ลานธรรมจักร
http://dhammajak.net/forums/

โกรธได้แต่.....ไหวตัวทัน?
http://dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=1&t=36124
หน้า 1 จากทั้งหมด 1

เจ้าของ:  ปลีกวิเวก [ 05 ม.ค. 2011, 15:09 ]
หัวข้อกระทู้:  โกรธได้แต่.....ไหวตัวทัน?

สวัสดีค่ะ เพื่อน ๆ สมาชิก
พอดีอ่านแล้วง่ายต่อการทำความเข้าใจเลยเก็บมาฝากเพื่อน ๆ ค่ะ

โกรธได้...แต่ต้องไหวตัวทัน


บทความดีๆจากเวบแสงดาวส่องทางครับ
________________________________________


ตั้งแต่เริ่มเขียนบล็อกบอกเล่าเรื่องวิปัสสนามาสองสามปี

กลุ่มผู้อ่านที่มีคำถามมาถึงผมบ่อยที่สุดกลุ่มหนึ่งคือ กลุ่มคนที่โทสะแรง

กลุ่มนี้มักจะพบปัญหาว่า เวลาที่โกรธใคร แม้จะรู้สึกถึงแรงดันที่หน้าอก

หรือรู้ตัวว่ากำลังโกรธใครอยู่ แต่มันไม่ดับทันที เลยสงสัยว่าทำอะไรผิดหรือเปล่า

หลายท่านเล่าว่าพอรู้ทันว่าโกรธปุ๊ป ก็รีบหายใจเข้ายาวๆลึกๆ ก็รู้สึกดีขึ้นแต่ไม่หาย

และก็รู้สึกว่าได้เอาความโกรธนั้นไปสะสมเอาไว้ข้างในไม่ใช่สักแค่รู้แล้วหายไป

อันนี้เล่าให้ฟัง เผื่อบางท่านที่เริ่มหัดภาวนาแล้วเป็นคนขี้โมโห โทสะแรง

ขั้นแรก ขอแนะนำให้ตั้งเป้าหมายในการภาวนาให้ถูกก่อน ว่าจะทำเพื่อประโยชน์อะไร

ถ้าจะเอาชนะความโกรธ ก็ต้องเจริญสมถะ เช่นเอาความคิดดีๆ มาปลอบตัวเอง

หรือรีบเอาสติมารู้ลมหายใจ มาภาวนาพุทโธ นับหนึ่งถึงสิบ ตั้งสติเอาน้ำเย็นเข้าลูบ

หรือเอาเจตนาจะรักษาศีล มาเป็นตัวช่วย ไม่ให้มันเกินเลย

ถามว่าผิดไหม ไม่ผิดครับ ดีไหม ดีครับ แต่ถูกและดีในแบบของสมถะนะ

เพราะสำหรับนักเรียนวิปัสสนา เราไม่ได้ภาวนาเพื่อเอาชนะ

แต่ภาวนาเพื่อเรียนรู้จากความโกรธนั่นแหละ

ที่บอกกันว่าให้คอยรู้สึกตัว เช่นความโกรธผุดขึ้นในใจ ก็ให้รู้นั้น

เราไม่ได้ต้องการอะไร นอกจากคอยมีสติรู้ทุกสิ่งอย่างที่มันเป็น

ไม่ได้ต้องการให้เป็นคนดี ๒๔ ชม. นะครับ

ร้ายก็ได้ แต่แน่นอนว่าต้องไม่ชั่ว

ไม่ได้ต้องการเห็นแต่ความสุขนะครับ

ทุกข์ก็ได้ แค่อย่าไปช่วยมันคลุกเคล้าอยู่ในทุกข์ แต่แค่รู้ว่าทุกข์อยู่

ไม่ได้ต้องการให้มันสงบ มันจะฟุ้งซ่านก็ได้

แต่ไม่ไปช่วยมันคิดปรุงความฟุ้งต่อ แค่รู้ทันว่าจิตมันฟุ้งอยู่

ที่บอกว่าไม่ได้รู้สึกตัวเพื่อ ให้สุข ให้สงบ ให้ดี แบบจุดมุ่งหมายของสมถะ

เพราะปลายทางของวิปัสสนานั้น เราต้องการทำลายความยึดมั่นในกาย ในจิต

ต้องการทำลายความเห็นผิดว่า กายนี้ ใจนี้ เป็นของเรา เป็นของดี ของวิเศษ

โดยเหตุที่เรายังมีทุกข์กันอยู่ก็เนื่องจากยังเห็นผิดว่า

กายนี้ ใจนี้ เป็นของเที่ยงแท้ เป็นสุขและบังคับได้

พอมันไม่เที่ยงแท้ไม่คงทน มันเปลี่ยนแปลง เพราะมีทุกข์มาบีบเค้น

แล้วเราบังคับไม่ได้ เราก็ไม่ชอบใจ แล้วก็ดิ้นรน แล้วก็ทุกข์

หลักการของวิปัสสนา เราจึงต้องการเรียนรู้จักตัวเอง

เพื่อพิสูจน์สิ่งที่พระพุทธเจ้าท่านว่า กายนี้ ใจนี้

มันเป็นของไม่เที่ยง มันเป็นทุกข์ มันบังคับไม่ได้หรอกนะ

จิตมันโกรธ มันก็โกรธเอง เพราะมีเหตุ ไม่ใช่เพราะเราไปสั่งให้มันโกรธ

เวลามันจะดับ มันก็ดับเอง เพราะเหตุแห่งความโกรธมันดับ ไม่ใช่เพราะเราสั่งมันได้

แต่ส่วนมากที่ไปรู้ทันความโกรธ มักจะพลาดตรงที่ไม่ได้คอยรู้ต่อไปอีก

เช่น โกรธแล้วไม่ชอบความโกรธ เห็นแรงดันขึ้นมาที่กลางอกก็จริง

แต่ส่วนที่จิตมันรังเกียจความโกรธ อยากหาย อยากเป็นคนดี อันนี้มักจะไม่เห็น

ฉะนั้น คนที่ทุกข์เพราะโกรธไปเรียบร้อยแล้ว

โอกาสจะรู้สึกตัวแล้วความโกรธดับจึงน้อยครับ

เพราะจะมีโทสะ ความไม่ชอบจิตที่โกรธไปแล้ว

หรือความอยาก เกิดตามมาซ้อนกันเป็นชั้นๆ

แต่ที่บอกว่า เวลาสติตัวจริงเกิดแล้วความโกรธดับ

เพราะสติตัวจริงมันทำงานอัตโนมัติ ว่องไวมาก

พอกระบวนการของความโกรธเริ่มจะก่อตัว

สติมันทำงานปุ๊บ เชื้อของโทสะไม่มี

ความโกรธที่ทำท่าจะลุกฮือ จึงดับลง

เพราะไม่มีเชื้อของโทสะ คือความหลง(คิด)มาให้มันจุดติด

ครั้งหน้า ถ้าโกรธอีก ลองสังเกตลงไปอีกนะครับว่า

ตอนที่จิตเห็นจิตมันโกรธ แล้วมันมีปฏิกิริยาอย่างไร

มันชอบ หรือไม่ชอบ มันสบายหรืออึดอัด มันสุขหรือมันทุกข์ รู้ลงไปนะ

จะบอกเคล็ดลับให้ว่า เวลาเราโกรธ เราโกรธทีละแว๊บนะ

ที่เราเห็นมันยืนยาวอยู่ เพราะเหตุของความโกรธมันยังมีอยู่

สังเกตดูก็ได้ว่าความโกรธ มันจะมาเป็นระลอกๆ เหมือนคลื่น

เหมือนเวลาไฟไหม้มันก็ไม่ได้ไหม้พรึ่บทีเดียวทั้งตึก

มันค่อยๆลามไปไหม้ของทีละชิ้นสองชิ้น ทีละตารางนิ้วๆ ทีละห้อง ทีละชั้น

ฉะนั้น ไอ้ที่มันโกรธ มันไหม้ไปแล้วช่วยไม่ได้

อย่ามัวแต่ไปเสียดายอดีต อย่ารังเกียจมัน อย่าคิดมาก

ให้อยู่กับปัจจุบัน รู้ทันความคิด รู้ทันความรู้สึก รู้ทันความอยาก

ยิ่งอยากหายโกรธ จะยิ่งไม่หาย

แต่ถ้าหมดอยากเพราะรู้ทันว่าอยากนั่นแหละจะหาย

ฟังดูแล้วอาจจะงงๆสักนิด แต่ก็อีกเหมือนกันนะ

งง ก็แค่รู้ว่างง แล้ววันนึงจะเข้าใจเอง

อ่อ.. ครูบาอาจารย์ท่านสอนมาว่า ให้รู้ทันความโกรธ ด้วยใจที่เป็นกลาง

เพราะความโกรธ ก็สอนธรรมะเราเท่าๆกับ กุศล ตัวอื่นๆ

สิ่งที่น่ากลัว ไม่ใช่ความโกรธ แต่คือการไหลไปกับความโกรธ คือขาดสติไป

กับการไปกดข่มเพ่งบังคับไว้ เพราะกลัวจะไม่ดี แล้วก็ไม่เกิดสติ ไม่เดินปัญญา

ตรงกันข้าม ผู้ภาวนาขี้โมโหที่คอยเห็นปรากฏการณ์โทสะได้ถูกหลัก

คือรู้ทันความรู้สึกที่เกิดขึ้น ณ ปัจจุบัน อย่างเป็นกลาง

กลับจะได้ประโยชน์มากมายจากความขี้โมโหของตัวเอง

รู้เคล็ดลับแบบนี้แล้ว หวังว่าคุณผู้อ่านขี้โมโหทั้งหลาย

จะภาวนาอย่างสบายใจขึ้นครับ

วิปัสสนาฝึกได้ ง่ายนิดเดียว จริงๆนะครับ
ที่มา http://www.dlitemag.com/index.php?optio ... &Itemid=59

เจ้าของ:  กบนอกกะลา [ 05 ม.ค. 2011, 22:14 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: โกรธได้แต่.....ไหวตัวทัน?

จิตนี้มันต้องการเหตุผล...

เมื่อเข้าใจเหตุผลที่แท้จริงแล้ว..

มันก็ไม่เป็นอะไรต่ออะไรไปอีก..

หน้าที่เรา..ต้องค่อย ๆ ให้เหตุผลกับมัน..

จนมัน..รู้ได้ตัวของมันเอง

เจ้าของ:  ทักทาย [ 06 ม.ค. 2011, 04:49 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: โกรธได้แต่.....ไหวตัวทัน?

สาธุค่ะ :b8:

เจ้าของ:  student [ 09 ม.ค. 2011, 06:19 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: โกรธได้แต่.....ไหวตัวทัน?

ความโกรธที่มีเหตุมาจากโทษะ โมหะ

มีผลทำให้ใจร้อนรน ว้าวุ่น คับอกคับใจ ทนต่อสัญญาที่มากระทบได้ยาก

ทำให้มีผลต่อร่างกายที่ปรากฎชัดเจนคือ ร้อนและแน่นหน้าอก ปวดศรีษะ

จากประสบการ์ณที่เรานั่งสมาธิเป็นประจำทุกๆวัน จะส่งผลให้ตัวเราเองมีอารมณ์ที่เยือกเย็น รับสัญญาที่มากระทบได้ด้วยใจที่เป็นกลาง และเข้าใจกระแสแห่งโลกชัดเจนขึ้น

มีผลเป็นรูปประธรรมที่สังเกตุได้นั่นคือ ความร้อนและแน่นหน้าอกจะหายไป อาการปวดศรีษะหายไป

ปัญญาที่เกิดก็เกิดตามอัฐภาพที่เรานั่งสมาธิ มากน้อยก็ยังทำให้เรามีความสุขสงบขึ้นแน่นอน

เป็นประสบการ์ณที่เกิดกับผมจริงครับ

เจ้าของ:  กบนอกกะลา [ 10 ม.ค. 2011, 00:37 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: โกรธได้แต่.....ไหวตัวทัน?

ตอนสมาธิดี ๆ นี้นะ..โกรธก็ไม่โกรธ..กามราคะก็เงียบสนิท..ยังกับพระอนาคามีเลยนิ..

แต่..ไม่ใช่

เชื้อยังมีอยู่..มารู้สึกตัวก็ตอนมันผุดขึ้นมาอีกครั้งนั้นแหละ..อ่อ..หินทับหญ้ามันเป็นอย่างนี้นี่เอง

ลองออกทางปัญญาดู..(ตามทฤษฎี..ออกทางปัญญาขณะมีกำลังของสมาธิ)

เวลาที่โกรธ..ลองให้เหตุผลมันดูซิว่า..

ทำไม..เราจึงโกรธ

ทำไม..เราถึงต้องโกรธ

ทำไม..เรายังโกรธ

จะเห็นปลายลูกศรของทุกเหตุผลพุ่งมาลงที่..เพื่อกายนี้..ทั้งนั้น
(อยากจะบอกว่า..ทั้งความโลภ..ความโกรธ..ความหลง..ก็เพราะกายนี้)

และ..ก็ตามทฤษฎี..อีกนั้นแหละ..

ทำลายความยึดมั่นในร่างกายนี้ซะอย่างเดียว..ก็ทำลายกิเลสได้ทั้งหมด

หน้า 1 จากทั้งหมด 1 เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group
http://www.phpbb.com/