วันเวลาปัจจุบัน 23 เม.ย. 2024, 16:53  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กระทู้นี้ถูกล็อก คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความ หรือ ตอบกลับในกระทู้นี้  [ 94 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2, 3, 4, 5 ... 7  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 ต.ค. 2010, 20:01 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 23 ต.ค. 2010, 19:49
โพสต์: 28

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เรื่องมันมีอยู่ว่า คุณย่าของผมท่านไปฝากคุณน้าข้างบ้านให้ทำข้าวต้มมัดไว้ให้ เพื่อที่จะไปทำบุญในวันรุ่งขึ้นครับ พอคุณน้าทำเสร็จก็เลยมาฝากไว้ที่ผมบอกว่า "ฝากให้คุณย่าด้วยนะลูก" ผมเองก็ไม่รู้หรอกครับว่าเป็นขนมที่จะใช้ทำบุญก็เลยกินไป คือว่าปกติบ้านเราถ้าใครฝากอะไรมาก็ถือเป็นการแบ่งปันกัน ลูกหลานก็สามารถกินได้เป็นปกติไม่มีใครว่าครับ (บอกไว้ก่อนเดี๋ยวคิดว่าเป็นเด็กนิสัยไม่ดี 55) แต่พอคุณย่ากลับมาปุ๊บ เห็นขนมก็ถามว่ากินไปกี่ชิ้นเนี้ย ?? เท่านั้นแหละครับผมถึงเดาได้ว่าต้องเอาไปทำบุญแน่ๆ ซึ่งคุณย่าก็บอกว่าใช่ เลยอยากจะถามว่า ผมกินไปแบบนี้จะเป็นบาปไม๊ครับ ? แล้วขนมที่ยังมีจะนำไปถวายพระได้ไม๊ครับ ? คือว่ามันเป็นข้าวต้มมัดอ่ะครับ
ครั้งนึงเคยมีพระท่านเล่าว่ามีกาอยู่ตัวนึง มันไปกินของที่เค้าตั้งใจจะถวายพระ พอมันตายก็เลยกลายเป็นเปรต ผมเองก็ไม่เข้าใจว่าทำไม กรรมต้องไปสนองอีกา เพราะมันก็แค่สัตว์จะไปรู้เรื่องรู้ราวอะไร
ฝากข้อสงสัยผมไว้ให้พวกพี่ๆ ช่วยกันตอบด้วยนะครับ ขอบพระคุณครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 ต.ค. 2010, 20:22 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 15 ก.ย. 2010, 23:17
โพสต์: 257

แนวปฏิบัติ: ดูจิต
งานอดิเรก: อ่านหนังสือ
สิ่งที่ชื่นชอบ: ประเภทธรรมะ
ชื่อเล่น: หยุย
อายุ: 0
ที่อยู่: ห้วยขวาง

 ข้อมูลส่วนตัว


ในกรณีที่ว่าจะเป็นบาปหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่ที่เจตนาเป็นหลักครับ เพราะเจตนาเป็นตัวกรรมที่กำหนดเราไว้ถ้าเจตนาทำดีก็จะเป็นกรรมดี เจตนาทำชั่วก็จะเป็นกรรมชั่วครับ ส่วนในกรณีของคุณ BENZiNE นั้นยังไม่ถือว่าบาปครับเพราะไม่ได้มีเจตนาที่จะกินของที่ไปทำบุญเพราะว่าไม่รู้จริง ๆ แต่ถ้ารู้อยู่แก่ใจแล้วว่าจะต้องเอาไปทำบุญแต่แกล้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ถ้าแบบนี้ก็ถือว่าเป็นบาปครับ :b16: :b16: :b16:

.....................................................
สัตว์โลกล้วนเป็นไปตามกรรม
ทุกอย่างไม่ควรยึดถือ
อกุศลน้อยนิด อย่าคิดทำ
กุศลน้อยนิด ให้คิดทำ
ทำกุศลวันละนิด ดีกว่าคิดที่จะทำ

พระพุทธองค์ยังถูกนินทา
ประชาชนธรรมดามีหรือจะหนีพ้น

ไม่อยากทุกข์แต่ก็เป็นทุกข์ ถ้าไม่เรียนรู้ทุกข์ จะพ้นทุกข์ได้อย่างไร


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 ต.ค. 2010, 20:55 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


หากสิ่งนั้นเขาตั้งใจจะนำไปถวายวัดหรือสงฆ์ก็ตาม..สิ่งนั้นตกเป็นของสงฆ์เรียบร้อยแล้ว..แม้ของนั้นจะยังไปไม่ถึงวัดก็ตาม..ครับผม

ดังนั้นหากคุณจะกินจะใช้สิ่งที่คุณเองก็รู้ว่าไม่ได้เป้นเจ้าของ..สิ่งที่เจ้าของเขายังไม่ให้หรืออนุญาติ...ก็คิดดูแล้วกันว่าสมควรหรือไม่สมควร..บาปหรือไม่บาป

เอาละ..สิ่งที่ทำไปแล้ว..กลับไปแก้มันไม่ได้..คุณก็ทำสิ่งใหม่ที่มันตรงข้ามกับบาปซิครับ..ทำบุญเยอะ ๆ ..แม้จะล้างความผิดไม่ได้..แต่อาจรอลงอาญาใว้ก็ได้นะครับผม :b12: :b12:


แก้ไขล่าสุดโดย กบนอกกะลา เมื่อ 23 ต.ค. 2010, 20:56, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 ต.ค. 2010, 21:48 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกใหม่
สมาชิกใหม่
ลงทะเบียนเมื่อ: 23 ต.ค. 2010, 21:21
โพสต์: 4

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


บาป อกุศล .. หรือ บุญ ที่ว่าด้วย กุศล ทั้งหลายล้วนคือ กรรม ...
ซึ่ง กรรมทั้งหลาย จะสำเร็จ เป็นวิบาก รอส่งผล จะต้อง ประกอบด้วย องค์ 3 คือ 1.เจตนา 2.ลงมือกระทำ 3. ทำสำเร็จ..
...ของคุณ ก็สำเร็จ ครบทั้ง 3 ข้อ เพียงแต่ไม่มีเจตนา ประกอบกับ"วัฒนะธรรมในครัวเรือน" ก็มีการแบ่งปันกันกินโดยปกติ จึงทำให้เกิดความเข้าใจผิดขึ้น กรรมที่ไม่มีเจตนาประกอบ เป็นกรรมที่เบาบางมากครับ
และ ทีคุณกบ นอกกะลา บอกว่าของที่แค่ตั้งใจถวาย ถือเป็นของสงฆ์แล้ว ไม่ใช่นะคับ.. ลองหาดูในพระธรรมวินัยของพระได้... ครับกรรมทั้งหลาย(ทั้งกุศลและอกุศล)มี จำแนกไว้ ตามความหนักเบาอยู่ 4 จำพวก คือ 1.ครุกรรม 2.ลหุกรรม 3.อาจิณกรรม 4.กตัตตากรรม....
ข้อ 4 นี่แหละครับ คือกรรมที่ไม่มีเจตนาประกอบ
:b8:
:b12: อย่าคิดมากเลยครับคุณ BENZiNE อย่างที่คุณทำไปแล้ว ก็ผ่านไปแล้ว เราก็จำไว้นิดว่า ถ้ามีของมาฝากอีก ก็ถามหน่อยว่า ฝากไว้เพื่ออะไร ... อดีตที่ผ่านไปแล้ว ไม่ใช่สิ่งที่จะนำมาทำให้วิตกกังวล จิตที่เกาะเกี่ยว กับเรื่องใดโดยไม่ปล่อยวาง นั้นแหละคับจะทำให้ จิตเศร้าหมอง (จิตเศร้าหมอง = จิตที่เป็นอกุศล) อันนี้แหละเป็น บาปที่ส่งผลอยู่ ... แต่อดีตที่ผ่านไปแล้ว ให้เราเก็บมาเป็น บทเรียนเป็นเครื่องเรียนรู้ ไม่ให้เกิดการผิดพลาดในแบบเดิม อันนี้ จะเป็นเรื่องที่ดีกว่านะคับ .. สาธุ :b8:

ติดตามอ่าน เพิ่มเติ่มได้คับ.. http://www.selectcon.com/dharma_thepmuni_9.asp :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 ต.ค. 2010, 23:15 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


ปัจจตัง เขียน:
..และ ทีคุณกบ นอกกะลา บอกว่าของที่แค่ตั้งใจถวาย ถือเป็นของสงฆ์แล้ว ไม่ใช่นะคับ.. ลองหาดูในพระธรรมวินัยของพระได้... ครับกรรมทั้งหลาย(ทั้งกุศลและอกุศล)มี จำแนกไว้ ตามความหนักเบาอยู่ 4 จำพวก คือ 1.ครุกรรม 2.ลหุกรรม 3.อาจิณกรรม 4.กตัตตากรรม....
ข้อ 4 นี่แหละครับ คือกรรมที่ไม่มีเจตนาประกอบ
:b8:

:b12: ขออภัยคุณปัจจตัง..คุณเคยได้ยิน..เรื่องเปรตกา..ชื่อว่า..กากะเปรต..ที่คุณ BENZiNE..ว่ามามั้ยครับ

ปล. ขอแก้ความเข้าใจผิดครับ..ของตั้งใจถวาย..แต่ยังไม่ได้ประเคน..ยังไม่ถือเป็นของสงฆ์..ครับ :b8:

BENZiNE เขียน:


ครั้งนึงเคยมีพระท่านเล่าว่ามีกาอยู่ตัวนึง มันไปกินของที่เค้าตั้งใจจะถวายพระ พอมันตายก็เลยกลายเป็นเปรต ผมเองก็ไม่เข้าใจว่าทำไม กรรมต้องไปสนองอีกา เพราะมันก็แค่สัตว์จะไปรู้เรื่องรู้ราวอะไร
ฝากข้อสงสัยผมไว้ให้พวกพี่ๆ ช่วยกันตอบด้วยนะครับ ขอบพระคุณครับ


กระผมจำไม่ได้ว่า..เป็นพระโมคคัลลานะหรือเปล่า..ที่เห็นเปรตกาตนนี้..ที่เขาแห่งหนึ่ง..ท่านจึงมาเล่า..พระศาสดาก็ทรงยืนยันว่าพระองค์ก็เคยเห็น..แล้วทรงเล่าบุพกรรมของเปรตตนนี้ให้ภิกษุทั้งหลายได้ฟัง..


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 ต.ค. 2010, 00:46 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 31 พ.ค. 2009, 02:41
โพสต์: 5636

แนวปฏิบัติ: พอง ยุบ
ชื่อเล่น: เจ
อายุ: 0
ที่อยู่: USA

 ข้อมูลส่วนตัว www


เมื่อวันวิสาขบูชา ต้นปีที่ผ่านมา ได้มีโอกาสไปถือศิล
ที่วัดบนเขา...ซึ่งเป็นสวนลูกพลับ และอะโวคาโด ก็จะมีอะโวคาโด ที่หล่น
เขาจะเก็บมาวางไว้ที่โต๊ะ...เพื่อนำมาปรุงอาหาร ถวายพระและญาติโยม
เช้าวันที่สองที่อยู่ ตื่นขึ้นมาหิวมากๆ ก็เลยคว้าอะโวคาโดที่อยู่บนโต๊ะมาทาน
ด้วยความเข้าใจว่า เขาวางไว้ให้ทานได้ เพราะตัวเองมีของอะไรที่จะนำไปวางไว้
เจตนาเพื่อให้ทุกท่านหยิบทานได้เลย....

พอทานไปแล้ว.....ก็มานึกขึ้นได้ว่า...ตายหละ....เราผิดศิลหรือเปล่า?
ที่หยิบทานโดยมิได้มีใครอนุญาต แล้วที่สำคัญเป็นของวัดด้วย....
ที่นี่ก็เกิดอาการกลัวขึ้นมาจับใจเลย.....วันที่ครบกำหนดออก จึงเข้าไปกราบ
ท่านเจ้าอาวาส...แล้วสารภาพบาปไป....และก็นำเงินไปใส่กล่องโดยบอกท่านว่า
นี่เป็นค่าอะโวคาโดที่ลูกหยิบทาน โดยมิได้ขออนุญาต แต่มิได้มีเจตนา ขโมย
เพียงแต่รู้เท่าไม่ถึงการณ์ ขอให้ถือว่าเงินนี้เป็นการใช้หนี้สงฆ์...ตอนแรกที่ได้ฟัง
ท่านอุทานออกมาคำหนึ่งว่า "อ้าว..." รู้เลยว่าผิดแน่ๆ...พอบอกเจตนานำเงิน
ถวายเป็นค่าของ ท่านก็อนุโมทนา...รับ....

ไม่คิดว่าจะพ้นผิดได้...แต่ก็คิดว่า...อาจเบาบางลงได้บ้าง ตรงที่มิได้เจตนา
แล้วก็จำไว้ว่า ต้องระวังกายและใจให้มากกว่านี้ อะไรก็ตามที่ไม่แน่ใจว่า
ผิดหรือไม่...ไม่ควรทำเด็ดขาด..... :b8:

.....................................................
"มิควรหวังร่มเงาจากก้อนเมฆ"


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 ต.ค. 2010, 05:52 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
ปัจจตัง เขียน:
..และ ทีคุณกบ นอกกะลา บอกว่าของที่แค่ตั้งใจถวาย ถือเป็นของสงฆ์แล้ว ไม่ใช่นะคับ.. ลองหาดูในพระธรรมวินัยของพระได้... ครับกรรมทั้งหลาย(ทั้งกุศลและอกุศล)มี จำแนกไว้ ตามความหนักเบาอยู่ 4 จำพวก คือ 1.ครุกรรม 2.ลหุกรรม 3.อาจิณกรรม 4.กตัตตากรรม....
ข้อ 4 นี่แหละครับ คือกรรมที่ไม่มีเจตนาประกอบ
:b8:

:b12: ขออภัยคุณปัจจตัง..คุณเคยได้ยิน..เรื่องเปรตกา..ชื่อว่า..กากะเปรต..ที่คุณ BENZiNE..ว่ามามั้ยครับ
ปล. ขอแก้ความเข้าใจผิดครับ..ของตั้งใจถวาย..แต่ยังไม่ได้ประเคน..ยังไม่ถือเป็นของสงฆ์..ครับ :b8:
.

:b32: ฮ่า ฮ่า ฮ่า อยากจะเอาข้อมูลกากะเปรตของจขกท มาเอาชนะคนอื่นแต่ในนั้น
มันมีข้อมูลแย้งความเห็นตัวเองอยู่ เลยต้องแก้เกี่ยวว่า เข้าใจผิด
ผมจะบอกให้ครับ แบบนี้เขาไม่เรียกว่า เข้าใจผิดหรอกครับ
สุภาษิตเรียกว่า คน....อวดฉลาดครับ
แสดงให้รู้ว่า พูดออกมาโดยไม่รู้ไม่มีภูมิ มีอย่างเดียวคือ อวดเก่ง

พอมาเจอคนรู้จริงแบบคุณปัจจัตตังแย้งเท่านั้นแหล่ะทนไม่ไหว นิสัยเจ้าคิดเจ้าแค้น
ที่มีมาแต่กำเนิด เลยอาละวาด พยายามไปหาข้อมูลมา แต่ในสิ่งที่เอามาไม่ได้ช่วยอะไรเลย
มิหน่ำซ้ำข้อมูล ยังแสดงให้เห็น ตัวเองไม่รู้จริงเสียอีก :b9:
กบนอกกะลา เขียน:
BENZiNE เขียน:

ครั้งนึงเคยมีพระท่านเล่าว่ามีกาอยู่ตัวนึง มันไปกินของที่เค้าตั้งใจจะถวายพระ พอมันตายก็เลยกลายเป็นเปรต ผมเองก็ไม่เข้าใจว่าทำไม กรรมต้องไปสนองอีกา เพราะมันก็แค่สัตว์จะไปรู้เรื่องรู้ราวอะไร
ฝากข้อสงสัยผมไว้ให้พวกพี่ๆ ช่วยกันตอบด้วยนะครับ ขอบพระคุณครับ


กระผมจำไม่ได้ว่า..เป็นพระโมคคัลลานะหรือเปล่า..ที่เห็นเปรตกาตนนี้..ที่เขาแห่งหนึ่ง..ท่านจึงมาเล่า..พระศาสดาก็ทรงยืนยันว่าพระองค์ก็เคยเห็น..แล้วทรงเล่าบุพกรรมของเปรตตนนี้ให้ภิกษุทั้งหลายได้ฟัง..

:b4: :b9: ฮ่า ฮ่า ฮ่าอย่างเนียนเลยครับ ทำเป็นว่าเนื้อหาหรือความเห็นมาจาก
ความจำของตัวเอง ทำที่มาบอกว่า"กระผมจำไม่ได้ว่า เป็นพระโมคคัลลานะหรือเปล่า"
โอ้โห! เนียนครับเนียน อย่างหนาเลยครับ ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว

ผมจะบอกให้ครับว่า ตัวคุณน่ะไม่ได้รู้อะไรเลย แสดงความเห็นผิดตั้งแต่ต้น มีคนเข้ามาแย้ง
ก็เกิดอาการแค้นเคืองไม่ยอม เลยลงทุนไปกดหาข้อมูล แต่ในข้อมูลบอกว่าความเห็นตัวเองผิด
เลยรีบแก้เกี้ยว แก้ตัว แถมมากล่าวแบบไม่อายอีกว่า "กระผมจำไม่ได้ว่า" ทำอย่างกับว่า
มาจากความจำของตัวเอง ทั้งๆที่ตัวไปเปิดหาข้อมูลในเน็ตมา ช่างน่าไม่อายเลย :b28:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 ต.ค. 2010, 06:17 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
BENZiNE เขียน:

ครั้งนึงเคยมีพระท่านเล่าว่ามีกาอยู่ตัวนึง มันไปกินของที่เค้าตั้งใจจะถวายพระ พอมันตายก็เลยกลายเป็นเปรต ผมเองก็ไม่เข้าใจว่าทำไม กรรมต้องไปสนองอีกา เพราะมันก็แค่สัตว์จะไปรู้เรื่องรู้ราวอะไร
ฝากข้อสงสัยผมไว้ให้พวกพี่ๆ ช่วยกันตอบด้วยนะครับ ขอบพระคุณครับ

กระผมจำไม่ได้ว่า..เป็นพระโมคคัลลานะหรือเปล่า..ที่เห็นเปรตกาตนนี้..ที่เขาแห่งหนึ่ง..ท่านจึงมาเล่า..พระศาสดาก็ทรงยืนยันว่าพระองค์ก็เคยเห็น..แล้วทรงเล่าบุพกรรมของเปรตตนนี้ให้ภิกษุทั้งหลายได้ฟัง..

คุณกบครับ ผมเห็นคุณยกเรื่องกากะเปรตมาพูด ถามจริงคุณรู้เรื่องดีแค่ไหนกันครับ
คุณเอามาเปรียบกับการกระทำของจขกท ทั้งๆที่เนื้อหาหรือการกระทำแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง
ผมจะยกเรื่องกากะเปรตให้ดูนะ

"แล้วพระพุทธเจ้าก็ตรัสบุพกรรมของกากะเปรตนี้ทำบาปอะไรไว้ เรื่องมีดังนี้

ถอยหลังไปกัปนี้เองสมัยพระพุทธเจ้าทรงพระนามว่า "สมเด็จพระพุทธกัสสป" เวลานั้นบรรดาประชาชนทั้งหลายตั้งใจถวายอาหารแก่พระสงฆ์ สมัยนั้นเขาจะถวายพระองค์ไหนเขาก็รับบาตรจากท่านไป เมื่อชาวบ้านเขารับบาตรจากพระเถระไปแล้ว ก็นำอาหารที่มีรสเลิศหมายความว่าอาหารที่ทำดีแล้วใส่บาตร ในขณะที่ใส่อาหารลงไปในบาตรนั้น ยังไม่ทันจะถวายพระ ก็มีกาตัวหนึ่งจับอยู่บนยอดไม้มองเห็นอาหารในบาตรเป็นที่ชอบใจ จึงได้โฉบลงมาคาบเอากับข้าวในบาตรไปเต็มปากตามกำลังที่จะนำไปได้ แล้วก็ไปยืนกิน

พระพุทธเจ้าทรงกล่าวว่า กาทำบาปเพียงเท่านี้ เมื่อตายจากความเป็นกาก็ไปเกิดเป็นกากะเปรต มีหัวเป็นคนตัวเป็นกายาว ๒๕ โยชน์ มีไฟไหม้ก่อตัวทางหัวพุ่งไปถึงหาง ไฟไหม้ก่อตัวทางหางพุ่งมาทางหัว ไฟไหม้ก่อตัวตรงกลางลามไปทั่วตัว ต้องไหม้อยู่อย่างนี้นับเป็นพุทธันดร

และพระองค์ตรัสอีกว่า อาการที่กาขโมยอาหารเขากิน ถึงแม้ข้าวนั้นยังไม่ได้เป็นของสงฆ์คือยังไม่ได้ประเคนพระ ยังเป็นเจตนาที่จะถวายพระอยู่ก็ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ของบุญ ยังไม่เป็นอาหารของสงฆ์ จึงได้มาเกิดป็นกากะเปรตอยู่ในแดนของเปรต"

ดูจากเนื้อหาในเรื่องกากะเปรต คนได้กระทำในการใส่บาตรจนเกือบ
สำเร็จแล้วเหลือแค่ประเคนพระเท่านนั้นเอง ตั้งใจแล้วว่าจะถวายพระองค์ไหน
อาหารก็ใส่ลงไปในบาตรเรียบร้อยแล้ว เท่ากับว่ากาได้ขัดขวางการทำบุญของ
ทั้งพระและคนเรียบร้อยแล้ว


แต่ในส่วนของจขกทแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ง่ายๆและสั้นๆ
เพราะจขกทเข้าใจว่า คนอื่นฝากของกินมาให้คุณย่า
ไม่รู้ว่าให้มาใส่บาตร


คุณกบครับผมขอแนะนำหน่อย การจะพิจารณาธรรมเราต้อง
เอาธรรมอื่นมาพิจารณาควบคู่กันไปด้วย เพราะธรรมของพระพุทธเจ้าเป็น
คำสอนที่มีเหตุมีผลต่อกันทุกคำสอนครับ
การปฏิบัติตามโดยไม่พิจารณาให้ดีเสียก่อน หาใช่ธรรมของพุทธศาสนาไม่
แต่เป็นคำสอนของลัทธิอื่น ที่สอนคนให้งมงาย เอาความกลัวของคนมาเป็นหลัก
ในการสอนให้คนเชื่อฟังครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 ต.ค. 2010, 10:39 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 เม.ย. 2008, 13:18
โพสต์: 1367

ที่อยู่: bangkok

 ข้อมูลส่วนตัว


BENZiNE เขียน:
เรื่องมันมีอยู่ว่า คุณย่าของผมท่านไปฝากคุณน้าข้างบ้านให้ทำข้าวต้มมัดไว้ให้ เพื่อที่จะไปทำบุญในวันรุ่งขึ้นครับ พอคุณน้าทำเสร็จก็เลยมาฝากไว้ที่ผมบอกว่า "ฝากให้คุณย่าด้วยนะลูก" ผมเองก็ไม่รู้หรอกครับว่าเป็นขนมที่จะใช้ทำบุญก็เลยกินไป คือว่าปกติบ้านเราถ้าใครฝากอะไรมาก็ถือเป็นการแบ่งปันกัน ลูกหลานก็สามารถกินได้เป็นปกติไม่มีใครว่าครับ (บอกไว้ก่อนเดี๋ยวคิดว่าเป็นเด็กนิสัยไม่ดี 55) แต่พอคุณย่ากลับมาปุ๊บ เห็นขนมก็ถามว่ากินไปกี่ชิ้นเนี้ย ?? เท่านั้นแหละครับผมถึงเดาได้ว่าต้องเอาไปทำบุญแน่ๆ ซึ่งคุณย่าก็บอกว่าใช่ เลยอยากจะถามว่า ผมกินไปแบบนี้จะเป็นบาปไม๊ครับ ?

ไอ้ตอนกินน่ะยังไม่บาปหรอกครับ...เพราะถ้าบาปคงติดคอตายไปแล้ว :b32: :b32:
แต่มาได้บาปเอาตอนที่เดาได้ว่าต้องเอาไปทำบุญแน่ๆ ซึ่งคุณย่าก็ตอบว่าใช่

อ้างคำพูด:
แล้วขนมที่ยังมีจะนำไปถวายพระได้ไม๊ครับ ? คือว่ามันเป็นข้าวต้มมัดอ่ะครับ

ก็ถ้าไม่ได้คิดมากอะไรก็ย่อมถวายได้ครับ แต่ถ้ารู้สึกไม่สบายใจที่จะนำไปถวายก็อย่าเลยครับ :b13:

อ้างคำพูด:
ครั้งนึงเคยมีพระท่านเล่าว่ามีกาอยู่ตัวนึง มันไปกินของที่เค้าตั้งใจจะถวายพระ พอมันตายก็เลยกลายเป็นเปรต ผมเองก็ไม่เข้าใจว่าทำไม กรรมต้องไปสนองอีกา เพราะมันก็แค่สัตว์จะไปรู้เรื่องรู้ราวอะไร ฝากข้อสงสัยผมไว้ให้พวกพี่ๆ ช่วยกันตอบด้วยนะครับ ขอบพระคุณครับ


เปรียบเทียบบาปกรรมนั้นเหมือนถ่านไฟที่ยังดับไม่สนิท คนที่ไม่รู้ว่าถ่านนั้นยังร้อนอยู่แล้วเอามือไปจับย่อมต้องกำถ่านไฟนั้นเต็มไม้เต็มมือ ด้วยความไม่รู้ว่ามันร้อน แล้วก็จะต้องถูกความร้อนที่ถ่านลวกมือ ก็เปรียบเหมือนอีกาตัวนั้นที่ทำบาปกรรมไปโดยไม่รู้ว่ามันเป็นบาป ผลก็คือ ต้องไปเกิดเป็นเปรต(โดนไฟลวกมือ :b6: )

.....................................................
ตั้งสติไว้ มองความจริงตามความเป็นจริง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 ต.ค. 2010, 23:26 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


โฮฮับ เขียน:

:b32: ฮ่า ฮ่า ฮ่า อยากจะเอาข้อมูลกากะเปรตของจขกท มาเอาชนะคนอื่นแต่ในนั้น
มันมีข้อมูลแย้งความเห็นตัวเองอยู่ เลยต้องแก้เกี่ยวว่า เข้าใจผิด
ผมจะบอกให้ครับ แบบนี้เขาไม่เรียกว่า เข้าใจผิดหรอกครับ
สุภาษิตเรียกว่า คน....อวดฉลาดครับ
แสดงให้รู้ว่า พูดออกมาโดยไม่รู้ไม่มีภูมิ มีอย่างเดียวคือ อวดเก่ง


:b1: :b1: จะว่าอวดเก่ง..อวดฉลาด..พูดโดยไม่มีภูมิ..แก้เกี้ยวอะไรก็รับหมดครับ

แต่..ที่ว่า..อยากจะเอาข้อมูลกากะเปรตของจขกท มาเอาชนะคนอื่น..อันนี้..ไม่รับ..มันไม่มีในความคิดของผมครับ :b12: :b12: :b16:

อ้างคำพูด:
นิสัยเจ้าคิดเจ้าแค้น ที่มีมาแต่กำเนิด เลยอาละวาด

เป็นหมอดูตั้งแต่เมื่อไร..นี้.. :b13: :b13:

อ้างคำพูด:
:b4: :b9: ฮ่า ฮ่า ฮ่าอย่างเนียนเลยครับ ทำเป็นว่าเนื้อหาหรือความเห็นมาจาก
ความจำของตัวเอง ทำที่มาบอกว่า"กระผมจำไม่ได้ว่า เป็นพระโมคคัลลานะหรือเปล่า"
โอ้โห! เนียนครับเนียน อย่างหนาเลยครับ ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว

จำได้คร้าว ๆ ว่าเป็นอัครสาวก..แต่เดาว่าเป็นพระโมคคัลลานะเพราะท่านมีฤทธิ..จึงเป็นที่มาของข้อความว่า..

"กระผมจำไม่ได้ว่า เป็นพระโมคคัลลานะหรือเปล่า"
ที่ขยายความนี้ก็เพื่อให้เห็น..ไม่ได้กลัวผิดข้อมุสา..ก็มันไม่ได้มุสาแต่แรกแล้ว..จะกลัวอะไร..ศีล 5 อันน้อยนิดของกระผม..อยู่ครบมานานแล้ว ..แหน่ะ..ได้อวดอีกจนได้:b32: :b32: :b32:

อ้างคำพูด:
ผมจะบอกให้ครับว่า ตัวคุณน่ะไม่ได้รู้อะไรเลย แสดงความเห็นผิดตั้งแต่ต้น มีคนเข้ามาแย้ง
ก็เกิดอาการแค้นเคืองไม่ยอม เลยลงทุนไปกดหาข้อมูล แต่ในข้อมูลบอกว่าความเห็นตัวเองผิด
เลยรีบแก้เกี้ยว แก้ตัว แถมมากล่าวแบบไม่อายอีกว่า "กระผมจำไม่ได้ว่า" ทำอย่างกับว่า
มาจากความจำของตัวเอง ทั้งๆที่ตัวไปเปิดหาข้อมูลในเน็ตมา ช่างน่าไม่อายเลย :b28:

เปรตกา..นี้.."กระผมจำไม่ได้ว่า"..ฟังจากเทปหลวงพ่อฤาษี..หรือเปล่านะ....อ้าวว..จำไม่ได้..อีกแล้ว :b12: :b12: :b12:

ผมเขียนตอบคุณโฮฮับ..แบบ..มีความสุขดี..ยังงัยก็ไม่รู้.. :b12: :b12: :b12:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 ต.ค. 2010, 23:51 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 15 ก.ย. 2010, 21:59
โพสต์: 234

สิ่งที่ชื่นชอบ: ในตัวเอง
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ตอบตามความเข้าใจส่วนตัวนะครับ อย่าเพิ่งหลวมตัวเชื่อ

ผมว่า ขนมของคุณย่าคุณ ยังไม่ได้เอาไปถวายพระ และพระก็ยังไม่ได้รับประเคน
ของนั้นจึงยังไม่เป็นของสงฆ์ครับ

และคุณย่าคุณ ก็ไม่ได้ถือโทษตำหนิอะไรคุณ เพราะคุณไม่ได้ลักขโมย แต่ถือวิสาสะโดย
ความสนิทแห่งญาติ และตามนิสัยที่ไม่ยอมถามก่อนค่อยทาน

ถึงแม้ว่าคุณย่าคุณ จะตั้งใจเอาขนมไปถวายพระ ซึ่งคุณดันรับประทานไปแล้วบางส่วน
แต่ขนมในส่วนที่คุณไม่ได้ทานก็สามารถนำไปถวายได้ ถ้าคุณไม่กินซะหมดคนเดียวก่อน
เพราะข้าวต้มมัด เป็นขนมที่แยกเป็นชิ้นๆชัดเจน จึงไม่ใช่ของเหลือเดน หากจะนำไปถวาย

:b1: :b1: :b1:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 ต.ค. 2010, 00:29 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


โฮฮับ เขียน:
ดูจากเนื้อหาในเรื่องกากะเปรต คนได้กระทำในการใส่บาตรจนเกือบ
สำเร็จแล้วเหลือแค่ประเคนพระเท่านนั้นเอง ตั้งใจแล้วว่าจะถวายพระองค์ไหน
อาหารก็ใส่ลงไปในบาตรเรียบร้อยแล้ว เท่ากับว่ากาได้ขัดขวางการทำบุญของ
ทั้งพระและคนเรียบร้อยแล้ว


แต่ในส่วนของจขกทแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ง่ายๆและสั้นๆ
เพราะจขกทเข้าใจว่า คนอื่นฝากของกินมาให้คุณย่า
ไม่รู้ว่าให้มาใส่บาตร


ท่าน จขกท ..จะไม่บาปก็ดีแล้วครับ

แต่เรื่องของกา..ผมว่า..ตอนที่มันจะลงมากินข้าว..มันก็ไม่รู้ว่า..ข้าวเขาทำบุญ..ข้าวเขาใส่บาตร..และมันคิดจะขัดขวางบุญของใคร..

คุณโฮฮับ..คิดว่ามันรู้มาก่อนไหมครับ???
อ้างคำพูด:
คุณกบครับผมขอแนะนำหน่อย การจะพิจารณาธรรมเราต้อง
เอาธรรมอื่นมาพิจารณาควบคู่กันไปด้วย เพราะธรรมของพระพุทธเจ้าเป็น
คำสอนที่มีเหตุมีผลต่อกันทุกคำสอนครับ



:b8: :b8: น้อมรับคำแนะนำครับ..
ในกรณีนี้..ใช้ธรรมอื่น..อันไหนมาพิจารณาควบคู่..ละครับ..ช่วยบอกหน่อย..อย่าสวยแต่โวหารซิ..

ส่วนที่ท่านคิดว่า..
เพราะจขกทเข้าใจว่า คนอื่นฝากของกินมาให้คุณย่า..ไม่รู้ว่าให้มาใส่บาตร ..ผมว่ามันตรงกับเรื่องเปรตกา..มากกว่า..สะอีก


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 ต.ค. 2010, 10:09 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
โฮฮับ เขียน:
ดูจากเนื้อหาในเรื่องกากะเปรต คนได้กระทำในการใส่บาตรจนเกือบ
สำเร็จแล้วเหลือแค่ประเคนพระเท่านนั้นเอง ตั้งใจแล้วว่าจะถวายพระองค์ไหน
อาหารก็ใส่ลงไปในบาตรเรียบร้อยแล้ว เท่ากับว่ากาได้ขัดขวางการทำบุญของ
ทั้งพระและคนเรียบร้อยแล้ว


แต่ในส่วนของจขกทแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ง่ายๆและสั้นๆ
เพราะจขกทเข้าใจว่า คนอื่นฝากของกินมาให้คุณย่า
ไม่รู้ว่าให้มาใส่บาตร


ท่าน จขกท ..จะไม่บาปก็ดีแล้วครับ

แต่เรื่องของกา..ผมว่า..ตอนที่มันจะลงมากินข้าว..มันก็ไม่รู้ว่า..ข้าวเขาทำบุญ..ข้าวเขาใส่บาตร..และมันคิดจะขัดขวางบุญของใคร..

คุณโฮฮับ..คิดว่ามันรู้มาก่อนไหมครับ???
อ้างคำพูด:
คุณกบครับผมขอแนะนำหน่อย การจะพิจารณาธรรมเราต้อง
เอาธรรมอื่นมาพิจารณาควบคู่กันไปด้วย เพราะธรรมของพระพุทธเจ้าเป็น
คำสอนที่มีเหตุมีผลต่อกันทุกคำสอนครับ



:b8: :b8: น้อมรับคำแนะนำครับ..
ในกรณีนี้..ใช้ธรรมอื่น..อันไหนมาพิจารณาควบคู่..ละครับ..ช่วยบอกหน่อย..อย่าสวยแต่โวหารซิ..

ส่วนที่ท่านคิดว่า..
เพราะจขกทเข้าใจว่า คนอื่นฝากของกินมาให้คุณย่า..ไม่รู้ว่าให้มาใส่บาตร ..ผมว่ามันตรงกับเรื่องเปรตกา..มากกว่า..สะอีก

ก็นี่ไงล่ะครับผมถึงบอกให้เอาธรรมอีกมาพิจารณาควบคู่ไปด้วย
ไอ้ลักษณะแบบคุณ ชาวบ้านเขาว่าไม่ได้วิจารณญาณในการพิจารณา
หรืออีกนัยถึงคือ มักง่ายครับ

คุณกบครับ คุณจะนึกคิดเอาเองว่ากามันไม่รู้ได้ไง ถ้าคิดแบบคุณ
พระไตรปิฎกจะบัญญัติเนื้อหาให้มันยืดยาวเสียเวลาทำไม
ในเนื้อหาต่างๆที่กล่าวถึงพระ ถึงบาตร ถึงข้าวที่ใส่บาตรเพื่อรอประเคน
สิ่งเหล่านี้ล้วนกำหนดระดับบาปบุญคุณโทษของกา มิหน่ำท่านยังบอกว่า
ถ้าประเคนพระแล้วโทษจะหนักกว่านี้

การจะคิดหรือให้ความหมายเราต้องเข้าใจไปตาม ผู้ที่บัญญัติคำๆนั้น
คำว่าอีกา เมื่อถูกกล่าวถึง ใครๆย่อมรู้ได้ว่ามันขี้โขมย ที่เขายกอีกามา
เพื่อจะกล่าวเปรียบเทียบถึงการโขมย
แล้วที่สำคัญเขา ไม่ได้จะเอาเรื่องกากะเปรตมาเพื่อสอนอีกา คุณถึงอ้างว่ามันไม่รู้
เขาเอามาเพื่อสอนคน เพื่อให้รู้ถึงลักษณะการโขมยแบบไหน จะมีโทษอย่างไร
ฉะนั้นที่คุณบอกว่ากาไม่รู้ ผมว่าเป็นตัวคุณนั้นแหล่ะที่ไม่รู้


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 ต.ค. 2010, 20:59 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


โฮฮับ เขียน:

ก็นี่ไงล่ะครับผมถึงบอกให้เอาธรรมอีกมาพิจารณาควบคู่ไปด้วย
ไอ้ลักษณะแบบคุณ ชาวบ้านเขาว่าไม่ได้วิจารณญาณในการพิจารณา
หรืออีกนัยถึงคือ มักง่ายครับ

คุณกบครับ คุณจะนึกคิดเอาเองว่ากามันไม่รู้ได้ไง ถ้าคิดแบบคุณพระไตรปิฎกจะบัญญัติเนื้อหาให้มันยืดยาวเสียเวลาทำไม
ในเนื้อหาต่างๆที่กล่าวถึงพระ ถึงบาตร ถึงข้าวที่ใส่บาตรเพื่อรอประเคน
สิ่งเหล่านี้ล้วนกำหนดระดับบาปบุญคุณโทษของกา มิหน่ำท่านยังบอกว่า
ถ้าประเคนพระแล้วโทษจะหนักกว่านี้

การจะคิดหรือให้ความหมายเราต้องเข้าใจไปตาม ผู้ที่บัญญัติคำๆนั้น
คำว่าอีกา เมื่อถูกกล่าวถึง ใครๆย่อมรู้ได้ว่ามันขี้โขมย ที่เขายกอีกามา
เพื่อจะกล่าวเปรียบเทียบถึงการโขมย
แล้วที่สำคัญเขา ไม่ได้จะเอาเรื่องกากะเปรตมาเพื่อสอนอีกา คุณถึงอ้างว่ามันไม่รู้
เขาเอามาเพื่อสอนคน เพื่อให้รู้ถึงลักษณะการโขมยแบบไหน จะมีโทษอย่างไร
ฉะนั้นที่คุณบอกว่ากาไม่รู้ ผมว่าเป็นตัวคุณนั้นแหล่ะที่ไม่รู้


:b32: :b32: ตกลงท่านโฮฮับ..คิดว่า..กามันรู้หรือไม่รู้หนอ

เนื่องจากไม่มีตรงไหนที่ท่านโฮฮับ..เขียนมาตรง ๆ ..ว่ารู้หรือไม่รู้
แต่..จากข้อความนี้..

คุณจะนึกคิดเอาเองว่ากามันไม่รู้ได้ไง ถ้าคิดแบบคุณ

กระผมก็ต้องคิดเอาเองอีกว่า..ท่านโฮฮับ..จะบอกว่า..กามันรู้..ว่านี้เป็นข้าว..นี้เป็นบาตร..ข้าวในบาตรนี้เขาทำบุญ..

ท่านโฮฮับ..คิดเช่นนี้..ใช่มั้ยครับผม??..ช่วยยืนยันหน่อยว่าถูกไม่ถูกอย่างที่ท่านคิดยังงัย??
:b16: :b16: :b16:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ต.ค. 2010, 05:53 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
โฮฮับ เขียน:

ฉะนั้นที่คุณบอกว่ากาไม่รู้ ผมว่าเป็นตัวคุณนั้นแหล่ะที่ไม่รู้


:b32: :b32: ตกลงท่านโฮฮับ..คิดว่า..กามันรู้หรือไม่รู้หนอ

เนื่องจากไม่มีตรงไหนที่ท่านโฮฮับ..เขียนมาตรง ๆ ..ว่ารู้หรือไม่รู้
แต่..จากข้อความนี้..

คุณจะนึกคิดเอาเองว่ากามันไม่รู้ได้ไง ถ้าคิดแบบคุณ

กระผมก็ต้องคิดเอาเองอีกว่า..ท่านโฮฮับ..จะบอกว่า..กามันรู้..ว่านี้เป็นข้าว..นี้เป็นบาตร..ข้าวในบาตรนี้เขาทำบุญ..

ท่านโฮฮับ..คิดเช่นนี้..ใช่มั้ยครับผม??..ช่วยยืนยันหน่อยว่าถูกไม่ถูกอย่างที่ท่านคิดยังงัย??
:b16: :b16: :b16:

ผมจะบอกให้นะครับไม่ว่าเราจะคิดในแง่ตรรกะหรือโยนิโสฯ โดยพิจารณาจากเนื้อหาย่อมต้อง
รู้ได้เลยว่า ผู้ที่เรียบเรียงหรือบัญญัติเรื่องนี้ มันก็เพื่อสื่อให้คนได้รู้แล้วไม่ทำ
ลักษณะการอธิบายความของเรื่อง ทุกอย่างมันก็เป็นเนื้อหาที่อยู่ในเหตุการณ์เดียวกัน
บรรยายถึงสิ่งแวดล้อมในเวลานั้น ซึ่งโดยธรรมชาติแล้วการบรยายแบบนี้ เป็นลักษณะของการ
บ่งบอกเสริมให้ประธานของเรื่องคืออีกา เขาต้องการสื่อให้ว่าอีกามันรู้ถึงสภาพแวดล้อมนั้นๆ
แต่ถ้าเขาจะให้เราคิดว่าอีกาไม่รู้ เขาจะกล่าวเน้นไว้เลยครับ
นี้เป็นหลักของการสื่อความหมาย ในพระไตรปิฎก


ผมถามว่าถ้าเรื่องมันอยู่ในพระไตรปิฎก คุณเชื่อในพระไตรปิฎกมั้ย
ถ้าเชื่อ คุณก็ต้องเชื่อเลยว่า อีกามันรู้ครับ
เพราะเรื่องทั้งหมดในพระไตรปิฎก เขาสอนคนให้รู้ เมื่อรู้แล้วอย่าทำครับ


ผมจะบอกให้นะครับว่าการที่คุณ เข้าใจว่า อีกามันไม่รู้
ก็เพราะ คุณไปเอาเรื่องในพระไตรปิฏก มาตีความของคุณเองในโลกปัจจุบัน
เรื่องในพระไตรปิฎกก็ต้องตีความแบบพระไตรปิฎก เรื่องในโลกปัจจุบันก็ต้องตีความแบบ
โลกปัจจุบัน อย่างนี้เขาเรียกว่า ขาดความเข้าใจในการอ่าน ลักษณะแบบนี้ทำสมาธิ
ทำวิปัสสนายากหรือไม่ได้เอาเลยครับ เพราะใจไม่อยู่กับสิ่งตรงหน้า
หรืออยู่กับปัจจุบันในสิ่งที่เห็นที่รู้ ชอบเอามาผสมปนเป คิดเองเออเองครับ


ผมเห็นคุณหรือคนในนี้ชอบคุยกันถึงเรื่องศีล ทำไมคุณไม่เข้าใจหลักหรือ
ครอบข่ายของศีลเลยหรือ ว่าอย่างไหนผิดอย่างไหนถูก ถ้าคุณยังไม่รู้เรื่องนี้
ซึ่งเป็นหลักเบื้องต้นแห่งการทำบาปผมว่าเลิกคุยเรื่องที่มันเกินไปจากนี้ดีกว่า

ผมเขียนผมอธิบายจนหมดแล้ว คุณก็ยังถามซ้ำแบบเซ้าซี้ตีรวน
ตั้งแต่คุยกับคุณมาผมยังไม่ได้รับประโยชน์อะไรจากคุณเลย
ทำไมคุณไม่แสดงเหตุผลที่เป็นประโยชน์ต่อคนอื่นบ้างครับ
ไอ้อาการที่เอาคำอธิบายความของอีกฝ่าย มาถามกลับแบบยียวนตีรวน
ผมว่าเลิกเถอะครับ มันไม่เกิดประโยชน์อะไรสำหรับคุณและผม
เราเอาเหตุผลมาคุยมาถกกันดีกว่านะครับ ผมขอล่ะ



ขอเพิ่มเติมเพื่อความกระจ่างหน่อย คุณกบครับ
การที่คุณบอกว่า อีกามันต้องรับบาปกรรมที่กระทำทั้งๆที่มันยังไม่รู้
แล้วถ้าเราลองคิดในแง่กลับกันล่ะครับว่า อีกาลงมากินข้าวในบาตร
แต่พระและโยมมาเห็นเข้า แต่ด้วยทั้งสองมีความเมตตาสัตว์
ทั้งสองไม่ถือโกรธกลับมีความเบิกบานที่จะได้ช่วยให้อีกาได้กินข้าวในบาตร
และมีความปรารถณาที่จะได้รับอานิสงค์ในครั้งนี้

คุณว่าอีกายังต้องรับกรรมเป็นเปรตมั้ยครับ (อย่าลืมนะคิดในแง่ที่บอกว่าอีกาไม่รู้)


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กระทู้นี้ถูกล็อก คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความ หรือ ตอบกลับในกระทู้นี้  [ 94 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2, 3, 4, 5 ... 7  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 61 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร