วันเวลาปัจจุบัน 25 เม.ย. 2024, 00:41  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 28 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 ก.ย. 2010, 00:07 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 15 ก.ย. 2010, 23:17
โพสต์: 257

แนวปฏิบัติ: ดูจิต
งานอดิเรก: อ่านหนังสือ
สิ่งที่ชื่นชอบ: ประเภทธรรมะ
ชื่อเล่น: หยุย
อายุ: 0
ที่อยู่: ห้วยขวาง

 ข้อมูลส่วนตัว


สงสัยว่าทุกๆคนก็รู้ว่าสิ่งนี้ดี สิ่งนี้ไม่ดี สิ่งนี้บุญ สิ่งนี้บาป แล้วทำไมยังมีคนในโลกใบนี้ทำไม่ดีหรือทำบาปกันอยู่ล่ะครับ แถมจะมีมากกว่าซะด้วย เขาไม่กลัวบาปหรือยังไงกัน แต่ก็จะชอบบอกกับคนอื่นว่าทำแบบนี้มันบาปนะ ตกนรกแต่คนที่พูดสอนก็ไม่ได้ต่างอะไรกับคนที่ฟังเลย :b34:

.....................................................
สัตว์โลกล้วนเป็นไปตามกรรม
ทุกอย่างไม่ควรยึดถือ
อกุศลน้อยนิด อย่าคิดทำ
กุศลน้อยนิด ให้คิดทำ
ทำกุศลวันละนิด ดีกว่าคิดที่จะทำ

พระพุทธองค์ยังถูกนินทา
ประชาชนธรรมดามีหรือจะหนีพ้น

ไม่อยากทุกข์แต่ก็เป็นทุกข์ ถ้าไม่เรียนรู้ทุกข์ จะพ้นทุกข์ได้อย่างไร


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 ก.ย. 2010, 08:29 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกใหม่
สมาชิกใหม่
ลงทะเบียนเมื่อ: 22 ก.ย. 2010, 07:15
โพสต์: 6

แนวปฏิบัติ: พระสัทธรรม
งานอดิเรก: เล่นคอม
สิ่งที่ชื่นชอบ: ของหลวงปู่พล ธรรมะปาโล วัดหนองคณทีสระบุรี
ชื่อเล่น: น้อย
อายุ: 16
ที่อยู่: เขื่อนห้วยหลวง อุดรธานี

 ข้อมูลส่วนตัว


อืมม์...ใจเย็นๆไว้นะครับ หาที่นั่งพักให้สบาย ปลอดภัยไว้ก่อน
คนไม่ดีหรือชั่วชนิด 100% หรอกครัน
นั่งรออยู่นี่แหละ เดี๋ยวคงมีเพื่อนมาครับ

.....................................................
ดูแผนที่ก่อนเดินทาง ตรวจ/เตรียมให้พร้อม


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 ก.ย. 2010, 08:46 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 20 มี.ค. 2010, 19:57
โพสต์: 1014

โฮมเพจ: http://www.vitwong.blogspot.com
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


มองเราเอง ดีกว่า มั๊ยครับ
คนอื่นช่างเขาเหอะ
ทางนี้อาจต้องเดินคนเดียว

.....................................................
ยังงมงาย...
เมื่อเห็นว่าพระไตรปิฏก มีส่วนถูก มีส่วนจริงแค่ 20 ถึง 30 เปอร์เซนต์ เท่านั้น

เลิกงมงาย..
เมื่อเห็นว่า พระไตรปิฏก มีส่วนถูก ส่วนจริง เกินกว่า 80 ถึง กว่า 90 เปอร์เซนต์

http://www.youtube.com/user/govit2554#g/u


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 ก.ย. 2010, 08:55 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 ก.ย. 2010, 09:54
โพสต์: 39

แนวปฏิบัติ: พุท-โธ
งานอดิเรก: อ่านหนังสือ
ชื่อเล่น: โก้
อายุ: 23
ที่อยู่: จ.กาญจนบุรี

 ข้อมูลส่วนตัว


ทุกคนพอมีสติขึ้นมาหน่อยก็จะรู้ว่าอะไรเป็นบาป อะไรเป็นบุญ
แต่พอขาดสติหรือปล่อยให้กิเลศมาครอบงำก็จะเห็นผิดเป็นชอบ
อาจจะทำอะไรๆที่มันเป็นอกุศลไปได้
และส่วนมากจะปล่อยตัวไปตามกิเลศที่มันแล่นเข้ามา
เลยทำอะไรๆที่เป็นบาปไปได้
แล้วก็มานั่งคิดที่หลัง และเสียใจกับสิ่งที่ทำ

.....................................................
สักวันผมจะดีพอ.....
และจะเดินตามปณิธานที่ได้ตั้งไว้.....

ขอขอบคุณความรักที่ทำให้...พบกับความทุกข์
และขอขอบคุณความทุกข์ที่ทำให้...พบกับธรรมะ
และขอขอบคุณธรรมะที่ทำให้...วันนี้ได้พบกับหาทางที่แท้จริง


ฝากบล็อกหน่อยนะครับ ลองทำเล่นๆดูนะครับ
http://madoodhumma.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 ก.ย. 2010, 09:06 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 มี.ค. 2010, 20:06
โพสต์: 46

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เขาเรียก ดีแต่สอนผู้อื่น อวดดี อวดเด่น โวหารเก่งขั้นเทพ ไม่เคยลงมือปฏิบัติเลย พอเจอของจริงก็แก้ไขอะไรไม่เป็น แก้ตัวไปวันๆ เท่านั้นแหละ มีเยอะด้วยสังเกตุให้ดี ใน Board นี้ก็เพียบ

อิอิ ผมเองก็ด้วย :b32: :b28:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 ก.ย. 2010, 14:37 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 16:34
โพสต์: 1050

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อย่าไปดูคนอื่นเลย....ว่าเขาจะมีสัจจธรรมรักษาศีล หรือไม่
แม้เพียงเขาสอน..หรือแนะนำ ว่าอะไรผิด อะไรถูก อะไรดี อะไรชั่ว
แค่นี้ ก็เพียงพอแล้ว...เราใช้ปัญญา พิจารณาเห็นตาม ว่าถูก ว่าใช่แน่
อันนี้ก็เป็นกุศล ถูกตามหลักธรรมคำสอนของพระพุทธองค์
เลือกเก็บแต่สิ่งที่ดีเอาไว้ครับ...ส่วนที่ไม่ดี..ก็ตัดออกไป แล้วก็ไม่เก็บมาคิด
ให้เปลือง...ให้เป็นอกุศลเปล่าๆ
แล้วก็มองมาที่ตัวเรานี่แหละ ว่า จิต เป็นอย่างไร คิดอย่างไร
เป็น กุศลหรือ อกุศล อยู่ น้อมเข้ามาหาตัวเราเองครับ
อย่าส่งออกไปดูผู้อื่นฯ
ขอเจริญในธรรม :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 ก.ย. 2010, 18:12 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 เม.ย. 2008, 13:18
โพสต์: 1367

ที่อยู่: bangkok

 ข้อมูลส่วนตัว


หัสพล พวงแก้ว เขียน:
สงสัยว่าทุกๆคนก็รู้ว่าสิ่งนี้ดี สิ่งนี้ไม่ดี สิ่งนี้บุญ สิ่งนี้บาป แล้วทำไมยังมีคนในโลกใบนี้ทำไม่ดีหรือทำบาปกันอยู่ล่ะครับ แถมจะมีมากกว่าซะด้วย เขาไม่กลัวบาปหรือยังไงกัน แต่ก็จะชอบบอกกับคนอื่นว่าทำแบบนี้มันบาปนะ ตกนรกแต่คนที่พูดสอนก็ไม่ได้ต่างอะไรกับคนที่ฟังเลย :b34:


ถ้าคำว่าดี...หมายถึงดีต่อตัวเอง
ถ้าคำว่าไม่ดี...หมายถึงต่อตัวเอง

การทำบาปบางครั้งสำหรับคนที่ยังหลงกิเลสอยู่ก็ถือเป็นสิ่งที่ดีได้ เพราะมันทำแล้วดีต่อตัวเอง(อย่างน้อยก็แก้ทุกข์เฉพาะหน้าได้ถึงแม้ว่ามันจะเดี๋ยวเดียว) :b32: :b32:

แต่ถ้าคำว่าดี...หมายถึง ดี
แต่ถ้าคำว่าไม่ดี...หมายถึง ไม่ดี

การทำบาปก็คงยากที่จะทำ :b13: :b13:

.....................................................
ตั้งสติไว้ มองความจริงตามความเป็นจริง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 ก.ย. 2010, 18:00 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 มิ.ย. 2010, 12:05
โพสต์: 282

อายุ: 0
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


ก็จิตยังไม่เห็นจริง
ยังไม่มีปัญญา
เลยยังเชื่อกิเลสตัณหาอยู่

.....................................................
อย่ามัวเสียใจกับเรื่องที่ผ่านมา อย่าปล่อยให้ชราแล้วตายไปเปล่า อย่ามัวแต่ตำหนิตนเองหรือผู้อื่นอยู่ คิดอยู่เสมอว่าจะพัฒนาจิตใจตน และทำประโยชน์ให้ผู้อื่นอย่างไร แล้วเร่งกระทำทันที อย่ามัวรีรอ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 ก.ย. 2010, 21:52 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


หัสพล พวงแก้ว เขียน:
สงสัยว่าทุกๆคนก็รู้ว่าสิ่งนี้ดี สิ่งนี้ไม่ดี สิ่งนี้บุญ สิ่งนี้บาป แล้วทำไมยังมีคนในโลกใบนี้ทำไม่ดีหรือทำบาปกันอยู่ล่ะครับ แถมจะมีมากกว่าซะด้วย เขาไม่กลัวบาปหรือยังไงกัน แต่ก็จะชอบบอกกับคนอื่นว่าทำแบบนี้มันบาปนะ ตกนรกแต่คนที่พูดสอนก็ไม่ได้ต่างอะไรกับคนที่ฟังเลย :b34:


ทุกคนกลัวความลำบาก..กลัวนรกทั้งนั้นแหละครับ

แต่..มันต้าน..กิเลส..ตัณหา..อวิชชา..ไม่ไหว่

มี..อวิชชา..เป็นบ่างชั่งยุ..มันชอบว่า..นรกไม่มี..สวรรค์ไม่มี..หรือถึงจะมีก็ทำบุญแก้กันเอา
มี..ตัณหา..เป็นตัวเร่งเร้า..มันชอบว่า..มีไอ้นั้นไอ้นี้แล้วจะดีมีความสุข..มันเร่งให้รีบทำตามกิเลส..ใวใว..

เรียกว่ามีทีมประชาสัมพันธ์ดี..แล้วคนที่สติไม่มา..ปัญญาไม่มี..มันจะไปเหลืออาร้าย..เสร็จมันตั้งแต่อยู่ในมุ้งแล้ว
:b12: :b12: :b12:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 ก.ย. 2010, 22:59 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 31 ส.ค. 2010, 16:40
โพสต์: 22

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


การเพ่งโทษผู้อื่นถือว่าบาป บาปที่ทำร้ายจิตใจตนเองให้มัวหมอง
เพราะฉะนั่นแล้ว ท่านศรีสมบัติ,ท่านgovit2552กล่าวเหมาะสมดีแล้ว(อิอิหาพวก)
โดยเฉพาะ ประโยคนี้ ทางนี้อาจต้องเดินคนเดียว แต่ขอตัดคำว่า อาจ
เป็น ทางนี้ต้องเดินคนเดียว
มองดูตนเอง ทำตามหลัก มรรค8 ดีที่สุด
โดยเฉพาะ สิ่งเหล่าใดไม่ควรเข้าใกล้ก็เอาเข้าใกล้


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 ก.ย. 2010, 00:14 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 07 ส.ค. 2010, 00:17
โพสต์: 255

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


:b42: เห็นไหม ไปตีความกันให้ ยาก ใช้โวหารกันมากเกินไป เรื่องมันก็ตรงๆนี่แหละ ที่คนยังทำไม่ดี อยู่ มันมี2พวก แยกกันให้ชัดๆเลย พวกแรกคือ ทำชั่ว แต่ยังรู้ว่าชั่ว รู้ว่าบาป(แต่อดใจไม่ไหว มันเกิดสิ่งยั่วยวนจนเกินห้ามใจ) พวกนี้ฝึกได้สอนได้ ง่าย-ยาก ตามลำดับ ถือเป็นบัวเหล่าที่1 2 3 ส่วนพวกที่2ที่ยุ่งหนอ่ย ก็คือพวกที่ทำชั่วแล้วไม่รู้ว่าชั่ว พวกนี้เป็นบัวเหล่าที่ 4 ซึ่งแม่แต่พระพุทธองค์ก็ทรงตรัสไว้ชัดเจน ว่าสอนไม่ได้ ฝึกไม่ได้ จึงปล่อยให้เป็นอาหาร ของเต่า และปลา(ซึ่งน่าจะหมายถึงผลกรรมที่เขาก่อ) จะสังเกตุบัวเหล่าที่ 4 นี้ไม่ยาก พวกนี้โมหะจริตครอบงำจิต จนพระธรรมคำสั่งสอนใดไดแทรกเข้าไปในจิตไม่ได้ จะมีทิฐิแปลกแปลก ขโมยของเขามาได้ หรือบางทีลูกไปโขมย ของเขามาได้ ชื่นชมลูกใหญ่โต ว่าลูกเรานี้เก่งบ้าง ฉลาดบ้าง รู้จักหากินช่วยเหลือตัวเอง แต่ด็ก บางทียิ่งกว่านั้นโมหะจริตแบบสุดโต่ง เช๋นมีทิฐิว่า พ่อแม่ไม่ได้มีบุญคุณอะไร อยากทำให้เราเกิดมา ก็ต้องมีหน้าที่ต้องเลี้ยงดูเราให้ดีนั่นแหละถูกต้องแล้ว บางทีถึงทำร้ายตบตีพ่อแม่ อันนี้คือมิจฉาทิฐิที่เกิดในบัวเหล่าที่4 และมิจฉาชีพส่วนใหญ่นั่นแหละ
......มากล่าวถึงสิ่งยั่วยวน มันก็หญ้าปากคอกดีๆนี่แหละจะเป็นอะไรอื่นไปไม่ได้ ก็ อกูศลมูล3นี่เอง ตัวโลภะ โทสะ โมหะ นี่งัย ที่เราเอาชนะมันไม่ได้เพราะเรายังไม่ได้ฝึกจิต ฝึกใจกัน ถ้าจะเจาะลึกลงไปทีละตัวทีละขั้นก็ได้ กิเลส 3 นี้ ยังแบ่งลึกไปได้หลายชั้น เอาแค่โลภะตัวเดียวก็ได้ อยากขั้นแรก อยากได้ อยากเป็น และอยากมีหรือ ตรงข้าม ไม่อยากได้ ไม่อยากเป็น ไม่อยากมี
ไอ้ยากได้นี่หลายคนเข้าใจ แต่ไอ้ไม่ยากได้ ไม่อยากเป็น ไม่อยากมี บางคนเริ่มงง เอ้า เช่นสิ่งอัปมงคลต่างๆ มีใครอยากได้ไหม โรคร้าย โรคมะเร็งมีใครอยากเป็นใหม มีกรรม มีเวรมีคนเกลียดตามด่าตามฆ่าอยากมีไหม นอกจากนั้นไอ้ตัวความยากนี่ยังแบ่งได้ลึกละเอียดลงไปจนคนธรรมดาเข้าใจได้ยาก เช่นในชั้นโลกๆคืออยากมีเงินโดยความอยากทีเป็นไปด้วยอกูศล อันนี้ง่ายก็ทุจริต บริษัท แงะตู้โทรศัพย์ หรืออะไรก็ได้ อยากที่ดีขึ้นมาหน่อย ก็ทำล่วงเวลา ทำงานพิเศษหลังเลิกงาน อันนี้ก็เป็นความอยากทีไม่ผิดศีลธรรม อยากมากกว่านั้นอีก อยากรู้ธรรมะเยอะๆ อยากเป็นคนสอนธรรมมะ อยากบวช อยากเป็นโสดาบัน อันนี้ในทางธรรมล้วนเป็นโลภะทั้งสิ้น เป็นความอยากอย่างต่ำๆ ธรรมดา ไปจนเป็นความยากที่เป็นฝ่ายกุศล จนความยากในขั้นท้าย คืออยากได้ฌาณ อยากบรรลุโสดาบัน ไปเป็นลำดับท้ายนั่นแหละ ซึงความอยากท้ายนี้ ปุถุชนเข้าใจว่าเป็นบุญกุศลแล้ว อยากเป็นโสดาบันไม่เป็นกุศลได้ไง แต่ในทางธรรมยังจัดว่าเป็นกิเลสอยู่ดี ความยากในขั้นท้ายๆนี้ เขาจัดเป็นวิปัสนูกิเลสไง ถ้ายังอยากก็จะผ่านการปฏิบัติในขั้นต่อไปได้ยาก/ต่อหน้าถัดไป...เจโตวิมุติ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 ก.ย. 2010, 00:58 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 07 ส.ค. 2010, 00:17
โพสต์: 255

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


:b42: ส่วนเจ้าตัว โทสะนี่ก็แบ่งย่อยได้อีกมากน้อย ต่างกันได้หลายขั้น เช่นโกรธเล็ก ก็คือความหงุดหงิดรำคาญใจทั่วไปของคน โกรธกลาง ก็คือบันดาลโทสะ ด่าทอ ตบตีกัน แล้วก้จบกันไป ส่วนโกรธใหญ่ ก็คือความแค้น ความพยาบาท วันนี้ฆ่ามันไม่ได้ ก็จะกรุ่นอยู่ในใจรอจังหวะอยู่จนกว่าจะมีโอกาสที่จะฆ่าให้สำเร็จ เห็นไหมแต่ละขั้นมันก็มีฤทธิ์เดช ต่อร่างกาย จิตใจเราต่างกันไป อีกตัวหนึงอาจจัดรวมอยู่ในหมวดเดียวกันก็ได้ เอเราควบคุมความโกรธไดแล้ว ทั้ง 3 ระดับ ทำไมเราไม่สามารถดับทุกข์อันเนื่องมาจากโทสะได้สนิท [/u]ก็เพราะมันยังเหลืออีกตัวหนึ่งซึ่งผู้ที่ละสักกายทิฐิยังไม่ได้ยังสลัดไม่หลุด ซึงทางธรรมเขาเรียกมันว่ามานะ คือความรู้สึกที่ยังยึดติดว่าเราดีกว่าเขา เช่นฉันเป็นสมาชิกมา 5 ปี เป็นระดับสูงสุดในกระดานแล้ว นายเจโตวิมุติพึ่งโผล่เข้ามาในกระดานได้ไม่กี่วัน จะมารู้ธรรมดีกว่าฉันได้อย่างไร อันนี้มันก็ทำให้เราไม่สงบได้เหมือนกัน ต้องไปรู้สักหน่อย ว่านายเจโตวิมุติเป็นใคร เดี๋ยวต้องไปโพสท์ธรรมะยากๆลองภูมิดูหน่อย
.....นายเจโตวิมุติไม่เอาด้วย ไม่อยากเป็นครูใคร ก็แค่รู้อะไรมามีประโยชน์ก็อยากบอกเล่า อีกอย่างที่อยากบอก ไม่แน่ใจ ว่าชาวพุทธเราเข้าใจความหมาย ของบัว3ดอกที่เราจัดบูชาพระตรงกันหรือไม่ ว่าหมายถึงอะไร มีปริศนาธรรมอะไรแฝงไว้หรือไม่ หลายคนจะตอบโดยไม่ต้องคิดว่า เป็นตัวแทน พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ไง แต่ความจริงที่เรารู้มามันต่างกัน เอาพระพุทธมาบูชาพระพุทธจะใช่หรือ เอาพระธรรมมาไหว้พระพุทธยิ่งไม่น่าถูกตรรกกะ คนที่ไหว้พระพุทธ ต้องเป็นพระสงฆ์หรือสาวกอื่นๆน่าจะถูกกว่า คนในโลกนี้จัดได้เป็นบัว 4 เหล่า(4ดอก) พระพุทธองค์ทรงตรัสได้ ว่าบัวที่พระองค์ทรงสั่งสอนได้นั้นมีเพียง 3 เหล่า(3ดอก) ฉะนั้นบัว3ดอกที่ใช้บูชาพระนั้นน่าจะเป็นปริศนาธรรมแทนสาวก สามเหล่า ซึ่งก็คือบัว 3 ดอกนั่นเอง
ถูกผิดยังไงใช้วิจารณญาณกันดู เราก็จำไม่ได้ว่ารู้มาจากไหน จากใคร แต่ที่แน่ๆไม่ได้ตรัสรู้มาเอง/เจริญในธรรมทุกท่าน....เจโตวิมุติ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 ก.ย. 2010, 01:09 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ก.ย. 2010, 21:33
โพสต์: 12

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


สิ่งที่จะกระทำต่อไปนี้ มันไม่ดี แต่ก็ยังอยากจะทำ เพราะห้ามไม่ไหว อดใจไม่ได้
สิ่งที่จะกระทำต่อไปนี้ มันดี แต่ก็ยังไม่อยากจะทำ เพราะขี้เกียจ ฝืนใจไม่ได้

ผมเป็นอันล่างประจำ แต่อันบนก็เยอะ เฮ้อออ!!!

.....................................................
กิเลสหนอ ทำไมมันเก่งอย่างนี้!!!


แก้ไขล่าสุดโดย วังวนในกามภพ เมื่อ 25 ก.ย. 2010, 01:13, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 ก.ย. 2010, 04:33 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 20 มี.ค. 2010, 19:57
โพสต์: 1014

โฮมเพจ: http://www.vitwong.blogspot.com
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


ผมอยากเสริมคุณเจโต ว่า
.......โลภะ ที่ท่านกล่าวถึง ก็คือ ตัณหา
ซึ่งเป็นตัวสาเหตุ ให้ นามรูป เป็นไปในสังสารวัฏฏ์นั่นเอง
........โลภะ ที่ท่านกล่าวถึง ก็คือ อภิชฌา(ความยินดีพอใจ)
ซึ่งเป็นสิ่งที่ควรละ นั่นเอง

ท่านให้ละอภิชฌา โดยการเจริญสติปัฐฐาน4เนืองๆ

เพราะเจ้า ตัณหา ตัวนี้ ทำให้เกิดอุปาทาน(ความยึดมั่นถือมั่น) แล้วทำให้เกิดภพทันที
ใจที่มีภพแบบนี้ ไปคิด พูด ทำ กรรมใหม่ๆ ต่างๆ เช่น กรรมดี กรรมชั่ว กรรมไม่ดีไม่ชั่ว เป็นต้น
แค่คิด ก็เป็น มโนกรรม
เพราะมีภพ จึงได้ กระทำกรรมทางใจ ทางวาจา ทางกาย

พระอรหันต์ ไม่มีตัณหา จึงไม่มีภพ จึงมิได้กระทำกรรมทางใจ ทางวาจา ทางกาย
ท่านไม่คิด ท่านไม่พูด ท่านไม่เคลื่อนไหวแล้วหรือ.........?
การกระทำทางใจ ทางวาจา ทางกาย ของพระอรหันต์ ท่านเรียกว่า กิริยา(ไม่ได้เรียกว่ากรรม)

สรุป วงจรปฏิจจสุมปบาท ของปุถุชนตลอดวัน ก็คือ

ผัสสะ>เวทนา> ตัณหา> อุปาทาน> ภพ> แล้วกระทำกรรมใหม่ๆ

แต่ของพระอรหันต์ คือ

ผัสสะ>เวทนา>.....>.....>.....> แล้วกระทำกิริยาต่างๆ(ไม่เป็นบุญ ไม่เป็นบาป ไม่เป็นอเนญชา)

ที่มีคนชอบคุยอวด ว่าอยู่เหนือบุญ เหนือบาป ก็ตรงนี้นั่นเอง
ฆ่าสัตว์ ไม่บาป.......................................แต่ ท่านที่ฆ่าสัตว์นั้นบรรลุอรหันต์หรือยัง?

.....................................................
ยังงมงาย...
เมื่อเห็นว่าพระไตรปิฏก มีส่วนถูก มีส่วนจริงแค่ 20 ถึง 30 เปอร์เซนต์ เท่านั้น

เลิกงมงาย..
เมื่อเห็นว่า พระไตรปิฏก มีส่วนถูก ส่วนจริง เกินกว่า 80 ถึง กว่า 90 เปอร์เซนต์

http://www.youtube.com/user/govit2554#g/u


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 ก.ย. 2010, 05:10 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 20 มี.ค. 2010, 19:57
โพสต์: 1014

โฮมเพจ: http://www.vitwong.blogspot.com
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


[๘๖๗] ก็สตินทรีย์เป็นไฉน ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อริยสาวกในธรรม
วินัยนี้ เป็นผู้มีสติ ประกอบด้วยสติเครื่องรักษาตัวอย่างยิ่ง ระลึกได้ ตาม
ระลึกได้ ซึ่งกิจที่กระทำและคำพูดแม้นานได้ อริยสาวกนั้นย่อม
พิจารณาเห็นกายในกายอยู่ มีความเพียร มีสัมปชัญญะ มีสติ กำจัดอภิชฌา
และโทมนัสในโลกเสีย ย่อมพิจารณาเห็นเวทนาในเวทนาอยู่ . . . ย่อมพิจารณา
เห็นจิตในจิตอยู่ ... ย่อมพิจารณาเห็นธรรมในธรรมอยู่ มีความเพียร มี
สัมปชัญญะ มีสติ กำจัดอภิชฌาและโทมนัสในโลกเสีย นี้เรียกว่า สตินทรีย์.

.....................................................
ยังงมงาย...
เมื่อเห็นว่าพระไตรปิฏก มีส่วนถูก มีส่วนจริงแค่ 20 ถึง 30 เปอร์เซนต์ เท่านั้น

เลิกงมงาย..
เมื่อเห็นว่า พระไตรปิฏก มีส่วนถูก ส่วนจริง เกินกว่า 80 ถึง กว่า 90 เปอร์เซนต์

http://www.youtube.com/user/govit2554#g/u


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 28 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 52 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร