วันเวลาปัจจุบัน 24 เม.ย. 2024, 10:43  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 3 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 ก.ย. 2010, 13:05 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ค. 2008, 14:14
โพสต์: 3835

อายุ: 12
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว




ผมถอดเทปมาจากช่วงท้าย จากพระธรรมเทศนาหลวงพ่อทูล ขิปปปัญโญ
13 กค. 2007
ตั้งแต่นาทีที่ 5 เป็นต้นไป

พระธรรมเทศนานี้ เป็นอีกครั้งหนึ่งที่ผมรู้สึกมั่นคงแน่นแฟ้นในแนวทางดูจิตยิ่งๆขึ้น
รู้สึกอยากจะบอกเผยแผ่ความงมงายอันนี้ให้ชาวดูจิตได้ทราบกัน


ความว่า....

หลวงพ่อทูล ขิปปปัญโญ เขียน:

นี่หลวงพ่อจะให้อุบายธรรมแนวคิดขึ้นมาย่อๆเอาไว้
เป็นลักษณะตัวใครตัวมันนะ
.. อย่าไปคอยผัว อย่าไปคอยเมีย อย่าไปคอยลูกคอยหลาน
อย่าไปคอยเพื่อนฝูง เราไม่คอยใครทั้งสิ้น

เป็นเราคนเดียวทั้งสิ้น ล่ะก็เดินหน้าต่อไป ไม่ต้องบอกใคร ตัวใครตัวมันละ เรื่องนี้
ใจเราคนเดียว เรียกว่า ดูใจตนเอง


การภาวนา ภาวนาน่ะ ดูใจตัวเอง
เคยได้ฟังมั๊ย ...เคยได้ฟัง

การดูใจหมายถึงอะไร
คำว่าดูหมายถึงอะไร..ดูหมายถึงว่าตา

คนตาบอดดูได้ไหม?..ดูไม่ได้ ดูไม่เห็น
คำว่าดูหมายถึงคนตาดี จะรู้ว่าอะไรเป็นอะไรได้
ว่านั่นสีขาวสีดำสีแดง จะรู้ได้ เพราะว่าเป็นคนตาดีดู

ทีนี้ ภาวนาเหมือนกันว่า ให้ดูใจ
คำว่าดูใจ หมายถึงว่าอะไรดู หมายถึงตาเหมือนกัน

ตาหมายถึงอะไร... หมายถึงปัญญา
ปัญญา เป็นตาของใจโดยเฉพาะ
ต้องสร้างปัญญาขึ้นมาประดับใจให้ได้

ปัญญาเรามีอยู่เนียะ แต่ปัญญาเรายังไม่กลั่นกรอง ยังไม่อบรมสั่งสอน
ปัญญาจึงไม่ฉลาดเฉียบแหลม ไม่สามารถจะทำอะไรได้เต็มที่
เป้นมัวๆ หลงๆลืมๆกันอยู่เนียะ คือไม่สว่าง

ถ้าสร้างปัญญาขึ้นมาสว่างเมื่อไหร่ล่ะก็ มันจะดูใจตัวเองได้
ว่าใจเรามีความยึดติดอะไรบ้าง
นี่เริ่มใหม่ ดูใจต้องดูอย่างนี้

ใจจริงๆ เป็นตัวๆไหม.??.... ไม่เป็นเนื้อเป็นตัวหรอก
แต่ในความรู้สึก มันจะบอก


ดูอันดับแรก
คือดูอารมณ์ของใจ พูดง่ายๆ
อารมณ์ของใจเนียะ เป็นแสงสะท้อนออกมาจากใจโดยตรง

ก่อนจะเข้าถึงใจได้ ต้องดูอารมณ์ของใจนี้ไว้ก่อน

อารมณ์ของใจหมายถึงอะไร?
อารมณ์แห่งความยึดติด อารมณ์แห่งความรัก แห่งความโลภ ความโกรธ ความหลง
แต่ละอย่างมีอารมณ์ด้วยกันทั้งสิ้น

เหมือนกับแสงสว่าง
แสงสว่าง มันสะท้อนออกมาจากไฟ
ไฟมันต่างหาก แสงสว่างก็ต่างหาก
งั้นถ้าเราจะดูไฟ ต้องตามแสงไฟไป มันจะเห้นจะรู้ว่าไฟจริงๆเป็นยังไง



ใจเหมือนกัน ก่อนจะรู้ใจนี่นะ ก็ต้องดูอารมณ์ของใจ

พอดูอารมร์แล้วเนียะ เกิดจากใจเพราะอะไร
นั่นแหละ

อันดับแรกเราต้องดูอารมณ์ของใจเอาไว้
แล้วก็ลงเข้าหาตัวใจโดยตรง โอ๋ ใจเป็นอย่างนี้ อย่างนี้ อย่างนี้เนาะ

ถ้าใจเป็นอย่างไร อารมณ์ของใจออกมาอย่างนั้น

นี่เรียกว่า เราต้องศึกษา
ศึกษาคือต้องฝึกตาเราให้มีความสว่าง คือหมายถึงปัญญา คิดบ่อยๆ
เอาปัญญาเรามีอยู่มาคิดกัน

เดี่ยวนี้ปัญญาเรามีอยู่ แต่มันยังอันหนึ่ง คือ "เปลี่ยนความเห็นยังไม่ได้" (ชาติสยาม-ล้างมิจฉาทิฐิ)

ถ้าเปลี่ยนความเห้นไม่ได้ แนวความคิดเราก็คิดไปตามความเห็นเดิมน่ะ
ว่าอันนี้ก็เป็นของของเรา ก็เรื่อยยย ไปเรื่อยๆ อันนั้นแหละ มันไม่เป็นผลดีกับเราเลย

เปลี่ยนความเห็นซะ ให้เป็นสัมมาทิฐิเห็นชอบ
ให้เป็นไปตามไตรลักษณ์ คือ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา
คิดบ่อยๆอย่างนี้ นี่คือภาวนา คืออุบายสอนใจโดยตรง

นี่หลวงพ่อจะให้อุบายในความคิด การฝึกสติฝึกปัญญา เพื่ออบรมใจตนเองให้ได้
ต่อไปนี้เราอย่าประมาทในชีวิตของตนเอง แต่ละวันละคืนยืนเดินนั่งนอน ต้องนึกถึงความตายอยู่เป้นนิจ
นี่คือว่าผู้ฝึกฝนอบรมตัวเอง หมายถึงปัญญาสอนใจตัวเอง
จึงเรียกว่า "จิตตัง ลักเขถะ เมธาวี - ผู้มีปัญญาดีเท่านั้น จึงรักษาจิตได้ สอนจิตได้"
ถ้าสติปัญญาไม่ดี สอนจิตได้ไหม...สอนไม่ได้
เราจึงมาฝึกปัญญาเราให้ดี เพื่อมาสอนจิตเราให้ได้

นี่หลวงพ่อได้ให้อุบายธรรมะมาคิดว่าสมควรแก่กาลเวลา
เอวังก้มีด้วยประการฉะนี้



แก้ไขล่าสุดโดย ชาติสยาม เมื่อ 18 ก.ย. 2010, 13:07, แก้ไขแล้ว 2 ครั้ง.

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 ก.ย. 2010, 14:56 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 เม.ย. 2010, 09:39
โพสต์: 219

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ขอบคุณครับ คุณชาติสยาม

นักปฏิบัติ จะดูอะไร จะภาวนาอย่างไร รู้เข้าไปให้ถึงจิตถึงใจ รู้ให้ถึงต้นตอ
ไม่นาน ก็จะเป็นผู้มีปัญญาฉลาด รู้ชัดในทางที่ตนเดินมา
ก็ขอให้ทุกๆท่าน ถึงทางที่ปารถนา ทุกๆท่านนะครับ :b12:

.....................................................
.................................................ธ ทรงครองแผ่นดินโดยทศพิธราชธรรม
........................................................พระปฐมบรมราชโองการว่า
.......................“ เราจะครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขแห่งมหาชนชาวสยาม “

........................ขอพ่อเจ้าอยู่หัว ทรงพระเจริญ มีพระชนย์มายุ ยิ่งยืนนาน พระพุทธเจ้าข้า


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 ก.ย. 2010, 22:33 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 26 มิ.ย. 2008, 17:20
โพสต์: 1855

แนวปฏิบัติ: อานาปานสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: THAILAND

 ข้อมูลส่วนตัว


:b50: เปลี่ยนความเห็นซะ ให้เป็นสัมมาทิฐิเห็นชอบ
ให้เป็นไปตามไตรลักษณ์ คือ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา
คิดบ่อยๆอย่างนี้ นี่คือภาวนา คืออุบายสอนใจโดยตรง
:b50:

ขออนุโมทนากับคุณ ชาติสยาม สำหรับกระทู้นี้

.....................................................
[สวดมนต์วันละนิด-นั่งสมาธิวันละหน่อย]
[ปล่อยจิตให้ว่าง-ชีวิตที่เหลือเพื่อธรรมะ]


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 3 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 63 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร