทธเจ้าจริง ..........๒ ศรัทธาในพระธรรมจริง ..........๓ ศรัทธาในพระสงฆ์จริง ถ้ายังไม่ศรัทธาจริง มันก็ยังไม่สามารถที่ ชะล้าง ขจัด ตัวปัญหา หรือความทุกข์ได้ ไม่กล้าหาญ ไม่พ้นกลัว ยังไม่กล้าเพิกถอนอุปาทานยึดมั่นถือมั่นในตัวตนได้ ขอเจริญในธรรม ![]() |
เจ้าของ: | Rosarin [ 12 ก.ค. 2010, 10:52 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ชาวพุทธ |
![]() ...การเข้าใจความจริงคือศึกษาความจริงของพระธรรมคำสอนให้เข้าใจจริง... ...เข้าใจอย่างไร...คือให้เข้าใจมั่นคงว่า...แม้ขณะนี้ที่เห็นตัวเรา คน วัตถุ สิ่งของ... ...เป็นความไม่รู้ความจริง...เป็นการเห็นผิดจากธรรมเพราะเห็นว่าเป็นสุขขัง เป็นนิจจัง เป็นอัตตา... |
เจ้าของ: | Rosarin [ 12 ก.ค. 2010, 10:54 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ชาวพุทธ |
![]() ...การเข้าใจความจริงคือศึกษาความจริงของพระธรรมคำสอนให้เข้าใจจริง... ...เข้าใจอย่างไร...คือให้เข้าใจมั่นคงว่า...แม้ขณะนี้ที่เห็นตัวเรา คน วัตถุ สิ่งของ... ...เป็นความไม่รู้ความจริง...เป็นการเห็นผิดจากธรรมเพราะเห็นว่าเป็นสุขขัง เป็นนิจจัง เป็นอัตตา... ...เช่นเห็นสิ่งของแล้วชอบใจอยากได้ เห็นดาราสวย-หล่อแล้วกรี๊ดกร๊าด...รู้ไว้เถอะว่าขณะนั้น.... ...เป็นกิเลสปิดบังความจริง...ทำให้มืดหลงปล่อยความคิดให้เพลิดเพลินทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ... ...เพราะความจริงที่พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสรู้เป็นผู้สิ้นกิเลสแล้วมาแสดงความจริงให้ได้รู้... ...ว่าธรรมคือธรรมชาติของทุกๆสิ่งเป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ไม่ใช่สัตว์ สิ่งของ บุคคลที่คิดปรุงแต่ง... ![]() ...เป็นแต่สภาพธรรมแต่ละอย่างเกิด-ดับทุกขณะที่เห็นสืบต่ออย่างรวดเร็วกว่าสายตาปุถุชนจะเห็นได้ทัน... ...เมื่อใดที่คิดจะให้คือขณะจิตที่เป็นกุศลก็เกิดแค่ขณะที่ให้ขณะเดียว...ที่เหลือก็เพลิดเพลินทำสิ่งอื่น... ...คือเพลิดเพลินทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย ทางใจ ให้รู้ว่าที่เพลินน่ะกิเลสหัวเราะเราทั้งวัน... ...เพราะความจริงก็คือมองเห็นปุ๊บก็คิดเป็นคน สัตว์ สิ่งของ ทันที เพราะจิตจำทำหน้าที่เร็วกว่าธรรม... ...เพราะจำไว้แล้วว่ามีสมมติบัญญัติชื่อให้จดจำไว้แล้วมากมาย...ตามการสะสมของแต่ละดวงจิต... ...เอาความจริงง่ายๆว่าผู้ใหญ่ได้ยินเสียงช้างก็รู้ว่าช้างถึงจะยังไม่เห็นตัวช้างเพราะจำลักษณะช้างแม่น... ...เทียบกับเด็กที่เกิดใหม่...ได้ยินเสียงช้างเหมือนกันแต่ไม่รู้ว่าเป็นเสียงช้าง...เพราะยังไม่บันทึกการจำนั้น... ![]() ![]() |
เจ้าของ: | Rosarin [ 12 ก.ค. 2010, 11:51 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ชาวพุทธ |
![]() ![]() ...การได้รู้ความจริงประเสริฐกว่าความรู้ใดๆที่ได้รู้มาทุกแขนงทุกวิชาในโลกนี้... ...พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงความจริงที่ไม่มีใครเป็นเจ้าของ... ...สิ่งต่างๆที่เกิดผ่านทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ไม่อยู่ในบังคับบัญชาของใคร... ...เกิดแล้ว ดับแล้ว ไม่เหลืออะไรเลย มีแต่ความว่างเปล่า แล้วเกิดเห็นสืบต่อ... ...เห็นทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย ทางใจ...เกิดได้ทีละอย่างเดียว... ...ทุกอย่างเกิดไม่พร้อมกันคือเห็นรูป ได้กลิ่น ได้ยินเสียง รู้สึกเย็น-ร้อน-อ่อน-แข็ง... ...เกิดเห็นหมดไปแล้วจนไม่เหลือการเห็นนั้นแล้วที่เรียกว่าเป็นอนิจจัง แล้วเกิดได้ยินต่อ... ...ซึ่งการได้ยินดับหมดแล้วจึงเกิดขณะจิตต่อไปได้...ไม่มีอะไรที่เกิดขึ้นพร้อมกันได้เลย... ...และที่ดับไปแล้วนี่หรือที่จะเอามายึดเป็นตัวเรา อย่างเห็นก็หมดไป จึงเกิดได้ยินได้ เป็นต้น... ...เพราะยึดสิ่งที่เกิดดับตลอดเวลาที่ไม่มีตัวตนนั้นที่เป็นแต่สภาพธรรมะแต่ละอย่างที่เกิด... ...ทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ก็สภาพธรรมนั้นเกิดแล้วหมดแล้วไม่เหลืออะไรเลยและ... ...เป็นปัจจัยให้ขณะจิตต่อไปเกิดสืบต่อจนแทบไม่มีช่องว่างของการเกิด-ดับนั้นๆเลย... ...เพราะยึดถือสิ่งที่เกิดดับตลอดเวลาที่เป็นธรรมะว่าเป็นตัวเรา เป็นของเรา จึงทุกข์... ...ก็ความจริงของธรรมที่อธิบายมาแล้วแต่ต้นไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา... ![]() ![]() ![]() |
เจ้าของ: | Rosarin [ 12 ก.ค. 2010, 12:07 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ชาวพุทธ |
![]() ![]() ...ความจริงที่พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงตามความเข้าใจของข้าพเจ้าคืออย่างนี้... ...ที่เห็นเป็นคนผ่านทางตาตัวเราคือการฉายภาพยนตร์ที่มีตัวละครต่างๆทั้งที่เกี่ยวและไม่เกี่ยวกับเรา... ...คือฉายภาพให้ตัวเองดูการแสดงของสิ่งต่างๆที่พะรพุทธเจ้าเรียกว่าเป็นสภาพธรรมให้ตนเองดู... ...โดยมีจิตตนเองเป็นนักแสดงที่รับรู้อารมณ์ของตัวแสดงต่างๆทางตา หู จมูก ลิ้น กาย และใจ... ...ก็จิตดวงนี้เองที่สร้างหนังให้ตนเองดูทุกวันตั้งแต่ลืมตาตื่นจนกระทั่งหลับพักความคิดไปเท่านั้น... ...สำหรับคนที่หลับไม่สนิทคือฝันต่างกันไป...ก็คือไม่ได้พักความคิดแม้ขณะหลับก็คิดภาพได้ด้วย... ...พระองค์แสดงว่า...จิตแต่ละดวงอยู่ในโลกของความคิด...คิดคนเดียวด้วย...ตั้งแต่เกิดจนตาย... ...จิตท่องเที่ยวเพียงดวงเดียว...โดยมีองค์ประกอบของจิตแต่ละดวงที่มาท่องเที่ยวดวงเดียวเช่นกัน... ...คือจิตแต่ละดวงท่องเที่ยวดวงเดียวตั้งแต่เกิดจนตายทางตา ทางหู ทางจมูกทางลิ้นทางกายทางใจ... ...แล้วก็จิตดวงนี้เองที่ท่องเที่ยวนี้ทำงาน 2 อย่างคือคิดดีกับคิดไม่ดี...ไม่มีคน สัตว์มารับการคิดนั้น... ...เช่นคิดโกรธคนที่ด่าเรา...คือจิตดวงนี้เองคิดไม่ดี...เกิดจิตดวงนี้โกรธแล้วดับแล้วเป็นสภาพธรรม... ...ที่ดับไปแล้วนั้น...เป็นกรรมไม่ดีที่จิตดวงนั้นกระทำและต้องไปรับผลของกรรมนั้นเอง...จะโกรธอีกไหม... ![]() ![]() ![]() |
เจ้าของ: | Rosarin [ 12 ก.ค. 2010, 14:02 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ชาวพุทธ |
![]() ![]() ...ความละเอียดของพระธรรมแสดงถึงความละเอียดของจิตพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า... ...ที่ทรงแสดงถึงขันธ์ห้าที่ประกอบด้วยธาตุสี่ดินน้ำลมไฟรวมตัวกันแล้วมีจิตเข้ามาครองขันธ์... ...ทำให้เกิดอุปาทานในขันธ์...เกิดเป็นรูปหนึ่ง...นามสี่เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ... ...ยังแยกละเอียดถึงองค์ประกอบของธาตุสี่ในรูปคือกายนี้ว่ามีผม ขน เล็บ ฟัน หนัง เป็นต้น... ...รวมแล้วเป็น ๓๒ อาการที่แต่ละอย่างต่างอันต่างทำหน้าที่เช่นตาเห็น หูได้ยิน ลิ้นรับรส... ...สลับหน้าที่กันทำไม่ได้...เสมือนการเกิดอาการต่างๆทางร่างกายนั้นเกิดขึ้นพร้อมกัน... ...แต่ความจริงคือที่เห็นว่าเกิดพร้อมกันนั้นเป็นแต่ความคิดที่ปรุงแต่งต่ออย่างแนบเนียนหลอกจิต... ...ปกปิดความจริงของการเกิด-ดับที่เกิดได้เพียงลักษณะเดียว...ไม่มีการเกิดขึ้นพร้อมกันได้เลย... ![]() ...ทรงแสดงว่าเกิดเห็นรูปทางตาดับไปไม่หลงเหลือการเห็นทางตาอีกเลยจึงเกิดการเห็นรูปอื่นๆได้... ...รูปที่เห็นได้แก่ รูปของบุคคล วัตถุ รูปของเสียง รูปของกลิ่น รูปของรส รูปของสัมผัส แต่ละอย่าง... ...มีรูปเพราะความคิดจำที่ปรุงแต่งของจิตแต่ละดวงที่ปรุงแต่งให้ชอบไม่ชอบแตกต่างกันออกไป... ...สภาพของใจที่เป็นประธานคือจิตล้วนๆไม่รู้อะไรเลย...แต่มีเจตสิกต่างๆเกิดขึ้นประกอบมากมาย... ...เพราะการศึกษาพระธรรมที่ถูกต้องไม่ใช่การท่องจำเหมือนวิชาการอื่นๆ...แต่ต้องเป็นผู้ละเอียด... ...ในการคิดไตร่ตรองให้เกิดความเห็นตรงต่อสิ่งที่พระองค์ทรงแสดงเพื่อประโยชน์ในการละกิเลส... ...ใช้ชีวิตในปัจจุบันขณะให้ทุกข์น้อยลง...คือเมื่อจิตรู้ว่าไม่มีคน สัตว์มารับความโกรธ ดีใจ เสียใจ... ...จิตจึงละความเห็นผิด...ลดการติดข้องว่าเป็นสัตว์เลี่ยงของเรา เขาด่าเรา ก็จะละโลภะ โทสะ โมหะ... ...และประโยชน์ที่สำคัญคือได้สะสมปัญญาคือวิชชาเพื่อดับอวิชชาความไม่รู้ทุกขณะที่จิตนั้นเห็นตรง... ![]() ![]() ![]() |
เจ้าของ: | Rosarin [ 12 ก.ค. 2010, 14:10 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ชาวพุทธ |
![]() ![]() ...การทำความเห็นให้ตรงเป็นหนึ่งในบุญกิริยาวัตถุสิบ... ...เพราะเห็นตรงตามความจริงที่ทรงแสดงจึงสามารถละได้... ...การบรรลุธรรมไม่ใช่สิ่งที่ง่าย...ต้องอาศัยการสะสมยาวนาน... ...พระพุทธเจ้าสมณโคดมก่อนได้รับพยากรณ์เมื่อ 4 อสงไขยนั้น... ...ได้สะสมและเรียนรู้เพื่อที่จะเข้าใจพระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้าพระองค์อื่นๆ... ...บำเพ็ญบารมีก่อนได้รับพยากรณ์ว่าจะได้เป็นพระพุทธเจ้าถึง 16 อสงไขยเชียวแหละ... ...และได้พบพระพุทธเจ้ามามากกว่าห้าแสนพระองค์...ลองคิดถึงตัวเองว่าจะเข้าใจธรรมอย่างไร... ![]() http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=26&t=26751 ![]() ![]() |
เจ้าของ: | กรัชกาย [ 12 ก.ค. 2010, 15:37 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ชาวพุทธ |
อ้างคำพูด: ...การบรรลุธรรมไม่ใช่สิ่งที่ง่าย...ต้องอาศัยการสะสมยาวนาน... ...พระพุทธเจ้าสมณโคดมก่อนได้รับพยากรณ์เมื่อสี่อสงไขยนั้น... ...ได้สะสมและเรียนรู้เพื่อที่จะเข้าใจพระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้าพระองค์อื่นๆ... กว่าจะบรรลุธรรมพระพุทธเจ้าใช้เวลาสะสมยาวนานเป็นอสไขยๆๆๆๆ แล้วอย่างพวกเรานี้ คงไม่มีทางแน่ แบบนี้ ที่ว่า บรรลุธรรมๆ พระพุทธเจ้าบรรลุธรรมอะไรขอรับ ถึงใช้เวลาสะสมยาวนานขนาดนั้นๆ ![]() |
เจ้าของ: | เช่นนั้น [ 12 ก.ค. 2010, 16:23 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ชาวพุทธ |
นอนนับดวงดาว บนท้องฟ้า ยังดีกว่า ไปลอกบทความ เพ้อเจ้อ ของสำนักนี้ มาให้อ่าน |
เจ้าของ: | เช่นนั้น [ 12 ก.ค. 2010, 16:56 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ชาวพุทธ |
อ้างคำพูด: ด้วยความจำต่างกับความจริงของพระธรรมที่ทรงมีพระเมตตาแสดงแก่เทวดาและมนุษย์แล้วนั้น... ...ความเป็นอนัตตาคือความจริง จริงจริง เที่ยงตรง แม่นยำ เกิด-ดับไม่เหลืออะไรที่ย้อนกลับมาได้เลย คือแสดงความจริงไม่ใช่ความจำ... เมื่อใดที่มองด้วยตายังเห็นตัวเราในกระจกแล้วเพลิดเพลินว่าสวย หล่อ เลิศ... ...ก็คือกิเลสความไม่รู้ความจริงของธรรมะที่พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงว่า... ...ธรรมะ เป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา การเข้าใจความจริงคือศึกษาความจริงของพระธรรมคำสอนให้เข้าใจจริง... ...เข้าใจอย่างไร...คือให้เข้าใจมั่นคงว่า...แม้ขณะนี้ที่เห็นตัวเรา คน วัตถุ สิ่งของ... ...เป็นความไม่รู้ความจริง...เป็นการเห็นผิดจากธรรมเพราะเห็นว่าเป็นสุขขัง เป็นนิจจัง เป็นอัตตา... เพราะความจริงที่พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสรู้เป็นผู้สิ้นกิเลสแล้วมาแสดงความจริงให้ได้รู้... ...ว่าธรรมคือธรรมชาติของทุกๆสิ่งเป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ไม่ใช่สัตว์ สิ่งของ บุคคลที่คิดปรุงแต่ง... ...เป็นแต่สภาพธรรมแต่ละอย่างเกิด-ดับทุกขณะที่เห็นสืบต่ออย่างรวดเร็วกว่าสายตาปุถุชนจะเห็นได้ทัน. ...เพราะยึดถือสิ่งที่เกิดดับตลอดเวลาที่เป็นธรรมะว่าเป็นตัวเรา เป็นของเรา จึงทุกข์... ...ก็ความจริงของธรรมที่อธิบายมาแล้วแต่ต้นไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา... ความจริงที่พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงตามความเข้าใจของข้าพเจ้า ![]() ความละเอียดของพระธรรมแสดงถึงความละเอียดของจิตพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า... ...ที่ทรงแสดงถึงขันธ์ห้าที่ประกอบด้วยธาตุสี่ดินน้ำลมไฟรวมตัวกันแล้วมีจิตเข้ามาครองขันธ์... ![]() ลองคิดถึงตัวเองว่าจะเข้าใจธรรมอย่างไร... อ่านแล้ว ได้อะไรบ้าง ..... คิดเองเออเอง ว่าพระพุทธองค์ ตรัสสอนอย่างนี้ เอาความคิดตนเองยัดใส่ พระโอษฐ์ ของพระพุทธองค์ บาปนะท่าน |
เจ้าของ: | Rosarin [ 12 ก.ค. 2010, 17:13 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ชาวพุทธ |
![]() อ้างคำพูด: กว่าจะบรรลุธรรมพระพุทธเจ้าใช้เวลาสะสมยาวนานเป็นอสไขยๆๆๆๆ แล้วอย่างพวกเรานี้ คงไม่มีทางแน่แบบนี้ ที่ว่า บรรลุธรรมๆ พระพุทธเจ้าบรรลุธรรมอะไรขอรับ ถึงใช้เวลาสะสมยาวนานขนาดนั้นๆ ![]() ...เอาความจริง ณ บัดนาว...เดี๋ยวนี้เองว่า...ท่านกรัชกายเห็นการเกิด-ดับหรือเห็นมือตัวเองจิ้มดีด... ...ถ้ายังเห็นเป็นตัวเรา เป็นสิ่งของ เป็นโทรศัพท์ ก็คือเห็นไม่ตรงตามพระธรรมที่ทรงแสดงว่าอนัตตา... ...ก็ขณะที่เห็นของพระโสดาบันเห็นปุ๊บคือไม่ใช่ความคิดจำเป็นสภาพรู้ธรรมชาติของการเกิด-ดับทันที... ...ก็การศึกษาพระธรรมคือการพิจารณาโดยละเอียดจนสะสมเป็นความเข้าใจเพิ่มขึ้นของจิตแต่ละดวง... ...แล้วการสะสมความเข้าใจที่เพิ่มขึ้นนั้นเรียกว่าปัญญาดับความไม่รู้ขณะนั้นๆที่กำลังเข้าใจ... ...แต่เมื่อเผลอก็ลืมแล้วว่าเป็นสภาพธรรมเพราะยังเห็นความจริงที่ผิดคือเห็นคน สัตว์ สิ่งของ... ...เพราะมนุษย์มีความสามารถที่เลิศกว่าดิรัจฉานคือไม่ได้เกิดมาเพื่อกิน นอน ขับถ่าย สืบพันธุ์เท่านั้น... ...ด้วยรู้จักคิดใคร่ครวญไตร่ตรองตามเหตุผลจนกว่าเป็นความเข้าใจที่เห็นตรงตามสภาพธรรมนั้นเอง... ...ไม่ใช่เพื่อจดจำว่าพระธรรม๘๔๐๐๐มีอะไรบ้าง...ใครคุยกับใครเท่านั้น....ต้องรู้ขณะนี้ที่กำลังเข้าใจเพิ่มขึ้น... ![]() ![]() ![]() |
เจ้าของ: | Rosarin [ 12 ก.ค. 2010, 17:26 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ชาวพุทธ |
![]() ![]() ...ขอบคุณคุณเช่นนั้นที่ร่วมแสดงความคิดเห็น... ...เพราะพระธรรมเป็นความละเอียดของจิตแต่ละดวงที่ทำความเข้าใจ... ...ต้องเป็นความเข้าใจว่าธรรมเป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ไม่ใช่สภาพท่องจำได้... ...ก็ที่อธิบายแล้วว่าเกิดดับทุกขณะจิตและเกิดทีละอย่างไม่พร้อมกันเป็นความจริง... ...ที่จิตของพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงเพื่อจิตที่มีปัญญาสะสมมาพร้อมแล้ว... ...พอแสดงปุ๊บก็บรรลุธรรมแต่ละขั้นตามภูมิจิตภูมิธรรมที่จิตดวงเหล่านั้นที่ฟังแล้วได้บรรลุถึง... ...เพราะไม่ได้ทรงแสดงความเชื่อโดยที่ไม่ใช่ความจริง...ผู้ที่ไม่บรรลุคือจิตยังไม่รวดเร็วพอนั่นเอง... ![]() ...ข้าพเจ้าได้ฟังพระธรรมเทศนาของพระอรหันต์คือหลวงตามหาบัวญาณสัมปันโน... ...จากความเข้าใจที่เพิ่มขึ้นที่กล่าวมาข้างต้นนั้นแล้ว...จึงได้รู้และเข้าใจจริงๆว่า... ...พระอรหันต์ทรงแสดงความจริงตามสภาพที่เกิด-ดับของธรรมตามคำสอนจริงๆ... ...มีตอนหนึ่งที่หลวงตาแสดงว่าความรวดเร็วของจิตพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้านั้น... ...ถ้าเปรียบเทียบความจริงบนโลกมนุษย์ให้รู้ก็คือ...พระอรหันต์นั้งอยู่บนเครื่องบินที่บินเร็ว... ...และเห็นรถยนต์กำลังเคลื่อนที่ไปช้าๆ ผู้อยู่ในรถยนต์ก็คิดว่าเร็วแล้ว... ...แต่แท้จริงก็คือเครื่องบินเร็วกว่ารถยนต์...ฉันใดความรวดเร็วของการเห็นการเกิด-ดับก็คือกัน... ...เพราะจิตพระอรหันต์เร็วกว่าปุถุชนฉันนั้น...การรู้สภาพธรรมจึงต้องได้บรรลุธรรมทางเดียว... ![]() ![]() ![]() |
หน้า 1 จากทั้งหมด 7 | เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง |
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group http://www.phpbb.com/ |