วันเวลาปัจจุบัน 24 เม.ย. 2024, 04:37  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 21 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 ก.ค. 2010, 10:59 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกใหม่
สมาชิกใหม่
ลงทะเบียนเมื่อ: 20 ก.ค. 2010, 10:51
โพสต์: 1

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8: ถามผู้รู้ว่าเราจะประเมินการภาวนาว่ามาถูกทางและก้าวหน้าแล้วอย่างไรคะ ขอบคุณมากค่ะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 ก.ค. 2010, 12:44 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ศีกษาพระไตรปิฏก

วางใจในพระธรรมคำสอน
การประเมินความสำเร็จ ไม่พ้นจากพระธรรมคำสอน

สามัญผลย่อมเป็นอันหวังได้

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 ก.ค. 2010, 16:42 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 เม.ย. 2008, 13:18
โพสต์: 1367

ที่อยู่: bangkok

 ข้อมูลส่วนตัว


:b4: :b4: :b4:

อย่างท่าน เช่นนั้น ว่านั่นแหละครับ....ศึกษาพระไตรปิฏก :b8: :b8: :b8:

.....................................................
ตั้งสติไว้ มองความจริงตามความเป็นจริง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 ก.ค. 2010, 18:43 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 มิ.ย. 2010, 12:05
โพสต์: 282

อายุ: 0
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


ขึ้นอยู่กับว่าเราใช้มาตรวัดอะไร จิตใจที่พระพุทธเจ้าท่านสอนเอาไว้ก็มี
อย่างเป็นคนมักน้อยไหม สันโดษไหม ชอบคลุกคลีไหม มีสติไหม
มีศีลไหม ใจตั้งมั่นมากขึ้นไหม
เห็นความจริงของกายของใจมากขึ้นไหม

ถ้าพูดในเชิงปฏิบัติ สังเกตง่ายๆ เราเห็นกิเลสบ่อยขึ้นไหม
ถ้าเห็นกิเลสบ่อยๆแสดงว่าสติเกิดบ่อย
ความทุกข์ของเราสั้นลงไหม เผลอสั้นลงไหม สติเกิดเร็วขึ้นไหม
ใจตั้งมั่นหรือว่าเข้าไปแทรกแซงแล้วรู้ทันมัน เห็นความจริงของกายของใจไหม
ทำใจสบายๆแล้วลองนึกถึงสภาวะขณะนี้ กับสภาวะก่อนจะหัดภาวนา
รู้สึกกิเลสเบาบางลงไปไหม วิญญูชนรู้ได้ด้วยตนเอง

.....................................................
อย่ามัวเสียใจกับเรื่องที่ผ่านมา อย่าปล่อยให้ชราแล้วตายไปเปล่า อย่ามัวแต่ตำหนิตนเองหรือผู้อื่นอยู่ คิดอยู่เสมอว่าจะพัฒนาจิตใจตน และทำประโยชน์ให้ผู้อื่นอย่างไร แล้วเร่งกระทำทันที อย่ามัวรีรอ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 ก.ค. 2010, 18:58 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


monmit เขียน:
:b8: ถามผู้รู้ว่าเราจะประเมินการภาวนาว่ามาถูกทางและก้าวหน้าแล้วอย่างไรคะ ขอบคุณมากค่ะ


กรณีนี้น่าจะพอประเมินได้


แฟนเป็นคนที่เสเพลมาก กินเหล้า แบบว่าไม่ได้เรื่องน่ะค่ะ

ดิฉันเป็นคนชอบทำบุญทำทาน นั่งสมาธิและสวดมนต์ แฟนก็ทำตามดิฉันเพราะดิฉันบังคับแรกๆ

เมื่อไม่กี่วันนี้พาแฟนไปนั่งสมาธิมา (แบบยุบหนอพองหนอ) แค่ไม่กี่ชั่วโมง แฟนดิฉันก็ผิดปกติไปค่ะ

เค้าตื่นมาจากสมาธิ เค้าถามดิฉันว่า รู้สึกถึงลมหายใจที่ชัดเจน เค้ารู้สึกว่าส่วนท้องเค้ามันยุบลงไป

แค่ไหนอย่างไรเวลาหายใจเข้าออก เวลาเดินจงกรม เค้ารู้สึกถึงเท้าที่ย่ำลงพื้นว่าส่วนไหนที่กระทบพื้น

ชัดเจน


เค้าถามดิฉันว่า มันคืออะไร ดิฉันได้แต่นั่งไม่เคยเป็นแบบนี้เลยค่ะ

กลับมาจากวัดเค้าพูดว่า เค้าสดชื่นจับพวงมาลัยรถรู้ว่ามือเค้าจับพวงมาลัย รู้สึกชัดเจนมากๆ มีสติ

เค้าบอกเค้าเข้าใจถึงคำว่า ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน ว่ามันมีจริงๆ เหมือนคนใส่เเว่นมัวๆมาแล้วเช็ดจนมันใส

ชัดเจน


เค้าพูดแต่เรื่องนั่งสมาธิ กลับมาเค้าไม่ดื่มเหล้า สวดมนต์ นั่งสมาธิ ยิ้ม ใจเย็น และดูจะอิ่มบุญมาก

มาหลายวันแล้วค่ะ

ดิฉันดีใจค่ะที่เค้าเป็นแบบนี้ เค้าบอกเค้ากลัวที่ไปสูบบุหรี่ หรือ กินเหล้าอีกความรู้สึกแบบนี้จะหายไป

เค้ากำลังเข้าถึงสมาธิใช่ไหมคะ

http://fws.cc/whatisnippana/index.php?topic=180.0

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 ก.ค. 2010, 19:16 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
เค้าตื่นมาจากสมาธิ เค้าถามดิฉันว่า รู้สึกถึงลมหายใจที่ชัดเจน เค้ารู้สึกว่าส่วนท้องเค้ามันยุบลงไป

แค่ไหนอย่างไรเวลาหายใจเข้าออก เวลาเดินจงกรม เค้ารู้สึกถึงเท้าที่ย่ำลงพื้นว่าส่วนไหนที่กระทบพื้น

ชัดเจน

เค้าถามดิฉันว่า มันคืออะไร ดิฉันได้แต่นั่งไม่เคยเป็นแบบนี้เลยค่ะ

กลับมาจากวัดเค้าพูดว่า เค้าสดชื่นจับพวงมาลัยรถรู้ว่ามือเค้าจับพวงมาลัย รู้สึกชัดเจนมากๆ มีสติ

เค้าบอกเค้าเข้าใจถึงคำว่า ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน ว่ามันมีจริงๆ เหมือนคนใส่เเว่นมัวๆมาแล้วเช็ดจนมันใส

ชัดเจน

เค้าพูดแต่เรื่องนั่งสมาธิ กลับมาเค้าไม่ดื่มเหล้า สวดมนต์ นั่งสมาธิ ยิ้ม ใจเย็น และดูจะอิ่มบุญมาก



หากประมาณนั้น ไม่พึงถามว่าเป็นอะไร เป็นสมถะ,วิปัสสนา,สติ,สัมปชัญญะ, หรือถามว่า...อะไร

ต่ออะไรที่เคยได้ยินได้ฟังมาแล้วครับเสียเวลา ปฏิบัติต่อไป ในทุกอิริยาบถ :b1: :b13:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 ก.ค. 2010, 22:12 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 มิ.ย. 2004, 12:36
โพสต์: 86

โฮมเพจ: naiyanit.blogspot.com
แนวปฏิบัติ: ดูจิต
งานอดิเรก: ปฏิบัติธรรม
สิ่งที่ชื่นชอบ: หนังสือธรรมะของหลวงพ่อปราโมทย์ ทุกเล่ม
ชื่อเล่น: นิดนึง
อายุ: 0
ที่อยู่: เมืองนนท์

 ข้อมูลส่วนตัว www


เข้ามาเยี่ยมๆ มองๆ เห็นชื่อคุณตรงประเด็น กำลังอ่านอยู่พอดี เชิญคุณตรงประเด็นค่ะ :b8: :b12:

.....................................................
~รู้สภาวะตามความเป็นจริงลงปัจจุบัน ด้วยจิตที่ตั้งมั่นและเป็นกลาง~
สติมา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 ก.ค. 2010, 22:35 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 19 ธ.ค. 2008, 23:00
โพสต์: 48

ที่อยู่: บางแค

 ข้อมูลส่วนตัว


ส่งอารมณ์กับครูบาอาจารย์ครับ^^

.....................................................
คำที่ข้าพเจ้าได้กล่าวอ้างมาทั้งหมดนี้ ส่วนมากเป็นของครูบาอาจารย์ ผู้เขียนหนังสือต่างๆ พ่อแม่ ญาติ ผู้มีคุณและเพื่อนๆของข้าพเจ้า สิ่งที่ข้าพเจ้าได้กล่าวไปนั้น ถ้าผิดพลาดอย่างไรก็ขอความกรุณาชี้แนะด้วย และบุญกุศลที่ข้าพเจ้าได้แจกจ่ายธรรมทานนั้นขอให้ผลบุญนั้นส่งถึง บุคคลที่ได้กล่าวมา ขอให้ท่านทั้งหลายมีความสุข ข้าพเจ้าขอถวายเป็นพุทธบูชา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ก.ค. 2010, 20:40 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


หลักการหรือคำสอนใดก็ตาม ที่เป็นเพียงการคิดค้นหาเหตุผลในเรื่องความจริงเพื่อสนองความต้องการ

ทางปัญญาโดยมิได้มุ่งหมาย และ มิได้แสดงแนวทางสำหรับประพฤติปฏิบัติในชีวิตจริง อันนั้น

ให้ถือว่าไม่ใช่พระพุทธศาสนา โดยเฉพาะอย่างที่ถือว่า เป็นคำสอนเดิมแท้ของพระพุทธเจ้า

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


แก้ไขล่าสุดโดย กรัชกาย เมื่อ 22 ก.ค. 2010, 07:05, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ก.ค. 2010, 21:00 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5977

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


monmit เขียน:
เราจะประเมินการภาวนาว่ามาถูกทางและก้าวหน้าแล้วอย่างไรคะ ขอบคุณมากค่ะ




กล่าวโทษผู้อื่นหรือสิ่งนอกตัวน้อยลง รู้อยู่ในกายและจิตมากขึ้น

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 ก.ค. 2010, 06:15 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 07 มี.ค. 2010, 14:54
โพสต์: 126

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


จริตของแต่ละบุคคลแตกต่างกันไป อารมณ์สมาธิก็เหมือนกัน เหมือนกับผู้ที่ฝึกมาแบบหนึ่งแล้วไปส่งอารมณ์กับผู้ที่ฝึกมาอีกแบบหนึ่ง ผลของอารมณ์ย่อมแตกต่างกัน จงยึดมั่นในอารมณ์ของเรา ว่าเราจะต้องละอวิชาให้ได้


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 ก.ค. 2010, 18:27 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 พ.ค. 2009, 09:34
โพสต์: 1478

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


monmit เขียน:
:b8: ถามผู้รู้ว่าเราจะประเมินการภาวนาว่ามาถูกทางและก้าวหน้าแล้วอย่างไรคะ ขอบคุณมากค่ะ


อืมห์ การยืนอยู่ในแต่ละจุด การแสดงความเห็นก็จะต่างไปนะ

เมื่อวันที่เรายังต้องเพียรเดินตามมรรค ...
เราก็มักจะใช้ตัวชี้วัดหลาย ๆ ตัวได้ ...
การแสดงออกมาด้วย การควบคุมได้ ศักยภาพในการควบคุม
หรือ ศักยภาพในการรู้ต่าง ๆ การรู้เท่าทัน การรู้ในลักษณะอันเป็นวิชา
ศักยภาพในการมีสติพิจารณาใน กาย เวทนา จิต ธรรม
หรือ...ศักยภาพในการที่เรามีสติในการรับมือกับความแปรปรวนต่าง ๆ ของขันธ์
ตัวชี้วัดเหล่านี้ จะเป็นตัวชี้ให้เราเห็นทางที่ทอดไปข้างหน้า นะ

ก็เหมือนกับเรากำลังปลูกมะม่วง ยังไงซะ ต้นมะม่วงต้องโตไปเรื่อย ๆ
และ เราก็ต้องได้เห็นผลมะม่วง ลิ้มรสผลมะม่วง
นะ นะ นะ

แต่สิ่งที่เราจะออกความเห็นต่อจากนี้ไป
เพียงแต่...เปรย ๆ เล่น ๆ ในสิ่งที่อยู่ในคำนึง...

เมื่อเราเห็นดอกมะม่วง มันติดผล และผลนั้นก็รอดพ้นวันคืน
จากตุ่มเล็ก ๆ ก็ค่อย ๆ ใหญ่ขึ้น
ผิวที่เขียว ก็เริ่มมีสีเหลืองแซม

ความก้าวหน้าในแต่ละช่วง ล้วนมาจากความก้าวหน้าในแต่ละช่วง
ถ้าการปฏิบัติ ... คือการรอให้มันเหลืองเต็มที่แล้วค่อยเด็ด...มาชิม
อืมห์....หวาน...หอม...

อืมห์....แต่ในระหว่างที่นั่งชิมเพลินอยู่นั่น...
ก็เห็นผลที่สุกงอม....ร่วงหล่นมาแป๊ะ....แตกกระจายบนพื้นดินตรงหน้า...

การปฏิบัติ ล้วนมีอรรถรสในทุกช่วงขณะ....นะ นะ .... นะ นะ

และความก้าวหน้า...มันอยู่ตรงไหนกัน...แน่นะ...

และก็เป็นอันจบ
บทว่าด้วย...เอกอน...รำพัน...


:b1:


แก้ไขล่าสุดโดย เอรากอน เมื่อ 26 ก.ค. 2010, 18:30, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 ก.ค. 2010, 18:52 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ค. 2008, 14:14
โพสต์: 3835

อายุ: 12
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


หลวงพ่อ ประยุตย์ ปยุตโต มีเขียนไว้ในหนังสือพุทธธรรม
ค่อนข้างละเอียดเกี่ยวกับการตรวจสอบตนเอง ถึงผลการเจริญภาวนา
โดยย่อ ท่านให้ดูว่า กุศลต่างๆเจริญขึ้นหรือไม่ อกุลศลลดลงหรือไม่
เช่นมีจิตเมตตามากขึ้น ผูกโกรธน้อยลง

ถ้าไงลองไปหาอ่านเอานะครับของสำนักพิมพ์ ธรรมสภา
http://www.thammasapa.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 ส.ค. 2010, 02:20 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 เม.ย. 2010, 08:10
โพสต์: 2830

แนวปฏิบัติ: ขันธ์5ด้วยการสังเกตุ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ และอินทรีย์22
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระสุตตันตปิฎก
อายุ: 0
ที่อยู่: ระยอง อุบลราชธานี

 ข้อมูลส่วนตัว


ความก้าวหน้าวัดได้จาก
ไม่ผิดศีลเห็นคุณของการถือศีล
มีความเพียรเพิ่มขึ้นไม่ย่อหย่อน มีความประสงค์เห็นคุณของการนั่งสมาธิ

มีการฝึกสติตลอดเวลาแม้กระทั่งกำลังทำงาน เหมือนท่านกรัชกายนำเรื่องมาเล่าจับพวงมาลัยก็รู้ว่าจับพวงมาลัย ส่วนอื่นเคี้ยวอาหารก็รู้ว่าเคี้ยวอาหารอย่างชัดเจน

มีการพิจารณาร่างกายตนได้ชัดเจนไม่ว่าจะเป็นของเหลว ของแข็ง ทุกๆชิ้นส่วนในร่างกายต้องชัดเจนแม้กระทั่งอาการปวดขาต้องชัดเจน

มีการเพ่งหาโทษคนอื่นน้อยลง มีใจเป็นกลาง มีการควบคุมอารมณ์ดียิ่งขึ้นไม่ระบายออกจากทวารทั้ง5 อารมณ์เย็นหน้าอกที่วูบวาบร้อนผ่าวเพราะพิษกิเลสและความกังวลใจทั้งหลายแหล่จะหายไปกลายเป็นความเบาโล่ง (ความกังวลใจจะหายไปตั้งแต่แรกเริ่มนั่งเลยสำหรับคนไม่เคยนั่งมาก่อนจะสังเกตุได้เลย)

เห็นโทษของกระแสทางโลก เบื่อหน่ายในทางโลก เห็นความไร้สาระของสิ่งทั้งหลายทั้งปวง

ส่วนสมาธิเกิดขึ้นก็รู้ว่าเกิดมีสมาธิตั้งอยู่กับตัวมีการตั้งมั่นไม่รีบถอนสมาธิ

ส่วนธรรมจากการนั่งสมาธิมากกว่านี้ผมไม่ทราบต้องปรึกษาผู้รู้ครูบาอาจารย์พระสงค์ผู้รู้

.....................................................
อย่าท้อถอยต่อการปฏิบัติ อย่าปล่อยให้ความขุ่นเคืองเข้าแทรก สร้างพลังด้วยคำสอนของพระพุทธเจ้า รำลึกและตอบแทนพระคุณมารดา และบิดา มองโลกด้วยใจเป็นกลาง ระลึกเสมอว่าเรายังด้อยปัญญาหากยังไม่ได้ปัญญา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 ส.ค. 2010, 19:23 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 7
สมาชิก ระดับ 7
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 ม.ค. 2010, 11:43
โพสต์: 523

แนวปฏิบัติ: ดูปัจจุบันอารมณ์ เจริญมรรค ๘
งานอดิเรก: ปฏิบัติธรรม
สิ่งที่ชื่นชอบ: ประทีปแห่งเอเซีย
ชื่อเล่น: อโศกะ
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www




Resize of aa033.jpg
Resize of aa033.jpg [ 86.98 KiB | เปิดดู 6321 ครั้ง ]
:b1:
ถามผู้รู้ว่าเราจะประเมินการภาวนาว่ามาถูกทางและก้าวหน้าแล้วอย่างไรคะ ขอบคุณมากค่ะ
ให้สังเกตดูว่า ความรู้สึกเป็น อัตตา ตัวกู ของกู ที่มีอยู่ในจิต เขาเบาบางไปมากแล้วเท่าไหร่ ถ้าบางไป เบาไป ก็แสดงว่ามาถูกทาง

ถ้ายังโกรธง่าย ฉุน ขุ่นมัว แม้ถูกกระทบนิด กระทบหน่อย แสดงว่า อัตตา กู ยังเหลือเยอะ

ดูที่ความโกรธความขุ่นมัว ซึ่งเป็นมิเตอร์วัดความก้าวหน้าของการภาวนาตามแนวทางของพระพุทธเจ้า ได้ดีที่ซู้ด ค......ร้า......บ
แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 21 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 50 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร