ลานธรรมจักร http://dhammajak.net/forums/ |
|
1400กว่าปีมานี้ยังไม่มีพระอรหันต์ http://dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=1&t=33328 |
หน้า 1 จากทั้งหมด 2 |
เจ้าของ: | PureSign [ 22 ก.ค. 2010, 12:56 ] |
หัวข้อกระทู้: | 1400กว่าปีมานี้ยังไม่มีพระอรหันต์ |
สวัสดีทุกท่าน สมาชิกใหม่ค่ะ เนื่องจากได้มีผู้ให้หนังสือมาอ่าน พออ่านแล้วเกิดข้อสงสัย จิงหรือ 1400กว่าปีมานี้ยังไม่มีพระอรหันต์เกิดขึ้น เนื่องจากติดในณาน อภิญญา จากเนื้อหาในหนังสือ"พระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่า ณาน อภิญญา คือตาข่ายดักพรหม ต้องเวียนว่ายตายเกิดอยู่ไม่สามารถนำตัวเองออกจากตาข่ายไปสู่อริยบุคคลได้ นอกจากมีพระพุทธเจ้ามีพระพุทธเจ้ามาช่วยดึงออกจากณานอภิญญา ดังเช่นพระโมคคัลานะ มีพระพุทธเจ้ามาช่วยดึงออกจากตาข่ายณานอภิญญา ถึง8-9ครั้ง จึงสำเร็จเป็นพระอรหันต์" ![]() |
เจ้าของ: | ชาติสยาม [ 22 ก.ค. 2010, 14:49 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: 1400กว่าปีมานี้ยังไม่มีพระอรหันต์ |
![]() สงสัยจะเป้นสหายเก่า นามว่า พล...? |
เจ้าของ: | yasintorn [ 22 ก.ค. 2010, 15:55 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: 1400กว่าปีมานี้ยังไม่มีพระอรหันต์ |
จะมีหรือไม่คุณก็ไม่จำเป็นต้องสนใจหรอกครับ สู้เราตั้งใจปฏิบัติตามคำสอน ถือศีล ละชั่วดีกว่า อย่าสนใจเลยว่า จะมีพระอรหันต์หรือไม่มี เพราะเราไม่ควรไปยึดติดกับสิ่ง ที่ เป็นเพียงอนิจจัง ถึงพระอรหันต์ทั้งหลาย จะเป็นผู้วิเศษแต่ท่านเหล่านั้นก็มี เกิด แก่ เจ็บ ตาย เป็นธรรมดา ดังเช่น ที่ พระพุทธเจ้าเคยตรัสไว้กับพระสาวก รูปหนึ่งว่า /พระสาวกรูปนี้คลั่งไคล้ และยึดติด กับรูปกาย ของพระพุทธองค์มาก เวลาพระพุทธองค์ท่านจะไปไหนทำอะไร พระสาวกรูปนี้ก็ติดสอยห้อยตามตลอด จนพระพุทธองค์ท่านตรัสว่า "เธอจงอย่ายึดติดกับกายของเรามากนัก ถึงแม้กายนี้จักมีความสง่า แต่กายนี้ก็ยังมีวันดับไปเป็นธรรมดา เธอจงตั้งใจปฏิบัติต่อไปเถิด" / |
เจ้าของ: | เช่นนั้น [ 22 ก.ค. 2010, 16:21 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: 1400กว่าปีมานี้ยังไม่มีพระอรหันต์ |
PureSign เขียน: สวัสดีทุกท่าน สมาชิกใหม่ค่ะ เนื่องจากได้มีผู้ให้หนังสือมาอ่าน พออ่านแล้วเกิดข้อสงสัย จิงหรือ 1400กว่าปีมานี้ยังไม่มีพระอรหันต์เกิดขึ้น เนื่องจากติดในณาน อภิญญา จากเนื้อหาในหนังสือ"พระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่า ณาน อภิญญา คือตาข่ายดักพรหม ต้องเวียนว่ายตายเกิดอยู่ไม่สามารถนำตัวเองออกจากตาข่ายไปสู่อริยบุคคลได้ นอกจากมีพระพุทธเจ้ามีพระพุทธเจ้ามาช่วยดึงออกจากณานอภิญญา ดังเช่นพระโมคคัลานะ มีพระพุทธเจ้ามาช่วยดึงออกจากตาข่ายณานอภิญญา ถึง8-9ครั้ง จึงสำเร็จเป็นพระอรหันต์" ![]() จริงหรือไม่? เพราะศรัทธาท่านยังเลื่อนลอย จึงสงสัยในความมีหรือ ไม่มี พระอรหันต์? พระอรหันต์ ผู้ไกลจากกิเลส พ้นแล้วจากกิเลส.... ปัญหานี้ ไม่ใช่จะรู้ได้อย่างไรว่า ใครเป็นพระอรหันต์ หรือไม่ใช่พระอรหันต์..... แต่ขอให้พิจารณา ดูศรัทธาที่มีต่อพระรัตนตรัย มีตั้งอยู่ในจิตในใจของตนเอง ความศรัทธา ที่ไม่งมงาย ไม่เชื่อเลื่อนลอย นั้นเกิดขึ้นเพราะ ความมั่นใจในผล ความมั่นใจในผล เช่น -นิพพานเป็นผลที่พึ่งได้ และประกาศแล้วในพระศาสนานี้ว่าปราศจากโลภะปราศจากโทสะ ปราศจากโมหะ -สามัญผล คือผลที่ประจักษ์ได้จากการเจริญศีล สมาธิ ปัญญา ความมั่นใจต่อผล นี้เองจึงเรียกว่าศรัทธา ศรัทธาอย่างนี้ ย่อมไม่ต้องอาศัยความมี หรือความเป็นพระอรหันต์ว่า จะมีหรือเป็นในสมัยใด มาเกี่ยวข้อง เพราะศรัทธานี้วางลงไปต่อคุณสมบัติของจิตที่จะเป็นผลมาจากการอบรม ตามพระธรรมเทศนา ของพระพุทธองค์ผู้เป็นพระศาสดา ในพระศาสนานี้ ศรัทธา อย่างนี้ จึงข้ามพ้นวิจิกิจฉา หรือความสงสัยไปได้ |
เจ้าของ: | เช่นนั้น [ 22 ก.ค. 2010, 16:27 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: 1400กว่าปีมานี้ยังไม่มีพระอรหันต์ |
อ้างคำพูด: จากเนื้อหาในหนังสือ"พระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่า ณาน อภิญญา คือตาข่ายดักพรหม หนังสือเล่มนี้ ก็ทิ้งไปได้แล้ว เพราะแม้แต่คำว่า ตาข่ายดักพรหม ผู้แต่งก็ไม่มีความรู้ใน พระธรรมเทศนา เรือง พรหมชาละสูตร ที่แสดงไว้ว่า ทิฏฐิ 62 ประการ คือตาข่ายดักพรหม อันปรากฏในพระสูตรบทแรกของ พระสุตตปิฏก ฑีฆนิกาย พระสูตรแรก |
เจ้าของ: | PureSign [ 22 ก.ค. 2010, 16:59 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: 1400กว่าปีมานี้ยังไม่มีพระอรหันต์ |
เช่นนั้น เขียน: PureSign เขียน: สวัสดีทุกท่าน สมาชิกใหม่ค่ะ เนื่องจากได้มีผู้ให้หนังสือมาอ่าน พออ่านแล้วเกิดข้อสงสัย จิงหรือ 1400กว่าปีมานี้ยังไม่มีพระอรหันต์เกิดขึ้น เนื่องจากติดในณาน อภิญญา จากเนื้อหาในหนังสือ"พระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่า ณาน อภิญญา คือตาข่ายดักพรหม ต้องเวียนว่ายตายเกิดอยู่ไม่สามารถนำตัวเองออกจากตาข่ายไปสู่อริยบุคคลได้ นอกจากมีพระพุทธเจ้ามีพระพุทธเจ้ามาช่วยดึงออกจากณานอภิญญา ดังเช่นพระโมคคัลานะ มีพระพุทธเจ้ามาช่วยดึงออกจากตาข่ายณานอภิญญา ถึง8-9ครั้ง จึงสำเร็จเป็นพระอรหันต์" ![]() จริงหรือไม่? เพราะศรัทธาท่านยังเลื่อนลอย จึงสงสัยในความมีหรือ ไม่มี พระอรหันต์? พระอรหันต์ ผู้ไกลจากกิเลส พ้นแล้วจากกิเลส.... ปัญหานี้ ไม่ใช่จะรู้ได้อย่างไรว่า ใครเป็นพระอรหันต์ หรือไม่ใช่พระอรหันต์..... แต่ขอให้พิจารณา ดูศรัทธาที่มีต่อพระรัตนตรัย มีตั้งอยู่ในจิตในใจของตนเอง ความศรัทธา ที่ไม่งมงาย ไม่เชื่อเลื่อนลอย นั้นเกิดขึ้นเพราะ ความมั่นใจในผล ความมั่นใจในผล เช่น -นิพพานเป็นผลที่พึ่งได้ และประกาศแล้วในพระศาสนานี้ว่าปราศจากโลภะปราศจากโทสะ ปราศจากโมหะ -สามัญผล คือผลที่ประจักษ์ได้จากการเจริญศีล สมาธิ ปัญญา ความมั่นใจต่อผล นี้เองจึงเรียกว่าศรัทธา ศรัทธาอย่างนี้ ย่อมไม่ต้องอาศัยความมี หรือความเป็นพระอรหันต์ว่าจะมีหรือเป็นในสมัยในมาเกี่ยวข้อง เพราะ ศรัทธานี้วางลงไปต่อคุณสมบัติของจิตที่จะเป็นผลมาจากการอบรม ตามพระธรรมเทศนา ของพระพุทธองค์ผู้เป็นพระศาสดา ในพระศาสนานี้ ศรัทธา อย่างนี้ จึงข้ามพ้นวิจิกิจฉา หรือความสงสัยไปได้ สวัสดีค่ะคุณเช่นนั้น เนื่องจากกำลังหันมาศึกษาธรรมะ รู้จัก ลานธรรมจักรได้ อาทิตย์กว่าๆ คือถ้าเรื่องความสงสัยข้องใจจริงๆคงเป็นเรื่องของหนังสือเล่มนี้ที่จะกล่าวถึงว่า วิปัสสนาภาวนาเท่านั้นที่เป็นทางเอก แต่พออ่านกระทู้หลายๆกระทู้ก็เริ่มเข้าใจบ้าง แล้วก็เลยอยากรู้ในพระไตรปิฏกตรงที่ว่ามีส่วนไหนที่เป็นเรื่องของพระพุทธเจ้ากับพระโมคคัลานะ กล่าวไว้ในส่วนนี้ ขอความกรุณาเอามาให้อ่านกันบ้าง ขอบคุณค่ะ |
เจ้าของ: | เช่นนั้น [ 22 ก.ค. 2010, 17:28 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: 1400กว่าปีมานี้ยังไม่มีพระอรหันต์ |
อ้างคำพูด: สวัสดีค่ะคุณเช่นนั้น เนื่องจากกำลังหันมาศึกษาธรรมะ รู้จัก ลานธรรมจักรได้ อาทิตย์กว่าๆ คือถ้าเรื่องความสงสัยข้องใจจริงๆคงเป็นเรื่องของหนังสือเล่มนี้ที่จะกล่าวถึงว่า วิปัสสนาภาวนาเท่านั้นที่เป็นทางเอก แต่พออ่านกระทู้หลายๆกระทู้ก็เริ่มเข้าใจบ้าง แล้วก็เลยอยากรู้ในพระไตรปิฏกตรงที่ว่ามีส่วนไหนที่เป็นเรื่องของพระพุทธเจ้ากับพระโมคคัลานะ กล่าวไว้ในส่วนนี้ ขอความกรุณาเอามาให้อ่านกันบ้าง ขอบคุณค่ะ อนุโมทนา สำหรับท่านผู้มีความใฝ่ใจในธรรม... สมถะวิปัสสนา จึงเรียกว่าทางอันเอก จะเรียกว่าทางอันเอกเพราะ วิปัสสนาอย่างเดียวไม่ได้เลย ในเรื่องของพระอัครสาวก โมคคัลลานะ เมื่อพระพุทธองค์ทรงทราบวาระแห่งอินทรีย์ของพระโมคคัลลานะในการบรรลุอรหัต จึงโปรดแสดงธรรมแก่พระโมคคัลลานะในคืนวันหนึ่งที่ พระโมคคัลลานะเหน็ดเหนื่อยจากการปฏิบัติธรรมและเกิดความง่วงครอบงำ พระพุทธองค์ทรงแนะนำอุบายวิธี เพื่อกำจัดความง่วงอันเกิดขึ้น และพระโมคคัลลานะทูลถาม อรหัตมัคค เพื่อก้าวล่วงอาสวะธรรม และพระพุทธองค์ก็ทรงประกาศอรหัตมัคแก่พระโมคคัลลานะ หลังจากนั้นด้วยอินทรีย์ที่บ่มจนเต็มที่แล้วพระโมคคัลลานะก็สำเร็จอรหัตผลนั้นเอง พระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๓ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๕ อังคุตตรนิกาย สัตตก-อัฏฐก-นวกนิบาต โมคคัลลานสูตร http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=23&A=1873&Z=1938&pagebreak=0 Quote Tipitaka: ดูกรโมคคัลลานะ ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ได้สดับว่า ธรรมทั้งปวงไม่
ควรถือมั่น ครั้นได้สดับดังนั้นแล้ว เธอย่อมรู้ชัดธรรมทั้งปวงด้วยปัญญาอันยิ่ง ครั้นรู้ชัดธรรมทั้งปวงด้วยปัญญาอันยิ่งแล้ว ย่อมกำหนดรู้ธรรมทั้งปวง ครั้นกำหนด รู้ธรรมทั้งปวงแล้ว ได้เสวยเวทนาอย่างใดอย่างหนึ่ง สุขก็ดี ทุกข์ก็ดี มิใช่สุข มิใช่ทุกข์ก็ดี ย่อมพิจารณาเห็น ความไม่เที่ยงในเวทนาเหล่านั้น พิจารณาเห็น ความคลายกำหนัด พิจารณาเห็นความดับ พิจารณาเห็นความสละคืน เมื่อเธอ พิจารณาเห็นอย่างนั้นๆ อยู่ ย่อมไม่ยึดมั่นอะไรๆ ในโลก เมื่อไม่ยึดมั่น ย่อม ไม่สะดุ้ง เมื่อไม่สะดุ้ง ย่อมปรินิพพานเฉพาะตัวทีเดียว ย่อมรู้ชัดว่า ชาติสิ้นแล้ว พรหมจรรย์อยู่จบแล้ว กิจที่ควรทำ ทำเสร็จแล้ว กิจอื่นเพื่อความเป็นอย่างนี้ มิได้มี ดูกรโมคคัลลานะ โดยย่อด้วยข้อปฏิบัติเพียงเท่านี้แล ภิกษุจึงเป็นผู้ หลุดพ้นแล้วเพราะสิ้นตัณหา มีความสำเร็จล่วงส่วน เป็นผู้เกษมจากโยคะล่วงส่วน เป็นพรหมจารีล่วงส่วน มีที่สุดล่วงส่วน ประเสริฐกว่าเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย ฯ |
เจ้าของ: | เช่นนั้น [ 22 ก.ค. 2010, 17:38 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: 1400กว่าปีมานี้ยังไม่มีพระอรหันต์ |
Quote Tipitaka: ดูกรโมคคัลลานะ ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ได้สดับว่า ธรรมทั้งปวงไม่ ควรถือมั่น ครั้นได้สดับดังนั้นแล้ว เธอย่อมรู้ชัดธรรมทั้งปวงด้วยปัญญาอันยิ่ง ครั้นรู้ชัดธรรมทั้งปวงด้วยปัญญาอันยิ่งแล้ว ย่อมกำหนดรู้ธรรมทั้งปวง ครั้นกำหนด รู้ธรรมทั้งปวงแล้ว ได้เสวยเวทนาอย่างใดอย่างหนึ่ง สุขก็ดี ทุกข์ก็ดี มิใช่สุข มิใช่ทุกข์ก็ดี ย่อมพิจารณาเห็น ความไม่เที่ยงในเวทนาเหล่านั้น พิจารณาเห็น ความคลายกำหนัด พิจารณาเห็นความดับ พิจารณาเห็นความสละคืน เมื่อเธอ พิจารณาเห็นอย่างนั้นๆ อยู่ ย่อมไม่ยึดมั่นอะไรๆ ในโลก เมื่อไม่ยึดมั่น ย่อม ไม่สะดุ้ง เมื่อไม่สะดุ้ง ย่อมปรินิพพานเฉพาะตัวทีเดียว ย่อมรู้ชัดว่า ชาติสิ้นแล้ว พรหมจรรย์อยู่จบแล้ว กิจที่ควรทำ ทำเสร็จแล้ว กิจอื่นเพื่อความเป็นอย่างนี้ มิได้มี ดูกรโมคคัลลานะ โดยย่อด้วยข้อปฏิบัติเพียงเท่านี้แล ภิกษุจึงเป็นผู้ หลุดพ้นแล้วเพราะสิ้นตัณหา มีความสำเร็จล่วงส่วน เป็นผู้เกษมจากโยคะล่วงส่วน เป็นพรหมจารีล่วงส่วน มีที่สุดล่วงส่วน ประเสริฐกว่าเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย ฯ พุทธวจนะนี้ พระองค์ทรงตรัสเฉพาะ พยัญชนะ คือหัวข้อธรรม แก่พระโมคคัลลานะ เพราะท่านเป็นผู้ฉลาดมาก พระพุทธองค์จึงไม่จำเป็นต้องตรัส รายละเอียดหรือยกบทอุปมามาแสดง พุทธวจนะนี้ ที่เป็นอรหัตมัคค เพราะหยั่งลงใน อริยสัจจ์ 4 คือ โลก คืออุปาทานขันธ์ 5 คือประกาศทุกขสัจจ์ ความยึดมั่นในอุปาทานขันธ์ คือประกาศ สมุทยสัจจ์ ทรงประกาศมรรคสัจจ์ ด้วย เวทนานุปัสสนาในสติปัฏฐาน 4 เพื่อความสละคืน เพื่อตรัสแสดงอริยมรรค เป็นมรรคสัจจ์ ทรงประกาศ นิโรธสัจจ์ ด้วยความเป็นผู้ไม่สะดุ้ง เป็นผู้สิ้นตัณหา ปรินิพพานเฉพาะตัว |
เจ้าของ: | 84000 [ 22 ก.ค. 2010, 17:55 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: 1400กว่าปีมานี้ยังไม่มีพระอรหันต์ |
เราไม่ควรคิดอย่างนั้นนะครับเพราะ นั่นมันคือความเห็นผิดเป็นการบั่นทอนกำลังใจในการปฏิบัติธรรมของตนเอง อย่างที่พระพุทธเจ้าเคยตรัสใว้ว่า "พระอรหันต์จะไม่สิ้นไป ตราบเท่าที่ยังมีพระธรรมของพระองค์เหลืออยู่ แม้แต่น้อยนิด หากบุคคลใดเพียรปฏิบัติ โลกนี้ จะไม่ว่างจากพระอรหันต์ " แม้ปัจจุบันนี้พระอรหันต์ก็ยังคงมีอยู่ ท่านทั้งหลายจงรีบเร่งขวนขวายอย่าปล่อยให้กิเลสครอบงำจิตใจเราอีกเลย ![]() ![]() |
เจ้าของ: | murano [ 22 ก.ค. 2010, 19:38 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: 1400กว่าปีมานี้ยังไม่มีพระอรหันต์ |
หนึ่งคือ ใครเป็นคนเขียนหนังสือเล่มนั้น และเขารู้ได้อย่างไรว่า ไม่มีพระอรหันต์... จะรู้ว่าใครคืออรหันต์ จำเป็นต้องใช้ เจโตปริยญาณ เป็นเครื่องมือเป็นอย่างน้อย ซึ่งเจโตก็คือหนึ่งในอภิญญา แม้แต่พระอรหันต์ที่ไม่มีอภิญญา (สุกขวิปัสสโก) ก็ไม่สามารถรู้ได้ว่า ใครมีภูมิธรรมระดับอรหันต์ แต่อาจจะแยกโสดาบันและสกิทาคามีได้ หากมีปัญญามาก เพราะภูมิธรรม 2 ระดับนี้ ยังอยู่กับสังโยชน์เบื้องต่ำ (กิเลสอย่างหยาบ) สองคือ ในยุคปัจจุบัน สมาธิระดับฌาณ อาจเป็นสิ่งที่จำเป็นมากกว่าในยุคก่อนๆ สิ่งเร้าที่มีมากมายและต่อเนื่องรบกวนตลอดเวลา น่าจะทำให้พระอรหันต์แบบสุกขวิปัสสโก เกิดขึ้นได้ยาก ฌาณแบบฤาษี พราหมณ์ ไม่ได้มุ่งการหลุดพ้น อันเป็นสาระของพุทธ ซึ่งถ้าจะว่ากันจริงๆ มันก็ไม่ได้เป็นเรื่องเสียหายอะไรนัก ขอให้มีฌาณเสียก่อนเถิด... อย่างน้อยเกิดเป็นพรหม เทวดา ก็ยังดีกว่ามุ่งตรง ดิ่งสู่นรกภูมิ พึงระวังผู้เขียน ที่ใช้สำนวนก่อให้เกิดความรู้สึกโดยปริยายว่า สมาธิเป็นเรื่องที่ไม่จำเป็น หรือเป็นเรื่องที่เสียเวลา เพราะโดยมากแล้ว ผู้ที่กล่าวอ้างทำนองนี้ มักเป็นผู้ที่ทำสมาธิไม่ได้ดี จึงกล่าวโบ้ยไป |
เจ้าของ: | สติสัมปันน์ [ 22 ก.ค. 2010, 19:57 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: 1400กว่าปีมานี้ยังไม่มีพระอรหันต์ |
![]() ![]() อนึ่ง อรรถกถา นั้นเป็นที่ประมวลเพื่อชี้แจงธรรมนั้นๆแล้ว ก็อย่าไผล่ไปตีความอื่นอีกมาก เอาแต่พองามตามอรรถกถา เพราะอย่างไรเราก็ต้องยอมรับแหละว่า ศาสนาเราอยู่มาได้ขนาดนี้ ก็อาศัยอรรถกถานี่แหละ ![]() |
เจ้าของ: | PureSign [ 22 ก.ค. 2010, 21:20 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: 1400กว่าปีมานี้ยังไม่มีพระอรหันต์ |
ขอบคุณค่ะทุกท่าน ![]() |
เจ้าของ: | ตรงประเด็น [ 22 ก.ค. 2010, 22:22 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: 1400กว่าปีมานี้ยังไม่มีพระอรหันต์ |
ทางสายเอก ก็ยังคง มีผู้เดิน แถมชวนเชิญ ผู้ศรัทธา มาร่วมใช้ พระอรหันต์ จะขาดเว้น ด้วยเหตุไฉน วอนท่านใด ช่วยเอ่ย เฉลยที ตราบใด...มีผู้ปฏิบัติ มุ่งชัดอยู่ ควรค่าคู่ สมธรรม ล้ำศักดิ์ศรี ตราบนั้น...พระอรหันต์ ยังคงมี คู่โลกนี้ ไม่ว่างเว้น เป็นแน่เอย ตรงประเด็น |
เจ้าของ: | student [ 22 ก.ค. 2010, 23:42 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: 1400กว่าปีมานี้ยังไม่มีพระอรหันต์ |
หลวงปู่มั่น หลวงปู่เทส หลวงปู่ฝั่น อาจาโร หลวงปู่แหวน หลวงปู่ชา และองค์อื่นๆ ล้วนแล้วแต่แสดงให้เห็นว่ามีพระอรหันต์เกิดขึ้นตลอดเวลา |
เจ้าของ: | student [ 22 ก.ค. 2010, 23:57 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: 1400กว่าปีมานี้ยังไม่มีพระอรหันต์ |
อ้างคำพูด: อนึ่ง อรรถกถา นั้นเป็นที่ประมวลเพื่อชี้แจงธรรมนั้นๆแล้ว ก็อย่าไผล่ไปตีความอื่นอีกมาก เอาแต่พองามตามอรรถกถา เพราะอย่างไรเราก็ต้องยอมรับแหละว่า ศาสนาเราอยู่มาได้ขนาดนี้ ก็อาศัยอรรถกถานี่แหละ อนึ่ง อรรถกถา ก็คือขยายความของพระไตรปิฎกอีกที โดยมีพระพุทธโฆษะ และพระธรรมปาละ ผู้เล็งเห็นว่าความไม่เข้าใจในพระไตรปิฏกมีมาก ท่านจึงขยายความออกมาให้เข้าใจง่ายขึ้นหลังจาก600ปีผ่านไป แล้วยังมีการขยายความอรรถกถาอีกทีเรียกว่า พระฏีกา แล้วยังมีการขยายความพระฏีกาอีกทีเรียกว่า พระอนุฏีกา |
หน้า 1 จากทั้งหมด 2 | เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง |
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group http://www.phpbb.com/ |