วันเวลาปัจจุบัน 29 มี.ค. 2024, 15:35  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กระทู้นี้ถูกล็อก คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความ หรือ ตอบกลับในกระทู้นี้  [ 94 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5, 6, 7  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 ต.ค. 2010, 21:48 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 ต.ค. 2010, 17:16
โพสต์: 177

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


:b9:5555 ฟันหลุดจะหมดปากแล้วคะ

ก็บอกแล้วไงคะ ว่าเป็นผู้ไม่มีปัญญา :b16:

เพราะคำว่าผู้ไม่รู้ คืออวิชา แล้วอวิชาคืออะไรคะ...........

:b13:


แก้ไขล่าสุดโดย ploypet เมื่อ 30 ต.ค. 2010, 22:00, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 ต.ค. 2010, 22:35 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 ต.ค. 2010, 17:16
โพสต์: 177

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


โฮฮับ เขียน:
ploypet เขียน:
ขอออกตัวก่อนเป็นผู้ไม่มีปัญญาคะ

แต่ก่อนสมัยพุทธกาล พระพุทธเจ้าบอกว่า คนเกิดเพราะไม่รู้ คนไม่รู้นี่แหละทุกข์คะ
ผู้ไม่รู้ทำผิด ก็เพราะไม่รู้ แต่จะทำผิดไปเรื่อยๆคะ เป็นอินฟินีตี้คะ จนกว่าเขาจะรู้คะ
แต่ผู้ที่รู้ว่าทำผิด บาปสิ่งแรกจะเกิดที่ใจเขาคะ เหมือนนรกในใจ
จะบาปไม่บาปสนใจไปใย กาจะรู้หรือไม่สนใจไปใย
สิ่งที่น่าสนใจคือธรรมะ ที่ทำให้เราเป็นผู้รู้
เมื่อรู้ว่าผิด ไม่ทำอีก นั่นคือทางที่ถูกคะ :b8: :b8: :b8:

คุณเล่นเอาธรรมะของพระพุทธเจ้ามากล่าว แบบผิดๆแบบนี้ก็แย่ซิครับ
ความไม่รู้ในความหมายของพระพุทธเจ้าคือ อวิชา
นั้นคือการที่เราไม่รู้ในสิ่งที่เป็นจริงของธรรมชาติ มันเป็นไตรลักษณ์
หลงไปยึดติดกับสิ่งต่างๆแล้วทำให้เกิดทุกข์
มันไม่ใช่แบบที่คุณบอกว่าผู้ไม่รู้ทำผิดเพราะไม่รู้
อ่านแล้วอยากหัวเราะให้ฟันร่วง :b13:


ไม่เคยเขียนเลยนะคะว่า[color=#000080]ผู้ที่รู้ว่าทำผิด = ผู้รู้คะ[/color]

ขออภัยที่ทำให้เข้าใจผิดคะ หวังว่าท่านโฮฮับ คงจะใจกว่างพอ ที่จะให้ปัญญาต่อนะคะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 31 ต.ค. 2010, 01:33 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 31 พ.ค. 2009, 02:41
โพสต์: 5636

แนวปฏิบัติ: พอง ยุบ
ชื่อเล่น: เจ
อายุ: 0
ที่อยู่: USA

 ข้อมูลส่วนตัว www


อ้างคำพูด:
แต่รู้จักคำว่า สำนึกผิดมั้ยครับ


สำนึกอยู่เสมอค่ะ :b13:

.....................................................
"มิควรหวังร่มเงาจากก้อนเมฆ"


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 31 ต.ค. 2010, 04:54 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ploypet เขียน:
:b9:5555 ฟันหลุดจะหมดปากแล้วคะ

ก็บอกแล้วไงคะ ว่าเป็นผู้ไม่มีปัญญา :b16:
:b13:

ploypet เขียน:
natdanai เขียน:
โฮฮับ เขียน:
กรรมคือผลที่เกิดจากการกระทำครับ

ผลจารการกระทำเรียกว่าวิบากครับ :b13:


สุดยอด......ซูฮกให้คะท่านnatdanai

:b6: ก่อนอื่นผมขอแซวคุณพลอยเล็กน้อยครับว่า ที่คุณบอกว่าไม่มีปัญญา
แต่การกระทำของคุณ ไม่ได้บ่งบอกเลยว่า คุณจะรู้ตัวเองว่าไม่มีปัญญา
ผมสังเกตุดูจากการที่คุณ เข้าไปซูฮกนบน้อบคนๆหนึ่งในสองคน ซึ่งกำลังถกกำลัง
แย้งกันถึงเรื่องบัญญัติของคำ นั้นแสดงว่า คุณทำตัวเป็นกรรมการเข้าไปตัดสินว่า
คนไหนผิดคนไหนถูก ซึ่งผู้ที่สามารถทำเช่นนี้ได้ ย่อมต้องมั่นใจว่า ตัวเองมีปัญญาพอ
ที่จะเข้าไปชี้ผิดชี้ถูกของคนอื่นครับ

แต่ไม่เป็นไรครับ เอาเป็นว่าไม่มีปัญญาก็ไม่มีปัญญา :b21:
ploypet เขียน:
เพราะคำว่าผู้ไม่รู้ คืออวิชา แล้วอวิชาคืออะไรคะ...........
:b13:

ส่วนคำว่า อวิชชา เอาแค่สั้นๆครับมันยาวมาก
ความหมายของคำว่า อวิชชา คือ ความไม่รู้ ซึ่งเป็นต้นตอของวิบากในใจคนครับ
หรือเรียกอีกอย่างว่า วงปฏิจจสมุบาทครับ

อวิชชาที่เป็นต้นตอแห่งวิบากที่ว่า มันมีอยู่แปดอย่างครับ แต่เอาง่ายๆก่อนสี่อย่างคือ
อวิชาในอริยสัจจสี่ ความหมายก็คือ 1.การไม่รู้ทุกข์ (ทุกข์)2.การไม่รู้เหตุแห่งทุกข์(สมุทัย)
3.การไม่รู้หนทางปฏิบัติให้พ้นทุกข์ (มรรค)4.ไม่รู้ผลการปฏิบัติ(นิโรธ)
ตอนนี้เอาแค่นี้ครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 31 ต.ค. 2010, 06:06 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


eragon_joe เขียน:
ในปัจจุบัน...รูปแบบการสอนการปฏิบัติ..ความรู้...ความเข้าใจ...ทางพุทธศาสนา
มีการผ่อน และแปร่งไปมาก... มากจน...
ความเชื่อ ความเข้าใจด้วยพื้นฐานปุถุชนเข้ามามีความเด่นกลบ อริยสัจจ์... อริยวินัย...

การศึกษาบัญญัติหรือปริยัติ เราจะศึกษาด้วยวิธีการท่องจำไม่ได้ เราต้องเอาปัญญา
เข้าไปพิจารณาในคำหรือบัญญัติต่างๆ โดยอาศัยหลักของความเป็นไปได้ครับ
ถ้าเราเป็นนักปฏิบัติจริงแล้ว เราจะต้องยึดหลักของเหตุและผล ซึ่งหลักอันนี้เป็นแก่น
ของพุทธศาสนาเลยครับ

สมัยนี้ส่วนใหญ่ ศึกษาพระธรรมด้วยการท่องจำ จำไปเสียทุกเรื่องแม้กระทั้ง
เนื้อเรื่องรายละเอียดในพระสุตฯ พอเวลาเจอคำที่ไม่เข้าใจ ก็ไปเปิดพจนาณุกรมเอา
ผมว่าวิธีการแบบนี้พาคนเข้ารกเข้าพงกันเยอะ
เรื่องบางเรื่องในพระสุตฯ ท่านบัญญัติไว้สอนคนโดยอาศัยกุศโลบาย
คนไหนไม่มีความเข้าใจก็คิดไปว่า เรื่องทุกเรื่องต้องเป็นไปตามนั้น
สรุปการศึกษาพระธรรมยิ่งเป็นพระสุตฯด้วยแล้วล่ะก็ เราต้องใช้ปัญญา
พิจารณาเป็นอย่างมาก ไม่อย่างนั้นความศรัทธาจะกลายเป็นความงมงายครับ

eragon_joe เขียน:
อริยวินัย...นั้น...จะมีความสัมพันธ์กับ อิทธิศีล...
เป็นฐานสู่ อิทธิสมาธิ และ อิทธิปัญญา...

ทำไม...ต้องมีคำว่าอิทธิ...
ก็เพื่อแยก ศีลด้วยปุถุชน ออกจาก ศีลด้วยอริยะ...
:b1:

มันเป็นเพียงการบัญัติหรือการบ่งบอกให้รู้ ถึงระดับขั้นในการปฏิบัติครับ
ถ้าจะเปรียบกับสังคมโลก มันก็คือการศึกษาเรียนหนังสือของคน จากประถม
ไปจนถึงมหาลัยฯ

ศีลของปุถุชนย่อมแตกต่างจากศีลของอริยะ ความต่างมันอยู่ที่ความเชี่อครับ
ปุถุชนที่ไม่ได้รับการปฏิบัติ มีศีลก็เพราะความกลัว กลัวเจ้ากรรมนายเวร กลัวตกนรก
ส่วนศีลของอริยะ เป็นศีลที่เรียกว่า อธิศีล ความหมายก็คือ การเข้าใจแล้ว
มีโดยไม่ต้องไปยึดมั่น
eragon_joe เขียน:
[ธรรมอันผู้ปฏิบัติเป็นไปเพื่อโลกุตระกล่าวนั้น...มิใช่ธรรมที่โลกียะบุคคลจะคิดตามได้เลย...
และแม้แต่จะเชื่อตาม...ก็ยาก... ถ้าผู้นั้นไม่มีกำลังศรัทธาในพระรัตนตรัย...
:b1:

จริงอย่างที่คุณว่าครับ ธรรมของโลกุตระจะอาศัยความเชื่ออย่างเดียวไม่ได้ครับ
สิ่งสำคัญต้องเชื่อแบบมีเหตุผลครับ และลำดับแรกของการมีเหตุผลก็คือ
ต้องมีสัมมาทิฐิครับ
eragon_joe เขียน:

:b1:
เอกอน...อยากให้ท่านโฮฮับ...อธิบาย...แง่มุมทางธรรมในเรื่องกากะเปรต...
:b8: :b8: :b8:
:b12: :b12:
(อิ อิ ฉีกยิ้มสู้ความเปรี้ยวก่อน...)

เรื่องกากะเปรต ผมว่าอ่านแล้วก็อย่าไปคิดมาก เอาแต่ที่มีเหตุผล
คิดแต่หลักแห่งธรรมครับ หลักธรรมที่ว่า ในมุมมองของผม
ก็แค่ท่านยกเอาเรื่องนี้มาเป็นกุศโลบายที่จะสอนคนไม่ให้กระทำผิด
เรื่องการลักโขมยหรือการเอาสิ่งของที่ไม่ได้รับอนุญาติ
และให้เราดูด้วยว่า การกระทำของเราเพียงครั้งเดียว
มันไปกระทบไปถึงคนหลายคนครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 31 ต.ค. 2010, 06:16 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ก.ค. 2010, 16:44
โพสต์: 84

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


โฮฮับ เขียน:

ซึ่งผู้ที่สามารถทำเช่นนี้ได้ ย่อมต้องมั่นใจว่า ตัวเองมีปัญญาพอ
ที่จะเข้าไปชี้ผิดชี้ถูกของคนอื่นครับ
:b4:

ผู้ปฏิบัติธรรม สมควรเห็นแก่ "ธรรม" มากกว่า "พรรคพวก" หากคิดว่าตนเองคือผู้ปฏิบัติธรรม การแสดงความเห็นที่ถูกต้อง ต้องเห็น "ธรรม" ก่อนความเป็นเพื่อน ความเป็นพวกพ้อง

"การปฏิบัติธรรม ไม่ใช่เพื่อการคลุกคลีด้วยหมู่คณะ" :b11:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 31 ต.ค. 2010, 06:48 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


natdanai เขียน:
โฮฮับ เขียน:
ฮ่า ฮ่า ฮ่า เล่นง่ายจังเลยนะคร้าบ :b13:
คิดกันง่ายๆแบบคุณผมว่าปานนี้เขาบรรลุกันหมดแล้ว
ถามหน่อยเปิดพจนาณุกรมนานมั้ย เรื่องมันตั้งสองสามวันแล้ว
ขอหัวเราะอีกที ฮ่า ฮ่า ฮ่า :b13:


ใช่แล้วครับ คนที่คิดง่ายๆเขาบรรลุไปกันหมดแล้วครับ :b32: :b32:

ที่ยังวนเวียนอยู่ก็เพราะคิดยากๆนี่แหละ :b13: :b13:

taktay เขียน:
อ้างคำพูด:
แต่รู้จักคำว่า สำนึกผิดมั้ยครับ


สำนึกอยู่เสมอค่ะ :b13:

ผมในนามของสมาชิกธรรมดาคนหนึ่ง ที่เข้ามาแสดงความเห็นในเว็บแห่งนี้
ด้วยความเป็นอิสระแห่งความคิด แต่ในการแสดงความคิดเห็นของผม
สิ่งที่ผมคำนึงถึงเป็นอันดับแรกก็คือ กฎหรือข้อบังคับต่างๆของทางเว็บ
ฉะนั้นคำพูดคำจาต่างๆ ผมสามารถแสดงออกได้อย่างเต็มที่
ถ้ายังอยู่ในกฎระเบียบของเว็บ

มันผิดกับท่านสองคนครับ ท่านสองคนที่ว่าก็คือ คุณnatdanaidyกับคุณtaktay
ท่านทั้งสองรู้ตัวหรือเปล่าครับว่า ท่านมีภาระหน้าที่อะไร ทางเว็บและสมาชิก
เขาให้เกียรติ์ท่านทั้งสอง โดยมอบหมายหน้าที่ให้ท่านเป็นผู้ดูแลเว็บบอร์ด
ซึ่งการจะดูแลผู้อื่นได้ ตัวเองจะต้องกระทำตนให้เป็นเยียงอย่างแก่ผู้ที่ตัวเองดูแล

การกระทำที่ว่านี้ก็คือการ การกระตัวให้เป็นที่น่าเคารพยกย่อง วางตัวให้เป็นผู้ใหญ่
การพูดการจาต้องให้สมาชิกฟังแล้วน่าเชื่อถือ ที่สำคัญต้องมีเหตุผลมาประกอบด้วยทุกครั้ง
แต่ผมได้ฟังคำพูดจาของท่านทั้งสองแล้ว ผมอยากถามท่านผู้ดูแลหรือรักษาลานว่า
ท่านมีคุณสมบัติที่ผมกล่าวมาหรือยังครับ

การมีตำแหน่งหน้าที่อะไรสักอย่างที่คนอื่นมอบหมายให้ มันก็เหมือนหัวโขน
ว่ากันตามจริงแล้วมันก็ไม่สลักสำคัญอะไร แต่ถ้าเรารับมันมาใส่เมื่อใดแล้ว
เท่ากับว่า เราต้องรับผิดชอบหัวโขนอันนั้นไม่ให้แตกหักเสียหาย และสิ่งสำคัญ
ต้องแสดงออกไปตามหัวโขนที่ได้รับหรือกล่าวอีกนัยคือ หน้าที่ตามหัวโขนอันนั้น

ท่านผู้ดูแลทั้งสองครับ รบกวนเหลือบดูหัวโขนที่อยู่บนศีรษะท่านหน่อยครับ
ว่ามันเป็นหัวอะไร ถ้าไม่เห็นผมจะบอกให้ มันเป็นหัวโขนของท้าวมาลีวราช
ซึ่งท่านมีภาพพจน์ ที่น่าเคารพเกรงขามและทรงไว้ซึ่งความยุติธรรม

ผมว่าท่านทั้งสองกำลังเข้าใจผิดคิดว่า หัวโขนบนศีรษะ
เป็นหัวลิงสมุนพระรามแน่ๆ อาการแสดงออกการพูดการจา
ถึงได้เหมือนสมุนพระรามปานนั้น


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 31 ต.ค. 2010, 09:16 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12233


 ข้อมูลส่วนตัว


ได้เห็นสไตล์การเขียนของคุณโฮฮับ....เหนื่อย :b23:
โฮฮับ เขียน:

มันผิดกับท่านสองคนครับ ท่านสองคนที่ว่าก็คือ คุณnatdanaidyกับคุณtaktay
ท่านทั้งสองรู้ตัวหรือเปล่าครับว่า ท่านมีภาระหน้าที่อะไร ทางเว็บและสมาชิก
เขาให้เกียรติ์ท่านทั้งสอง โดยมอบหมายหน้าที่ให้ท่านเป็นผู้ดูแลเว็บบอร์ด
ซึ่งการจะดูแลผู้อื่นได้ ตัวเองจะต้องกระทำตนให้เป็นเยียงอย่างแก่ผู้ที่ตัวเองดูแล
การกระทำที่ว่านี้ก็คือการ การกระตัวให้เป็นที่น่าเคารพยกย่อง วางตัวให้เป็นผู้ใหญ่
การพูดการจาต้องให้สมาชิกฟังแล้วน่าเชื่อถือ ที่สำคัญต้องมีเหตุผลมาประกอบด้วยทุกครั้ง
แต่ผมได้ฟังคำพูดจาของท่านทั้งสองแล้ว ผมอยากถามท่านผู้ดูแลหรือรักษาลานว่า
ท่านมีคุณสมบัติที่ผมกล่าวมาหรือยังครับ

:b12: :b12:
คุณโฮฮับ..กำลังกล่าวหาผู้อื่นทำผิดหน้าที่..โดยใช้ความคิดของตัวเองอย่างเดียว..เป็นความเห็นที่คนอื่น ๆ อาจไม่เห็นด้วย..หากจะตำนิ..ก็ควรจะใช้ช่องทางอื่นเพิ่อเป็นการแจ้งต่อทางเวปฯให้เขาตัดสินและตักเตือนต่อไป

ไม่ใช่มาเขียนด่าเขาว่าผิดหน้าที่ในบอรด์สนทนาอย่างนี้...นี้ก็เท่ากับได้ด่าเขาฟรี..ไม่ใช่มารยาทที่ดีของคนที่คิดแสวงหาธรรมะ..เลย

อ้างคำพูด:
แต่ในการแสดงความคิดเห็นของผม
สิ่งที่ผมคำนึงถึงเป็นอันดับแรกก็คือ กฎหรือข้อบังคับต่างๆของทางเว็บ
ฉะนั้นคำพูดคำจาต่างๆ ผมสามารถแสดงออกได้อย่างเต็มที่
ถ้ายังอยู่ในกฎระเบียบของเว็บ

ปากก็ว่า..ทำอยู่ในกฎระเบียบ..แต่ทำจริงไม่ได้ทำอย่างปากว่า..
ไปดูซิ..จะตำนิเวปหรือผู้ดูแล..ต้องใช้ช่องทางไหน??

อย่ามาดีแต่ปาก..คนจริงเขาดูออก..ดูแล้วมันจะกลั่นอ้วกไม่ไหว

อ้างคำพูด:
การมีตำแหน่งหน้าที่อะไรสักอย่างที่คนอื่นมอบหมายให้ มันก็เหมือนหัวโขน
ว่ากันตามจริงแล้วมันก็ไม่สลักสำคัญอะไร แต่ถ้าเรารับมันมาใส่เมื่อใดแล้ว
เท่ากับว่า เราต้องรับผิดชอบหัวโขนอันนั้นไม่ให้แตกหักเสียหาย และสิ่งสำคัญ
ต้องแสดงออกไปตามหัวโขนที่ได้รับหรือกล่าวอีกนัยคือ หน้าที่ตามหัวโขนอันนั้น
[/quote]

ที่พูดมานี้..จริงทุกอย่าง :b8:
เหลือก็แต่..คนพูด..เท่านั้น..ที่ไม่จริง

เหตุผลนะหรือ..
คนพูดไม่มีคุณธรรมในตัวพอ..(ไม่ได้ทำได้จริงอย่างที่ตนพูด)
ขาดเหตุผลที่เป็นธรรม..(ใช้เหตุผลของตัวข้างเดียว..ขาดมารยาทที่ดี)
ไม่ยุติธรรม...(ใช้เหตุผลข้างตัวอย่างเดียวตำนิผู้อื่นว่าทำผิดต่อหน้าที่ต่อสาธารณะ)


แก้ไขล่าสุดโดย กบนอกกะลา เมื่อ 31 ต.ค. 2010, 09:17, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 31 ต.ค. 2010, 09:30 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 ต.ค. 2010, 17:16
โพสต์: 177

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


โฮฮับ เขียน:
ploypet เขียน:
:b9:5555 ฟันหลุดจะหมดปากแล้วคะ

ก็บอกแล้วไงคะ ว่าเป็นผู้ไม่มีปัญญา :b16:
:b13:

ploypet เขียน:
natdanai เขียน:
โฮฮับ เขียน:
กรรมคือผลที่เกิดจากการกระทำครับ

ผลจารการกระทำเรียกว่าวิบากครับ :b13:


สุดยอด......ซูฮกให้คะท่านnatdanai

:b6: ก่อนอื่นผมขอแซวคุณพลอยเล็กน้อยครับว่า ที่คุณบอกว่าไม่มีปัญญา
แต่การกระทำของคุณ ไม่ได้บ่งบอกเลยว่า คุณจะรู้ตัวเองว่าไม่มีปัญญา
ผมสังเกตุดูจากการที่คุณ เข้าไปซูฮกนบน้อบคนๆหนึ่งในสองคน ซึ่งกำลังถกกำลัง
แย้งกันถึงเรื่องบัญญัติของคำ นั้นแสดงว่า คุณทำตัวเป็นกรรมการเข้าไปตัดสินว่า
คนไหนผิดคนไหนถูก ซึ่งผู้ที่สามารถทำเช่นนี้ได้ ย่อมต้องมั่นใจว่า ตัวเองมีปัญญาพอ
ที่จะเข้าไปชี้ผิดชี้ถูกของคนอื่นครับ

แต่ไม่เป็นไรครับ เอาเป็นว่าไม่มีปัญญาก็ไม่มีปัญญา :b21:
[quote="ploypet"]

ต้องบอกก่อนคะ ที่ซูฮกท่าน nad"" เพราะว่าเห็นว่าการที่ตัวเองเข้าไปออกความเห็น
เหมือนกับกำลังจะเข้าไปเจอกับวิบากก็เท่านั้นเองคะ

ส่วนเรื่อง อวิชา ที่ท่านโฮฮับ(นึกถึงชื่อแล้วคิดถึงก๋วยเตี๋ยวเรือ แถว อนุเสาวรีย์ สมัยก่อนคะ :b12: )
ช่วยสั่งสอนต้องขอบคุณคะ :b16:

สอนหน่อยนะคะ แล้ว การไม่รู้เหตุแห่งทุกข์ ช่วยอธิบายระเอียดหน่อยคะ ขอบคุณอีกครั้งคะ


แก้ไขล่าสุดโดย ploypet เมื่อ 31 ต.ค. 2010, 13:35, แก้ไขแล้ว 3 ครั้ง.

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 31 ต.ค. 2010, 09:39 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12233


 ข้อมูลส่วนตัว


น้องเอ่ย....ธรรมะ..เราจะเขียนให้มันดีปานไหนก็ทำได้...

แต่..เราจะเขียนป่านว่าตัวเองมี...ตัวเองเป็น...ทั้งที่ไม่มีในตน..นั้น

คนที่ฝึกมาดีแล้ว..ปฏิบัติมาดีแล้ว..เขาดูออก

เขาไม่ได้ใช้ตาดู...เขาใช้ใจดู

คำพูดหรือตัวหนังสือ...ไม่สามารถปิดบังอำพราง..คนพวกนี้ได้หรอก

น้องเอ่ย..การตำนิคนมีคุณธรรม..ด้วยความไม่มีธรรม..แล้ว..
ไม่ใช่เรื่องดีงามกับตัวเองเลย

โฮฮับ..
น้องเอ่ย..


แก้ไขล่าสุดโดย กบนอกกะลา เมื่อ 31 ต.ค. 2010, 09:40, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 31 ต.ค. 2010, 14:58 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ploypet เขียน:
ส่วนเรื่อง อวิชา ที่ท่านโฮฮับ(นึกถึงชื่อแล้วคิดถึงก๋วยเตี๋ยวเรือ แถว อนุเสาวรีย์ สมัยก่อนคะ :b12: )
ช่วยสั่งสอนต้องขอบคุณคะ :b16:

สอนหน่อยนะคะ แล้ว การไม่รู้เหตุแห่งทุกข์ ช่วยอธิบายระเอียดหน่อยคะ ขอบคุณอีกครั้งคะ[/color]

คุณพลอยเคยศึกษาเรื่องอริยสัจจ์สี่มั้ยครับ มันเป็นเป็นเรื่องของ
ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค
ทุกข์ ก็คือความไม่สบายกายไม่สบายใจ
สมุทัย ที่มาแห่งความไม่สบายกายไม่สบายใจ
มรรค(มีองค์แปด) หนทางปฏิบัติให้พ้นทุกข์
นิโรธ ผลที่ได้คือการพ้นทุกข์

คุณพลอยต้องเข้าใจไว้เลยว่า ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นมันมาแต่เหตุ
มีเหตุทำให้เกิด และจึงมีผลตามมา อันนี้เป็นสิ่งที่จริงแท้ไม่ว่าจะทางโลกหรือธรรม

ในที่นี้ความทุกข์(ความไม่สบายกายใจ)เป็นผลที่ได้รับและเป็นอยู่ คนที่ไม่ได้ปฏิบัติหรือศึกษา
ย่อมต้องเข้าใจว่า ตัวเองทุกข์เพราะไม่สมหวัง โทษฟ้าดิน สิ่งศักสิทธิ์ไม่ช่วยหรือเป็นเพราะ
เจ้ากรรมนายเวรไปโน้น อันนี้แหล่ะครับที่เขาเรียกว่าไม่รู้เหตุแห่งทุกข์

แท้ที่จริงแล้ว ความทุกข์ของเรามันเกิดที่ใจเรา มันก็ต้องเป็นตัวเราที่เป็นเหตุ
และเหตุที่แท้จริงนั้นก็คือตัณหาหรือความอยากในใจเราครับ
ดูกันง่ายๆเลยครับ ความอยากมันก็คือ ความปรารถณาที่ไม่รู้จักพอ เมื่อไม่สมหวัง
มันก็ทุกข์ ต้องจำไว้ด้วยนะครับว่า ความไม่อยากมันก็คือตัณหาด้วย
เพราะความไม่อยากอย่างหนึ่ง มันก็คือความอยากอีกอย่างที่ตรงข้าม ตัวอย่างเช่น
ไม่อยากได้ทุกข์ นั้นคือความอยากได้สุข

ถ้าเรารู้แล้วว่าตัณหาในใจเราเป็นเหตุแห่งทุกข์ นั้นแหล่ะครับเราจึงพ้นจากอวิชชา
ในเรื่องอวิชชาสมุทัยหรือการรู้ที่มาของเหตุแห่งทุกข์

แต่ที่กล่าวมา ใช่ว่าจะพ้นทุกข์แล้วนะครับ เราต้องขจัดอวิชชาแห่งมรรค(มีองค์แปด)
และขจัดอวิชชาในเรื่องนิโรธ สรุปสองสิ่งนี้ก็คือการปฏิบัติในแนวทางที่ถูกต้อง
และจะเกิดผลคือการพ้นทุกข์ตามมาครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 31 ต.ค. 2010, 15:33 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
ได้เห็นสไตล์การเขียนของคุณโฮฮับ....เหนื่อย :b23:
:b12: :b12:
คุณโฮฮับ..กำลังกล่าวหาผู้อื่นทำผิดหน้าที่..โดยใช้ความคิดของตัวเองอย่างเดียว..เป็นความเห็นที่คนอื่น ๆ อาจไม่เห็นด้วย..หากจะตำนิ..ก็ควรจะใช้ช่องทางอื่นเพิ่อเป็นการแจ้งต่อทางเวปฯให้เขาตัดสินและตักเตือนต่อไป

ไม่ใช่มาเขียนด่าเขาว่าผิดหน้าที่ในบอรด์สนทนาอย่างนี้...นี้ก็เท่ากับได้ด่าเขาฟรี..ไม่ใช่มารยาทที่ดีของคนที่คิดแสวงหาธรรมะ..เลย

ใครไปว่าใครทำผิดหน้าที่ครับ คุณอย่าเอาอารมณ์แค้นพยาบาทเป็นการส่วนตัว
มาใส่ใคร้ผมเลยครับ หรืออาจเป็นเพราะความโกรธบังตา
ผมจะบอกให้อีกครั้ง ที่ผมกล่าวมันหมายถึง
การแสดงความเห็นของทั้งสอง มันไม่เหมาะสมกับหน้าที่
ไม่ได้บอกว่าทำผิดหน้าที่ คุณกลับไปดูซิว่า ความเห็นของทั้งสองออกแนวยียวน
ชวนหาเรื่อง ที่สำคัญไม่มีเหตุผลประกอบความเห็น มันไม่เหมาะกับคนมีหน้าทีนี้

แล้วคุณก็ไม่ต้องทำตัวเป็นบ่างช่างยุ คุณจะโกรธแค้นผม มันก็เป็นเรื่องส่วนตัวของคุณ
คุณอย่าไปดึงเอาทางเว็บมาเป็นพวก ทำตัวเป็นเด็กไปได้

ผู้ดูแลทั้งสองเขาแสดงความเห็นในกระทู้นี้ ผมจะแย้งความเห็น
ในกระทู้นี้ แล้วจะให้ผมไปใช้ช่องทางอื่น คุณเอาอะไรมาคิดครับ
เอาสติสตังมาอยู่กับตัวหน่อย โกรธจนเพี้ยนแล้วหรือ


ผมว่าคุณหยุดเสียเถอะครับ ตามล้างแค้นแบบที่คุณทำอยู่มันน่าอายครับ
มันไม่มีสาระเอาเสียเลย ถ้าคุณจะตามราวีผมในเรื่องธรรมจะกี่ร้อยกระทู้ผมก็ไม่ว่า
นี่มันอะไรกันครับ ทำตัวเป็นอันพาลประจำเว็บ ผมว่าคุณอยากหาเรื่องในสิ่งที่
ไม่มีสาระแบบนี้ ผมว่าpmเป็นการส่วนตัวจะเหมาะกว่า ชาวบ้านเขาจะได้
ไม่รำคาญด้วย กระทู้ก็ไม่โดนล็อกด้วย


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 พ.ย. 2010, 00:51 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 31 พ.ค. 2009, 02:41
โพสต์: 5636

แนวปฏิบัติ: พอง ยุบ
ชื่อเล่น: เจ
อายุ: 0
ที่อยู่: USA

 ข้อมูลส่วนตัว www


นึกว่าตัวเองมีหน้าที่ ปัด กวาดใบไม้ ใบหญ้า
เช็ดถูสิ่งสกปรก รักษาลานให้สะอาด....เพิ่งเหลือบดูศรีษะ..
ว่าได้หัวโขนท้าวมาลีวราช...มิใช่ภารโรง.... :b13:

ขอบคุณค่ะที่เตือน...รับทราบ... :b1:

.....................................................
"มิควรหวังร่มเงาจากก้อนเมฆ"


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 พ.ย. 2010, 01:11 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12233


 ข้อมูลส่วนตัว


โฮฮับ เขียน:
คุณจะโกรธแค้นผม มันก็เป็นเรื่องส่วนตัวของคุณ
คุณอย่าไปดึงเอาทางเว็บมาเป็นพวก ทำตัวเป็นเด็กไปได้

[/b]


:b32: :b32: :b32:
สำคัญ...ตัวเองผิดแล้ว


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 พ.ย. 2010, 04:47 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


taktay เขียน:
นึกว่าตัวเองมีหน้าที่ ปัด กวาดใบไม้ ใบหญ้า
เช็ดถูสิ่งสกปรก รักษาลานให้สะอาด....เพิ่งเหลือบดูศรีษะ..
ว่าได้หัวโขนท้าวมาลีวราช...มิใช่ภารโรง.... :b13:
ขอบคุณค่ะที่เตือน...รับทราบ... :b1:

คุณผู้คอยดูแลเรื่องของผัวเมียครับ มันมีอุทาหรณ์สอนใจอยู่ครับว่า
คนที่มีจิตใจสูงเมื่อเอาสิ่งใดมาเปรียบเทียบ ก็มักหยิบแต่ของสูงครับ
แต่คนที่มีจิตใจต่ำก็จะเอาแต่สิ่งที่คิดว่าเป็นของต่ำมาอ้างครับ


ขอวิจารณ์ความเห็นคุณหน่อยน่ะ การที่คุณเอาอาชีพภารโรงมาเปรียบ
กับเรื่องของผม นี่ก็ทำให้รู้แล้วว่าธาตุแท้ของคุณเป็นคนอย่างไร
คุณคิดเอาแต่จะประชดประชัน แบบที่เมียน้อยประชดเมียหลวง
เหมือนกับในห้องที่คุณดูแลมันไม่ได้ครับ

การที่คุณจะหยิบยกบุคคลหรืออาชีพอะไรมา
ควรที่จะให้เกียรติ์บุคคลเหล่านั้นด้วย
ผมถามคุณหน่อยอาชีพภารโรงมันต่ำมากในสายตาคุณหรือไงครับ
ถึงได้เอามาอ้าง เอามาประชดประชัน อย่าลืมซิครับอาชีพทุกอาชีพ
ถ้าเป็นอาชีพสุจริตมันก็ย่อมมีคุณค่าในตัวมันอยู่แล้ว แล้วยิ่งถ้าบุคคลในอาชีพนั้นๆ
ทำหน้าที่ของตัวเองอย่างดี และเหมาะสมต่อหน้าที่ บุคคลนั้นย่อมสูงส่ง
ในสายตาของผู้ประพฤติธรรมครับ


คุณไม่มีความเข้าใจหรือขาดประสบการณ์ อาจเป็นเพราะมัวแต่ต้องคอยยุ่งแต่
เรื่องที่พระท่านบอกว่า ไร้สาระเป็นเรื่องของโลกีย์ บางครั้งบางคราวเลยเอาเรื่อง
สามคนผัวเมีย มาเปรียบในเรื่องของธรรม สงสัยผมว่าคุณคงได้ยินประโยคนี้บ่อย
เลยจำเอาไว้ กับประโยคที่ว่าอ๋อ! ใช่ซิฉันเป็นเมียหลวงหรอกรึ ตอนแรกนึกว่าเป็น
เมียน้อยเสียอีก
พอเห็นสิ่งที่ผมเปรียบเทียบ เลยเอาเรื่องที่ตัวเองถนัดมาอ้าง
มันเลยไปทำให้คนที่ประกอบอาชีพสุจริตน้อยเนื้อต่ำใจ ประเภทที่ว่าดูถูกคนจน

คุณผู้ดูแลลานมันครับ คุณลองสังเกตุดูสิ่งที่ผมเปรียบให้ดี
ผมเอาเรื่องที่มีอยู่ในรามเกียรติ์ ตัวละครทุกตัวที่เปรียบก็มีอยู่ในนั้น
ซึ่งมันเป็นเรื่องเดียวกัน คุณสมบัติของตัวละครผู้แต่งก็กำหนดไว้ตายตัวแล้ว
การเปรียบเทียบของผมจึงไม่ได้ไปกระทบหรือดูถูกบุคคลอื่น ที่ไม่ใช่คู่สนทนา

คนไทยดูความเป็นคน ดูความมีเกียรติ์เขาดูกันที่อุปนิสัยและการกระทำครับ
เขาไม่ดูที่การประกอบอาชีพ ไม่เหมือนพวกต่างเชื้อชาติที่มันคอยแต่เอา
ผลประโยชน์กับประเทศเล็กๆ เอาอาวุธเอาอำนาจมาเป็นธรรม
แบบนี้ครับที่คนไทยเกลียด รวมไปถึงคนที่เห็นดีเห็นงามและไปอาศัยคนพวกนี้อยู่ด้วยครับ

ผมไม่ได้ชี้เฉพาะเจาะจงลงไปน่ะ เดี๋ยวจะหาว่าผมก็กระทบคนอื่น

อ๋อนี่ครับมาดาม มีความเห็นของท่านผู้ปฏิบัติธรรมบางท่าน
เขาชี้แนะมาในกระทู้นี้ ผมเห็นว่ามันเป็นธรรมแท้ ไม่ทราบว่าคุณได้อ่านมั้ย
เอาเป็นว่าผมเอามาให้อ่านอีกครั้งคงไม่เป็นไร
กลัวว่าใครไม่ยอมอ่านเดี๋ยวมันจะเสียของ

ธรรมดาครับ เขียน:
โฮฮับ เขียน:

ซึ่งผู้ที่สามารถทำเช่นนี้ได้ ย่อมต้องมั่นใจว่า ตัวเองมีปัญญาพอ
ที่จะเข้าไปชี้ผิดชี้ถูกของคนอื่นครับ
:b4:

ผู้ปฏิบัติธรรม สมควรเห็นแก่ "ธรรม" มากกว่า "พรรคพวก" หากคิดว่าตนเองคือผู้ปฏิบัติธรรม การแสดงความเห็นที่ถูกต้อง ต้องเห็น "ธรรม" ก่อนความเป็นเพื่อน ความเป็นพวกพ้อง
"การปฏิบัติธรรม ไม่ใช่เพื่อการคลุกคลีด้วยหมู่คณะ" :b11:


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กระทู้นี้ถูกล็อก คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความ หรือ ตอบกลับในกระทู้นี้  [ 94 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5, 6, 7  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 51 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร