ลานธรรมจักร
http://dhammajak.net/forums/

เรื่องการฝึกจิต
http://dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=1&t=33770
หน้า 1 จากทั้งหมด 1

เจ้าของ:  Neranam [ 10 ส.ค. 2010, 22:06 ]
หัวข้อกระทู้:  เรื่องการฝึกจิต

กระผมรู้สึกว่าช่วงนี้ควบคุมจิตไม่ค่อยได้ มันว้าวุน ฟุ้งซ่าน เป็นอกุศลไปเกือบทั้งหมด
ผมไม่รู้ว่าใครจะช่วยผมได้

เจ้าของ:  กบนอกกะลา [ 10 ส.ค. 2010, 23:40 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: เรื่องการฝึกจิต

ศีลครบไหมละ..???
ศีล..เขาใช้คุม..กาย..วาจา..ใจ..ให้เป็นปกติ

จะคุมของละเอียด..ก็ให้ผ่านการคุมของหยาบให้ได้ก่อนนะครับ..

บางอย่างก็ต้องมีขั้นมีตอนเหมือนกัน

เจ้าของ:  student [ 11 ส.ค. 2010, 01:39 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: เรื่องการฝึกจิต

ผมเป็นบ่อยครับ แก้ได้ด้วยการนั่งสมาธินานยิ่งขึ้น จนความฟุ้งซ่านหายไปอาจจะต้องนั่งเป็นชั่วโมง
ให้กำหนดสติครับ สติต้องอยู่ที่ตัวเองมือ แขน ขา ความเย็น ความร้อนที่มากระทบตัว เสียงรอบรอบเรามาเป็นสติ เจาะลึกเข้าไปในร่างกายกระดูก เนื้อ ของเหลว เป็นวิปัสสนา นึกถึงพระพุทธเจ้าหากจิตเหวี่ยงออก
(คนที่เริ่มนั่งสมาธิใหม่ใหม่จะแพ้ต่อจิตเหวี่ยงเพราะสติไม่แข็งพอ)

เจ้าของ:  Neranam [ 11 ส.ค. 2010, 11:30 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: เรื่องการฝึกจิต

ผมขอขอบคุณสำหรับคำแนะนำดีๆครับทั้งสองท่านเลย
ขอให้ทั้งสองท่านได้สำเร็จธรรมแล้วนำมาทำธรรมทานต่อไปครับ
อนุโมทนา

เจ้าของ:  ตรงประเด็น [ 11 ส.ค. 2010, 16:26 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: เรื่องการฝึกจิต

ก็ คงคล้ายๆ วิธีปฏิบัติต่อ เด็กงอแง(จิตที่วุ่นวาย)....



คงไม่มีใคร ปฏิบัติต่อเด็กงอแง ด้วยการ ไปจับเด็ก มัดมือ มัดเท้า ปิดตา ปิดปาก ....

แต่ ก็ไม่ใช่ปล่อยเด็กงอแงไปทำลายข้าวของ หรือ เผาบ้าน.....



พี่เลี้ยง(เหมือนสติ) ต้องคอย ประกบ ตักเตือน และ จับจ้องสายตาอยู่ที่เด็ก บางครั้งก็ต้องขยับไม้เรียวบ้างถ้าจำเป็น

โดย พี่เลี้ยงอยู่ในระยะที่เหมาะสม ที่จะcontrollเด็กได้ ให้เด็กไม่ซ่าส์จนเกินไป แต่ ก็ไม่ทำให้เด็กเป็น ปสด.



ถึงตอนนี้ อาจจะรู้สึกว่า ทำไมเด็กเปรตนี้ ฤิทธิ์เยอะจัง ...ก็ ไม่เป็นไร :b12:

เด็กงอแง พอเขาพยศเต็มที่ เดี๋ยวก็หมดแรงเอง .....

เจ้าของ:  O.wan [ 11 ส.ค. 2010, 16:54 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: เรื่องการฝึกจิต

ตรงประเด็น เขียน:
ก็ คงคล้ายๆ วิธีปฏิบัติต่อ เด็กงอแง(จิตที่วุ่นวาย)....



คงไม่มีใคร ปฏิบัติต่อเด็กงอแง ด้วยการ ไปจับเด็ก มัดมือ มัดเท้า ปิดตา ปิดปาก ....

แต่ ก็ไม่ใช่ปล่อยเด็กงอแงไปทำลายข้าวของ หรือ เผาบ้าน.....



พี่เลี้ยง(เหมือนสติ) ต้องคอย ประกบ ตักเตือน และ จับจ้องสายตาอยู่ที่เด็ก บางครั้งก็ต้องขยับไม้เรียวบ้างถ้าจำเป็น

โดย พี่เลี้ยงอยู่ในระยะที่เหมาะสม ที่จะcontrollเด็กได้ ให้เด็กไม่ซ่าส์จนเกินไป แต่ ก็ไม่ทำให้เด็กเป็น ปสด.



ถึงตอนนี้ อาจจะรู้สึกว่า ทำไมเด็กเปรตนี้ ฤิทธิ์เยอะจัง ...ก็ ไม่เป็นไร :b12:

เด็กงอแง พอเขาพยศเต็มที่ เดี๋ยวก็หมดแรงเอง .....

:b8: :b8: คุณตรงประเด็น อ่านแล้วเหมือนตัวเองยังไยงงั้นเลยค่ะ :b16:

เจ้าของ:  ตรงประเด็น [ 11 ส.ค. 2010, 17:05 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: เรื่องการฝึกจิต

O.wan เขียน:
ตรงประเด็น เขียน:
ก็ คงคล้ายๆ วิธีปฏิบัติต่อ เด็กงอแง(จิตที่วุ่นวาย)....



คงไม่มีใคร ปฏิบัติต่อเด็กงอแง ด้วยการ ไปจับเด็ก มัดมือ มัดเท้า ปิดตา ปิดปาก ....

แต่ ก็ไม่ใช่ปล่อยเด็กงอแงไปทำลายข้าวของ หรือ เผาบ้าน.....



พี่เลี้ยง(เหมือนสติ) ต้องคอย ประกบ ตักเตือน และ จับจ้องสายตาอยู่ที่เด็ก บางครั้งก็ต้องขยับไม้เรียวบ้างถ้าจำเป็น

โดย พี่เลี้ยงอยู่ในระยะที่เหมาะสม ที่จะcontrollเด็กได้ ให้เด็กไม่ซ่าส์จนเกินไป แต่ ก็ไม่ทำให้เด็กเป็น ปสด.



ถึงตอนนี้ อาจจะรู้สึกว่า ทำไมเด็กเปรตนี้ ฤิทธิ์เยอะจัง ...ก็ ไม่เป็นไร :b12:

เด็กงอแง พอเขาพยศเต็มที่ เดี๋ยวก็หมดแรงเอง .....

:b8: :b8: คุณตรงประเด็น อ่านแล้วเหมือนตัวเองยังไยงงั้นเลยค่ะ :b16:




ที่พูดมา .... คือ ผมเอง ครับ :b16:

เจ้าของ:  surasak limcharoen [ 11 ส.ค. 2010, 23:02 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: เรื่องการฝึกจิต

Neranam เขียน:
กระผมรู้สึกว่าช่วงนี้ควบคุมจิตไม่ค่อยได้ มันว้าวุน ฟุ้งซ่าน เป็นอกุศลไปเกือบทั้งหมด
ผมไม่รู้ว่าใครจะช่วยผมได้

:b8: สาธุครับ ตามธรรมชาติของจิตไม่สามารถบังคับควบคุมได้หลอกครับ ถ้ามันจะฟุ้งก็เป็นเรื่องของมัน
อาจจะเป็นเพราะว่ามีเรื่องราวที่จะต้องใช้ความคิดเยอะแยะ สิ่งแวดล้อมมากระทบที่จิตโดยที่เรารูไม่ทันมัน
สมาธิจึงไม่มีสติก็ไม่เกิดครับ
ผมว่าน่าจะหยุดปฎิบัติชั่วคราวก่อนก็ได้ครับเผื่อจะดีขึ้นบ้าง ลองสังเกตุดูเข้าไปที่ใจเลยครับว่ามันกำลังฟุ้งหรือ
ว่ามันกำลังปรุ่งแต่งอะไรอยู่ ตามรู้ตามดูไปเรื่อยๆครับ สิ่งที่จิตไปรู้เข้ามันจะเกิดดับเองตลอดเวลา มันว้าวุน ฟุ้งซ่าน
เดี๋ยวมันก็ดับครับ สาธุครับ :b8: :b8: :b8:

เจ้าของ:  ตรงประเด็น [ 12 ส.ค. 2010, 08:13 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: เรื่องการฝึกจิต

นำพระพุทธพจน์มาฝาก ท่าน จขกท.ครับ



พระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๒ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๔

สีติวรรคที่ ๔

ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุผู้ประกอบด้วยธรรม ๖ ประการ ย่อมเป็นผู้ควรเพื่อกระทำให้แจ้งซึ่งความเป็นผู้เย็นอย่างยิ่ง

ธรรม ๖ ประการเป็นไฉน คือ

ภิกษุในธรรมวินัยนี้

ย่อมข่มจิตในสมัยที่ควรข่ม ๑
ย่อมประคองจิตในสมัยที่ควรประคอง ๑
ย่อมยังจิตให้ร่าเริงในสมัยที่ควรให้ร่าเริง ๑
ย่อมวางเฉยจิตในสมัยที่ควรวางเฉย ๑

เป็นผู้น้อมไปในธรรมประณีต ๑
และเป็นผู้ยินดียิ่งในนิพพาน

ดูกรภิกษุทั้งหลายภิกษุประกอบด้วยธรรม ๖ ประการนี้แล ย่อมเป็นผู้ควรกระทำให้แจ้งซึ่งความเป็นผู้เย็นอย่างยิ่ง ฯ




บางสถานการณ์ ก็สมควรข่มจิต
บางสถานการณ์ ก็สมควรประคองจิต
บางสถานการณ์ ก็สมควรยังให้จิตร่าเริง
บางสถานการณ์ ก็สมควรวางเฉยต่อจิต


จิตฟุ้งซ่าน เราอาจจะลองเจริญกรรมฐานที่เป็นธรรมคู่ปรับกับ ความฟุ้งซ่านในจิตนั้น ที่ปรากฏในพระสูตร เช่น
อานาปานสติข่มการฟุ้งซ่าน-ย้ำคิดย้ำทำ
เมตตาภาวนาข่มความโกรธ
อสุภกรรมฐานข่มกามราคะ
ๆลๆ

แต่ ถ้าเพียรเจริญกรรมฐานเต็มที่แล้ว มันก็ยังไม่ได้เรื่อง.... ก็ ลอง วางเฉยต่อจิต คือ ตามรู้ลักษณะของจิตมันตรงๆเลย โดยไม่ทำอะไร ก็ได้.... ไม่ถือว่าผิด เช่นกัน



สถานการณ์ใดสมควรปฏิบัติเช่นใด ก็ ให้ปฏิบัติเช่นนั้น

สำหรับผม จึงไม่ถือว่า มีสูตรตายตัว ที่ว่า จะเลือกปฏิบัติต่อจิตแบบใด...


ท่าน จขกท. ก็ลองเลือกเฟ้นธรรมที่เหมาะสมกับตน(ธรรมวิจัย) จากพระพุทธพจน์ เอาเอง แล้วกันครับ

เจ้าของ:  tongpon [ 12 ส.ค. 2010, 15:59 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: เรื่องการฝึกจิต

:b41: : :b48: :b8

ตัวตัณหา ราคะ เป็นเหตุให้เกิดกิเลสมารมารบกวนจิต ในตัวในตนของเราเอง ได้ประสบพบกับสิ่งไม่เป็นที่รัก ที่พอใจ หวังสิ่งไดมิได้สิ่งนั้น ปรารถนาสิ่งไดไม่สมอยาก อยากจึงค้างคา ..เป็นเหตุให้เกิดทุกข์อยู่ร่ำไป จิตมิรู้เท่าทันจึงเร่าร้อน ดิ้นพล่าน ดิ้นรน ขัดขืน เป็นเหตุให้ฟุ้ง!!ไป ซ่านไป หาความสงบมิได้
ตามเวรตามกรรม ตามมารร้ายจูงไหลลงที่ต่ำไป

เมื่อมีศีล มีธรรมประจำใจ คือขอบเขตของพฤตนิสัยของกายของใจ การกระทำ ความรู้สึกนึกคิด ก็มีขอบเขต ล้วนขีดเส้นให้อยู่ในส่วนของกุศลมากกว่าอกุศล การกระทำกรรมชั่วจึ่งลดละลง บาป อกุศลก็ลดลงเฉกเช่นเดียวกัน

เรามีกรรมเป็นของของตนของของตัว
เราจักได้รับผลของกรรม หรือการกระทำนั้นๆ

ตัณหา พากิเลส เข้ามาครอบครองจิตใจ ด้วยโทสะ โมหะ โลภะ ซึ่งเป็นราคะจิตมิอาจรู้เท่าทันจึ่งมืดมัว และหลงทาง ด้วยไม่รู้ หรือรู้ไม่ทันตามวามจริงในตนในตัวของตัวเราเอง

ความจริง
ทุกสิ่งล้วน ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ บังคับไม่ได้ คือ สัจจธรรม คือความจริง คือธรรมชาติ คือธรรมดาของกายของใจ

ทางแก้

รู้สึกตัวบ่อยๆเนืองๆ (มีสติ)ตามรู้ตัวตนที่แท้จริงของตัวเองเนืองๆ ฝึกรู้ตามความโลภ ความโกรธ ความหลง ความยินดี ความยินร้าย ของจิตใจตัวของเราเองเสมอๆ จนถึงรู้เท่าทันความรู้สึกนึกคิดต่างๆ ตามความเป็นจริงไม่ปรุงแต่ง อย่างเป็นกลาง จึ่งพบอุเบกขารมณ์ การเจริญสมาธิจึ่งง่ายขึ้น จิตนี้ ใจนี้สงบ เรียบ เงียบ วุ่นวายก็รู้ ฟุ้งซ่านก็รู้ สงบก็รู้ เฉย..ๆก็รู้ ฯลฯ

เจริญในธรรม

หน้า 1 จากทั้งหมด 1 เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group
http://www.phpbb.com/